อดเที่ยวดอกเจ้า ชีวาวาย

ไปเดินเล่นฮาราจูกุดีก่า / tsukiakari funwari ochitekuru yoru


แต่ไม่ลงรถที่ฮาราจูกุนะ
ไปลงที่ Omote-sando ดีกว่า
แล้วออกตรงทางออกที่เขียนว่า Omote Sando Street
ออกมาแล้วมองหา 4 แยกที่มีมุมนี้




แต่ยังไม่ข้ามไป เลี้ยวขวาเข้าซอยไปเก็บรูปตึกป้าดาก่อน



เก็บแต่รูปตึก ของข้างในไม่มีปัญญาเก็บ ฝากไว้ที่เดิมยังงั้นแหละ




เก็บเสร็จก็ย้อนกลับมาสี่แยกเมื่อกี๊ ข้ามได้




เจออันนี้ซ้ายมือ ถ่ายไว้ได้รูปเดียว



ต่อจากนี้ ก็เดินแวะเข้า เวียนออก จนลืมถ่ายรูปอีกตามเคย
ถนนนี้ไม่ยาวมากนัก แต่ร่มรื่น ทางเท้ากว้างขวาง เดินสบาย
2 ข้างทาง เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย อาทิ Gucci, Dior, LV,etc
ร้านขายของที่ระลึก คาเฟ่ เก๋ๆ เครื่องสำอางค์ ฯลฯ

เดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาสุดที่สี่แยกอีกครั้ง



จากแยกนี้ข้ามถนนแล้วเราก็เดินไปทางขวา มาโดนเจ้านี่ดักไว้ก่อนทางซ้ายมือ



ร้านเครปจะอยู่ตรงหัวมุมถนน ทาเคะชิตะ พอดี ไม่รู้วันนี้ จะยังอยู่ที่เดิมรึเปล่า



จริงๆก็ไม่น่าจะเรียกถนน เพราะมันเป็นซอยเล็กๆเท่านั้นเอง



เต็มไปด้วยสินค้าวัยรุ่น



มีวัยรุ่นเป็นผู้ซื้อ



มีวัยรุ่นเป็นผู้ขาย



และมีเราแก่ที่สุดในซอย



ท็อฟฟี่ยักษ์






มาถึงกลางซอย ก็จะเจอเครปเจ้าดัง 2 เจ้า ตั้งประชันกัน ซ้าย ขวา



คิดถึงเครป หมูหยอง พริกเผาบ้านเรามากกว่าแฮะ




มองไปข้างหน้า เห็นเนินต้นไม้จาก Yoyogi Park



หน้าพาร์คก็จะเป็นสถานี ฮาราจูกุ
แต่ยังไม่กลับ ช็อปปิงก่อน







สุดทางรัก ฮาราจูกุ
ไม่ได้ของซักอย่าง
นอกจากเครปเพิ่มขนาดพุง



ไม่มีสาระเลยแฮะ บล็อกนี้
ดูรูปไปเพลินๆแล้วกันนิ
รูปสุดท้าย เอามาฝาก





 

Create Date : 24 เมษายน 2552   
Last Update : 28 มีนาคม 2560 20:42:19 น.   
Counter : 2050 Pageviews.  

ราเมน อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น

เปล่า ! ... ไม่ได้พูดเองนะ ป้ายเขาว่าอย่างนี้นิ




Nihon Ichi ที่ 1 ในญี่ปุ่น ราเมนน้ำซุปกระดูกหมู หืม น่าสน น่าสน
มองขึ้นไปอีกหน่อย โอ้โฮ กระดูกหมูของแท้ แน่นอน
เล่นมายืนเคี่ยวน้ำซุปเองเลยนิ




ป้ายหน้าร้าน สีสันสดใส กินไรดีหว่า




ราเมนหมูย่าง อ๊ะจึ๊ย สั่งไม่เป็น ถ่ายรูปแล้วเข้าไปเปิดให้คนขายดู




อีกชาม เอาเป็น ราเมนแห้ง
วิธีสั่ง เหมือนเดิม ถ่ายรูป แล้วไปเปิดให้คนขายดู
พร้อมกับย้ำว่า จี๊ซั่ยนะจ๊ะ มาชามใหญ่ เด๋วหนูกินไม่หมด




ปรากฎว่า....
คนขายหล่อมั่กๆฮ่า
เลยได้แต่ก้มหน้า ก้มตา ถ่ายรูป ไม่กล้าเงยหน้าอ่า
หนูขี้อายยยย
ดูโต๊ะไปละกัน




ดูผักดอง ของแกล้ม








ดูแม่หนู




ดูการตกแต่งกำแพงร้าน




ดูเก้าอี้




ราเมนมา

กิน กิน กิน

อื้ม อร่อย จริงๆแหละ

ทั้งสองแบบที่สั่งเลย

บรรยายไม่ถูก

อร่อยจนลืมถ่ายรูปอ่ะ คิดดู


มารู้สึกตัวอีกที ก็เดินออกมาแล้ว
อ้าว ลืมถ่ายรูปนี่หว่า ตรู




ซะงั้น

เอาเป็นว่า บอกทาง แล้วลองไปพิสูจน์รสชาติกันเองนะจ๊ะ

JR Yamanote ลงที่ Takadanobaba ออกทางออกที่ 4 เดินไปทางซ้ายมือ สังเกตุร้าน tsutaya เดินเลยไปหน่อย ก็จะเจอร้านอยู่ซ้ายมือจ้า

สถานีนี้ สามารถไป Waseda Dai ได้ จึงเต็มไปด้วยนักศึกษา

ร้านสะดวกซื้อแถวนี้ ก็จะเน้นขายอาหารสำเร็จเยอะมาก

เยอะขนาด เดินเข้า 7-11 แล้วตกใจ
เพราะพื้นที่ขายอาหารสำเรีจรูปอย่างเดียวก็ล่อพื้นที่ไปซะเกือบจะ 3ใน4 ของร้าน

เที่ยวหน้ามาหาที่นอนแถวนี้ดีกว่าเรา ของกินเยอะดี




 

Create Date : 23 เมษายน 2552   
Last Update : 28 มีนาคม 2560 20:43:04 น.   
Counter : 1180 Pageviews.  

พาสาว'รมณ์ดี ตามหนุ่ม'รมณ์ดี ไปดูการ์ตูน / moving



การ์ตูนที่ว่าก็คือ พิพิธภัณฑ์การ์ตูนอนิเมชั่น ที่ญี่ปุ่นเค้าเรียกว่า Anime นั่นเอง ที่เราจะไปนี่ชื่อว่า Suginami Animation Museum
เข้าเว็บที่ลิงค์ได้เลย

ส่วนหนุ่ม'รมณ์ดีที่ว่าก็คือคุณ NumAromDee แห่งห้อง Blueplanet ค่ะ
ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้

วิธีไปเริ่มต้นที่สถานี ชินจูกุ จับสาย JR จูโอ ที่จะไปมิตะกะ สายเดียวกับวันที่ไป สตูดิโอจิบลิ แต่คราวนี้ลงป้ายที่ 6 สถานี โอะกิคุโบะ

หรือจะนั่งซับเวย์สายสีแดง มารุโนะอุจิก็ได้ สายนี้จะสุดป้ายที่ โอะกิคุโบะ

พอไปถึงโอะกิคุโบะแล้ว ผ่านช่องตรวจตั๋วออกมา ก็จะพบว่าเรายืนอยู่บนชั้น 2 และ มี 2 ทางให้เลือกไป ซ้าย กับ ขวา

ถ้าเดินไปทางซ้าย มองลงไปข้างล่างก็จะเห็นป้ายรถเมล์ จอดเรียงกันเป็นแถว
ถ้ามองทางขวา จะเจอห้าง Lumine อยู่ติดสถานี ให้ออกมาทางนี้

เดินลงไปข้างล่างเจอ Mc Donald และสภาพโดยรอบเป็นซอยที่เต็มไปด้วยร้านรวงล้วงกระเป๋า ให้เดินเลี้ยวขวามาออกที่ถนนใหญ่

พอถึงถนนใหญ่ก็ซ้ายหันเดินตรงไปเรื่อยๆ สังเกตุสะพานลอยข้ามถนนเป็นหลัก

พอผ่านสะพานลอยคนข้ามอันที่ 2 ก็จะเจอ 4 แยก

ตรงไฟแดงของแยกนี้จะมีป้ายเขียนว่า Police Station และตึกฝั่งตรงข้ามก็จะเป็น สถานีตำรวจด้วย แต่ไม่มีป้ายถาษาอังกฤษหรอกนะ

ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยที่แยกนั้นได้เลย ตรงเข้าไปอีกนิดเดียว ก็จะเจอ ที่หมาย ทางซ้ายมือ หน้าตาเป็นอย่างนี้




ฝั่งตรงข้ามจะเป็นศาลเจ้า มีโทริอิ สีขาวอย่างนี้




แค่ประตูทางเข้า













เดินเข้าไปในตึก ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 3 โผล่ออกมาก็จะเจอ 2 ตัวนี้ รอต้อนรับ





กับจะมีเจ้าหน้าที่ วัยหนุ่มสาว เข้ามาทักทาย กับแนะนำเราว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนเป็นภาษาแจงลิช เราก็คุยๆ ถามๆ กลับไปเป็นภาษาไทยลิช เฮฮากันดี

ไปดูจุดแรกกันก่อน เป็นบอร์ดรวมลายเซ็น ของบรรดานักวาดการ์ตูน




แค่ลายเซ็นก็ยูนีคซะไม่มี




ดูลายเซ็นไปพลาง เล่าไปพลาง ก็แล้วกันเนาะ
ภายใน museum นี้ ถ่ายรูปได้เป็นบางส่วน ซึ่งส่วนไหนถ่ายไม่ได้ อีหนูที่เข้ามาทักทายเราตะแรกก็จะแจ้งไว้ก่อน กับจะมีป้ายติดบอกอีกทีกันลืม




ส่วนที่ถ่ายไม่ได้ ก็จะเป็น ส่วนที่จัดการแสดงพิเศษ ข้างบน ซึ่งบันไดทางขึ้นก็อยู่ใน มิวเซียมนั่นแหละ




และภายในก็ยังมีห้องฉายภาพยนตร์การ์ตูน เป็นรอบๆ ให้เข้าไปนั่งดูได้อีก
รอบฉาย กับชื่อเรื่องก็จะติดไว้ด้านหน้า เรื่องที่ฉายวันที่เราไปนั้น ไม่รู้จักมาก่อน ฟังก็ไม่ค่อยออก แต่โดยรวมก็ดูรู้เรื่อง ยาวซัก ครึ่งชั่วโมงได้




ฟากตรงข้ามของห้องฉายหนัง จะเป็นห้องสมุดย่อมๆ




ภายในก็ "แน่นอนอยู่แล้ว" ต้องมี หนังสือเกี่ยวกับการ์ตูน วารสารการ์ตูน และที่ขาดไม่ได้ก็คือ หนังสือการ์ตูน ให้นั่งอ่านกัน




ที่เจ๋งกว่านั้นอีก ก็คือมีดีวีดีให้ดูด้วย




เวลาจะดูเราก็หยิบกล่องของแผ่นที่เราอยากดูไปที่เคาน์เตอร์ เค้าก็จะให้เราเขียนชื่อเสียงเรียงนาม ไม่ถึงกับต้องโชว์พาสปอร์ต แล้วเค้าก็หยิบแผ่นให้เราก็ไปเลือกที่นั่งดูตามเครื่องที่จัดไว้




เราเลือกดูแผ่นที่เป็นงานของสตูดิโอจิบลิ ที่เป็นงานโฆษณาต่างๆ ที่ใช้เพลงกับตัวการ์ตูนของ จิบลิ ไม่เคยเห็นงานพวกนี้มาก่อน สนุกดีมากเลย




ออกจากห้องสมุด ก็มาดูตู้กระจก ที่รวบรวมของเล่น ตุ๊กตา โมเดล ฯลฯ ที่เกี่ยวกับการ์ตูนดังๆ แต่ละตัว



ฮิตๆ ทั้งน้าน






แล้วก็มีห้องให้ลองวาดการ์ตูนตามแบบ




จะวาดเอง หรือจะลอกแบบโดยวางบนกล่องไฟอย่างนี้ก็ได้



ก็จะได้ออกมาเป๊ะๆ อย่างนี้



แต่รูปนี้ ลอกให้ตายคงไม่ได้งามเท่า "ตำนานเกนจิ"



ใกล้ๆกันก็เป็นคอมพิเตอร์ให้เด็กๆเล่น เป็นโปรแกรมการสร้างการ์ตูน ลงสี วางเรื่อง ฯลฯ แล้วก็จะฉายออกมาเป็นการ์ตูนที่เราสร้างไว้
ที่รู้เพราะไปแย่งเด็กเล่นมาแล้ว





ลืมบอกไป ตำนานเกนจินั้น ถามจากชาวห้องสมุดมาได้ความว่า บ้านเราก็เคยออกเป็นหนังสือการ์ตูน ชื่อว่า "ด้วยเมฆหมอกแห่งรัก" กับ "ฟ้าใต้แสงจันทร์" ได้ไปหามาอ่านแล้ว เส้นสวย ได้ความรู้ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเล็กๆ ชอบมาก





มุมนี้เป็นการจำลองโต๊ะทำงานของนักวาดการ์ตูน 3 หนุ่ม 3 วัย 3 ยุคสมัยมาให้ดูความแตกต่าง



โต๊ะแรกนี่เป็นของนักวาดที่เกิดตั้งแต่ปี 1941 ชื่อ โยะชิยุกิ




โต๊ะที่ 2 ของ คะยุกิ ปี 1960




โต๊ะที่ 3 นี่เป็นของนักวาดของสตูดิโอ Toei Animation ยุดปัจจุบัน ชื่อ ยูกิ ชินโซ




ปิดท้ายด้วยภาพการแสดงขั้นตอนการทำอนิเมชั่นในยุคปัจจุบัน
ดูแล้วให้ความรู้สึกตื่นตา ตื่นใจ
คนญี่ปุ่นนี่ช่างมีความจริงจัง ทุ่มเท ความพยายาม และความละเอียด รอบคอบ ในงานที่ทำอย่างมากมาย สมควรแล้ว ที่ชนชาตินี้ จะลุกขึ้นมาเป็นผู้นำในหลายๆด้านอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน










พิพิธภัณฑ์แบบนี้ ไม่ได้มีที่นี่เพียงที่เดียว แต่มีการรวมตัวกันถึง 6 ที่ เป็น Tokyo Anime City ที่อื่นๆ จะอยู่ที่ไหนบ้าง เช็คจากลิงค์ได้เลยจ้า หามาให้เท่าที่หาได้นะ




 

Create Date : 18 เมษายน 2552   
Last Update : 28 มีนาคม 2560 20:43:37 น.   
Counter : 2788 Pageviews.  

So So Hiroshima / life is like a boat


ณ ชานชาลา 20 ... Hikari455 กำลังจะแล่นเข้าเทียบท่า
9:59 คือเวลาออก Hakata คือจุดหมายปลายทาง
Hiroshima คือสถานีที่ 4 ที่รถจะจอด เข้าคิวขึ้นรถจ้า




เอ่อ ... 4 ป้าย แต่ใช้เวลา 2 ชั่วโมง หาข้าวแกง เอ๊ย ข้าวกล่อง ไปกินบนรถดีกว่า




กิน กิน หลับ หลับ ตื่นมา กิน กิน ดูวิว เล่นเกมส์ นินทาคนญี่ปุ่น
ถึงแล้ว ฮิโระชิมะ โอ้ว ว้าว สถานีหย่ายโตว




ร้านรวงมากมาย










ในนี้เป็นที่รวมร้านอาหารมากมาย
มีร้าน โอะโคะโนะมิยะกิ สไตล์ ฮิโระชิมะ อยู่หลายร้าน
ไม่อดตายแล้วเรา




มี Food Street อีกแฮะ
ท่าทางคนที่นี่เค้าจะกินกันดุน่าดู




ด้านหน้า ฝั่ง south ถ้าจำไม่ผิด แต่ท่ารถต่างๆจะอยู่ที่ฝั่ง north



จากทางออกฝั่ง north ต้องลอดอุโมงค์ข้ามทางรถไฟ
แต่ ช้าก่อน.. อุโมงค์นี้อนุญาตให้เดินเท่านั้นนะจ๊ะ




สิงห์ 2 - wheel drive ทั้งหลาย กรุณาเคารพกฎดังนี้




ลอดมาแล้วก็ขึ้นสะพาน มีโรงแรม 4 ดาวหลายชื่อ อยู่ริมแม่น้ำแถบนี้
2 - 3 ดาว ก็เขยิบลึกเข้าไปบนบก แต่สรุปแล้วก็คือ หาที่พักฝั่ง north ของสถานี จะดีกว่าฝั่งใต้



มีไอ้หนุ่มมานั่งเล่น ปรึกษาปัญหาหัวใจ ^^
โดดเรียนป่าวจ๊า



ไม่บอกจะรู้มั้ย ว่าที่นี่ ฮิโรชิมา



สาวไทยเดินร้อนม้ามแล่บ
สาวจูโกะขุ เค้าแต่งตัวอย่างเงี้ย



เดินๆไป เจอ 4 แยก แต่หาทางข้ามไม่ได้ซะงั้น
อ๋อ เค้าให้เดินลอดถนน ข้างล่างเป็นวงเวียน ให้มึนเล่น
ช้านต้องขึ้นทางไหนเนี่ย ของล่อตา ล่อใจ เต็มไปหมด



ด่านนี้ผ่านยากจริงๆ เป็นการข้ามถนนที่ยาวนาน จนต้องบันทึกไว้ในอัตตชีวประวัติ



โผล่ขึ้นมาก็เจอสนามเบสบอล




ตรงข้ามสนาม เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินอันยาวนานในวันนี้



ใครขี้เกียจเดิน ไม่ชอบเดิน เดินไม่เก่ง เกิดมามีบุญตังค์เหลือใช้ นั่งรถรางมาก็ได้จ้ะ ลงข้างหน้าเลย สายอะไร ราคาเท่าไหร่ อย่าถาม ลืมหมดแหล่ว





Atomic Bomb Dome
ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเช็ค สร้างเสร็จในปี 1915เดิมเป็น Exhibition Hall



ระเบิดปรมาณูลูกแรก ลงเมื่อเวลา 08:15 วันที่ 6สิงหาคม 1945 ห่างจากตึกนี้ 160 เมตร



ทุกวันเวลา 08:15 นาฬิกาที่ Peace Clock Tower นี้ จะดังขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น



สมัยเรียน ครูบอกว่า ตอนที่ระเบิดลง คนที่โดนรัศมีของระเบิด จะรู้สึกปวดแสบ ปวดร้อนจนทนไม่ได้ กระโดดน้ำลงไปตายกันเต็มแม่น้ำไปหมด



และที่ขาดไม่ได้ คือเรื่องราวของเด็กหญิงซาดาโกะ ซาซากิกับนกกระเรียนพันตัวที่เป็นแรงบันดาลใจให้มี Children' s Peace Monument ขึ้นมา




ที่เก็บพวงมาลัยนกกระเรียนที่ผู้คนนำมาเคารพ คารวะ ระลึกถึง แก่เด็กๆทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น



ระหว่างทางไปยัง Peace Memorial Museum ที่รวบรวมเรื่องราวของฮิโรชิมา รวมทั้งเป็นที่เก็บกระดูก ข้าวของ ต่างๆ ของผู้ที่เสียชีวิตในสงครามครั้งนั้น




Peace Bell ที่คอยส่งเสียงต้อนรับสันติภาพ แก่ชาวโลก




กับต้นไม้รายรอบ



ตึกนี้เป็นตึกเดียวที่หลงเหลืออยู่ในฮิโรชิมา ในขณะที่ตึกอื่นๆที่โดนระเบิด ถูกทุบทิ้ง และสร้างใหม่ทั้งหมด ปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1996 และเป็นสัญลักษณ์ของเมือง




ได้รับการดูแลอย่างดี



เขียนบล็อคนี้ แล้วอยากร้องไห้ ขอคารวะค่ะ




 

Create Date : 26 มีนาคม 2552   
Last Update : 28 มีนาคม 2560 20:43:56 น.   
Counter : 1213 Pageviews.  

Miyajima 2... Itsukushima Shrine

เข้าเขตวัด ตรงโทริอินี้



วัดนี้ เป็นวัดแบบ ชินโต สีขาว แดง โดดเด่น
มีโทริอิ กลางน้ำ เป็นสัญลักษณ์ ของวัด และของเกาะ
ทั้งวัด และเสากลางน้ำที่เห็น สร้างขึ้นตั้งแต่ต้น ศตวรรษ ที่ 12
เดิม ประชาชนที่จะมาวัดนี้ จะต้องล่องเรือเข้ามาทางเสานี้ เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เหยียบเกาะส่วนอื่น ซึ่งถือเป็นส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์




และซ่อมแซมอีกครั้งเมื่อปี 2004 -2005 เนื่องจากโดนไต้ฝุ่นพัด เสียหาย
ตอนที่เรามาถึง น้ำลงพอดี
จริงๆแล้ว ช่วงที่เสานี้จะดูงามที่สุด คือช่วงน้ำขึ้นสูงสุด ซึ่งสามารถเช็คเวลาได้ที่ Link ของ Tide Prediction ข้างๆนี้




น้ำลงก็ดีไปอีกแบบ เพราะจะเดินไปได้จนถึงเสา ซึ่งผู้คนนิยมเอาเหรียญมาวางที่รอยแยกที่เสา แล้วขอพรกัน







ทางเดินไม่ได้เป็นโคลนเหนียว ไม่ติดรองเท้า เดินได้สบาย สบาย
แต่กว่าจะรู้ตัว ก็เหยียบหอยตายไปหลายร้อยตัว




มองกลับมาที่วัด เห็น เขา Misen (ใช่ป่าว) อยู่ข้างหลัง





ข้างหลังวัด เป็น เจดีย์ 5 ชั้น หรือ Gojuto ข้างขวาของเจดีย์ เป็น Senjokaku หรือ วิหาร 1000 เสื่อ สร้างโดย โชกุน Toyotomi Hideyoshi
เดินขึ้นไปดูได้ ไม่เสียค่าเข้าชม




ถ้ามาช่วงซากุระบาน แถบนี้ก็จะแน่นไปด้วยชาวญี่ปุ่น ที่มาชมดอกไม้
ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่ก็จะเบียดเสียดไปด้วยผู้คน ที่มาชมใบไม้




เข้าไปดูข้างในวัดกัน วันนี้มีการซ้อมงานพิธี 7 5 3 เด็กๆก็เลยเยอะเล็กน้อย
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 300 เยน




ตะเกียงที่วางบ้าง แขวนบ้าง เรียงรายรอบวัด



ภายใน



รูปนี้ชอบมาก




ท่าเทียบเรือของวัด ที่ใช้ในสมัยก่อน




เห็นอย่างนี้ ไปยืนใกล้ๆ จะรู้ว่าชันมาก คนกลัวความสูงเห็นแล้วสั่นได้เลย




วิวนี้ เห็นทุกวัด



ทางออกจากวัดอยู่ด้านหลัง จะเป็นคนละทางกับทางเข้าซึ่งอยู่ด้านหน้า




ออกมาก็เย็นมาก เห็นทีจะขึ้นเขามิเซน ไม่ทันเป็นแน่แท้



บนเขานั้น จะมีวัด ไดโช ซึ่งเคยต้อนรับองค์ดาไลลามะ เมื่อปี 2005
ที่วัดนี้ มี กงล้ออธิษฐานทองคำ ที่เชื่อกันว่า ถ้าใครได้สัมผัสแล้วจะโชคดี
การขึ้นเขา ก็สามารถนั่งกระเช้าขึ้นไปได้ ค่ากระเช้า 1800 เยน ไป-กลับ
เราสามารถซื้อ Miyajima Free Pass ราคา 2000เยน ซึ่งรวม กระเช้า + เรือเฟอร์รี่ และ ตั๋วรถราง 2 วัน ในเมืองฮิโรชิม่าได้ (ถ้าจำไม่ผิด ^ ^)



น้องกวาง ตามติดตลอดทาง
ขึ้นเรือไปด้วยกันเลยมะ น้อง



ตามไอ้นี่มาแหงม




แสงสุดท้าย ก่อนอำลา




2ข้างทาง ดักนักท่องเที่ยว ก่อนกลับ







ยืนยัน ว่าอยู่ในฮิโรชิม่า




 

Create Date : 18 มีนาคม 2552   
Last Update : 28 มีนาคม 2560 20:44:16 น.   
Counter : 1263 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

iamdiagnosedbipolar
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




มีคำถาม ฯลฯ กรุณาใส่ใน comment นะจ๊า
หลังไมค์ ใช้ไม่ได้จ้า
[Add iamdiagnosedbipolar's blog to your web]