อย่างไรก็ตามหน่วยกิตของสวีเดนสามารถเทียบเป็นหน่วยกิตแบบ ECTS (European Credit Transfer System) ซึ่งเป็นหน่วยกิตกลางของยุโรปได้ คือ 1 swedish credit เท่ากัน 1.5 ECTS ฉะนั้น 1 วิชา 5p จะเท่ากับ 7.5 ECTS และการตัดเกรดสามารถแปลงเป็น A B C D E F ได้หากต้องการ แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบว่าต้องการใบทรานสคริปในระบบใด
ระดับปริญญาโท การขอทุนในระดับนี้ ทาง SI จะไม่รับใบสมัครโดยตรง โดยปกติเวลาส่งใบสมัครเรียนไปที่มหาวิทยาลัยที่เราสนใจ จะมีช่องเล็กๆ ให้กาว่าเราจะสมัครขอทุนของ SI ด้วยหรือไม่ ถ้าเราไม่กา ทางมหาวิทยาลัยเค้าก็จะไม่ส่งไปให้ SI พิจารณา แต่ถ้าเรากาว่าต้องการสมัครทุนด้วย กระบวนการพิจารณาจะเริ่มจากมหาวิทยาลัยก่อนคือ
-International Office หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาใบสมัครทั้งหมดที่มีว่ามีจำนวนคนขอทุนเท่าไหร่ แล้วทางมหาวิทยาลัยจะส่งให้ทาง SI เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าทางมหาวิทยาลัยจะส่งไปทั้งหมด นี่คือการกรองขั้นที่ 1 หลังจากนั้นจึงส่งไปให้ SI พิจารณาเฉพาะคนที่ทางมหาวิทยาลัยเห็นแล้วว่าสมควรส่งไปขอทุน
-SI จะเป็นผู้พิจารณาให้ทุนในขั้นสุดท้าย โดยพิจารณาภาพรวมทั้งประเทศว่าแต่ละมหาวิทยาลัยส่งใบสมัครมาเท่าไหร่ และทาง SI มีงบประมาณให้เท่าไหร่ในแต่ละปี ซึ่งเป็นการพิจารณาให้ทุนในขั้นสุดท้าย และทาง SI โดยปกติจะประกาศผลทุนประมาณต้นเดือนมิถุนายน
ระดับปริญญาเอกและทุนนักวิจัย การขอทุนในระดับนี้ ทาง SI จะเป็นผู้พิจารณาโดยตรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีใบตอบรับจากมหาวิทยาลัยแล้วว่ารับเข้าเรียนปริญญาเอก หรือรับเข้าไปทำวิจัยตามแต่ระยะเวลาที่กำหนด แล้วจึงมาสมัครขอทุนจากทาง SI ปกติจะเปิดรับใบสมัครตั้งแต่ 1 ก.ย. – 15 ม.ค. ทุกปี แล้วจะประกาศผลช่วงต้นเดือนมิถุนายน การขอทุนอันนี้นักเรียนต้องติดต่อโดยตรงไปที่ Professor ในคณะที่สนใจและติดต่อให้เค้ารับเข้าเรียนก่อนจึงจะมาสมัครขอทุนจาก SI ได้
รัฐบาลสวีเดนนั้นให้สิทธิ์นักเรียนนักศึกษาต่างชาติสามารถทำงานได้ โดยไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่ากี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และในช่วงปิดเทอมนักเรียนสามารถทำงานเต็มเวลา Full time ได้
แต่สิ่งที่จำเป็นต้องมีในการหางานทำในสวีเดนก็คือ
1. Swedish Personal Number 2. ความรู้และทักษะในการพูดภาษาสวีดิช
สำหรับ Swedish Personal Number ก็คือเลขรหัสประจำตัว 10 หลักของชาวสวีเดน เปรียบเสมือนเลข 13 หลักบนบัตรประชาชนของคนไทย Swedish Personal Number จะประกอบได้ด้วยเลขวันเดือนปีเกิด 6 หลัก บวกกับหมายเลขอีก 4 หลักที่ทางราชการออกให้
ตามปกติหากมาเีรียนเกิน 1 ปี สามารถไปขอ Personal number ได้ที่ Local Tax Office เมืองที่อยู่ ซึ่งเมื่อได้หมายเลขมาแล้วจะทำชีวิตที่สวีเดนสะดวกสบายมากขึ้น เพราะคุณสามารถไปเปิดบัญชีธนาคาร สมัครสมาชิกต่างๆ หางานทำได้ง่ายขึ้น และได้สิทธิ์การรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกันคนสวีเดน
หากมาเรียนหลักสูตรระยะสั้นกว่า 1 ปี ไม่สามารถขอ Personal Number ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบางทีมันก็ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับเมืองที่คุณอยู่ และความใจดีของเจ้าหน้าที่ บางทีเค้าก็ออกให้ หากคุณมีเหตุผลดี เพียงพอที่เค้าจะตัดสินใจให้
เมื่อไปหางานทำ นายจ้างจะถามหาเลข Personal Number ก่อนเลย เพราะว่านายจ้างต้องแจ้งเสียภาษี หากคุณไม่มี โอกาสในการหางานทำก็ยาก คุณต้องไปหางานทำแบบอื่นๆ ที่หลบเลี่ยงภาษี เช่นงานหลังร้าน ร้านอาหาร ล้างจานชาม งานในครัว ซึ่งก็เสี่ยงต่อการถูกจับทั้งนายจ้างและคนทำงาน
ส่วนประเด็นที่ 2 ในเรื่องความรู้และทักษะภาษาสวีดิช ก็ง่ายๆ Common sense ถ้าคุณพูดภาษาเค้าได้ โอกาสก็มากขึ้น แม้ว่าคนสวีเดนจะพูดภาษาอังกฤษได้ดี แต่ก็คงไม่ดีเท่ากับพูดภาษาของเค้าเอง คุณสามารถลงเรียนภาษาสวีดิชได้จากทั้งในมหาวิทยาลัยและศูนย์การศึกษาสำหรับ Immigrant
สรุปว่าถ้าจะหางานทำแบบถูกกฎหมาย การมี Personal Number คือสิ่งที่จำเป็น และการพูดภาษาสวีดิชได้ จะเพิ่มโอกาสในการหางานทำมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้การหางานทำในสวีเดนไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะผู้ที่จะมาเรียนระยะสั้นๆ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเอาซะเลย งานที่ไม่จำเป็นต้องพูดสวีดิชมาก ก็พอหาได้อยู่เช่น งานทำความสะอาด ส่งหนังสือพิมพ์ ส่งใบปลิวโฆษณา งานเก็บขวดขาย
ขอแนะนำงานที่ได้ทำมาให้ดูเป็นตัวอย่าง งานแรกคือส่งใบปลิวโฆษณา ต้องใช้ Personal number แต่ไม่ต้องใช้ภาษาสวีดิชมากนัก งานนี้โอกาสได้ค่อนข้างสูง เพราะคนเข้าคนออกบ่อย งานหนัก เงินน้อยคนจึงไม่ค่อยอยากทำกัน