Review: ฟิลเลอร์ Restylane โดยอาจารย์หมอสว่างวงศ์


สวัสดีค๊า..วันนี้พี่วิมีประสบการณ์ทำสวย!!
มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ไล่ความแก่ชราทิ้งไป..เรียกความเยาว์วัยกลับมา555+ 

เรียกกลับมาแบบพอดีๆ สวยให้เหมาะกับวัย..ทำอย่างไรดีน๊าSmiley
ตามไปอ่านได้ในบล็อกนี้กันเลยค๊า...


สาวๆ หลายคน อาจจะมีปัญหาหลากหลาย เกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้า
เช่น ใต้ตาลึก ขมับลึก หน้าผากบ๋อมไม่โหนกนูน 
หรือหลายท่านที่เริ่มอายุมากขึ้น 30 ปลายๆ ขึ้นไปจะเริ่มมีปัญหาเรื่อง
ร่องน้ำตาลึก ร่องแก้ม หน้าตอบที่ทำให้ดูโทรม รวมไปถึงมุมปากที่เริ่มตกใช่ไม๊คะ??

พี่วิก็เป็นค่ะ พี่วิเป็นหนัก และเห็นได้ชัดตั้งแต่อายุ 30 ปลายละค่ะ
ตอนนั้นก็กังวลใจมาก เพราะทำให้ใบหน้าเราดูโทรม ไม่สดใส
ที่สำคัญคือ.. มันดูแก่กว่าวัยมากกก

ก็เริ่มปรึกษาคุณหมอค่ะ เรื่องการปรับโครงสร้างหน้า
ถ้าใครเคยอ่านบล็อกเก่าๆ จะเห็นได้ว่า.. เมื่อ 4 ปี และ 2 ปีที่แล้วพี่วิเคยเล่าเรื่องนี้ไว้
อ่านบล็อกเก่า -> 

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=beauty4ties&month=24-06-2013&group=6&gblog=2


//www.bloggang.com/mainblog.php?id=beauty4ties&month=17-07-2013&group=6&gblog=3



และคุณหมอที่พี่วิขอคำปรึกษาและให้ความไว้ใจที่สุดในการปรับโครงสร้างหน้าพี่วิ
คืออาจารย์สว่างค่ะ หรือ นพ. สว่างวงศ์ อัมพรพันธ์
ที่ด็อกเตอร์ยังเกอร์ คลีนิคค่ะ



บอกเลยค่ะ สักครั้งในชีวิตของคนรักสวยรักงาม
ต้องเจออาจารย์หมอสว่างให้ได้นะคะ
แล้วจะรู้เลยว่า..อาจารย์หมอมือเบามากๆๆๆ
ปราณีตพิถีพิถันทุกรายละเอียด 
ใบหน้าเราจะดูสวยหวานละมุนขึ้นมากจริงๆ




ซึ่ง..เมื่อเดือนที่แล้ว
พี่วิก็มีโอกาสไปเพิ่มเติมความงามกับอาจารย์สว่างวงศ์อีกครั้งค่ะ
การปรับโครงสร้างหน้า แบบที่พี่วิทำมา เป็นการเติมเต็มผิว ทำให้ใบหน้าเราดูอิ่ม
ได้รูปมากขึ้น ที่สำคัญทำให้เราดูสดใส และดูสวยสมวัยมากขึ้น
บางคนดูเด็กกว่าอายุจริงมากเลยด้วยค่ะ 

นั่นก็คือการใช้ ฟิลเล่อร์ Filler มาเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มผิว
ปกติแล้วฟิลเล่อร์จะอยู่ได้ประมาณ 1 ปีค่ะ หรืออาจจะมากกว่านั้น
สำหรับคนที่ดูแลตัวเองดีๆ เช่นดื่มน้ำมาก พักผ่อนเยอะๆ และไม่สตรีมหรือเซาน่าค่ะ


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวฟิลเล่อร์ ที่เลือกใช้ด้วยนะคะ
ในทุกๆ ครั้งที่พี่วิมีโอกาสฟิลเลอร์จะเลือกเฉพาะตัวนี้เท่านั้น
RESTYLANE และโดยเฉพาะ RESTYLANE LIDOCAINE
จะพิเศษกว่าตรงที่ LIDOCAINE จะมีส่วนผสมของยาชานิดๆ 
ทำให้เวลาที่เรากำลังนอนทำสวยอยู่นั้น
จะไม่เจ็บค่ะ แม้ว่ายาชาที่เราได้ทาไว้ก่อนแล้วจะชาน้อยลงแล้วก็ตาม

RESTYLANE ของแท้ มีมาตรฐาน และได้ผลลัพธ์แน่นอน
ต้องมีฉลากสีทอง ที่มีคำว่า GALDERMA เท่านั้นนะคะ 
อันนี้เป็นจุดสังเกตุที่สาวๆ รักสวยรักงามอย่างพวกเรา
ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะคือความปลอดภัยของเราเองด้วย
จ่ายเงินแล้วทั้งที ต้องสวยดูดีขึ้น บนความปลอดภัยค่ะ!!

รอบล่าสุดที่พึ่งไปมา พี่วิไปเติมฟิลเลอร์เฉพาะบางส่วน เติมไม่มาก 
เพราะโครงสร้างเก่าที่อาจารย์หมอสว่าง 
ดูแลไว้ให้เมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้วยังแน่นเป๊ะอยู่
มีเพียงบางจุดเล็กๆ ที่พี่วิอยากเพิ่มเติม นั่นก็คือ

ภาพ Before ค่ะ



ใต้ตาลึก ขมับยุบไป 1 ข้าง มุมปากตก ร่องน้ำหมากลึก555+ 
ซึ่งเป็นจุดแสดงความแก่ชราทั้งสิ้น..ฮ่าาา
อ่อ..เติมปลายจมูกมานิดนึงค่ะ อาจารย์หมอสว่างวงศ์
จะชอบให้เราสวยแบบโหงวเฮ้งดีด้วย จะได้รับทรัพย์ ^^

นอกจากฟิลเลอร์แล้วรอบนี้พี่วิ Botox ที่คอมาด้วยค่ะ
นี่ก็เป็นอีกจุดนึงที่แสดงความชราของผิว 555+ คอเหี่ยวค่ะ



Botox ที่ใช้ในวันนี้เป็นตัวนี้ค่ะ
XEOMIN เป็น Diamondtoxin



มาดู After กันดีกว่า
ภาพนี้เป็น 2 อาทิตย์
หลังจาก Filler และ Botox กลับมาค่ะ



จะเห็นได้ว่า...
1. ร่องน้ำตาพี่วิดูเต็มขึ้น
2. ปลายจมูกดูมีเนื้อ มีหยดน้ำ ปลายดูอิ่มค่ะ
3. ขมับทั้ง 2 ข้างดูสมดุลเท่ากันทำให้หน้าดูไม่กระดูกจนเกินไป
4. มุมปากที่ยกขึ้น ไม่เหยี่ยวย่นเป็นเส้นๆ เพราะนั่นแสดงถึงผิวเราแก่
เหี่ยว หย่อนคล้อยค่ะ

อย่างที่บอกว่า..รอบนี้พี่วิตั้งใจเติมเพียงเล็กน้อย
อย่างร่องแก้มเนี่ย..รอบนี้พี่วิไม่เติมค่ะ
ส่วนนึงพี่วิมองว่า..การมีริ้วรอยเหลือไว้บ้างบางๆ
มันดูเรียลกว่า..มันคือความจริงว่า..อายุขนาดนี้!! มันก็ต้องมีริ้วรอยกันบ้าง
คือถ้าเป๊ะ ตึงไปหมด กริ๊บทั้งหน้า..จะดูเป็นการเติมเต็มที่เกินธรรมชาติเกินไป
หน้าเราก็จะดูแข็งเกินไปค่ะ

ซึ่งนี่แหละคือจุดหลักๆ ที่พี่วิเลือกการเติม Filler ที่ด็อกเตอร์ยังเกอร์
และต้องกับอาจารย์หมอสว่างวงศ์เท่านั้น
เพราะคุณหมอจะมีมุมมองที่คล้ายๆ พี่วิ..และคุณหมอเอง
ก็เป็นผู้สอนให้พี่วิคิดแบบนี้..คือ
สอนให้รู้จัก "การเติมเต็มความสวยดูดีให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด!!"



เอาจริงๆ เลย!!
เราหลีกเลี่ยงสังขารไม่ได้เนอะ แต่เราเอง..
ก็ยังยอมรับสังขารที่แท้จริงไม่ได้เช่นกัน!!

ทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลกันล่ะ??
นี่ค่ะคือคำตอบ...ความสมดุลที่ไม่เกินธรรมชาติมากเกินไปนัก
ความสวยที่พอเหมาะพอดี และสวยสมวัยในแบบที่ควรจะเป็น
คือความลงตัวที่สุดแล้ว ^^

คุณหมอเสกโครงสร้างหน้ามาให้พอดีแล้ว..ที่เหลือ..
เราจะเปลี่ยนลุคไหนก็ได้ตามใจปรารถนาแล้วล่ะ..
ก็พวกเราน่ะ...สาวรุ่นใหญ่ แต่สายเมคอัพนี่เนอะ ^^

หวังว่าบล็อกนี้จะเป็นแนวทางให้สาวๆ ทุกคนที่ผ่านมาเจอบล็อกนี้นะคะ
ไว้พบกันใหม่บล็อกถัดไป.. สวัสดีค๊า Smiley

อุ๊ต๊ะ...ลืมไป!! สาวๆ ที่คอมเม้นท์ในบล็อกนี้ทุกคน..

มีสิทธิ์ลุ้นรับ Voucher ไปนอนทำ Regenerist Treatment 
จำนวน 2 รางวัล
ที่ Doctor Younger Clinic สะดวกที่ไหนไปที่นั่นค่ะ ระหว่าง
เทอร์มินอล 21 Tel: 02-1080750-1
สุขุมวิท 23 Tel: 02-6657057-8
และ ธัญญะพาร์ค ศรีนครินทร์ Tel: 02-1086168-9

หัวข้อคอมเม้นท์นะคะ พี่วิอยากในเล่าเรื่อง..
ตอนนี้อายุเท่าไหร่ และปัญหาผิวของคุณในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้างคะ
และสุดท้าย..ตอนนี้ดูแลผิวหน้าตัวเองอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาผิวของคุณค่ะ
ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 8 กันยายน 2560
ประกาศผลวันที่ 9 กันยายน 2560 เวลา 11:00น. ค่ะ

แต่ถ้าใจร้อนอยากได้รางวัลไวๆ
อ่านให้ละเอียดนะคะ..จำให้แม่น
เตรียมตอบคำถามร่วมสนุกด้วยกัน ที่หน้าFacebook เราจะ Live ที่เพจพี่วินะคะSmiley
ลุ้นรับ Voucher ไปนอนทำ Regenerist Treatment มี 2 รางวัลเช่นกันค่ะ
ติดตามหน้าเพจให้ดีน๊า... ไปร่วมสนุกด้วยกันค๊า...

Smiley



Create Date : 13 สิงหาคม 2560
Last Update : 6 กันยายน 2560 9:38:27 น.
Counter : 5494 Pageviews.

4 comment
การรักษากระฝ้า ด้วยนวัตกรรมล่าสุด Pico Second Laser ที่ UR Clinic


สวัสดีปีใหม่ 2560 ค๊าทุกคน
ขออวยพรให้ทุกคนเฮงๆ รวยๆ สวยหล่อ สุขภาพแข็งแรงและโชคดี
ตลอดทั้งปีนี้เลยนะคะ ^^

..เรียกว่าบล็อกนี้เป็นบล็อกแรกของปีเลยล่ะค่ะ
ซึ่งในวันนี้ พี่วิขอมาเล่าประสบการณ์ การรักษากระ-ฝ้าของพี่วิ
ตอนช่วงปลายๆ ปี 2559 ที่ผ่านมาให้ทุกคนได้อ่านเพื่อเป็นข้อมูลและแนวทาง
ในการรักษาและดูแลผิวหน้านะคะ



พี่วิเป็นกระและฝ้า ช่วงโหนกแก้มค่ะ เป็นแบบกระฝ้าลึก
เผยสีขึ้นมาไม่ชัด ไม่เข้ม ไม่หนาค่ะ แต่เป็นแบบกระจายกว้างๆ
ถ้าเมคอัพดีๆ แน่นๆ ก็จะไม่ค่อยเห็นค่ะ แต่ถ้าแต่งบางๆ เห็นชัดเจนเลย

ซึ่งแน่นอนหล่ะ นั่นคือความกังวลใจของพี่วิมากๆ เวลาหน้าสด!!
ไปดู Before & After ของพี่วิกันค่ะ




เลยทำให้มีโอกาสได้เข้าไปรับคำปรึกษา กับคุณหมอหยิน
พญ. ฤดีรัศมิ์ ลี  UR Clinic 





ตอนที่ได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือ หรือตัวเลเซอร์
ที่จะทำการรักษา ก็รู้สึกว่า น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน

เพราะเครื่องเลเซอร์ที่นำมาใช้ มีคุณสมบัติที่เน้นในเรื่องของการจัดการ
เซลล์ในการสร้างเม็ดสีโดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างขึ้น 
ไม่ใช่เพียงรักษากระฝ้าได้ แต่ยังสามารถเลเซอร์เพื่อลบรอยสักแบบถาวรออกได้ด้วย

ซึ่งเจ้าเลเซอร์ตัวนี้จะไม่ทำให้เกิดรอยแผล รอยไหม้ และไม่มีการตกสะเก็ดค่ะ
จึงง่าย สะดวก ต่อการรักษาผิวหลังการเลเซอร์ 
อันนี้เป็นข้อดีที่ทำให้พี่วิตัดสินใจลองทำดูค่ะ

ดูหน้าก่อนทำ..อีกสักรอบนะคะ



ซึ่งโปรแกรมการรักษากระฝ้าของพี่วิ
เริ่มจากการใช้เลเซอร์ค่ะ ดังนั้นจึงต้องมีการคลีนซิ่งผิวหน้าให้สะอาดก่อน
และทายาชา ทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที จากนั้นการเลเซอร์ก็เริ่มขึ้น



ในการเลเซอร์ที่มีนวัตกรรมชื่อว่า Picosecond Laser
ซึ่งทาง UR Clinic เรียกโปรแกรมการรักษานี้ว่า 
UR Legecy White Program

ถือว่าเป็นเครื่องเลเซอร์ที่ทรงประสิทธิิภาพมาก
และเป็นเครื่องแรก และเครื่องเดียวที่มีอยู่ในเมืองไทย ในตอนนี้นะคะ
เนื่องจากว่าตัวเครื่องมีราคาสูงมากกก...ได้ยินแล้วจะเป็นลม




ข้อดีของนวัตกรรมใหม่ตัวนี้คือ ความถี่ ความละเอียด และความลึกของลำแสงนั้น
สามารถลงไปได้ลึกมาก และละเอียดสุดๆ ในระดับ Picosecond Laser
หรือ 1,000,000 ล้าน(หนึ่งล้านล้านช็อท) ต่อการยิงเพียง 1 ครั้งเท่านั้น

ซึ่งความรู้สึกหรือลำแสงเวลาที่กระทบผิวจะมีความคล้ายการทำ Q-Switch ค่ะ
หลักการคล้ายๆ กันเลยเพียงแต่ว่าเจ้า Picosecond Laser ตัวนี้
ให้ประสิทธิภาพมากกว่าตัว Q-Switch ถึง 1 พันเท่า!!

เพราะ Q-Switch จะเป็นระดับ Nanosecond Laser ค่ะความละเอียด
และประสิทธิภาพนั้นจะอยู่ที่ 1,000 ล้าน(หนึ่งพันล้านช็อท) ต่อการยิงใน 1 ครั้ง
ซึ่งความต่างนั้นนน...ไกลกันมาก

หลังจากที่เลเซอร์เสร็จแล้วผิวจะแดงมากกก
โดยเฉพาะคนที่ผิวแดงง่ายแบบพี่วิค่ะ




ซึ่งไม่ต้องตกใจนะคะ เพราะจะแดงอยู่ประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น
เวลาอาจไม่เท่ากัน แล้วแต่ผิวของแต่ละคนค่ะ แต่จะไม่มีอาการแสบร้อนหรือระบมบวม

หลังจากการเลเซอร์เสร็จแล้วทางคลีนิค
จะมีการทรีทเมนท์เพื่อให้ผิวได้มีการผ่อนคลาย
และคายความร้อนออกมาค่ะ ช่วงนี้จะสุขสบายมาก 555+




หลังการทำทรีทเมนต์ หรือทำหัตถการอื่นๆ เสร็จแล้ว
จะแต่งหน้า แต่ลืมอุปกรณ์มา..ไม่ต้องกลัวนะคะ
ที่ UR Clinic พร้อมม๊ากกก..ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ




หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว
ก็สามารถล้างทำความสะอาดหน้าได้ปกติค่ะ

รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาผิวหน้าก็จะปกติเลย อาจจะมีรอยจ้ำบ้างเล็กน้อย
ในจุดที่เป็นเยอะๆ เพราะคุณหมอหยินจะเน้นให้เฉพาะจุดเข้มๆ เป็นพิเศษค่ะ

และในช่วงหลังเลเซอร์
ควรหลีกเลี่ยงแสงนะคะ อย่างน้อย 3 วัน 
และสิ่งที่ลืมไม่ได้คือ ควรทากันแดดทุกเช้านะคะ 
หรือก่อนออกจากบ้านน๊า

เพราะไม่อย่างนั้นสิ่งที่เราเลเซอร์ไปก็สูญเปล่าค่ะ
หลังจากวันแรก ผิวก็เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะ
ประมาณหนึ่งอาทิตย์แรกจะรู้สึกได้เลยว่าผิวหน้านุ่มขึ้น
และดูขาวกระจ่างขึ้นทั้งหน้า ส่วนที่เป็นกระฝ้าชัดๆ จะจางลงเรื่อยๆ

หลังจากครบ 1 เดือน หลังเลเซอร์ครั้งแรก
ผลลัพธ์เป็นแบบนี้ค่ะ



ความรู้สึกส่วนตัวนะ
รู้สึกว่าผิวโดยรวมของหน้ามันดูขาวขึ้น
ส่วนในจุดที่เป็นกระฝ้า ก็ดูจางลงอ่ะค่ะ

แต่ยังไม่ปลื้ม ไม่พอใจ มีความนอยด์เกิดขึ้น
คือ..มันเจ็บตัวแล้วอ่ะเนอะ..มันก็แบบ..มันต้องว้าวววป่ะ
อันนี้คิดในใจนะ 555+
ก็เลยวอแวกับผิวตัวเองมาก..กลัวไม่จาง กลัวไม่หาย กลัวไปหมดเลย!!

พอถึงวันที่ต้องไปเลเซอร์ครั้งที่ 2 ก็ปรึกษาคุณหมอหยินเลย
"คุณหมอคะ..พี่วิว่ามันไม่จาง!!
หน้าตาจริงจังมาก555+"

"คุณหมอหยินบอกว่า..โดยปกติ กระลึกอย่างพี่วิควรเลเซอร์
ประมาณ 3 ครั้งค่ะ ถึงจะเห็นผลการรักษาที่น่าประทับใจ พี่วิพึ่งครั้งเดียวเองค่ะ"

แต่ว่าพี่วิเป็นคนใจร้อนไง..และอยากให้ฝ้าจางลงก่อนปลายปี
เพราะจะไปเที่ยวเกาหลี...แหม..นานน๊าน..จะได้ไปเที่ยวตปท. ทั้งที
ก็อยากมีรูปสวยๆ หน้าใสๆ บ้างไรงี้

"ฉีดค่ะฉีด!! นี่ก็อ้อนวอนขอให้หมอฉีดยารักษากระฝ้าให้
คุณหมอก็เกรงว่า..พี่วิจะไม่ชอบ เพราะหน้ามันเป็นจ่ำๆ เขียวๆ ม่วงๆ
นี่รีบเลย!! ทนได้ค่ะ!! 555+"

คุณหมอเลยจัดให้...ทั้งเลเซอร์ครั้งที่ 2 และ
ใช้การฉีดแบบ UR White เข้าร่วมกับการเลเซอร์ด้วย



ซึ่งในขั้นตอนฉีดรักษาฝ้า จะมีรอยจ้ำๆ ม่วงๆ บ้าง
ส่วนตัวพี่วิเองเฉยๆ นะคะ เพราะเวลาเราโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์
บางทีเขียวกว่านี้อีก...เอาเถอะยอมม่วงๆ เขียวๆ อยากให้ผิวดูดีขึ้น555+
เพื่อความสวยเราทนได้ ^^

หลังจากที่พี่วิทำการรักษาเสร็จแล้ว
ซึ่งจริงๆ ควรเลเซอร์อีกสัก 1 ครั้งค่ะ น่าจะดีกว่านี้

แต่ด้วยเวลา ที่พี่วิมีไม่มาก เพราะต้องเตรียมหน้าไว้ฮาวทูแต่งหน้า
จะเลเซอร์หรือฉีดยาอีก ก็เวลามันทับกัน จนเบียดเวลาไม่ได้จริงๆ

ซึ่งผลลัพธ์ทั้งหมดที่ออกมา พี่วิพึงพอใจแล้วค่ะ



คือในจุดที่เป็นกระฝ้าเดิม อาจจะยังไม่ได้ขาวกระจ่างเสมอกับสีผิวโดยรวมของหน้า
คือจะยังเห็นเป็นไรๆ เงาๆ บ้างค่ะ

แต่ก็ช่วยให้ผิวที่เป็นกระฝ้าจางลงไปมาก วันที่แต่งหน้าเบาๆ แบบใช้คุชชั่น
ที่ไม่เน้นการปกปิด ก็แทบจะมองไม่เห็นแล้วเลยค่ะ
แต่ถ้าเป็นหน้าสดที่ปราศจากเมคอัพ ก็ยังพอเห็นบ้างจางๆ นะคะ

ซึ่ง ณ. จุดนี้..พี่วิพอใจมากแล้วค่ะ



สำหรับสาวๆ ที่เป็นกระฝ้าหนาๆ เลเซอร์สัก 2 ครั้งจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
มากกว่าพี่วิแน่นอนค่ะ เพราะการเปลี่ยนแปลงของเฉดสีจะเห็นได้แตกต่างกว่า...
ด้วยความที่ว่าพี่วิเป็นกระฝ้าลึกเวลาเลเซอร์ สีมันจะไม่ชัด จะสังเกตุยาก 
แต่เราเองที่สังเกตุตลอดเนี่ยแหละ ที่จะรู้และดีใจ ที่มันจางลงไปซะที

ช่วงนี้อาจจะเห็นโพสท์ลุคหน้าเบาๆ บ่อยหน่อยนะคะ
กำลังปลื้มมมม..นานมากแล้ว..ที่ไม่เคยมีผิวที่กระฝ้าจางขนาดนี้
เข้าใจเจ้..ช่ะ??




ก่อนจบบล็อกนี้ไป..ก็ฝากถึงทุกคนนะคะ..
ว่าการปกป้องผิวเป็นเรื่องสำคัญ การหลีกเลี่ยงแสงแดด แสงไฟนีออน
สปอร์ทไลท์แรงๆ ก็ส่งผลให้สีผิวเราเปลี่ยน ไปจนถึงเม็ดสี แล้วเกิดกระฝ้าได้
เพราะการรักษาให้จางลงก็ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายพอควรค่ะ

และการเลือกใช้ยารักษา ก็สำคัญมากๆ เราไม่อาจรู้ได้ว่าเอฟเฟ็คท์
หลังใช้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์นะคะ ดีที่สุดค่ะ

อ่อๆ พี่วิเอาคลิปสัมภาษณ์คุณหมอ ในเรื่องการรักษากระฝ้า
กับนวัตกรรม Picosecond Laser มาให้ฟังกันด้วยล่ะค่ะ
ติดตามได้ในคลิปนี้เลยยย

https://youtu.be/dC7WWkXyFb0

แต่ถ้าใครชื่นชอบและอยากรักษาแบบพี่วิล่ะก็
ลองเข้าไปปรึกษาคุณหมอหยินได้นะคะ
ที่ UR Clinic ค่ะ อยู่ชั้น 2 เซ็นทรัล อีสท์ วิลล์
ใกล้ๆ กับโรงหนัง Eastville Cineplex ค่ะ

Disclaimer:  Sponsored by: UR Clinic

UR Clinic Call Center 

061 619 5059

02 553 6141


FB : UR CLINIC

IG : UR_CLINIC

Line@ : //line.me/ti/p/%40zyf1523d

WWW.UR-CLINIC.COM






Create Date : 07 มกราคม 2560
Last Update : 15 มกราคม 2560 19:27:37 น.
Counter : 19774 Pageviews.

0 comment
HIFU SIGNATURE LIFT by Dr. Vanda ปรับรูปหน้า ที่ไม่เจ็บ แต่สวยเป๊ะ แบบ40+




HIFU!! คำนี้สาวๆ คงรู้สึกคุ้นหูมานานมาก ว่าคืออะไร

และหลายคนที่เคยลองทำแล้ว รู้สึกว่า..ไม่เห็นผลอะไรเลย!!

วันนี้พี่วิขอมาเล่าเรื่องนี้ ให้ฟังกันในฐานะที่เคยมีโอกาสได้ลองมาแล้วค่ะ 


ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2559 พี่วิได้รับเชิญจากทาง Health Avenue Clinic by Dr. Vanda 

เพื่อปรึกษาปัญหาผิวหน้าและโครงสร้างค่ะ ซึ่ง ณ เวลานี้คุณหมอแวนด้า ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ

ในเรื่องการทำ HIFU ที่สุดแล้วค่ะ ตัว HIFU ที่คุณหมอแวนด้านำมาใช้ในคลีนิค

เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ HIFU ค่ะ ที่มีผลลัพธ์ได้ชัดเจน รวดเร็ว 

และไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียวค่ะ อันนี้พี่วิลองมาเองเลยค่ะ Confirm!!



พญ.ศิริวรรณ ตั้งเจริญชัยชนะ หรือคุณหมอแวนด้า

แค่ความเป๊ะของคุณหมอก็ทำให้พี่วิอุ่นใจแล้วค่ะว่า..

ผลลัพธ์ความงามของเจ้ในครั้งนี้ ต้องเริ่ดและชัดเจนแน่นอน Smiley



ด้วยสไตล์ของคุณหมอแวนด้า เป็นคนน่ารักอัธยาศรัยดีมากค่ะ

ถามตอบได้ทุกปัญหาผิวพรรณ ซึ่งในวันที่คุณหมอ พบพี่วิแล้วบอกว่า..


คุณวิลองไม๊คะ..ไม่เจ็บหรอก ใช้เวลาแป๊บเดียว

ลองดูเพียงครั้งเดียวก็เห็นผลเลยค่ะ..ด้วยเวลาอันรีบเร่งในวันนั้น

และไม่ได้เตรียมตัวว่าต้องคลีนหน้า..เลยแต่งหน้ามาเต็มมาก555+

แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยากลอง เป็นทุนเดิมค่ะ..เอ๊า!! ลองก็ลอง..

เริ่มต้นด้วยการคลีนหน้า




หลังจากทำความสะอาดหน้าเสร็จแล้ว

คุณหมอแวนด้า ก็เริ่มยกกระชับผิวให้พี่วิค่ะ

โดยการเปลี่ยนหัวเหล็กอุปกรณ์ในการทำ HIFU 2 แบบด้วยกันค่ะ

แอบมีความตื่นเต้น เอาจริงๆ ก็เจ็บมาเยอะกับการทำหน้า 555+

ลุ้นอยู่ว่า..ความเจ็บจี๊ดจะประมาณไหนน๊า...




ซึ่งบอกเลยว่าเหมือนนอนทำสปา เพราะสบายสุดๆ เกือบหลับเลยจริงๆ

เพลินๆ ไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว.. ง่ายๆ คือไม่รู้สึกอะไรเลย และใช้เวลาน้อยมาก


เรามาดูรูปก่อนทำ หลังทำกันดีกว่าค่ะว่า 45 นาทีผ่านไป

ยกความย้วยของหน้าพี่วิได้ขนาดไหน




จะเห็นจากรูปด้านบน ว่าก่อนทำผิวพี่วิมีผื่น

ละเอียดๆ อยู่แล้ว และผิวกร้านๆ ค่ะ หลังทำผื่นที่หน้ายุบหายไปหมดเลย

ซึ่งคุณหมอแวนด้า ให้คำแนะนำพี่วิไว้เบื้องต้นว่า ถ้าทำทุก 3 เดือนในช่วง 1 ปีแรก

ผิวจะชุ่มชื้น กระชับ ละเอียด และสีผิวสม่ำเสมอมากค่ะ




เหนียงๆๆๆ ใต้คางพี่วิ..โอ้ยยย..กระชับทันทีจริงๆ




แนวกรามค่ะ..แนวกราม ชัดเจนมากกก




"เรียกว่าสร้างความประทับใจให้พี่วิได้แบบ... เห๋ยยยยย เริ่ดอ่ะ

มันเริ่ดตรงที่ไม่เจ็บค่ะ นอกจากยกกระชับ เก็บเหนียงและ ช่วยลดผื่นบนผิวได้ด้วยค่ะ"


โดยประสบการณ์ผ่านมือหมอมาพอสมควรเนี่ย555+(พูดอย่างภูมิใจเกิ๊นน)

ถ้าจะยกกระชับได้ระดับนี้ ต้องร้อยไหมเท่านั้นค่ะ แต่นี่เป็นเพียงการทำ HIFU

ซึ่งไม่ต้อง ฉีดหรือทายาชา แม้แต่นิดเดียว และใช้เวลาน้อยมากจริงๆ

45 นาทีนี่คือ ทำทั้งหน้านะคะ ถือว่ากระชับขึ้นมากจริงๆ โดยเฉพาะแนวกรามและเหนียงค่ะ


ทีนี้เรามารู้จัก HIFU ที่คุณหมอแวนด้า เลือกใช้ในคลีนิคดีกว่าค่ะ 

ว่ามีความแตกต่างและโดดเด่นจากที่อื่นอย่างไรบ้าง


HIFU SIGNATURE LIFT นวัตกรรมปรับรูปหน้า แบบไม่เจ็บ 

ผู้หญิงยุกต์ใหม่ ให้ความสำคัญในการดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมความงาม 

ทั้งทา ทั้งทำ ทั้งฉีด ขอให้เห็นผลที่สุด จะเจ็บแค่ไหนก็ยอม แต่จะดีสักแค่ไหน 

ถ้ามีนวัตกรรมตัวใหม่ ที่เห็นผลทันที แบบไม่ต้องรอนาน ที่สำคัญ ไม่ต้องทนเจ็บ 

และสามารถทำให้คุณสวยได้ทุกช่วงอายุ แล้วอายุจะเป็นแค่ตัวเลข

ที่ไม่สามารถพรากความสวยไปตามกาลเวลา กับนวัตกรรมใหม่ล่าสุด  

“HIFU Signature Lift  by Dr. VANDA”  คืนความอ่อนวัย ตอบโจทย์ความทุกความต้องการ

ของความงามบนในหน้า ความสวยแบบไม่ต้องทนต่อความเจ็บอีกต่อไป


นวัตกรรมปรับรูปหน้า แบบไม่เจ็บ “HIFU Signature Lift by Dr.VANDA”

ด้วยเทคโนโลยี High Intensity Focused Ultrasound ที่ได้รับยอมรับจากประเทศฝรั่งเศส 

ใช้รักษาคนไข้ในรายที่ไม่ต้องการศัลยกรรม ส่งผ่านพลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่

เต็มประสิทธิภาพลงสู่ผิวหนังได้สม่ำเสมอความถี่สูง ถึง 1,000 ครั้งต่อวินาที จนร่างกาย

ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการรักษา สามารถปรับระดับความลึกของพลังงานตั้งแต่ 1 – 5 มิลลิเมตร 

ช่วยลดไขมันบนใบหน้า แก้ปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย ปัญหาริ้วรอย ความหมองคล้ำ

บนใบหน้า ปัญหาคาง 2 ชั้น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา หนังตาตก เป็นการยกกระชับและการปรับรูปหน้า 

ให้มีมิติบนใบหน้าชัดเจน  ผิวหน้าเรียบเนียน ขาวใส ดูอ่อนกว่าวัย ปลอดภัย ไม่เจ็บ 

ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น เหมาะกับทุกคน ตั้งแต่ อายุ 30-60 ปี ที่มีปัญหาบนใบหน้า

จากอายุที่เพิ่มขึ้น ความเครียด มลภาวะต่างๆ คนที่ไม่มีเวลาไปดูแลผิวหน้านานๆ 

จากไลฟ์สไตล์ที่วุ่นวาย  คนที่ไม่มีเวลาพักพื้น คนที่อยากรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย 

ไม่อยากรู้สึกเจ็บเวลาดูแลผิวหน้า คนที่ไม่ต้องการพึ่งการทำศัลยกรรม สวยแบบธรรมชาติ 

กับนวัตกรรมที่คงความอ่อนเยาว์ แบบไร้กาลเวลา ฉีกกฎกลไกการสูญเสียความงาม ของมิติเวลา

อย่าปล่อยให้กาลเวลาพรากความสวยไปจากคุณ มาเป็นสาวไฮฟู HIFU Lady 

กับผลลัพธ์ที่สัมผัส พิสูจน์ได้  พร้อมเทคนิคพิเศษในการรักษาจากประสบการณ์ตรงของ 

คุณหมอแวนด้า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและผิวพรรณโดยเฉพาะ 

พร้อมจะดูแลทุกท่านอย่างเป็นกันเอง ดั่งเพื่อนสนิท ที่เฮลท์อเวนิวคลินิก 

ที่ให้คุณสวยแบบไม่พึ่งศัลยกรรม




จากรูปนี้คือ 2 เดือนกว่าแล้ว หลังจากที่ได้ไปทำมาค่ะ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า.. บล็อกนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน

ที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ HIFU อยู่นะคะ

ส่วนตัวพี่วิว่าได้ผลค่ะ แต่เราต้องเลือกที่เป็น HIFU ที่เป็นนวัตกรรมล่าสุดนี้นะคะ

สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้พี่วิรบกวนติดต่อสอบถามโดยตรงกับคลีนิคนะคะ

เพราะมีทำแยกเฉพาะส่วนของใบหน้าด้วย หรือทั้งใบหน้า หรือใบหน้าและคอ

รวมไปถึงการทำทั้งตัวด้วย จะได้คำแนะนำละเอียดกว่าพี่แน่นอนค่ะ

https://www.facebook.com/bydrvanda

#hifulady #healthavenueclinic #hifubydrvanda


Disclaimer:  Sponsored by:Health Avenue Clinic by Dr. VANDA




Create Date : 29 สิงหาคม 2559
Last Update : 31 สิงหาคม 2559 2:53:29 น.
Counter : 3892 Pageviews.

0 comment
Review: Skinboosters การบูสผิวหน้าให้ชุ่มชื่นอิ่มน้ำด้วย Restylane
สวัสดีค๊า..ได้ฤกษ์เขียนถึงการทำ สกินบูสเตอร์ผิวหน้าแล้วล่ะ
ต้องบอกว่าเป็นงานเขียน Review ที่ยาวนานเกือบ 3 เดือนกว่าจะเขียนเสร็จ
เพราะพี่วิต้องบูสผิวเดือนละครั้งค่ะ และก็อยากเห็นผลลัพธ์ชัวร์ๆ แล้วค่อยมาเม้าท์ให้ฟังกันอย่างนี้ล่ะ

อย่างที่ทุกคนได้เห็น จากการอัพเดทหน้าเพจเป็นช่วงๆ ว่าพี่วิ ได้รับเชิญ
ให้เข้าร่วมโปรเจค "The Skin Transformation Project with Restylane Skinboosters” 
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้นะคะ โดยทาง Restylane จะเลือกคุณหมอที่มีชื่อเสียงมากๆ ฝีมือเลิศๆ และมีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง มาดูแลให้กับแต่ละคนที่เข้าร่วมโปรเจคนี้ค่ะ ซึ่งคุณหมอที่ทำการบูสผิวหน้าให้พี่วิคือ
นายแพทย์พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ จาก AIC Clinic ค่ะ





ตอนนี้พี่วิผ่านการบูสผิวมา 2 ครั้งแล้วค่ะ ผลลัพธ์ที่ผ่านมาทั้ง 2 ครั้งถือว่า มากเพียงพอและสมควรแก่เวลาที่เราจะมาเล่าสู่กันฟังแล้วค่ะ 
มาดูภาพผลลัพธ์ในรอบแรกกันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง



ผลลัพธ์ชัดเจนมาก อยากรู้แล้วใช่มั้ยคะ..ว่าสกินบูสเตอร์ คืออะไร 
ทำหน้าที่อย่างไร และแตกต่างอย่างไรกับฟิลเล่อร์??

ก่อนอื่นเรามารู้จัก "สกินบูสเตอร์" กันก่อนนะคะว่าคืออะไร
“สกินบูสเตอร์”   คือ นวัตกรรมใหม่ล่าสุด เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและลดเลือนริ้วรอยต่างๆ 
ทั้งรอยเหี่ยวย่น หรือ รอยแผลสิวให้กับผิวหน้า ด้วยกระบวนการของนวัตกรรมเทคโนโลยี
สมัยใหม่ Non Animal Stabilize Hyaluronic Acid หรือ NASHA ที่ทำให้ได้เจล
ไฮยาลูโรนิคแอซิดซึ่งสมบัติใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดและมีความคงตัว
จึงสามารถคงอยู่ในผิวให้ความชุ่มชื่นได้เป็นระยะเวลานาน พร้อมคุณสมบัติเด่นตรงที่
แพทย์จะฉีดสกินบูสเตอร์ลงบนผิวหนังโดยตรง และโมเลกุลสกินบูสเตอร์จะถูกเก็บ
ไว้ในผิวชั้นหนังแท้และปล่อยความชุ่มชื่นอย่างต่อเนื่อง เปรียบเหมือนสร้างเขื่อน
กักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวชั้นหนังแท้ที่จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่นตลอดเวลาจากภายใน 

โดยผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา รวมถึงผ่านการรับรองจากกลุ่มประเทศในเครือสหภาพยุโรป 

ฟิลเลอร์ กับ สกินบูสเตอร์ นั้นต่างกันอย่างไร
การใช้ฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารช่วยเติมเต็มเข้าใต้ผิวหนังบริเวณจุดต่างๆ ของใบหน้า
เพื่อเติมเต็มในบริเวณนั้นๆ หรือปรับแต่งรูปทรงสัดส่วนของใบหน้าให้ได้รูปทรงที่
สวยงามมากยิ่งขึ้น เช่น ปีกจมูก สันจมูก ริ้วรอยใต้ตา ร่องแก้ม โหนกแก้ม ปลายคาง  
ริ้วรอยบนหน้าผาก 

ส่วนสกินบูสเตอร์ นั้นเป็นโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่เป็น Non animal stabilized 
hyaluronic acid ซึ่งมีขนาดของโมเลกุลที่เล็กมาก ออกแบบมาเฉพาะตัวให้มีความอุ้มน้ำ
ในระดับที่พอดีอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้และคงความชุ่มชื่นต่อเนื่องโดยไม่ทำให้ผิวบวม
หรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้าไป โดยผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนังให้กระจายทั่วใบหน้า เพื่อช่วย
เสริมสร้างการเก็บกักน้ำในผิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้น และดูเรียบเนียนอ่อนเยาว์

สกินบูสเตอร์ (Skinboosters) ใช้กับบริเวณใดได้บ้าง
การฉีดสกินบูสเตอร์นั้นใช้ฉีดเข้าบรเวณใต้ผิวหนัง โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จะทำการฉีดสกินบูสเตอร์ลงไปบริเวณผิวที่ต้องการรักษา ซึ่งเป็นได้ทั้งบริเวณใบหน้า 
ลำคอ หลังมือ และรวมถึงบริเวณเนินทรวงอก



ระยะเวลาในการเห็นผลการรักษา
คนไข้ส่วนใหญ่จะเห็นผลการรักษาทันทีหลังการรักษา ในกรณีที่ต้องการฉีดสกินบูสเตอร์
เพื่อรักษารอยหลุมสิว หรือร่องน้ำตา ส่วนภาวะผิวแห้งขาดน้ำ แห้งกร้าน หรือหมองคล้ำ
จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2-3 วัน และผลสามารถคงอยู่เป็นเวลาประมาณ 6 เดือน
ทั้งนี้ระยะเวลาคงอยู่ของการรักษาขึ้นกับปัจจัยของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ ^_^

สกินบูสเตอร์เหมาะกับคนไข้ประเภทใด
- คนไข้ที่ต้องการเติมเต็มร่องน้ำตา ร่องแก้ม หลุมสิว 
รูขุมขนกว้าง รอยย่นที่ลำคอ  หลังมือ
- คนไข้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ หมองคล้ำ ไม่สดใส

สกินบูสเตอร์ มีรูปแบบใดบ้าง
สกินบูสเตอร์  คือ ผลิตภัณฑ์ Restylane Vital light ซึ่งมีขนาด 1 มิลลิลิตร 
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ดูแลการฉีดและบอกถึงปริมาณที่ใช้
ซึ่งขึ้นกับใบหน้าและความต้องการของคนไข้แต่ละคน



ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับRestylane Skinboosters
Restylane Skinboosters มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและลดเลือนริ้วรอยต่างๆ 
ทั้งรอยเหี่ยวย่น หรือ รอยแผลสิวให้กับผิวหน้าบริเวณดังต่อไปนี้

1. หน้าผาก : ช่วยลดริ้วรอยที่เป็นเส้น ๆ และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
2. บริเวณรอบดวงตา : ลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตาและริ้วรอยรอบดวงตา
3. บริเวณทั่วใบหน้า : ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และทำให้ผิวดูเรียบเนียน
4. รอยหลุมสิว : ทำให้รอยหลุมสิวดูตื้นขึ้น เรียบเนียน
5. บริเวณรอบริมฝีปาก : ลดเลือนรอยเล็ก ๆ บริเวณริมฝีปาก
6. คอและบริเวณเนินอก : ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวหนัง
มีความเรียบเนียนและกระชับมากขึ้น
7. มือ : ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวหนังมีความเรียบเนียน 
มีความชุ่มชื้นและกระชับมากขึ้น

ทำไมต้อง Restylane
แพทย์ให้ความไว้วางใจ ในผลิตภัณฑ์ Restylane 
เพราะผลิตโดยกระบวนการ Minimal Stabilization คือ กระบวนการที่ทำให้เกิด
การเชื่อมโยงของสายโมเลกุล HA หลายๆสายผูกไขว้เข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้เปลี่ยนแปลง
โครงสร้างทางโมเลกุล HA น้อยกว่า 1 % เท่านั้น จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ 
และมีความบริสุทธิ์สูงมากปราศจากสิ่งเจือปนใดๆ ดังนั้นผลข้างเคียงจึงมีน้อยมาก
และมีความปลอดภัยสูง มีความคงตัวใต้ผิวหนัง ได้ผลที่ยาวนานกว่าสารเติมเต็มชนิดอื่น
และเกิดการรบกวนเนื้อเยื่อน้อยที่สุด 

รวมทั้งได้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย, 
CE Mark , FDA USA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แพทย์ทุกท่านจึงวางใจ
ในคุณภาพและความปลอดภัย



คุณสมบัติโดดเด่นของ Restylane
1. Restylane ไม่ได้ผลิตจากสัตว์ NASHA ( Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid ) 
จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้
2. Restylane เป็นผลิตภัณฑ์เพียงหนึ่งเดียวที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทาง
โมเลกุลน้อยที่สุด ( น้อยกว่า 1 % ) จนเหมือนสาร Hyaluronic Acid ที่อยู่ใน
ร่างกายมนุษย์มากที่สุด ( Minimal Stabilization ) จึงทำให้สามารถอยู่ในร่างกาย
ได้ยาวนานกว่าสารเติมเต็มชนิดอื่น
3. Restylane เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการยกผิวได้ดี ( Lifting Capacity ) เพราะ
ในเนื้อเจลมีความยืดหยุ่นสูง ( Elasticity ) จึงใช้ปริมาณเจลเพียงเล็กน้อยก็สามารถ
แก้ปัญหาริ้วรอยได้
4. Restylane เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำไว้รอบๆตัว เมื่อเวลาผ่านไป 
ความสามารถในการดึงน้ำเข้ารอบตัวยังคงมีประสิทธิภาพคงเดิม ( Isovolemic Degradation ) จึงเป็นคุณสมบัติโดดเด่นประการหนึ่งในการทำให้ Restylane 
คงอยู่ใต้ผิวหนังได้นานกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ

***********************************

อาล่ะค่ะ... มาถึงช่วงเม้าท์สบายๆ สไตล์พี่วิกันบ้าง
พี่วิเริ่มเข้าทำ สกินบูสเตอร์ ครั้งแรกในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ค่ะ
ก่อนทำมีการถ่ายรูปเก็บไว้ และไปทายาชา ทิ้งไว้ปนะมาณ 30-40 นาทีค่ะ 
จากนั้นเช็ดยาชาออก และฆ่าเชื้อด้วยการทาเบตาดีนค่ะ



พอถึงเวลาจะถึงการฉีดสกินบูสเตอร์ คุณหมอจะฉีดยาชาก่อนนะคะ 
โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาผิวหน้าที่หยาบกร้าน รูขุมขนกว้างๆ อย่างพี่วิ 
ต้องทำการบูสมากเป็นพิเศษ ควรให้คุณหมอฉีดบล็อคยาชาทั้งหน้าเลยค่ะ!!




เริ่มต้นบูสผิวแล้วววว...โดยการฉีดคุณหมอบอย ใช้เทคนิคเข็มทู่ ฉีดเก็บบริเวณใต้ตา (เจาะรูแค่ 2 จุด และค่อยๆฉีดกระจายใต้ผิวหนัง)

และใช้เข็มคม เก็บ Fine line ร่องที่ไม่ลึกมาก บริเวณร่องแก้ม ข้างปาก และแก้ม 
(โดยฉีดแบบตื้นๆเข้าสู่ชั้นหนังแท้ เพื่อให้ผิวดูชุ่มชื่น ฉ่ำน้ำ)

ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีค่ะจากนั้น
จะเป็นขั้นตอนการนวดประคบเย็น -15 องศา เป็นเวลา 20 นาที



หลังทำอาการเป็นอย่างไรบ้าง?
ส่วนตัวพี่วิเป็นคนผิวบอบบางแพ้ง่ายมาก และก่อนไปทำพึ่งหายจากภูมิแพ้ค่ะ
หน้าค่อนข้างแห้ง และริ้วรอยมากจริงๆ
คุณหมอเลยทำการบูสให้ผิวแย่ๆ กลับมาชุ่มชื้นให้ได้มากที่สุด พี่วิเลยเกิดอาการช้ำค่ะ

ซึ่งไม่ได้เกิดในทุกคนนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นรอยรูเข็มเล็กๆ เท่านั้นค่ะ
แต่ก็มีคนจำนวนนึงที่อาจช้ำได้เหมือนพี่วิ..ไม่ต้องตกใจนะคะ
เพราะจะหายช้ำได้ใน 1 อาทิตย์ค่ะ ^^




ความรู้สึกส่วนตัวในการทำ "Skin Boosters"
เจ็บไม๊?? บอกได้เลยว่าเจ็บค่ะ!! 
แต่ก็คุ้มค่ากับการได้ผิวดีๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาหลายปีมากๆๆๆ
ถือเป็นความโชคดีที่ได้มีโอกาสได้บูสผิวค่ะ
เพราะทำให้พี่สวยรับปีใหม่ 2558 นี้สมใจ
และสวยทันเอาใจคุณแฟนในวาเลนไทน์นี้พอดี ^_^



รู้สึกประทับใจมากจริงๆ เพราะแค่ 2 ครั้งผิวเปลี่ยนแปลงไปมาก
ชุ่มชื้นขึ้นสุดๆ ร่องลึกใต้ตา ร่องแก้มดูอิ่มกำลังสวย
ที่สำคัญรูขุมขนที่แก้มของพี่วิกระชับขึ้นมากกกก
แรกๆ แทบท้อใจเพราะเจ็บ..แต่พอเห็นผิวที่ได้รับกลับมาแล้ว
อยากให้มีโปรเจคนี้บ่อยๆ นะคะ 55555+

ซึ่งพี่วิยังเหลืออีก 1 ครั้งที่ต้องไปทำค่ะ
เพื่อที่จะได้ผิวที่ชุ่มฉ่ำ อิ่มน้ำแบบนี้ให้ยาวนานยิ่งขึ้น



หวังว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์คุ้มค่ากับการรอคอยการเขียนมาเกือบ 3 เดือนนะคะ
และหวังว่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้สาวๆ ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน
ไม่อิ่มน้ำ ริ้วรอยเยอะ หลุมสิวกว้าง รูขุมขนกว้างได้มีกำลังมากขึ้นนะคะว่า..
พวกเรายังมีโอกาสได้ผิวตอนสาวๆ กลับมาอีกครั้งแม้วันนี้จะ 40 อัพกันแล้วก็ตาม ^_^

สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำ "Skin Boosters"
แต่ละคลินิคราคาไม่เท่ากันนะคะ แต่จะเริ่มสตาร์ทที่ครั้งละ 30,000-50,000บาท
ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานที่ และคุณหมอแต่ละท่านด้วยค่ะ^_^

****************************
Disclaimer:  Sponsored by:  Galderma  (Thailand) ; Restylane



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2558 16:15:17 น.
Counter : 37668 Pageviews.

1 comment
Review: การยกกระชับหน้าด้วย QUEEN และ SONOQUEEN ที่ AMED Clinic


สวัสดีค๊า...วันนี้พี่วิจะมาถ่ายทอดประสบการณ์

การยกกระชับหน้าด้วยโปรแกรมอัลเทอรา ค่ะ

เพราะในวัย 40+ อย่างพี่วิ..ผิวหย่อนคล้อยมากกกกจริงๆ ค่ะ





หน้าพี่วิอย่างช่วงหางตา หน้าแก้ม แนวกราม คาง และเหนียงจุดเหล่านี้
จะดูหย่อนคล้อย ไม่กระชับมากๆ และจะชัดมากเมื่อเราถ่ายรูป 
และยิ่งเห็นชัดสุดๆ เมื่ออยู่ในกล้อง VDO!!

ด้วยงานและรักความสวยความงามเป็นชีวิตจิตใจอย่างพี่วิ ยังไม่อาจปล่อยตัวทิ้งร่าง
และละสังขารได้นะจ๊ะ  ดังนั้นอะไรที่ช่วยเยียวยาได้ และพี่วิพิจารณาแล้วว่าปลอดภัย
ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่มากจนเกินงามล่ะก็...พี่วิไม่พลาดแน่นอนค๊า...

และต้องบอกว่าโชคดีมากก...ของพี่วิค่ะ ที่ทาง 
AMED CLINIC สาขาทองหล่อ
ได้ให้เกียรติเชิญพี่วิเข้ารับคำปรึกษาเรื่องปัญหาผิวพรรณและโครงสร้างหน้าโดยรวมให้พี่วิ
บรรยากาศที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง..พี่วิขอพาทัวร์ค๊า
แสงไฟดูสว่างไสว ให้รู้สึกถึงความสะอาด และปลอดภัยเมื่อก้าวไปถึงค่ะ



เรียกว่างดงามอลังการค่ะ
เฟอร์นิเจอร์ดูหรูหรา สวยงาม ประดุจดั่งเจ้าหญิงน้อยๆ อย่างพวกเรา555
เราไปพบคุณหมอกันดีกว่าค่ะ

แพทย์หญิงแก้วโกสินทร์ คงสุทธิ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระชับสัดส่วนและชะลอวัย
พี่วินั่งปรึกษาคุณหมอแก้วอยู่พักใหญ่ๆ คุณหมอให้คำปรึกษาแนะนำทุกอย่างด้วยความเป็นกันเอง เห็นสวยแบบนี้ไม่ต้องกลัวนะคะ ตัวจริงเป็นสาวหวานและใจดีมากๆ (พี่วิดูจืดไปเลย 5555+)




คุณหมอแก้วแนะนำว่า..ขั้นตอนแรก อยากให้พี่วิปรับโครงหน้าทั้งหมด
ด้วยการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยด้วยวิธี QUEEN อัลเทอรา ไทท์ ค่ะ

สรุป เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายๆ คือ
ผิวของคนเราจะประกอบไปด้วย
ผิวหนังชั้นบนหรือหนังกำพร้า ไขมัน พังผืด และผิวหนังชั้นในอัลเทอรา เป็นการยิงแสงอัลตราซาวน์
ลงไปที่ชั้นพังผืด เพื่อกระตุ้นให้พังผืดเกิดการหดตัว และการหดตัวหรือรัดตัวนี้เอง
ที่จะเป็นการช่วยให้เกิดการยกกระชับขึ้นค่ะ

โอเค...เข้าใจแล้วค่ะ...งั้นกลับบ้านไปเตรียมพร้อมรับความสวยก่อน เปล่าหรอกค่ะ..
คุณหมอคิวแน่นมากๆๆ วันนี้ได้แค่ปรึกษาและนัดคิวค่ะ ดังนั้นใครสนใจ..แนะนำเลยค่ะ..
ว่าควรโทรสอบถามและขอจองคิวคุณหมอก่อน เพราะถ้าจู่ๆ  Walk in เข้ามาอาจไม่ได้ทำนะคะ

กลับมาถึงบ้านเลยหาข้อมูลอัลเทอรา จาก Web Site ต่างๆ  
และของ AMED CLINIC ได้ความตามนี้ค่ะ

QUEEN อัลเทอรา ไทท์  คือ
- การยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด 
-ด้วยระบบ ซุปเปอร์ นาโน อัลตร้าซาวน์ เทคโนโลยีเข้าไปสลายไขมันที่สะสมมานานหลายปี ให้สลายไป พร้อมกับ ยกกระชับผิวให้ตึงแน่น เหมือนผิวเด็ก 10 ขวบ 
-นวัตกรรม SonoQueen สามารถยิงคลื่นอัลตร้าซาวน์ เข้าลึกถึงชั้นผิว SMAS คือชั้นผิวที่ลึกสุด และ สามารถทำให้ผิวที่หย่อนคล้อย หดตัวลง และทำให้หน้าแน่นตึง ยกกระชับภายใน60-90วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุด ณ ตอนนี้ 

-หลังทำเห็นผลทันที 20-30% 
-หน้าเรียวกระชับตึงแน่น
-คอตึงไม่เหี่ยวย่น
-เก็บเหนียงยานใต้คอ เก็บกรอบหน้าให้มีมิติ
-ยกคิ้วหางหงษ์  ตาตกทำให้ดูแก่ แก้ไขได้ 
-แก้มเยอะ หน้าบาน ก็สามารถช่วยให้ใบหน้าเล็กลงได้ 
-มุมปากตก หน้าบึ้ง ทำให้ดูแก่ แก้ไขได้ค่ะ 

อุ๊ต๊ะ!!
อ่านคุณสมบัติของเครื่องนี้แล้ว...บอกเลยว่า!! เค้าสร้างมาเพื่อผู้หญิงอย่างพวกเราจริงๆ ค่ะ

ถึงวันนัดแล้ว...ไปดูรีวิวจากพี่วิกันค่ะ
อันดับแรกต้องกรอกประวัติก่อนนะจ๊ะ เคยแพ้อะไรมาไหม?? กรอกให้เรียบร้อย
จากนั้นไปทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที แล้วแต่ แต่ละคนค่ะ ซึ่งถ้าใครแพ้ยาชา 
หรือขึ้นผื่นคันได้ง่าย ควรบอกคุณหมอนะคะ เพราะจะได้ทายาแก้แพ้ให้ก่อนค่ะ ^^



ช่วงนี้สาวๆ อาจจะ Update Social กันไป...แต่เจ้ขอหลับค่ะ 555+
พอครบเวลาแล้ว..จะมีการทาเจลใสๆ ลงในจุดที่จะทำอัลเทอรา ค่ะ..ของพี่วิเริ่มจากแนวกรามก่อนเลย



คุณหมอแก้วเลือกระดับของเครื่องอยู่ระดับกลางๆ ค่ะ
พี่วิเป็นคนหน้าซูบโทรมได้ง่ายเพราะมีแก้มตอบมาก แต่แนวกรามหนามาก



ซึ่งหมอจะทำให้ครบทุกจุดเป็นด้านๆ ไปค่ะ  แต่รูปพี่วิอาจจะไม่ต่อเนื่องสักนิด..ขออภัยนะคะ ^_^



เสร็จจากคางแล้วมาต่อที่โหนกแก้ม  และหางตากันค่ะ




เก็บเหนียงขึ้นหน่อย...เพราะเริ่มมาแล้วค่ะ



ท้ายสุดคือหน้าผากค่ะ จากนั้นทำความสะอาดหน้า
และเราสามารถแต่งหน้าไปธุระต่อ ได้ตามปกติเลยค่ะ!!
ถามว่าเจ็บมั้ย??
อันนี้เจ้ไม่โกหกค่ะ!!.... เจ็บค่ะคุณ!!! 5555++  แต่ว่าเป็นความเจ็บที่ทนได้!! 

คือถ้าใครเคยฉีดยา หรือฉีดโบท็อกส์ จะไม่เจ็บจี๊ดๆ แบบนั้นค่ะ  แต่จะเป็นการปวดเบาๆ ตึบๆ 
เหมือนช่วงที่กำลังเดินยาซะมากกว่า หรืออาการเหมือนปวดฟันค่ะ ตึบๆ หน่วงๆ 
แต่จะปวดชัดขึ้นหน่อย!!..เวลาทำตรงช่วงที่มีกระดูก
เรียกว่าทนไหวค่ะ..ไม่ได้ทรมานอะไร..ด้วยระดับที่คุณหมอเลือกให้คือระดับกลางๆ นะ

ผ่านไป 1 อาทิตย์กว่าๆ เป็นอย่างไรบ้าง?? มาดูกันค่ะ

จากด้านข้างกันของหน้าหลังทำได้ 2 อาทิตย์ค่ะ



หน้าดูอิ่มเอิบขึ้นค่ะ ดูสดใสขึ้น
แก้มไม่ลึกตอบเหมือนเคย ซึ่งเรื่องแก้มตอบเนี่ย พี่วิเห็นผลตั้งแต่คุณหมอทำเสร็จเลยค่ะ
เห็นทันทีว่าแก้มที่ตอบดูอิ่มขึ้น แนวกรามหนาๆ ดูฟีบแบน แต่โครงหน้าชัดขึ้นนิดหน่อยค่ะ
ในส่วนของหน้าผาก ดูผิวยกขึ้น ทำให้ริ้วรอยแลดูจางลงค่ะ

วันนี้ครบ 4 อาทิตย์ค่ะ  ตั้งใจไปตรวจดูอาการ
บังเอิญทางคลินิกได้ทำการอัพเกรตตัวเครื่องเข้ามาใหม่ เพื่อนำนวัตกรรมที่ล้ำหน้ากว่าเข้ามา
แทนเครื่องเดิม ตัวนี้เริ่ดกว่าค่ะ ตรงที่มีการยิงคลื่นลงสู่ชั้นผิวได้หลายระดับขึ้น ลงลึกขึ้น 
ชื่อเครื่อง SonoQueen อัลเทอราพี
สามารถยกคิ้ว หางตา เหนียง แก้มย้อย ริ้วรอยตื้นได้เป็นอย่างดี
คุณหมอแก้วบอกว่า..ลองสักหน่อยเนอะพี่วิ..จะได้เม้าท์ได้ว่า  มันเริ่ดกว่าจริงไม๊ และตรงไหนบ้าง??
แหม่!! เจ้สายลองอยู่แล้ว...จัดไปค่ะคุณหมอแก้วววว!!! 555+



ข้อดีที่ชอบมากๆ คือ
ก่อนทำและขณะทำไม่ต้องลงยาชาทิ้งไว้ให้เสียเวลาและไม่ต้องประคบน้ำแข็ง
ให้เย็นจนปวดหน้าเลยค่ะ...เอ้ออ!! เริ่ดจริงค่ะคุณ!!



ที่เริ่ดไปกว่านั้น!!....ทำไปได้ครึ่งหน้าใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที
หน้าฝั่งที่ทำ SonoQueen อัลเทอราพี ดูยกขึ้นทันทีเลยประมาณ 30% ค่ะ
และจะยกกระชับขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 2 เดือนนะจ๊ะ!! และอยู่ได้นาน 1 ปีค๊า
ดูสิทั้งหางตา โหนกแก้ม แนวกราม และคาง ดูยกกระชับขึ้นจริงๆ
ขอเก็บอีกด้านนะ จะได้สมดุลกันค่ะ ^^



ความรู้สึกขณะทำ
รู้สึกได้เลยว่าลำแสงเส้นบางลง และ ลงลึกไปมากกว่า Queen Ulthera ตัวเดิมมาก
และไม่ได้ลงทีละลำแสงเหมือนตัวเดิมนะ แต่ลงครั้งนึงพร้อมๆ กันหลายๆ ลำแสงและลงแบบรัวๆ เลย
ทั้งที่ไม่ได้ลงยาชาแต่ไม่รู้สึกเจ็บ หรือปวดเลยค่ะ
อาจจะรู้สึกตึง หนืบๆ บ้างเวลาที่ทำช่วงแนวกราม หรือจุดที่มีกระดูก

SonoQueen Ultherapy คืออะไร
เป็นวัตกรรมการปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวน์เข้าผิวหน้าลึกถึงชั้น SMAS เข้ากำจัดไขมันส่วนเกิน
ใต้ผิวหน้า และเข้าไปปลุกคอลลาเจนใต้ผิว ให้มีการยึดผิวหนังและแน่นกระชับเหมือนผิวของเด็กอายุ10 ขวบ  แน่น ตึง กระชับทันที30%

SonoQueen อัลเทอราพี เหมาะกับ
-ผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่ใบหน้าดูหย่อนคล้อย อ่อนล้า
-หนังตาเริ่มตก แก้มห้อยๆ มุมปากตก 
-มีเหนียง แนวกรามหนา และหน้าดูหย่อนคล้อยไม่แน่นกระชับ  

ชั้นผิวทั้ง 3 ชั้น 
1. Epidermis ผิวหนังชั้นนอกสุด 
2. Dermis ชั้นผิวถัดมาจากชั้นหนังกำพร้าลึกลงมา
3. Smas คือชั้นที่อยู่ลึกสุด ซึ่งนวัตกรรม Sonoqueen นั้นเปรียบเสมือนการผ่าตัดดึงหน้า 
โดยไม่ต้องผ่าตัด เพราะเรามีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ล้ำหน้ามาก ณ ตอนนี้นั่นคือการปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวน์เข้าไปซ่อมแซมผิวชั้นลึกที่สุดอย่างชั้น Smas นั่งเอง
หัว Sonoqueen ขนาดต่างๆที่ใช้ยิงเข้าไปในชั้นผิวที่ลึกที่สุด มีทั้งหมด 3 รูปแบบคือ หัวขนาด M3 
คือหัวที่ใช้ยิงสำหรับร่องริ้วรอยเล็กๆที่ไม่ลึกมาก เช่น ใช้ในการยกคิ้ว ลดริ้วรอยหางตา หน้าผาก
 เป็นต้น หัวขนาด M4.5 คือหัวที่ใช้ยิงในส่วนที่มีปัญหามากๆ เช่น แก้มย้อย มุมปากตก 
แนวกราม และคอที่เหี่ยวยาน หัวขนาด M7 คือหัวที่พี่วิตื่นเต้นมาก ตรงที่เครื่อง Sonoqueen 
มีการยกกระชับหุ่นได้ด้วย เช่นการทำที่ท้องแขน เอว s-line ยกก้นหรือสะโพก 
และการทำยกกระชับหน้าอกด้วยเป็นอะไรที่เริ่ดมาก


ตารางเปรียบเทียบ และเพิ่มจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Sonoqueen คือเป็นเครื่องเดียว
ที่สามารถกระชับทั้ง Body เลยทีเดียว ตารางนี้ คือ การเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ว่า  
ความสามารถของเครื่อง แต่ละชนิดเป็นอย่างไร




แต่มาดูภาพเปรียบเทียบหน้าตรง
ตอนผ่านมา 1 อาทิตย์เกือบๆ 2 อาทิตย์ กันก่อนค่ะ


คุณพระ!! พี่วิไม่รู้ตัวหรอกค่ะ  มารู้ตอนเอาภาพมาเทียบกันนี่แหละ!!

หลังจากนี้
หน้าจะค่อยๆ ยกกระชับขึ้นเรื่อยๆ แล้วจะเข้าที่จริงจัง คือตอน 2 เดือนค่ะ หลังจาก 2 เดือนพี่วิจะอัพเดทหน้าผ่านทางเฟสบุ๊ค เปรียบเทียบให้ดูอีกครั้งนะคะ ^_^

ความรู้สึกหลังจากที่ได้เข้าคอร์ส Ulthera ทั้ง 2 เครื่อง!!
ประทับใจค่ะ เนื่องจากเห็นผลเลยในส่วนของแก้มที่ตอบดูอิ่มเติมเต็มขึ้น
แนวกรามและเหนียงดูกระชับขึ้นในระดับที่รู้สึกได้ทันที ไม่มีบาดแผล ปวดบ้างเล็กน้อย
ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังทำ ทุกอย่างเป็นปกติ ถ้าเทียบกับศัลยกรรมต้องผ่าตัดเลยพี่เลือก อัลเทอรา ค่ะ
ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องรักษาบาดแผล พี่ว่าอันนี้โอเคเลย ของพี่วิทำทั้งหมดประมาณ 300 ชอตค่ะ
เก็บทั่วหน้า คอและเหนียงค่ะ

** โดยการออกแบบรูปหน้า และการตั้งค่าพลังงานทั้งหมดนี้นั้น จะทำทั้งหมดกี่ชอตทางคุณหมอ
จะเป็นวิเคราะห์ในก่อนค่ะ และคุณหมอที่ทำต้องมีความเชี่ยวชาญและชำนาญมากนะ ถึงจะได้ 100%
สำหรับใครที่เลือกระดับการทำอัลเทอรา เป็น Lavel สูงสุด
อาจจะปวดและระบมมากกว่าพี่นะคะ แต่จะเห็นผลชัดกว่าพี่แน่นอนค่ะ
เพราะแสงจะเข้าไปได้ลึกกว่า..แต่พี่วิทนไหวที่ระดับกลางๆ ค่ะ ^_^

ราคาและโปรโมชั่นน่าสนใจแค่ไหน?? ตามนี้เลยค่ะ
SonoQueen อัลเทอราพี
ยกคิ้วและหางตา 100ชอต 39,900.- โปรโมชั่นเพียง 29,000.-
ยกแก้มย้อย 150ชอต 49,000.- โปรโมชั่นเพียง 34,900.-
คอและเหนียง 200ชอต 59,900.- โปรโมชั่นเพียง 39,000.-
เหมายกหน้า คอและเหนียง 300ชอต 74,900.- โปรโมชั่นเพียง 44,900.-
Extra 500ชอต 89,900.- โปรโมชั่นเพียง 59,900.-
**Promotion ถึง 31 สิงหาคม 2557 นี้ค่ะ

ขอขอบคุณ AMED CLINIC และคุณหมอแก้วมากๆ ค่ะ
ที่ดูแลโครงหน้าพี่วิให้สวย คมชัดขึ้น สร้างความมั่นใจให้พี่วิมากขึ้นจริงๆ



Disclaimer:  Sponsored by:  AMED CLINIC
hotline 084 680 8666 
Line ID : amedclinic


***Blog Repost***

เนื่องจากบล็อกนี้เคยเผยแพร่ไปตั้งแต่สิงหาคม 2557

แต่ติดคำภาษาอังกฤษบางคำที่เป็นลิขสิทธิ์ จึงมีการแก้ไขข้อความบางคำ

และเผยแพร่อีกครั้งในวันนี้นะคะ




Create Date : 14 มิถุนายน 2557
Last Update : 10 กันยายน 2560 13:37:41 น.
Counter : 9505 Pageviews.

0 comment
1  2  

beauty4ties
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 157 คน [?]



หวัดดีค๊า...วิค่ะ "งานไม่ใหญ่แน่นะวิ" ^_^

วิเริ่มเขียนบล็อกมาถึงปี 2566 นี้ก็น่าจะเกือบๆ 10 ปีได้แล้วหล่ะค่ะ ผลุบโผล่เป็นช่วงๆ หลักๆ วิเขียนรีวิวค่ะ ปัจจุบันก็พึ่งเริ่มหัดเป็นแม่ค้ามือใหม่

อยากเห็นทุกคนมีรอยยิ้มทุกวันน๊า..^_^

ฝากกดติดตาม Blog นี้กันด้วยนะคะ วิจะกลับมาอัพเดท เรื่องในวัย 50 ให้มากขึ้น นอกจากที่บล็อกนี้แล้ว..ทุกคนสามารถติดต่อพูดคุยกับวิทุกวันได้ที่ Facebook นะคะ --> Beauty4ties

ขอบคุณทุกคนค่ะ ^^
New Comments