A balanced state of mind is YOGA 
 
ปฏิบัติธรรมที่วัดถ่ำดอยโตนของครูหยีและสมาชิก

ธรรมะสวัสดีค่ะสมาชิกทุกท่าน ครูหยีพร้อมน้องจินได้กลับมาจากการปฏิบัติธรรม 7 วันที่วัดถ่ำดอยโตนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วค่ะ ก็เหมือนเคยนำบุญมาฝากทุก ๆ ท่าน ส่วนบุญส่วนกุศลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัตธรรมในครั้งนี้ขอมอบให้สมาชิกบ้านหยีโยคะทุกคน และสรรพสัตว์ทั้งหมดไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณด้วยเทอญ นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของค่าสมาชิกที่จ่ายให้กับบ้านหยีโยคะ และเงินออมจากกระปุกน้องเณรที่พวกเราสมาชิกได้ช่วยกันออมวันละเล็กวันละน้อย ซึ่งครั้งนี้ครอบครัวของน้องนกและน้องเจี๊ยบได้ร่วมทำบุญด้วยนั้น ได้ทำบุญเป็นปัจจัยสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมในรุ่นต่อ ๆ ไปแล้วค่ะ นอกจากนี้ครูหยีขอขอบพระคุณพี่เพื่อน ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้านหยีโยคะ ได้ขับรถไปส่งครูหยีถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมพร้อมทั้งทำบุญอาหารสดอาหารแห้งและถวายเทียนพรรษาให้กับทางวัดด้วย เอาพวกเรา สาธุ สาธุ สาธุ ดัง ๆ เลยค่ะ Smiley

การทำบุญ แท้จริงแล้วคือฝึกใจของเราให้มีการให้อย่างไม่หวังผล ฝึกการละ และเพื่อกำจัดความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ได้ออกไปจากใจนั้นเอง บุญเกิดเมื่อมีการคิดที่จะให้แล้วค่ะ (ลองสังเกตุใจที่คิดจะให้ซึ่งจะเบาและจิตที่คิดจะเอาจะหนัก)

เมื่อทำทานครั้งใด ท่านให้หมั่นอธิษฐานว่า ขอจิตเราจงสละความยืดมั่นถือมั่นผิด ๆ ได้โดยไม่เสียดาย เช่นเดียวกับที่ไม่เสียดายข้าวของซึ่งทำทานไปนั้น........

บุญไม่ได้มีเพียงการให้ทรัพย์เป็นทานเหมือนดังที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยเข้าใจกันนะคะ ก็ยังมีการรักษาศีล เจริญภาวนา การฟังธรรม การให้อภัย การให้กำลังใจ การสละเวลาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น คิดดีพูดดี ทำดี หรือรวมถึงการให้ธรรมะเป็นทานด้วยซึ่งถือเป็นการให้อันสูงสุด ซึ่งสิ่งที่พวกเรารวมกันทำในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ธรรมะสำหรับผู้สนใจและฝ่ายใจในธรรมด้วย สาธุ

สำหรับสถานปฏิบัติธรรมที่ไปในครั้งนี้ วัดถ่ำดอยโตน สวยงาม สงบ เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมเป็นที่สุด และที่สำคัญพระอาจารย์เจ้าอาวาสสอนเก่งจริง ๆ ค่ะ ท่านมีเทคนิด วิธีการที่ทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมเข้าใจในหลักธรรมะอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ และนำมาปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเลย ขอแนะนำเลยค่ะ ทางศูนย์มีทั้งคอร์ท 3 วันและ 7 วัน ผู้สนใจในธรรมและใฝ่หาความรู้ทางธรรม สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของศูนย์ปฏิบัติธรรมได้ที่ //vimuttidhamma.org/th/about-wat-tam-doi-tohn

มีสมาชิกบางท่านได้เคยถามว่า ทำไมต้องปฏิบัติธรรมด้วย ในเมื่อทุกวันนี้ก็เป็นคนดี ทำงานสุจริต ทำบุญตามโอกาส ช่วยเหลือคนอื่นเมื่อมีโอกาส ชีวิตก็เป็นสุขดีอยู่แล้ว คิดว่าหลาย ๆ ท่านก็คงคิดคล้าย ๆ กัน ครูหยีเองครั้งหนึ่งก็คิดอย่างนี้เหมือนกันค่ะ แต่หลังจากที่เข้าปฏิบัติธรรมหลาย ๆ ครั้ง เริ่มมีปัญญาขึ้นมานิดหนึ่งว่า เรานี่ช่างประมาทเหลือเกิน เพราะโลกนี้มีแรงดึงดูดยวนยั่วให้กระโจนลงที่ต่ำ เราถึงเห็นใบหน้าระทมทุกข์มากกว่าใบหน้าระรื่นสุข คนจนมากกว่าคนรวย คนผิวพรรณหยาบมากกว่าตนผิวพรรณดี คนขี้โรคมากกว่าคนแข็งแรง ยังทั้งสื่อต่าง ๆ ที่ออกมาทำให้สภาพแวดล้อมทั้งมวลพากันตะล่อมหลอกว่าภพหรือภาพที่ตามกระแส ตามกีเลสนั้นเป็นภพปกติของคนทั่วไป สังคมทั่วไปที่ควรจะเป็น เราถึงได้คิดว่าเราเป็นปกติเรามีชีวิตที่ควรแล้ว แล้วต่างคนต่างวิ่งตามกีเลส เพื่อมาเติมเต็มจิตของเราที่เรียกร้องอยู่ตลอดเวลาและเหมือนจะไม่มีวันที่จะพอและเต็ม เรากำลังวิ่งหาอะไรกันอยู่ค่ะ ความสุขหรือ ลองสังเกตุตนเองซิค่ะ ของบางสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยให้ความสุขกับเรา แต่วันนี้เรากลับไม่สนใจมันอีกแล้ว เพราะเรามีสิ่งใหม่ที่ดีกว่า แล้วชีวิตของคนเราจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หรือ?? น่าสนใจนะคะ เราจะปลอยให้ชีวิตของเราเป็นอย่างนี้หรือจะเปลี่ยนดีค่ะ พระพทุธเจ้าท่านได้ชีแนวทางการปฏิบัติที่ให้พ้นจากทุกข์ได้ค่ะ แต่พวกเราทั้งหลายต้องมาปฏิบัติด้วยตนเองค่ะ ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ และทางแห่งการพ้นทุกข์ นั้นคือการกลับเข้ามาศึกษาจิตใจของเรา เรากลับมาเป็นนายจิตของเรา สร้างกรรมใหม่ที่เป็นบุญเป็นกุศลขึ้นมา เป็นอิสระจากกีเลส เป็นไทกับตัว ชีวิตท่านจะเปลี่ยนไปจริง ๆ ค่ะ (ขอท้าพิสูจน์เลยค่ะ) ขอเป็นกำลังใจและอนุโมทนาบุญมาทุกท่านที่ได้เลือกเส้นทางธรรมและมีดวงตาเห็นธรรมด้วยเทอญ

อย่างที่ครูหยีเคยพูดไว้ว่าชาวเชียงใหม่ช่างมีบุญเหลือเกินที่มีสถานที่ปฏิบัติธรรมอยู่อย่างมากมาย และที่วัดถ่ำดอยโตนก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ขอนำเสมอ และนำภาพสวย ๆ มาเสนอ เพื่อให้ผู้สนใจปฏิบัติธรรมมีกำลังใจที่จะเริ่มค่ะ ซึ่งภาพโดยส่วนใหญ่จะเป็นฝึมือของน้อง ๆ ธรรมะบริกรที่มีจิตอาสาเข้าไปช่วยดูแลพวกเรา ขอกราบขอบพระคุณและอนุโทนาบุญด้วยค่ะ

 เริ่มจากหน้าศูนย์เลยค่ะ ศูนย์อยู่ตำบลแม่วาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ (ขับรถจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงค่ะ)




 หลังผ่านประตูทางเข้า จะเจอกับน้ำตกและสระน้ำ ร่มรื่นมากเลยค่ะ




อาคารสิริมหามายา เป็นอาคารบ้านดิน (ผนังดิน) เป็นบ้านพักสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมหญิ่ง จำนวน 24 ห้อง พื้นที่/ห้อง ขนาด ๘ ตร.เมตร






ห้องพักจะเป็นห้องพักเดี่ยว มีเตียงพร้อมเครื่องนอน รองเท้าแตะ โต๊ะอ่านหนังสือ ร่ม และไฟฉาย (ดูรายละเอียดของห้องพัก//vimuttidhamma.org/th/all-about-facilities-lodging-amenities"




 ศาลาปฏิบัติค่ะ

***************************************************

หลังจากชมภาพสวย ๆ ของสถานที่แล้ว สำหรับผู้ที่เริ่มสนใจที่เข้าปฏิบัติธรรม ตารางปฏิบัติโดยปกติจะเป็นลักษณะ ระฆังปลุก ตี 4 และเริ่มปฏิบัติร่วมกันที่ศาลาแห่งนี้ ตี 4.30 น. อาหารเช้า 6.00 น. หลังจากนั้น ช่วยกันทำความสะอาดตามที่ได้รับมอบหมาย แล้วเริ่มปฏิบัติ 7.30 - 11.00 น. อาหารกลางวัน 11.00 - 12.00 น. เริ่มปฏิบัติอีกที่ 12.30 จนถึง 17.00 น. พักดื่มน้ำปานะ ปฏิบัติพร้อมกันอีกที่ 18.30 น. จนถึง 21.00 น. (การปฏิบัติก็จะเป็นการเดินจงกรมและนั่งสมาธิสลับกันไปค่ะ)

**อาหารเป็นแบบมังสวิรัติ บางมื้อเห็นมีไข่ด้วยค่ะ ขอบอกว่าอาหารอร่อยมาก

** น้ำปานะ จะมี กาแฟ โกโก้ บางวันจะมีน้ำฟักทอง น้ำข้าวโพด

 ******************************************************

นอกจากปฏิบัติร่วมกันในศาลาแล้ว ในวันท้าย ๆ จะมีชั่วโมงอิสระที่ผู้ปฏิบัติสามารถเลือกไปปฏิบัติส่วนต่าง ๆ ของศูนย์ได้ค่ะ ยกเว้นห้องพัก




น้องริชชี่ และคุณแม่ นั่งสมาธิและเดินจงกรมที่ใต้ต้นโพธิ์



อีกภาพหนึ่งใต้ต้นโพธิ์




สุขจริงหนอ สงบจริงหนอ


นั่งสมาธิที่ถ่ำ




กำลังเดินไปห้องอาหารค่ะ ในใจก็ท่องแต่ว่าหิวหนอ หิวหนอ เมื่อไหร่จะถึงหนอ


ทางเดินไปถ่ำ





หลังอาหารเช้า ทุกคนจะมีหน้าที่ค่ะ ตั้งแต่ ทำความสะอาดห้องอาหาร ล้างห้องน้ำ ทำความสะอาดศาลาปฏิบัติ จตถึงกวาดลานวัด





บรรยากาศวันสุดท้ายของการปฏิบัติธรรม ดูมีความสุขและผ่อนคลาย ผู้ปฏิบัติธรรมรุ่นนี้มีเกือบ 50 ท่าน ก็เป็นการวมกันทุกรุ่นเลยค่ะ มีตั้งแต่นักเรียน นักธุรกิจ ข้าราชการ หมอ นักเขียน และครูโยคะ อายุตั้งแต่ 20 - 75 ปีเลยค่ะ ได้คุยกับป้า ๆ หลายท่าน ทุกท่านพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยค่ะว่ารู้อย่างนี้มาตั้งแต่สาว ๆ แล้ว ทำไมหนอถึงได้ปล่อยให้ชีวิตล่วงเลยมาถึงปูนนี้แล้วถึงมา สุขแท้มีจริงหนอ

********************************* 

ขอเพิ่มเติมอีกนิดสำหรับผู้ที่เริ่มสนใจเข้ามาอีกนิดหนึ่งแล้ว ว่า ผู้ปฏิบัติต้องถือศีล 8 ค่ะ (คือนอกจากศีล 5 ที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว เพิ่มมาอีก 3 ข้อค่ะ คือ ไม่ทานอาหารหลังเที่ยงวัน ไม่นอนที่นอนสูง รวมถึงไม่ตกแต่งด้วยเครื่องหอมและฟังและดูการละเล่นเพื่อความบันเทิง)

* ปิดวาจา คือเราจะไม่พูดกันเองระหว่างผู้ปฏิบัติ ตลอดเวลาการปฏิบัติในทุกสถานที่ ยกเว้นพูดกับพระอาจารย์หรือธรรมบริกรเท่านี้น  

เผื่อสนใจเช็ครายละเอียดตารางการปฏิบัติที่ //vimuttidhamma.org/th/current-retreat-schedule




ถ่ายภาพกับพระอาจารย์และผู้ปฏิบัติทั้งหมด





ครูหยีเองค่ะ ถ่ายรูปก่อนกลับ อาจจะได้กลับมาอีกเร็ว ๆ นี้





กับน้องจินค่ะ สมาชิกคนสวยของบ้านหยีโยคะ ซึ่งได้มาปฏิบัติที่นี้ถึง 4 ครั้งแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดี ๆ ที่ให้มา และยังพามาส่งบ้านด้วยค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยจ๊ะ สาธุ สาธุ สาธุ

*****************************************************










Create Date : 05 สิงหาคม 2555
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2557 11:55:03 น. 2 comments
Counter : 8025 Pageviews.

 
เป็นบุญเป็นกุศล แก่ตนเอง และคณะ 4 คน เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ไปกราบนมัสการพระอาจารย์ วัดถำ้ดอยโตน กับเพื่อนร่วมเดืนทางรวม 4 คน จึงขอขอบคุณ น้องพยาบาล อดีตรับราชการที่โรงพยาบาล ลำพูน 2ท่าน ที่เป็น ต้นบุญนำไป ชมถ้ำดอยโตน น้องพยาบาล ทั้ง 2ท่าน มีพรรษา การประพฤติปฏิบัติมาหลายปี
เมื่อ วันที่ 18พฤษภาคม 2557 ช่วงเช้าหลังออกจากปฏิบัติ 10วัน ตามแนวทาง ของพระพุทธเจ้า ตามคำสอนของ อาจารย์เอส เอ็น โก เอ็นก้า สีมันตะ จ.ลำพูน แล้ว น้องพยาบาล สองท่านเมตตา นำไปชมถำ้ดอยโตน เป็นครั้งแรก เยี่ยมมากจริงๆ สถานที่เงียบสงบ เหมาะแก่การ
ปฏิัติอย่างแท้จริง สะอาด ร่มรื่น มีห้องปฏิบัต สะอาด แขมีนักท่องเที่ยว แวะเวียนไปเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย อยู่ที่นี่ จนถึงเที่ยง ได้รับประทานอาหารอร่อ่ย มังสวิรัต ธรรมชาติล้วนๆ
อากาสดี อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ขุนเขา เงียบสงบจริงๆ
ขออนุโมทนา พระอาจารย์เจ้าอาวาสวัดถ้ำดอยโตน ผู้เผยแผ่ธรรม ของพระพุทธองค์ ได้ให้ผู้คน ได้ประพฤติ ปฏิบัติ ชำระกิเลส เข้าไปผ่าตัดจิตใจเบื้องลึก ขุดรากถอนโคน กรรมดำออกจากจิต ใต้สำนึก อันเป็นแหล่ง ที่สะสมไว้ มานับชาติไม่ถ้วน
ขออนุโมทนา
ธัญภา สุวรรณลิขิต
จากจังหวัดลำปาง


โดย: ูธัญภา สุวรรณลิขิต IP: 118.172.98.108 วันที่: 10 มิถุนายน 2557 เวลา:11:41:53 น.  

 
เคยไปสมัยเมื่อ 15 ปีมาแล้ว สมัยก่อนมีแค่ถ้ำและบ้านพักไม่กี่หลัง ตอนนี้ปฏิบัติเองที่ไร่รักธรรมะชาติ ที่หัวหิน สัปปายะมากๆคะ


โดย: อัครมณี IP: 192.99.14.34 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:20:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

ดอยวาวี
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ชื่อจริง บุษรา รัตนวาวี ชื่อเล่น ลูกหยี ค่ะ เป็นคนเหนือโดยกำเนิด ศึกษาและทำงานที่เชียงใหม่ จนอายุเกือบ 30 ปี จึงได้ตัดสินใจไปศึกษาปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งตอนที่เรียนที่ประเทศอังกฤษ ได้มีโอกาสรู้จักโยคะเป็นครั้งแรกและได้ฝึกมาตลอด ถึงแม้ว่าหลังจากสำเร็จการศึกษาและได้งานประจำที่กรุงเทพ แต่ก็ไม่เคยละทิ้งโยคะเลย ได้ศึกษโยคะหลาย ๆ แบบ ได้เข้าฝึกกับผู้ฝึกทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ จนค้นพบว่าโยคะที่เหมาะกับตนเองและคิดว่าจะฝึกไปตลอดชีวิตเลยคือ หะฐะโยคะ ซึ่งถือเป็นโยคะดั้งเดิมจากอินเดีย จึงได้ฝึกเฉพาะหะฐะโยคะตั้งแต่นั้นมา และมีโอกาสที่เข้าฝึกเป็นครูโยคะ ที่สุนีย์โยคะ กรุงเทพ เป็นเวลา 100 ชั่วโมง และได้สอนในโอกาสต่าง ๆ ในวันที่ว่างเว้นจากงานประจำ จนกระทั่งสิ้นปี 2009 จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เดินทางไปศึกษาโยคะและอายุรเวทที่อินเดียอย่างจริงจัง เป็นเวลา 3 เดือน (หลักสูตรครูโยคะ 1000 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเวลา 3 เดือนที่ได้ใช้โยคะเป็นวิถีแห่งชีวิต ได้มีโอกาสสอนคนทั้งคนแก่ คนท้อง เด็ก ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และรู้สึกถึงความสุขที่แท้จริง จึงได้ตัดสินใจที่จะแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ที่ตนเองได้ประสบมาจากการรู้จักโยคะ และได้ใช้โยคะเป็นวิถึชีวิต กับชาวเชียงใหม่ค่ะ

มารู้จัก บ้านหยีโยคะ ด้วยนะคะ
**ปัจจุบันนี้ ปี 2561 บ้านหยีโยคะ ได้เปิดมาครบ 7 ปีแล้วค่ะ
.....................................................................

บ้านหยีโยคะ ถูกสร้างขึ้นในบริเวณที่แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ในเดือนธันวาคม 2553 ด้วยความรักบวกกับความตั้งใจของครูหยีเพื่อโยคะโดยเฉพาะ และเน้นนโยบายของครูหยีเองว่า เพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยใช้ประสบการณ์ ความรู้ของตน พร้อมแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้กับสมาชุก ที่สำคัญสุดรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าสมาชิกจะใช้เพื่อการกุศล ตลอดเวลา 1 ปีที่ครูหยีได้เปิดสอนมานั้น ได้รับการต้อนรับจากชาวเชียงใหม่หรือแม้แต่คนต่างจังหวัดเป็นอย่างดีมาก ถึงแม้ครูหยีจะเปิดสอนเพียง 3 วันต่ออาทิตย์ก็ตาม รายได้ได้ถูกนำไปสร้างบุญสร้างกุศลอย่างมากมาย ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ จนถึงร่วมทำบุญซื้อที่ดินถวายวัด ช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษา ค่าอาหารต่อเด็กยากจน ตลอดจนเป็นปัจจัยสำหรับอาหารสำหรับผู้ปฏิบัตธรรมตามสถานที่ปฏิบัติธรรมต่าง ๆ แต่สิ่งที่ครูหยีประทับใจที่สุดคือสมาชิกหลายท่านมีสุขภาพทั้งกายและใจดีขึ้นมาก มีสติ หันมาศึกษาธรรมะ ดูแลสุขภาพของตนจากภายใน รักตนเองมีความมั่นใจในตนเอง พร้อมสิ่งดี ๆ อีกมากมาย ถึงแม้ว่าสิ่งที่ครูหยีทำอยู่อาจจะไม่ใช่สิ่งยิ่งใหญ่ แต่ตนเองก็ภูมิใจที่ได้ทำและจะทำไปเรื่อย ๆ เท่าที่เหตุปัจจัยจะนำพาไป ครูหยีขอถือโอกาสนี้กราบขอบคุณสมาชิกทุก ๆ ท่าน ที่ได้ให้การสนับสนุนบ้านหยีโยคะ และให้กำลังใจครูหยีในการทำความดีตลอดมา (ไป) ค่ะ
------------------------------------------------------------
update มกราคม 2556

ผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้วค่ะ บ้านหยีโยคะก็เปิดมาแล้วครบ 2 ปี และกำลังก้าวย่างสู่ปีที่ 3 ในปีที่สองที่ผานมาบ้านหยีโยคะได้มีกิจกรรมทำร่วมกับสมาชิกมากขึ้น ไม่ว่าจะไปปฏิบัติธรรมร่วมกัน ร่วมออกโรงทาน หรือไปแสวงบุญไกลถึงอินเดียร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมดี ๆ หลายอย่างก็ยังจะทำต่อเนื่องกันไปต่อไปค่ะ และการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างก็คือบ้านหยีโยคะได้เน้นกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนขึ้นคือจะเน้นรับสมาชิกที่เป็นวัยทำงาน ตั้งแต่ 30 ปีขั้นไป และในช่วงเช้าจะเน้นวัยผู้ใหญ่ที่ 40 ปีขึ้นไป เพราะครูหยีเห็นว่าผู้หญิงในแต่ละวัยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจที่ต่างกัน ควรจะได้รับการดูแลที่ถูกต้อง พร้อมกันนี้ ครูหยีได้เพิ่มและเน้นเรื่องของโภชนาการมากขึ้น แบ่งปันความรู้ในด้านของอายุรเวทมากขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนเลยค่ะ คือให้สมาชิกของเรานั้นได้มีความสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ฝึกเป็นหมอของตนเองค่ะ สังเกตุการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ปรับธาตุด้วยอาหาร ด้วยอารมณ์ ซึ่งได้รับความสนใจนำไปปฏิบัติจากสมาชิก เช่น การรับประทานอาหารเช้าที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ลดกินแป้ง ลดน้ำตาล ลดชา ลดกาแฟ ล้างพิษ ดำเนินชีวิตประจำวันอย่างผู้ฉลาด อย่างมีสติเป็นต้น และสมาชิกหลาย ๆ ท่านก็ได้นำความรู้ด้านอื่น ๆ มาแบ่งปันกันในกลุ่มสมาชิกด้วย ซึ่งครูหยีจะเน้นให้สมาชิกให้ดูแลร่างกายและจิตใจไปพร้อม ๆ กันอย่างเป็นองค์รวม ให้รักตนเองและดูแลตนเองให้ดีที่สุด เพื่อที่เราจะได้มัพลัง มีแรงที่จะไปรักและดูแลตนอื่นได้ค่ะ

แน่นอนว่าการที่บ้านหยีโยคะได้อยู่จนครบ 2 ปี และยังก้าวต่อไปพร้อมทั้งกิจกรรมมากมายที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นนั้น ได้รับการสนับสนุนและให้กำลังใจจากสมาชิกทุก ๆ ท่านและร่วมถึงครอบครัวของสมาชิกด้วย ครูหยีขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ ขอความดีทั้งหลายที่ท่านทั้งหลายได้ทำและสะสมมาจงคุ้มครองให้ท่านได้พบเจอแต่สิ่งดีงามและพบทางพ้นทุกข์ด้วยเทอญ

สำหรับตัวครูหยีเองก็ยังดำเนินชีวิตตามอุดมการณ์เดิมค่ะ ขอใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แบ่งปันให้มากที่สุด มีความสุขกับทุกลมหายใจ ปฏิบัติธรรมเพื่อศึกษาจิตตนให้ละเลิกกิเลสให้มากที่สุดและพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้นได้เห็นทุกข์และมีโอากาสได้ออกจากทุกข์ในเร็ววันค่ะ
--------------------------------------------------------------
update มกราคม 2557

ผ่านไปอีกปีแล้วค่ะ บ้านหยีโยคะได้อยู่ครบ 3 ปีแล้ว และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ตลอด 2556 ที่ผ่านมาบ้านหยีโยคะได้มีโอกาสต้อนรับพี่ ๆ น้อง ๆ อา ๆ ป้า ๆ กว่าร้อยท่าน หลาย ๆ ท่านอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เปิดครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ได้เห็นถึงสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น ๆ ของสมาชิก เป็นความรู้สึกปลาบปลื้มปิติจริง ๆ ค่ะ ขอขอบคุณที่รักตัวท่านเอง ขอขอบคุณที่ท่านได้ให้โอกาสกับบ้านหยีโยคะได้สร้างสิ่งดี ๆ ร่วมกันกับท่าน การพบแล้วจากเป็นธรรมดาของโลก แต่การเจอของเราในครั้งนี้ ไม่ธรรมดาค่ะ เพราะเราได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันและต่างก็เป็นเนื้อนาบุญของกันและกัน ของบุญรักษาท่านด้วยเทอญ

สำหรับตัวครูหยีเอง เป็นปีที่เดินทางบ่อยถึงบ่อยมาก อย่างที่ครูหยีชอบพูดอยู่เสมอว่าการเดินทางเป็นการเรียนรู้ค่ะ ระหว่างทางเราอาจจะเจอคนมากมาย ได้พบและเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือเรียนรู้ตนเองค่ะ ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมาพวกเราก็เรียน เรียนกันมาตลอด เราติดตามข่าว รู้เรื่องชาวบ้าน เพื่อนบ้าน แต่คนที่เรารู้จักน้อยที่สุดกลับเป็นตนเราเอง ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอย่างสงบ โดยเฉพาะช่วงปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้ตนเองมากขึ้นอีกนิดหนึ่งแล้วค่ะ มีชิวิตที่เป็นอิสระ เบา สบายมากขึ้น ทรัพสินภายนอกอาจจะไม่เพิ่ม แต่อริยทรัพย์ภายในเริ่มมีบ้างแล้ว ก็เป็นกำลังใจที่จะเดินเส้นทางนี้ต่อไปอีก ครูหยีซาบซึ้งใจอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งดี ๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้นกับครูหยีนั้นต้องขอบคุณครอบครัวที่ประกอบด้วยน้องชายทั้งสอง น้องสาว น้องสะใภ้ทั้งสองและหลาน ๆ ที่เป็นกำลังใจและช่วยเหลืออยู่เสมอ สมาชิกบ้านหยีโยคะทุก ๆ ท่าน และกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ให้กำลังใจอยู่เสมอมา ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

----------------------------------------------------------------
update เมษายน 2558

ผ่านไปแล้วอีก 1 ปี บ้านหยีโยคะอยู่อย่างมั่นคงครบ 4 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แล้วค่ะ ตลอดปีที่ผ่านมาบ้านหยีโยคะได้ต้อนรับสมาชิกมากมาย บางท่านอยู่กันหลายเดือน บางท่านก็ฝึกด้วยกันเพียงเดือนเดียว ซึ่งดิฉันเชื่อเสมอค่ะ พวกเราได้มาเจอกันก็ด้วยบุญ -กุศลที่ได้ร่วมสร้างกันมา ทุกคนที่เข้าสู่บ้านหยีโยคะจึงเสมอเหมือนญาติพี่น้องที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และพวกเราก็หนี้สัจธรรมไม่พ้นค่ะ ทุกอย่างคือความไม่แน่นอน ทุกอย่างคือการเปลี่ยนแปลง เมื่อมีพบย่อมมีจากเป็นธรรมดาของโลกจริง ๆ นะคะ อย่างไรก็ตาม ก็ขอขอบพระคุณท่านสมาชิกที่ได้แวะเวียนเข้าสู่ครอบครัวบ้านหยีโยคะ ท่านมาเราดีใจ ท่านจากเราคิดถึงนะคะ

ตลอดปีที่ผ่านมา พวกเราก็ยังมุ่งในการสร้างบุญสร้างกุศลมิได้ขาด โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ มีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างมากมาย ปัจจัยส่วนหนึ่งก็ได้แบ่งปันไปยังผู้ประสบภัยเหล่านั้นด้วยค่ะ ยิ่งอยู่นาน คงทำให้ประจักษ์ว่า ชีวิตนี้เหลือน้อยแล้ว ก็จำต้องเร่งสร้างบุญสร้างกุศล ฝึกจิตให้สูงขึ้น ลด ละ เลิก ในความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้ได้มากขึ้น

ขอบุญรักษา
----------------------------------------------------------------
ประวัติโดยย่อ ของครูหยี

ปัจจุบัน
เจ้าของและครูสอนโยคะที่บ้านหยีโยคะเชียงใหม่
ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง สงบ และมีความสุขกับทุกลมหายใจ
* ศึกษาและปฏิบัติธรรม
* ทำความดี
* นักเดินทาง

**สนใจและศึกษาเกี่ยวกับ

* จิต
* ธรรมชาติบำบัด
* อาหารบำบัดโรด
* สมาธิกับการดำเนินชีวิตประจำวัน
* เข้าอบรม และศึกษาโยคะอยู่สม่ำเสมอตั้งในประเทศและ
ต่างประทศ


ประวัติด้านโยคะ

- หลักสูตร Yoga Teacher training course จำนวน 1 ,000 ชั่วโมง ณ Yoga Institute, Mumbai อินเดีย (ปี2010)
- หลักสูตร ครูผู้นำโยคะ โดย โรงเรียนสุนีย์ โยคะ กรุงเทพ จำนวน 100 ชั่วโมง
- ฝึกและสอนโยคะมามากกว่า 10 ปี ทั้งในประเทศอินเดีย และไทย

** สำเร็จหลักสูตรครูสมาธิรุ่นที่ 29 กับสถาบันพลังจิตตานุภาพ วัดธรรมมงคล ปี 2555

ประวัติการศึกษา
- ปริญญาโท ด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว Bournemouth University ณ ประเทศ อังกฤษ (ปี 2000)
- ปริญญาตรี ด้านการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย พายัพ เชียงใหม่


ประวัติการทำงาน

- ผู้จัดการแผนกการศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ บริษัท Planit Consultants Bangkok กรุงเทพฯ (ปี2001-2009)
- ผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่
- หัวหน้าแผนกลูกค้าสัมพันธ์โรงพยาบาลราชเวช อุมลราชธานี
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมสุริวงค์เชียงใหม่
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า เชียงใหม่
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่

[Add ดอยวาวี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com