1 วัน เป่ยโถว+ตั้นสุ่ย ทริปนั่งรถไฟฟ้าสู่เมืองท่าประวัติศาสตร์แห่งเกาะไต้หวัน
 สถานที่ท่องเที่ยว : แม่น้ำตั้นสุ่ย (Tamsui River) ถ่ายจากวัดกวนตู้ (Guandu Temple), Taiwan พิกัด GPS : 25° 7' 4.08" N 121° 27' 50.43" E
ไทเปนับเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นวัดเก่าอย่าง วัดหลงซาน, ตึกสูงอย่าง ตึกไทเป 101, พิพิธภัณฑ์ต่างๆ เช่น National Palace Museum รวมทั้งตลาดกลางคืน ไปจนถึงธรรมชาติสวย ๆ อย่างอุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน ซึ่งทั้งหมดนี้ผมได้รีวิวไปในตอนก่อนๆแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่มาเที่ยวไทเปหลายวันจนเริ่มรู้สึกว่า เริ่มเบื่อที่นี่ อยากหาอะไรที่แปลกใหม่ ผมขอแนะนำให้ไปที่ เป่ยโถว (Beitou) และ ตั้นสุ่ย (Tamsui) ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กๆ ตั้งอยู่นอกกรุงไทเป สามารถเดินทางได้โดยรถไฟฟ้าได้อย่างสะดวกครับ
การเดิินทางมายังทั้งสองเมืองนี้ สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดง หรือที่รู้จักกันในชื่อ Tamsui-Xinyi Line ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักของระบบรถไฟฟ้าไทเป (Taipei Metro หรือ MRT) ที่เชื่อมต่อพื้นที่สำคัญของเมืองไทเปและพื้นที่โดยรอบ รวมทั้ง Taipei Main Station โดยในรีวิวชุดนี้ เราได้แวะเที่ยว 3 สถานีด้วยกัน ได้แก่ - สถานีซินเป่ยโถว (Xinbeitou station) ที่ใกล้กับแหล่งน้ำพุร้อน
- สถานีกวนตู้ (Guandu station) จากสถานีนี้เดินไป 10 นาทีจะเจอกับวัดกวนตู้ (Guandu Temple)
- สถานีตั้นสุ่ย (Tamsui station) มีย่านชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวริมแม่น้ำ
ย่านเป่ยโถว (Beitou District)
มาเริ่มกันที่ย่านแรกครับ นั่นก็คือ เป่ยโถว (Beitou) วิธีการเดินทางให้ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดงจาก Taipei Main Station มาลงที่ Beitou station จากนั้นต้องต่อรถไฟอีก 1 สถานีไปที่ Xinbeitou station ค่ารถรวมทั้งหมดอยู่ที่ 40 ดอลลาร์ไต้หวัน และใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีครับ (ย้ำว่า ถ้าจะไปเที่ยวต้องลงที่ Xinbeitou นะ ไม่ใช่ Beitou)
คำว่า เป่ยโถว (Beitou) มาจากภาษาของชนเผ่าพื้นเมืองบนเกาะไต้หวัน หมายถึง สถานที่ของแม่มด เพราะที่นี่มีบ่อน้ำพุร้อนทำให้ชนเผ่าพื้นเมืองมองว่า ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ ต่อมา เมื่อไต้หวันตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นพัฒนาพื้นที่เป่ยโถวให้เป็น เมืองออนเซ็นแบบญี่ปุ่น โดยสร้างโรงอาบน้ำ โรงแรม และระบบน้ำพุร้อน พอออกจากสถานีรถไฟฟ้า เราจะเจอกับสถานีรถไฟเก่าครับ สถานีนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1916 ในยุคที่ไต้หวันยังเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น และได้ถูกใช้งานเรื่อยมา จนถึงปี 1988 ที่ไต้หวันเริ่มสร้างรถไฟฟ้า MRT สถานีนี้รวมทั้งรถไฟก็เลิกให้บริการ ปัจจุบันภายในอาคารสถานีรถไฟถูกปรับปรุงให้เป็นนิทรรศการ บอกเล่าประวัติความเป็นมาของสถานีรถไฟแห่งนี้
ขบวนรถไฟเก่า
ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า เดินไปอีกไม่ไกล ก็เจอกับ ห้องสมุดเป่ยโถว (Beitou Library) ซึ่งเป็นหนึ่งใน ห้องสมุดที่สวยที่สุดในไต้หวัน และยังเป็น ห้องสมุดสีเขียวแห่งแรกของประเทศ เนื่องจากมีการออกแบบให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผสมผสานกับธรรมชาติรอบข้างได้อย่างลงตัว
ติดๆกับห้องสมุดจะมี Beitou Hotspring Museum ซึ่งเข้าชมฟรี ในอดีตที่นี่เคยเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะแบบญี่ปุ่น โดยสร้างมาตั้งแต่ปี 1913 เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น จนเมื่อไต้หวันถูกปกครองโดยเจียงไคเช็ก ที่นี่ก็ถูกปล่อยทิ้งร้าง จนชาวบ้านในบริเวณเมืองเป่ยโถว ได้เข้ามาทำการดูแลและพัฒนาจนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ เดินต่อไปอีก เราก็เจอกับ Thermal Valley หรือที่รู้จักกันในชื่อ หุบเขานรกแห่งเป่ยโถว (Hell Valley) เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนที่ร้อนที่สุดในไต้หวัน โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 80-100 องศา น้ำที่นี่มีแร่ธาตุ Beitou Stone ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบได้เพียงไม่กี่แห่งในโลก
อย่างไรก็ตาม บ่อนี้ร้อนเกินไปครับ แช่ไม่ได้ เดี๋ยวสุกก่อน แต่ใครที่อยากแช่ออนเซ็น แนะนำให้ไปตามโรงแรมต่างๆ หรือตามบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะ โดยออนเซ็นที่นี่มีทั้งแบบใส่ชุดว่ายน้ำกับแบบถอดหมด อันนี้ต้องเช็คเงื่อนไขแต่ละที่
สำหรับออนเซ็นที่ผมแช่ในวันนี้ เป็นบ่อของ โรงแรม Beitou Shanshui ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า ค่าเข้าอยู่ที่ 500 ดอลลาร์ไต้หวัน โดยผมซื้อคูปองผ่าน Klookไว้ล่วงหน้า ใครสนใจจองได้ที่นี่ครับ https://www.klook.com/th/activity/74504-hot-spring-beitou-voucher/ โดยรวมก็พอใจนะ มีทั้งบ่อทั้งแบบอินดอร์ และเอาท์ดอร์ น้ำที่แช่ก็ถือว่า โอเค ไม่ร้อนเกินไป คลายความเมื่อยล้าตลอด 10 วันของทริปไต้หวันไปได้เยอะเลย
วัดกวนตู้ (Guandu Temple)
หลังจากเที่ยวที่เป่ยโถวเสร็จ เราก็นั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีแดงต่อมาที่สถานี Guandu ครับ จากสถานีรถไฟฟ้า เดินต่อไปอีก 15 นาทีก็ถึงวัด (ใครจะไป แนะนำให้เปิด google map นะครับ เพราะป้ายทางไปวัด ขาดๆหายๆ แล้วต้องเดินเข้าซอยผ่านบ้านคนไป ค่อนข้างซับซ้อนลึกลับหน่อยครับ) วัดกวนตู้ (Guandu Temple) เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภาคเหนือของไต้หวัน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1661 เพื่ออุทิศให้กับ เจ้าแม่หม่าโจ้ว (มาจู่) เทพธิดาแห่งท้องทะเล
ภายในวัดมีอุโมงค์ยาวกว่า 80 เมตร ซึ่งนำไปสู่พระโพธิสัตว์กวนอิม ระหว่างทางเดินมีรูปปั้นเทพเจ้า 28 องค์เรียงราย เชื่อกันว่าสามารถปัดเป่าความชั่วร้ายได้
วัดตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตเป่ยโถว เมืองไทเป ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำตั้นสุ่ย
เมืองตั้นสุ่ย (Tamsui)
เมืองนี้อยู่สุดปลายทางของรถไฟฟ้าสายสีแดงเลย โดยเราต้องมาลงที่ สถานีตั้นสุ่ย (Tamsui) ครับ
ตั้นสุ่ย เป็นเมืองท่าเก่าแก่ในเขตนิวไทเป (New Taipei City) ตั้งอยู่ปากแม่น้ำตั้นสุ่ย (Tamsui River) ที่ไหลลงสู่ทะเลจีนตะวันออก ด้วยสภาพที่ตั้ง ทำให้เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกี่ยวข้องกับการค้าขาย และยังเคยตกเป็นอาณานิคมของชาติต่างๆ ทั้งฮอลันดา สเปน และญี่ปุ่น
พอเดินออกมาจากสถานีสิ่งที่เราจะเจอคือ ทางเดินริมแม่น้ำตันสุ่ย แนะนำให้มาเดินเล่นตอนเย็นครับ บรรยากาศดีมาก นอกจากทางเดินริมแม่น้ำแล้ว อีกฝั่งถนนยังมี ถนนเก่าตั้นสุ่ย (Tamsui Old Street) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขนม ของฝาก และคาเฟ่ดีๆเพียบ
ที่ตั้นสุ่ย มีโบสถ์เก่าแก่และสถานที่ทางศาสนาที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะโบสถ์ที่ได้รับอิทธิพลจากมิชชันนารีตะวันตกที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาในไต้หวัน หนึ่งในนั้นคือ โบสถ์ตั้นสุ่ย (Tamsui Church) ซึ่งเป็นโบสถ์โปรเตสแตนต์เก่าแก่ ก่อตั้งโดยมิชชันนารีชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 19 มีความสำคัญต่อการเผยแผ่ศาสนาและการศึกษาของไต้หวัน
หนึ่งในไฮไลท์สถานที่ๆต้องห้ามพลาดที่ตั้นสุ่ยก็คือ ป้อมซานโดมิงโก (Fort San Domingo) ครับ ป้อมนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาของเมือง มองลงมาเห็นแม่น้ำ จึงเป็นชัยภูมิสำคัญในการตั้งป้อมขึ้นที่นี่ (ที่นี่จะมีค่าเข้าอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ไต้หวัน)
ป้อมถูกสร้างขึ้นในปี 1629 โดยชาวสเปน ต่อมาดัตช์ก็ได้ขับไล่สเปนออกไป และได้สร้างป้อมใหม่ที่แข็งแรงยิ่งขึ้น จนเป็นป้อมแบบที่เห็นในปัจจุบัน
ต่อมาชาวจีนก็สามารถขับไล่ดัตช์ออกไปได้ จนเมื่อจีนแพ้สงครามฝิ่น อังกฤษได้เช่าป้อมนี้จากจีนและปรับปรุงให้เป็น สถานกงสุลอังกฤษ บนเกาะไต้หวัน
ปัจจุบัน สถานกงศุลอังกฤษได้รับการบูรณะและเปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
จากป้อม เราเดินลงมา จะเจอกับป้ายรถเมล์ แนะนำขึ้น รถเมล์สาย R26 นั่งไปลงที่ ป้าย Fisherman’s Wharf ค่ารถ 15 ดอลลาร์ไต้หวันครับ
บริเวณตรงนี้เป็นท่าเรือชาวประมง ซึ่งว่ากันว่า เป็นหนึ่งในจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะไต้หวัน นอกจากนี้ยังมี สะพานคู่รัก (Lover’s Bidge) เป็นสะพานสีขาวที่มีดีไซน์สวยงาม คล้ายใบเรือ
ปิดท้ายวันที่ตรงนี้เลยล่ะกันครับ จริงๆแล้วรูทเป่ยโถว+ตั้นสุ่ย ก็ถือเป็นรูทยอดนิยมสำหรับ one day trip นอกกรุงไทเป ถ้าใครสนใจอยากสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ ออนเซ็น วัฒนธรรม และวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ แนะนำให้มาเที่ยวตามแพลนนี้ได้เลย ที่สำคัญรูทนี้เที่ยวง่ายมาก เพราะทั้งสองเมืองนี้อยู่บนสายเดียวกัน (สายสีแดง) ไม่ต้องเปลี่ยนสายให้ยุ่งยาก
สุดท้ายนี้ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นไอเดียให้กับทุกคนที่กำลังวางแผนเที่ยวไต้หวันนะครับ ถ้าใครได้ลองเดินทางตามรูทนี้แล้ว อย่าลืมมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางให้ฟังกันบ้างนะบล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง
Create Date : 19 มีนาคม 2568 |
Last Update : 22 มีนาคม 2568 22:59:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 260 Pageviews. |
 |
|