4 วัน 3 คืน กัวลาลัมเปอร์ สีสันเมืองหลวงแห่งประเทศมาเลเซีย (ตอนที่ 3: เก็นติ้งไฮแลนด์+Aquaria KLCC)
สถานที่ท่องเที่ยว : วัดชินสวี เก็นติ้งไฮแลนด์, Malaysia พิกัด GPS : 3° 24' 48.74" N 101° 47' 16.95" E
วันที่สาม
หลังจากที่เที่ยวในเมืองกัวลาลัมเปอร์มาแล้วทั้งสิ้น 2 วัน ในวันนี้ผมจะพาออกนอกเมืองกันบ้างครับ โดยจุดหมายปลายทางของเราวันนี้ เป็นเมืองบนที่สูงทีมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ที่นี่จึงกลายมาเป็นสถานที่ตากอากาศของชาวกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต เมืองนั้นมีชื่อว่า เก็นติ้งไฮแลนด์ (Genting Highland) ครับ
เก็นติ้งไฮแลนด์ (Genting Highland) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บน แนวเทือกเขาติติวังสา (Titiwangsa Mountain) ของประเทศมาเลเซีย และอยู่ในเขต รัฐปะหัง (Pahang) ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์แค่ 50 กิโลเมตร เราจึงสามารถเที่ยวที่นี่แบบ one day trip จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ครับ ด้วยความที่เก็นติ้งไฮแลนด์ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงกว่า 1,500 เมตร ทำให้ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี จึงมีการพัฒนาให้เป็นสถานที่ตากอากาศหลบร้อนของชาวมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสวนสนุก, รีสอร์ท, กาสิโน ไปจนถึงวัด ซึ่งเราจะไปเที่ยวกันในวันนี้
สำหรับการเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังเก็นติ้งไฮแลนด์มีอยู่ด้วยกันหลักๆ 3 วิธีครับ
(1) รถบัส เป็นวิธีที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุด โดยเราต้องไปขึ้นที่ KL sentral โดยค่ารถจะอยู่ที่ 10-15 ริงกิต หรือประมาณ 75-110 บาทต่อเที่ยว (ถ้าจะไปวิธีนี้แนะนำให้มาจองตั๋วรถบัสล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วันนะครับ ไม่งั้นอาจจะเต็มได้)
(2) แท็กซี่ หรือ Grab ข้อดีของวิธีนี้คือ รถจะรับส่งเราถึงโรงแรมเลย แต่วิธีนี้แพงครับ ค่ารถจะอยู่ที่ 100-150 ริงกิต หรือประมาณ 750-1,100 บาทต่อเที่ยว (ถ้าเดินทางหลายคนก็คุ้มอยู่)
(3) จองรถผ่านแอป Klook วิธีนี้ก็เหมือนกับแท็กซี่ครับ ก็คือรถจะมารับส่งถึงที่พักเราเลย แต่รถที่มารับส่งจะเป็นรถคันใหญ่ แชร์กันกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ค่ารถจะคิดราคาต่อหัวคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่คนละประมาณ 300 บาท
ใครสนใจสามารถดูรายละเอียดและจองได้ที่นี่ครับ https://www.klook.com/th/activity/99412-one-way-transfer-kuala-lumpur-genting-highlands/ ในทริปนี้ขาไปผมจองรถผ่าน Klook ให้มารับที่โรงแรม ส่วนขากลับ ผมกลับด้วยรถบัสครับ
ถ้าใครที่เดินทางมาด้วยรถแท็กซี่ หรือรถรับส่งผ่าน klook เราสามารถที่จะให้รถไปส่งตามรีสอร์ทข้างบนเขาก็ได้ ส่วนใครที่มาด้วยรถบัส รถจะพาเราไปส่งที่ Awana skyway ซึ่งเป็นสถานีกระเช้าสำหรับขึ้นไปข้างบนเก็นติ้งไฮแลนด์ จากตรงนี้เราจะต้องไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าจากตู้อัตโนมัติ กระเช้ามี 2 แบบครับ ได้แก่
1. Standard Gondola (กระเช้ามาตรฐาน) - เที่ยวเดียว: ประมาณ 9 ริงกิต (ประมาณ 70 บาท)
- ไป-กลับ: ประมาณ 16 ริงกิต (ประมาณ 125 บาท)
2. Glass Floor Gondola (กระเช้าพื้นกระจกใส) - เที่ยวเดียว: ประมาณ 9 ริงกิต (ประมาณ 70 บาท)
- ไป-กลับ: ประมาณ 16 ริงกิต (ประมาณ 125 บาท)
Tip: แนะนำให้พยายามแพลนเที่ยวเก็นติ้งในวันธรรมดานะครับ คนน้อยมาก แทบไม่ต้องรอคิวขึ้นกระเช้าเลย กระเช้าขึ้นไปบนเก็นติ้งไฮแลนด์จะมีอยู่ด้วยกัน 3 สถานี ได้แก่ - Awana station ซึ่งตั้งอยู่ล่างสุดสำหรับให้เราขึ้นไปบนเก็นติ้งไฮแลนด์ ใกล้ๆกันจะมี Genting Highland Premium Outlet ให้ช็อปปิ้งครับ
- Chin Swee station ตรงนี้จะมีวัดจีนครับ
- Sky Avenue station ที่นี่มีทั้งสวนสนุกในร่ม สวนสนุกกลางแจ้ง ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ไปจนถึงกาสิโน
เราเริ่มจากนั่งกระเช้าขึ้นไปยังสถานีบนสุด นั่นก็คือ Sky Avenue station ก่อนครับ ที่นี่จะมีสวนสนุกในร่มที่เรียกว่า Skytropolis ตั้งอยู่ เราไม่ได้เล่นอะไรที่สวนสนุกนี้ครับ แค่เดินถ่ายรูปเล่นเฉยๆ สวนสนุกนี้เข้าได้ฟรีครับ ไม่เสียเงิน แต่ถ้าจะเล่น ต้องจ่าย 65 ริงกิต เล่นได้ทุกเครื่องเล่นเลย (เครื่องเล่นส่วนใหญ่เหมาะสำหรับเด็กมากกว่าครับ) นอกจากสวนสนุกในร่มแล้ว ที่นี่ยังมีสวนสนุกกลางแจ้งที่ชื่อว่า Genting skyworld ซึ่งเราไม่ได้เข้าครับ เพราะวันที่ไปมีฝนตก
เนื่่องจากฝนตก เราเลยเลือกมาเดินเล่นตากแอร์ หาข้าวกินที่ ร้าน Madam kwan's ซึ่งเป็นร้านอาหารมาเลเซียชื่อดัง อาหารที่แนะนำให้สั่ง ได้แก่ นาซิเลอมัก (Nasi Lemak) ที่เป็นข้าวหุงด้วยกะทิ ทานคู่กับไก่ ปลาทอด และน้ำพริกสไตล์มาเลเซียที่เรียกว่า ซัมบัล (Sambal) ราคาจานนี้อยู่ที่ 23.90 ริงกิต หรือประมาณ 190 บาทครับ พอทานอาหารเที่ยงเสร็จ เราก็เดินเล่นย่อยอาหารสักพัก จากนั้นก็นั่งกระเช้าลงมายังจุดที่สอง นั่นก็คือ Chin Swee station ครับ ที่สถานีนี้มีวัดจีนที่ชื่อว่า วัดชินสวี (Chin swee temple) ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระภิกษุจีนชื่อ ชินสวี ที่ได้รับการนับถืออย่างสูงในชุมชนชาวจีนโพ้นทะเล เนื่องจากมีความสามารถพิเศษในการทำให้ฝนตกและขจัดวิญญาณชั่วร้ายได้ วัดนี้สร้างขึ้นโดยเงินทุนของ ลิมโก๊ะตง (Lim Koh Tong) ซึ่งเป็นผู้ที่ก่อตั้งเก็นติ้งไฮแลนด์ ตั้งแต่ปี 1975 และแล้วเสร็จในปี 1974 รวมระยะเวลาในการก่อสร้างถึง 18 ปี ด้วยเหตุนี้บริเวณตัววัดจะมีอนุสาวรีย์ของลิมโก๊ะตง ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า
ภายในวัด ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างและประติมากรรมต่างๆ ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมจีน อาทิเช่น เจดีย์ 9 ชั้น ภายในวัดยังมีถ้ำจำลองที่เล่าเรื่องราวของ สิบห้องนรก ตามความเชื่อของชาวจีน ซึ่งอธิบายถึงการตัดสินวิญญาณหลังความตาย ชุมนุมทวยเทพ ตามคติความเชื่อของชาวจีน
ไซอิ๋วก็มาครับ
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดภายในวัดแห่งนี้ก็คือ พระพุทธรูปปางสมาธิ แบบจีนครับ โดยพระพุทธรูปนี้ตั้งอยู่โดยมีฉากหลังเป็นภูเขา ให้อารมณ์เหมือนเราอยู่ในภูเขาในนิยายกำลังภายในของจีน เที่ยววัดเสร็จก็ได้เวลาลงจากเขาด้วยกระเช้าเหมือนเดิมครับ พอลงมาถึงข้างล่าง พบว่ายังพอมีเวลาเหลือเลยไปเดินดูของที่ Genting Highland Premium Outlet แต่เท่าที่ดูราคาคร่าวๆ ก็พบว่า มันไม่ได้ถูกเท่าไหร่ เลยอดเสียเงินเลย
เมื่อได้เวลาเราก็ขึ้นรถบัสกลับเข้าตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ครับ
ลืมบอกไปว่า ตั๋วรถบัสควรจองล่วงหน้า อาจจะเดินมาซื่อตั๋วตอนมาถึงที่สถานีกระเช้าก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวข้างบนก็ได้ จะได้แพลนเที่ยวถูกว่า ควรเที่ยวกี่ชั่วโมง และควรลงมาตอนกี่โมง (ระวังตั๋วหมด โดยเฉพาะช่วงวันหยุด)
เรากลับมาถึงที่กัวลาลัมเปอร์ตอนประมาณ 4 โมงเย็น เนื่องจากเวลาเหลือ เราเลยนั่งรถไฟฟ้าไปที่สถานี KLCC อีกรอบหนึ่ง เพื่อไปที่ Aquaria KLCC ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตั้งอยู่ใกล้กับตึกแฝดปิโตรนัส
Aquaria KLCC มีค่าเข้าชมคนละ 75 ริงกิตสำหรับผู้ใหญ่ (ประมาณ 560 บาท) และ 65 ริงกิตสำหรับเด็ก (ประมาณ 485 บาท) ภายในมีการจัดแสดงตามสภาพแวดล้อมทางน้ำที่แตกต่างกัน เช่น - Rainforest: แสดงชีวิตสัตว์น้ำในป่าฝน
- Coral Reef: มีชีวิตใต้ทะเลที่หลากหลาย
- Deep Ocean: สัตว์น้ำจากทะเลลึก
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Aquaria KLCC ก็คือ อุโมงค์ใต้น้ำยาว 90 เมตรที่ให้ผู้เข้าชมเดินผ่านและชมสัตว์น้ำที่ว่ายอยู่รอบตัว โดยเฉพาะฉลามและปลากระเบน โดยรวมที่นี่ก็ถือว่าใช้ได้ครับ แม้ว่าค่าเข้าจะแพงไปนิดก็ตาม เอาเป็นว่าถ้าใครมีเวลาเหลือลองมาดูแบบเราก็ได้ครับ
สำหรับริวิวทริปกัวลาลัมเปอร์ในวันที่สาม ก็ขอจบเพียงเท่านี้ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมครับ ในตอนหน้าจะเป็นการเดินทางในวันสุดท้ายของทริป ซึ่งเราจะไปเที่ยวที่เมืองศูนย์ราชการของมาเลเซียอย่าง ปุตราจายา (Putrajaya) ก่อนเดินทางกลับเมืองไทยที่สนามบิน KLIA2 ฝากติดตามต่อในตอนต่อไปด้วยนะครับบล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2567 |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2567 22:10:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 199 Pageviews. |
|
|