Suckoja in Japan - Day 5 - ~Arima Onsen~



มันก็เหมือนกับการที่เราพยายามขจัดเสี้ยนหนามที่รบกวนจิตใจอยู่กระมัง เป็นเวลานานนับ 2
เดือนได้แล้วล่ะครับที่ผมลืมอัพเดตให้ซีรีย์ท่องเที่ยวมีสาระอย่างหลบๆซ่อนๆของผมที่ดินแดน
อาทิตย์อุทัย เอาเป็นว่าผมกลับมาสะสางต่อกะหมายความจะเอาให้จบในระลอกนี้ไปเสียให้สิ้น
พร่ำมากคงไม่ดี เชิญอ่านเนื้อความวันที่ 5 ต่อได้เลยละกันครับ

เริ่มวันที่ 5 กันอย่างปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครา เมื่อแผนที่วางเอาไว้ว่าจะหาที่พักสำหรับ
การไปแช่บ่อน้ำร้อนยังไม่ได้เป็นตัวเป็นตนเลย แม้จะเสียเวลาเสิร์จหาอยู่เป็นชั่วโมงเมื่อคืน
ที่ 4 แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลเป็นชิ้นเป็นอันอยู่ดี สุดท้ายเกดจึงแนะนำให้ไปขอความช่วยเหลือ
จากคุณซูเปอร์เลขา (ที่กระผมจำนามไม่ได้แต่ชื่นชมในความสามารถขั้นเทพของเธอ) โดย
เราเดินทางกันไปมหาลัยเกียวโตกันอีกครา นอกจากเพื่อกินข้าวเช้าแล้ว ยังหมายรวมถึงการ
ไปพบคุณซูเปอร์เลขาด้วย เกดขึ้นไปหาคุณเลขาเพื่อขอความช่วยเหลือก่อน ส่วนพวกผมก็กิน
ข้าวหน้าหมูทอดราคาถูกของโรงอาหารกินพ่วงซุปมิโสะกับชาเติมฟรีจนมีกิริยาอันไม่พึงประสงค์
หลุดออกมาด้วย (เอิ๊บ~) เมื่อเดินไปที่ตึกเรียนหลักของเกด ขณะที่รออยู่หน้าตึก ผมก็สนุกกับ
การเก็บภาพของนักศึกษาที่ขี่จักรยานสัญจรไปมากันเพื่อจะเข้าเรียนวิชาช่วงเช้ากันให้ทัน เห็น
แล้วนึกถึงบรรยากาศสมัยยังเป็นนักศึกษาอยู่มิคลาย ตึกเรียนของที่นี่ให้บรรยากาศแบบเก่าๆที่
เห็นแล้วสุขใจ ถ้าได้มาศึกษาต่อที่นี่คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว ขณะที่ความคิดเหล่านั้นกำลังแล่น
ผ่านก้อนสมองน้อยๆ คุณซูเปอร์เลขาจึงเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกระดาษแฟกซ์แนะนำบ่อน้ำ
ร้อนโดยเสร็จสรรพ ทำให้เราได้ที่หมายคือแหล่งน้ำพุร้อนอาริมะในโกเบ เมื่อได้ที่หมายแล้ว
ผม โอ และทพี่อาร์ทจึงจับรถเมล์ไปยังสถานีเกียวโตอีกครา เพื่อนั่งรถไฟไปโกเบกันอีกรอบ
จากนั้นจึงขึ้นรถเมล์ขึ้นภูเขารกโกะไปยังที่หมาย ยอมรับทีเดียวครับว่าการนั่งท้ายรถเมล์ที่
ขึ้นภูเขานั้นชวนให้เวียนหัวอยู่พอตัว แต่ก็ชอบใจกับความสบายๆในการขับของโชเฟอร์ทีเดียว
เมื่อถึงที่หมายในอีกชั่วโมงถัดมา เราก็เดินหาที่พักกันก่อนเลย เดินไปได้ซักครู่ก็เจอโรงแรม
โอคุโนะโบ ถามความกันเล็กน้อย (ด้วยความขี้เกียจหาต่อ) ก็ตกลงพักกันที่นี่เลย โดยพวก
เราทำการจองในนามชื่อของผม เมื่อจองและฝากกระเป๋าไว้แล้ว พวกเราจึงออกไปตระ
เวณรอบๆกัน โดยเราลงไปถ่ายรูปกันในแม่น้ำอาริมะกันแล้ว เราก็เข้าร้านอุด้งกินกันแบบ
พอหอมปากหอมคอ จากนั้นจึงออกเดินตระเวณโดยรอบตามแผนที่ โดยมีเป้าหมายจะเดินวน
ให้ครบ 9 เก้าวัดที่อยู่ในแผนที่ท่องเที่ยว ลักษณะวัดของที่นี่จะออกแนวศาลเจ้าเล็กๆเสียมาก
กว่า เราเดินขึ้นเดินลงลัดเลาะไปตามป่าเขา แล้วทะลุมาออกเขตที่พักอาศัย ผมเห็นร้าน
เหล้าก็เลยแวะเข้าไปทักหมายจะหา Hoppy ติดมือไปด้วย แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีขาย
ก็เลยเซ็งไป เมื่อเดินไปอีกหน่อยลองเข้าไปดูในร้านจักสาน เห็นคุณลุงในรูปกำลังทำงานอยู่
ก็รู้สึกชื่นชม เดินเข้าไปดูราคาสินค้าแล้วพี่อาร์ทก็พูดออกมาเลยว่า "คนงานที่บ้านพี่ทำออก
มาได้สวยกว่านี้อีก" ...คือราคามันเป็นแสนเยนเลยน่ะครับ ก็ว่ากันไป พวกเราจึงออกเดิน
กันต่อไป ข้ามสะพานไปทางนู้นทางนี้ไล่ตามหาวัดตามแผนที่ไปเรื่อยๆ ผมลองเสี่ยงไต่เขา
ไปเก็บรูปของดอกไม้นานาพรรณที่ขึ้นอย่างสวยงาม จากนั้นเราก็เดินย้อนลงมาเจอะกับโรง
แรมของเราอย่างพอดิบพอดี แต่เนื่องจากแรงยังไม่หมด และยังวนไม่ครบทุกวัด เราจึงเดิน
กันขึ้นเขาไปอีกรอบ โดยคราวยี้เขาป่าเข้าพงมากขึ้น แต่บรรอากาศยามเย็นของป่าที่อาริมะ
ชวนให้จิตใจสงบนักครับ ผมให้ทั้งสองเดินกันไปก่อนเพื่อจะเก็บภาพดอกไม้สวยๆมาเป็นคอล
เล็กชั่น เมื่อเดินไปจนถึงศาลเจ้าที่แอบอยู่ริมทาง เราก็ย้อนกลับลงมาเพื่อเข้าเช็คอินโรง
แรมกันเสียที ในห้องเป็นห้องพักแบบ 4 เสื่อมีห้องน้ำให้ด้วยในตัว คนรับใช้ในชุดกิโมโนก็
ดูดีมากเลยครับ เสียดายไม่ได้ชักภาพด้วยกันเพราะเธอทำงานอย่างว่องไวเหลือเกิน เมื่อ
เปลี่ยนไปใส่ชุดยูกาตะแล้ว ผมก็ลองแฮ๊กสัญญาณเน็ตแถวนั้นดู ปรากฏว่าใช้งานได้ด้วยครับ
ลูกสาว macbook ของผมก็เลยได้ออนเอ็มเพื่อรายงานสดไปหาเพื่อนๆที่เมืองไทยได้ด้วย
เมื่อผมให้พี่อาร์ทเข้ามาเล่นแทน ผมกับโอก็เดินขึ้นลิฟท์ไปชั้น 6 เพื่อทำการลงแช่บ่อน้ำพุร้อน
เป้าหมายหลักในการเดินทางวันนี้ แน่นอนครับว่าเป็นบ่อแยกชายหญิง แถมแยกกันอยู่คนละ
ฟากเลยด้วย เมื่อเข้าไปถอดชุดยูกาตะใส่ตะกร้าประจำตัว ผมก็ล่อนจ้อนเดินเข้าไปในห้อง
อาบน้ำเลยโดยไม่ได้มีความอายประชาชี ผมกับโอล้างตัวสระผมกันให้เสร็จก่อน ด้วยครีม
อาบน้ำและแชมพูที่ที่นี่มีไว้ให้ ชำระร่างกายเสร็จ เราก็ค่อยๆลงไปแช่น้ำร้อน ขอบอกว่า...
โคตรร้อนเลยครับ ผมแหย่แล้วหนีทันที แต่อาศัยความกล้า(ปนโง่)แข็งใจแช่เท้ามันไว้ก่อน
แล้วค่อยๆหย่อนตัวลงไป ช่างเป็นนาทีแห่งความเดือดดาลแต่ก็มันส์ในอารมณ์เล็กๆอยู่ทีเดียว
นั่งแช่ในบ่อในพอประมาณแล้ว ผมกลุกขึ้นไปแช่บ่อนอก โดยบ่อนอกนี้มีสีออกส้มเรียกว่า
"คินเซ็น" เพราะธาตุเหล็กและเกลือที่ผลสมอยู่ในน้ำของที่นี่เยอะน่ะครับ แช่อยู่ซักครู่ผมก็ลุก
ขึ้นมานั่งข้างนอก เพราะเริ่มมึน จากนั้นล้างตัวแล้วก็กลับห้องพักครับ เมื่อถึงเวลา 1 ทุ่ม
พนักงานก็มาเสิร์ฟมื้อเย็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ที่เน้นผักแบบที่ผมไม่เคยกินมาก่อน มีเมนูหลายอย่างที่
ผมไม่รู้จักและกินกันอย่างสำราญเลยครับ เสร็จมื้อเย็นแล้วก็ออกไปเดินหาเบียร์มาซดกัน
หน่อย ตกดึกก็ลงไปแช่น้ำกันอีกรอบ แล้วก็เข้านอนกันบนเตียงนอนพื้นที่หลับสบายเป็นอย่าง
ยิ่งครับ


Create Date : 23 กันยายน 2551
Last Update : 23 กันยายน 2551 22:57:42 น. 1 comments
Counter : 905 Pageviews.

 
สมัยเรียนอยู่โกเบ ก็ไปอาริมะออนเซ็นอย่หลายครั้งค่ะ ชอบๆ


โดย: สาวญี่ปุ่น วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:15:33:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

suckoja
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ตัวเรานั้นเป็นเพียงเศษละอองแห่งดวงดาว...
เล็กกระจิ๋วเมื่อเทียบกับสากลโลก...
แต่เศษละอองนี้จะเปลี่ยนแปลงโลกได้...
ด้วยศรัทธา...

Thomas Clover's Facebook profile

Suckoja Updates

    Group Blog
     
    All Blogs
     
    Friends' blogs
    [Add suckoja's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.