Cute Sanrio Glitter Graphics
Group Blog
 
All blogs
 

ตอนที่ 3 กว่าจะถึงคุนหมิง & ประสบการณ์ครั้งแรกที่ต้องใช้บริการรถนอนในจีน

จากด่านจีน ตามข้อมูลที่เอ๋มีเค้าบอกว่า ถ้าเราจะไปจิ่งหง(12 ปันนา) หรือจะนั่งรถไปคุนหมิงเลยโดยไม่แวะเที่ยวจิ่งหงก่อน ก็ให้นั่งรถตู้เข้าเมืองเหมิ่งลา (Mengla) หรือบางคนเรียกว่า"เมืองหล้า" ก่อน ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ทางใต้สุดของมณฑลยูนนาน

จากข้อมูลที่เอ๋ได้รับ เค้าบอกว่าพอเราออกจาก ตม. จีนปุ๊ปก็จะะเจอกับรถตู้ที่จะไปยังเหมิ่งลาทันที แต่วันนี้เอ๋ไม่เห็นจะมีรถตู้ซักคัน พอถามคนแถวนั้นว่า "เหมิ่งลา เหมิ่งลา" เค้าก็ชี้ให้ออกไปทางถนนใหญ่เลย พวกเราทั้ง 10 คนก็เลยเดินออกไปตามถนนใหญ่เรื่อยๆ เดินไปก็ถามทางมาเรื่อยๆ แล้วในที่สุดก็เจอค่ะ




เห็นแล้วก็ให้เดินเข้าไปข้างในเลยค่ะ ท่ารถของ Mohan ไกลเหมือนกันนะเนี่ยน่าจะประมาณ 700-800 เมตรจากด่านจีนน่ะค่ะ เดี๊่ยวลองดูตามแผนที่ที่เอ๋วาดเองนะคะ




และนี่ค่ะรถตู้ที่จะไป Mengla ค่าโดยสารคนละ 17 หยวน ตามข้อมูลบอกว่าถ้าผู้โดยสารเต็มคัน ก็จะใช้เวลาเดินทางจาก Mohan ไป Mengla ไม่ถึง 1 ชั่วโมง แต่ถ้าผู้โดยสารไม่เต็มคัน รถก็จะวนไปรับคนในหมู่บ้านอีก และจะใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง




ตอนแรกเอ๋ก็ว่าจะนั่งรถตู้ไปเหมิ่งลาก่อนค่ะ แล้วก็จะไปที่ท่ารถเหมิ่งลาไปใช้บริการรถนอนของบริษัท Yunnan Express ไปคุนหมิงเลย เพราะตามข้อมูลที่ได้รับ รถนอนจากเหมิ่งลาไปคุนหมิง รอบเย็น ถ้าเป็นรถแอร์ ก็จะมีเวลา 15.00 น. , 17.30 น. และ 19.30 น. ค่าโดยสารคนละ 232 หยวนค่ะ ไม่มีแอร์ ราคา 199 หยวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง

แต่แล้วก็เปลี่ยนใจค่ะ เพราะเจอพี่ๆคนไทยอีกกลุ่มนึงกำลังจะไปคุนหมิง แล้วไปเที่ยวต่อที่หยวนหยาง เค้าบอกว่า รถนอนที่จะไปคุนหมิงเลยนั้น สามารถนั่งได้จากที่ Mohan เลย ตอนแรกก็ชั่งใจค่ะว่าเอาไงดี จะขึ้นรถนอนที่เหมิ่งลา หรือขึ้นรถที่นี่ไปเลย เพราะใจก็อยากนอนของบริษัท Yunnan Express แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจขึ้นรถนอนที่นี่เลยค่ะเพราะเอ๋กลัวว่าถ้าไปถึงเหมิ่งลาแล้ว ตั๋วรถนอนของ Yunnan Express อาจจะหมด และต้องไปนั่งของบริษัทอื่นที่สภาพรถเก่าๆ แล้วมีคนสูบบุหรี่ในรถ เพราะยังไงเอ๋มั่นใจว่า อย่างน้อยเกือบครึ่งรถนอนก็เป็นคนไทย ยังไงก็ไม่สูบบุหรี่ในรถแน่ๆ ก็เลยตกลงซื้อตั๋วรถนอนที่นี่ซะเลยค่ะ



ค่าตั๋วรถนอนจาก Mohan ไป คุนหมิง คนละ 241 หยวน ค่ะ รถออกเวลา 17.30 น. และไปแวะจอดให้ผู้โดยสารทานข้าวที่ Mengla ตอนประมาณ 17.30 และจะออกเดินทางต่อไปยังคุนหมิง เวลา 20.00 น. ค่ะ

สำหรับใครที่จะไปจิ่งหง หรือ 12 ปันนา ก็สามารถนั่งรถตู้จาก Mohan ไป Mengla แล้วต่อรถมินิบัสจาก Mengla เพื่อไปจิ่งหง (Jinghong) ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงจิ่งหงค่ะ

แต่ถ้าใครไม่อยากเข้าคุนหมิงแต่จะไปต้าหลี่เลย สามารถขึ้นรถได้ที่ Mengla เท่าที่เอ๋สอบถามข้อมูลก็ทราบว่ารถนอนจาก Mengla ไปต้าหลี่(Dali)จะออกประมาณ 1 ทุ่มค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาร 16 ชั่วโมงค่ะ

แต่ถ้าจะขึ้นกับบริษัทที่เอ๋เพิ่งซื้อตั๋วไปเมื่อกี้ เค้าก็มีรถนอนจาก Mohan ไป Dali เลยนะคะ เพราะตอนแรกเอ๋ก็กะจะนั่งเหมือนกัน แต่เค้าบอกว่าใช้เวลาเดินทาง 18 ชั่วโมง เอ๋เลยไม่เอาดีกว่า น่าจะทรมานเกินไปก็เลยไม่ได้ถามราคาเค้าค่ะ

งั้นตอนนี้เรายังพอมีเวลาเหลือประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง พวกเราก็เลยไปหาข้าวทานกันซะตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า เพราะที่เหมิ่งลาเค้าให้เวลาทานข้าวแค่ครึ่งชั่วโมงเอง

นี่ค่ะเดินมาจากท่ารถนิดเดียวก็เจอร้านอาหารร้านนี้เข้าค่ะ




ตอนแรกที่สั่งอาหารเอ๋็เปิดคู่มือเรื่องอาหารที่คุณ Bluecandleshop เขียนไว้ แล้วสั่งอาหารเป็นภาษาจีนไปเลยค่ะ ว่า "เจียนตั้นปิ่ง" (ไข่เจียว) ปรากฏว่าพูดอยู่สองสามทีเค้าก็ไม่รู้เรื่อง เอ๋เลยเอาโพยที่คุณ Bluecandleshop เขียนไว้เป็นภาษาจีนยื่นให้เค้าดูเลย ปรากฏว่าที่เค้าฟังเอ๋ไม่รู้เรื่องเพราะสำเนียงเอ๋เวลาพูดจีนมันออกเสียงได้ไทยมากๆ เค้าเลยฟังไม่รู้เรื่อง


พอมาถึงเมนูต่อไปเอ๋เลยทำตามคำแนะนำของคุณ Bluecandleshop โดยเดินไปที่ตู้เย็นที่เค้าเก็บผักไว้เลยค่ะ แล้วเอามือชี้ผักที่เราอยากจะกิน แล้วบอกเค้าว่า "เฉ่า"(ผัด) ปรากฏเค้าเข้าใจแฮะ เลยเริ่มเกิดความมั่นใจที่จะสั่งเมนูต่อไป ซึ่งก็คือซุปผัก ก็เลยเอามือชี้ไปที่ผักกาดขาวแล้วบอกเค้าว่า "ทัง"(ซุป) แล้วเค้าก็พยักหน้า เฮ้อ! รอดตายแล้วเรา

ส่วนเมนูอื่นๆ พอดีพี่คนไทยที่จะไปหยวนหยางเค้าสั่งผัดอะไรซักอย่างดูน่ากินดี เอ๋เลยเอามือไปชี้ๆที่จานนั้น ว่าเอา 1 จาน กว่าจะสั่งอาหารได้ เล่นเอาเหนื่อยเลย

คราวนี้ขอช้อน อุตส่าห์บอกไปว่า "สาวจึ" เค้าก็ไม่รู้เรื่อง ทำมือใบ้ให้ดูว่าใช้ช้อนตักเค้าก็ไม่รู้เรื่อง สุดท้ายเลยต้องเอาโพยที่ตัดแปะไปให้เค้าดูอีกตามเคย เฮ้อ ! น่าจะลากคุณ Bluecandleshop มาเที่ยวซะด้วยกันเลย


อาหารร้านนี้รสชาติอร่อยเลยแหล่ะค่ะ แถมราคาถูกด้วย เพราะสั่งกับข้าวมาประมาณ 5 อย่าง นั่งกิน 7 คน ราคา 75 หยวนเองค่ะ หารกันก็เหลือคนละ 11 หยวน

และในซอยเดียวกับร้านอาหารมีห้องน้ำค่ะ ตอนแรกเอ๋ก็ว่าจะไปใช้บริการ แต่มีน้องผู้ชายเข้ามาห้ามซะก่อน บอกว่า "อย่าเข้าเลยพี่ สุดยอดดดดด" เอ๋ก็ได้แต่พยักหน้าและเก็บความสงสัยไว้อยู่ในใจ ว่า เอ! มันจะสมคำร่ำลือมั้ยหว่า....?

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็ได้เวลาที่รถจะออกแล้วค่ะ และนี่ก็คือ รูปรถนอนที่จะพาเอ๋ไปคุนหมิงค่ะ บริษัทนี้ไม่มีการ Book ที่นั่งตามหมายเลขเตียงแต่อย่างใด ใครมาก่อนได้เลือกที่นั่งก่อน



แล้วก็ดูสภาพเตียงนอนแบบเตียงคู่สิคะ เป็นที่นอนแบบ Love Love จริงๆเล้ยย นี่ถ้าเกิดเราต้องนอนกับผู้ชายที่เราไม่รู้จักเนี่ย โอยยยยย! นึกสภาพไม่ออกเลยเนี่ยยยยยย !



พอเอ๋ขึ้นรถปุ๊ป ได้ที่เตียงหลังสุดเลยค่ะ นอนได้ 4 คน ก็นอนกับพี่ผู้ชายที่เค้าเป็นคนไทย(กลุ่มที่จะไปหยวนหยาง) ดีว่ามีคนของเราคั่นไว้ ไม่งั้นนนนนต้องกินยานอนหลับกันอายอ่ะค่ะ และที่สำคัญไปกว่านั้นเหลือเตีียงบนซะด้วย ชนิดว่าขึ้นไปแล้วนั่งไม่ได้อ่ะค่ะ ต้องทำหลังงอๆเข้าไว้ เพราะรถนอนเอาไว้นอนจริงๆ แต่โชคดีที่เอ๋เตี้ยเลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่





พอขึ้นรถกันแล้ว ก็รอค่ะว่ารถจะออกเมื่อไหร่ แล้วพวกเราทุกคนในรถก็รู้สึกร้อนมากๆๆ มากถึงมากที่สุด คนขับเค้าเข้าใจค่ะ เค้าเลยเอาใจผู้โดยสารด้วยการเปิดเพลงแนว Dance ให้พวกเราฟัง แต่พวกเราก็ยังไม่หายร้อนค่ะ เพราะสิ่งที่พวกเราต้องการให้เค้าเปิดก็คือแอร์ ไม่ใช่ให้เปิดเพลงเฟ้ยยยย!
ร้อนก้ร้อนยังมาเปิดเพลงแนวนี้ให้ฟังอีก ยิ่งไปกันใหญ่เลยเนี่ยยย


พอประมาณ 6 โมงเย็นรถก็เริ่มออกค่ะ เพราะถ้ารถไม่ออกเอ๋ว่าคงต้องมีคนเชิญคนขับให้ออกไปจากรถคันนี้แน่ๆ เพราะตอนนี้อุณหภูมิในรถสามารถให้ผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกมาอยู่ไฟตามแบบสมัยโบราณเพื่อให้มดลูกเข้าที่ได้เลย กรรมมากๆ รถไม่ออกแอร์ไม่เปิด สุดๆจริงๆ


และแล้วรถก็ออกเดินทางไปยัง Mengla ค่ะ ตอนนี้เอ๋ก้กินยาแก้เมารถเลย กลัวมีอาการ แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ถึงเหมิ่งล่าแล้วค่ะ และนี่คือฝีมือการนอนถ่ายรูปของเอ๋เอง



และบริษัทเค้าก็มาจอดตรงนี้ค่ะ เป็นเหมือนที่จอดรถ




แต่สำหรับคนที่ต้องการจะนั่งรถไปจิ่งหง ต้าหลี่ คุนหมิง ให้ไปที่สถานีรถที่อยู่ติดกับโรงแรม JINQIAO นะคะ ไม่ใช่อู่จอดรถแบบนี้ค่ะ


ตอนนี้เค้าก็ให้เวลาทานข้าวค่ะ ซึ่งเอ๋ก็เดินเล่นแถวๆนั้น เพราะกลัวหลง


รูปด้านซ้ายเห็นแล้วแปลกดี มีแค่กะละมังตั้งไฟเล็กๆก็ขายของได้แล้ว ไม่ต้องลงทุนซื้อหาบหรืออะไรมากเลยนะคะเนี่ย


ตั้งแต่กินพวกเนื้อย่างในจีนมา เอ๋ว่าร้านพี่ผู้ชายคนนี้อร่อยสุดแล้วค่ะ (รูปขวา)


และแล้วก็ใกล้เวลาที่เราจะต้องขึ้นรถนอนกันแล้ว เอ๋เลยต้องเข้าห้องน้ำที่อู่นั้นค่ะ ยังไม่ทันจะเข้าก็ทราบได้ทันทีเลยว่าห้องน้ำมันน่าจะเลวร้ายสุด เพราะกลิ่นเหมือนของเก่าพันปีมันเตะจมูกมากๆๆๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะเอ๋มีสเปรย์ปรับอากาศอยู่เลยเอาเข้าไปฉีดข้างใน แต่พอเห็นห้องน้ำถึงกับต้องร้องกรี๊ดแล้ววิ่งออกมา แม่เจ้า! เอาไงดีฟระ สุดยอดจริงๆ ไม่เชื่อดูรูปสิคะ



คิดทบทวนอยู่ซักพักก็ตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องเข้าค่ะ เพราะไม่รู้ว่ารถจะแวะจอดให้เข้าห้องน้ำเมื่อไหร่ แต่จะเข้าก็อายคน วิศวกรจีนเล่นสร้างห้องน้ำชนิดไม่มีประตูแบบนี้ แถมกลิ่นนี่เหลือจะทน ชนิดว่ากลัวว่ากลิ่นจะติดเสื้อเอาน่ะค่ะ ถ้าเข้าห้องแรกคนก็จะเห็น แต่ถ้าเข้าห้องสุดท้ายของเก่าของทุกห้องมันจะต้องไหลไปกองที่ห้องสุดท้ายแน่ๆเลย ตอนนี้ก็ต้องเลือกค่ะว่าจะหลบคน หรือจะหลบ แล้วเข้าไปแล้วจะหันหน้าไปทางไหน งกๆเงิ่นมากๆ ไม่เคยสับสนอะไรอย่างนี้มาก่อน

และแล้วเอ๋ก็คิดได้ว่าพกร่มมาด้วยงั้นเข้าห้องแรกละกัน แต่กางร่มด้วย ว่าแล้วก็กางร่มแล้วรีบวิ่งเข้าไปและรีบออกมาอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นพอออกมาจากห้องน้ำมึนมากๆ ขนาดฉีดสเปรย์แล้วมันก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย มึนจริงๆนะเหมือนถูกฆ้อนปอนด์มาทุบกระโหลกเลยอ่ะ


หลังจากเผชิญกับปัญหาห้องน้ำ ก็มาประสบกับปัญหาเรื่องรถนอนต่อ และตอนนี้ถึงเวลาที่รถจะต้องออกนานแล้วแต่เค้าก็ยังไม่เปิดประตูให้คนขึ้น คนก็เลยยืนรอพร้อมทั้งเสียงวิพากย์วิจารณ์ รออยู่ซักพักก็ทราบว่าประตูรถเปิดไม่ได้ เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ได้ งานเข้าแล้วสิเนี่ย!!


จนในที่สุดก็ได้มีการคัดเลือกผู้ชายที่ตัวเล็กที่สุด ที่สามารถจะมุดหน้าต่างรถเข้าไปได้ โดยมีผู้ชายสัญชาติไทยเกือบสิบคนมีหน้าที่ยกชายร่างเล็กขึ้นไป เพื่อให้เข้าไปเปิดประตูจากด้านใน เฮ้อ! จะได้ไปมั้ยเนี่ย

ไอ้ที่เอ๋เซ็งสุดๆก็คือ เค้า้ให้ผู้ชายคนนั้นลอดหน้าต่างตรงเตียงหลังสุด ซึ่งก็คือเตียงที่เอ๋นอน ร้ายเข้าไปอีกตรงที่เวลาเฮียคนนั้นขึ้นรถ แกไม่ถอดรองเท้า !!!!!! ไม่รู้ไปเหยียบ ที่ไหนมารึเปล่า ???? ดีนะเอ๋นอนติดหน้าต่างด้านขวา แต่เฮียแกขึ้นมาทางหน้าต่างด้านซ้าย ไม่งั้นงานนี้เอ๋คงวิ่งไปซื้อผ้าปูที่นอนแถวนั้นอ่ะ

ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นเข้าไปในรถได้ปุ๊ป ตำรวจก็มาเปิดประตูรถจากด้านนอกแล้วประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย ตอนนั้นเอ๋ไม่ได้นึกขอบคุณตำรวจเลย ทำไมไม่มาให้มันเร็วกว่านี้ฟระเนี่ยยยยย!! พระเจ้า!กำลังสร้างบททดสอบอะไรอยู่เนี่ยยย


หลังจากนั้นก็รีบขึ้นรถค่ะ แล้วก็มาทราบเอาทีหลังจากน้องในทริปว่า น้องเค้าได้ยินฝรั่งเล่าให้คนอื่นฟังว่า ฝรั่ง 2 คนเค้าซื้อตั๋วรถนอนที่ Mohan แต่คนขายตั๋วหลอกเค้าให้ขึ้นรถผิดเวลา เลยทำให้เค้าตกรถ ฝรั่ง 2 คนเลยไปแจ้งความกับตำรวจ ตำรวจที่ Mohan เลยโทรศัพท์ให้ตำรวจที่ Mengla ล็อคประตูรถไว้ เพื่อรอให้ฝรั่ง 2 คนมาขึ้นรถที่นี่


โอ้โห! เป็นไง แสบจริงๆ ยัง เท่านี้ยังไม่พอ บริษัทนี้เค้ายังใจดี รับผู้โดยสารมาขึ้นรถอีกแม้ว่าเตียงมันจะไม่มีแล้วก็ตาม สุดท้ายเอ๋ต้องเบียดกับผู้ชายคนจีน อีก 1 คน คิดดูละกันว่าเตียงข้างหลัง นอนได้ 4 คน แต่ยัดเข้าไป 5 คน เห็นท่านอนคนจีนที่ขึ้นมาทีหลังแล้วก็สงสารเค้านะคะ เอาแขนวา่งไว้แนบลำตัวไม่ได้ เ้คาต้องยกแขนขึ้นไว้บนหัวตอนเวลา


รถนอนจะจอดเข้าห้องน้ำทุก 2-3 ชั่วโมงนะคะ แต่เอ๋ก็ลงมาเข้าห้องน้ำตอนช่วงตี 2 กว่าๆ ห้องน้ำสะอาดค่ะ แต่ไม่มีประตู เอ๋เลยใช้สูตรเดิม กางร่มเอา

หลังจากนั้นเอ๋ก็นอนไม่หลับเลยค่ะ เพราะเอ๋นอนติดหน้าต่างผ้าห่มก็เลยเปียกน้ำที่มันเกาะอยู่ตรงกระจก สุดยอดจริงๆ เมื่อไหร่จะเช้าเนี่ยยยย

หลับๆตื่นๆ อยู่ในรถ พอรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงโหวกเหวก ดูนาฬิกา นี่มัน 7 โมงเช้าแล้วเหรอเนี่ย ? แต่ฟ้ายังมืดอยู่เลยค่ะ แต่ก็พอจะรู้แล้วค่ะว่า เรามาถึงคุนหมิงกันแล้ว เฮ้อถึงคุนหมิงซะที

เดี่ยวไปผจญภัยกันต่อในตอนหน้านะคะ





 

Create Date : 13 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มกราคม 2553 23:04:19 น.
Counter : 4198 Pageviews.  

ตอนที่ 2 นั่งรถบัสไปเชียงของ ผ่านลาว ก่อนเข้าจีน



อย่างที่ทราบค่ะ ว่าการเดินทางไปแชงกรีล่านั้น สามารถเดินทางด้วยรถได้ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมพอสมควร เนื่องจากก่อนที่เราจะนั่งรถไปคุนหมิง หรือต้าหลี่นั้น เราสามารถที่จะแวะเที่ยวที่เมืองจิ่งหง หรือ สิบสองปันนาก่อนก็ได้ค่ะ แถมค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่านั่งเครื่องบินจากกรุงเทพไปลงที่คุนหมิง แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวนานๆนะคะ เพราะกว่าจะนั่งรถจากกรุงเทพไปถึงคุนหมิงได้ ก็ใช้เวลานานทีเดียว



สำหรับรถโดยสารปรับอากาศที่จะเดินทางจากกรุงเทพ ไปยัง อ.เชียงของ จ.เชียงรายนั้น เท่าที่ทราบ ก็มีอยู่ 3 บริษัทค่ะ

1. สยามเฟิสท์ทัวร์ สำนักงานใหญ่ โทร. 02-954-3601-7
รายละเอียดตารางเดินรถ ดูได้ที่ //www.siamfirst.co.th/sft/path.asp

2. สมบัติทัวร์ สาขาหมอชิต(สายเหนือ) โทร. 02-9362495-9
รายละเอียดตารางเดินรถ ดูได้ที่ //www.sombattour.com/html/route/962.php

3. โชครุ่งทวีทัวร์ โทร . 02- 954-2950 , 02-953-8778
รายละเอียดตารางเดินรถ ดูได้ที่ //www.chokerungtaveetour.com/schedule.php


แต่สำหรับเอ๋ เอ๋เลือกใช้บริการของ สยามเฟิสท์ทัวร์ เพราะเปิดให้จองล่วงหน้าก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือน(จริงๆมากกว่า 1 เดือน) เพราะจำได้ว่าโทรไปจองตั๋วประมาณวันที่ 22 พ.ย. และนัดไปรับตั๋วพร้อมจ่ายเงินวันที่ 25 พ.ย. ก็สะดวกดีค่ะ ค่าโดยสารรถ V.I.P. (32 ที่นั่ง) คนละ 739 บาทค่ะ


และแล้ววันที่่เดินทางก็มาถึง เราออกเดินทางในคืนวันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2552 โดยรถออกจากอู่ที่วัดเสมียนนารี เวลา 19.30 น.(วันนั้นรถไม่เข้าหมอชิต) ตอนแรกก็กะว่าจะถ่ายรูปบรรยากาศภายในสถานีรถซะหน่อย แต่ที่ไหนได้ไม่มีอารมณ์จะถ่าย เพราะเอ๋เกือบตกรถซะแล้ว เพราะวันนั้นรถติดสุดๆ ดีนะคะที่รถออกช้ากว่ากำหนดประมาณ 15 นาทีได้ ไม่งั้น....


และแล้วประมาณ 07.45 น. ของวันที่ 26 ธ.ค. 52 เราก็มาถึง อ.เชียงของ จ.เชียงรายค่ะ อากาศก็ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ พอมาถึงก็จัดการโบกรถ 3 ล้อแบบนี้ต่อไปที่ด่านไทยเลยค่ะ(ท่าเรือบั้ค) ค่าเสียหายก็คนละ 30 บาทค่ะ



รถสามล้อจะมาจอดหน้าร้านขายของชำค่ะ โดยด้านหลังของร้านขายของชำมีห้องน้ำสะอาดๆไว้บริการผู้โดยสารให้ทำธุระส่วนตัวก่อนที่จะข้ามฝั่งไปยังประเทศลาวด้วยนะคะ ค่าบริการคนละ 5 บาทค่ะ


หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เดินสะพายกระเป๋าไปด่านไทยได้เลยค่ะ แต่งานนี้เอ๋ขอลากกระเป๋าก็แล้วกันนะคะ ของเยอะมาก สะพายเป้แล้วเดี๋ยวจะหงายหลังไปซะก่อน (กระเป๋าล้อลากกลางถนนที่เห็นนั่นแหละค่ะของเอ๋เอง อิอิ)




แล้วก็มาถึงขั้นตอนการกรอกบัตรขาออกประเทศไทยกันแล้วค่ะ เอาฟอร์มไปดูละกันนะคะ





กรอกเสร็จก็ไปต่อคิวที่นี่เลยค่ะ ตม.ขาออก




แต่ใครที่มาจากลาว แล้วเข้าด่านไทย ต้องมาทำเรื่องที่นี่นะคะ ตม.ขาเข้า อยู่คนละฝั่งกับ ตม.ขาออก



** สรุปคือ ตม.ไทยเปิด เวลา 8.00 น. ปิดเวลา 18.00 น. ค่ะ !


หลังจากผ่านพิธีการที่ ตม .ไทยเรียบร้อยแล้ว ก็รีบไปขึ้นเรือข้ามฟากไปประเทศลาวต่อเลยค่ะ

นี่ค่ะต้องมาต่อคิวจ่ายเงินค่าเรือ+สัมภาระ ที่นี่ก่อน แล้วค่อยนั่งเรือข้ามฟากไป ค่าเสียหายก็คนละ 40 บาทค่ะ เป็นค่าโดยสาร 30 บาท และค่าสัมภาระอีกใบละ 10 บาท ผู้โดยสารครบ 6 - 7 คน เรือก็ออกค่ะ รอไม่นานเลยเนื่องจากวันนั้นนักท่องเที่ยวเยอะ



นั่งเรือมาได้ประมาณไม่ถึง 10 นาที เรือก็มาจอดอยู่ที่ฝั่งประเทศลาวแล้วค่ะ งั้นเรารีบไปทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ฝั่งลาวให้เรียบร้อยดีกว่า เพราะถ้าช้าเดี๋ยวจะไปด่านจีนไม่ทันค่ะ

พอไปถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่ชาวลาว ยื่นบัตรแจ้งเข้าเมืองและออกเมืองของประเทศลาวอยู่ เอ๋ก็เลยจัดการถ่ายรูปแบบฟอร์มซะเลย ตอนถ่ายมันก็ดูดีนะ แต่พอเอามาดูอีกทีไหงมันเบี้ยวก็ไม่รู้

นี่ค่ะแบบฟอร์มบัตรเข้า-ออกประเทศลาว




สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ ต้องเสียค่าธรรมเนียมล่วงเวลาให้เจ้าหน้า ตม.ลาวด้วยนะคะ คนละ 10,000 กีบ / 1 USD หรือคนละ 40 บาทค่ะ



การนั่งรถจากลาวไปด่าน ตม.ลาว (บ่อเต็น)

1. ไปโดยรถประจำทาง โดยรถจะออกจากบ่อแก้ว(ต้องนั่งรถจากห้วยทรายไปขึ้นที่ท่ารถบ่อแก้วที่ไกลจากด่านลาวหลายกิโล)ประมาณ 9.00 น. และรถบัสจะไปจอดที่หลวงน้ำทา และเราต้องต่อรถบัสจากหลวงน้ำทาเพื่อไปยังบ่อเต็นอีกที โดยรถจากหลวงน้ำทาที่จะไปชายแดนบ่อเต็นจะออกประมาณเวลา 14.00 น. วิธีนี้ใช้เวลานานสุดๆเลยค่ะ เคยได้ยินมาว่าใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงขึ้นไป เลยไม่แนะนำ เพราะค่าใช้จ่ายรวมเบ็ดเสร็จกว่าจะถึงด่านจีน ก็ประมาณ 400 บาท ไม่ได้แตกต่างจากค่าใช้จ่ายวิธีที่ 2 และ 3 เลย แถมยังต้องลุ้นว่าจะไปถึงด่านจีนทันรึเปล่า ซึ่งอาจต้องเสียเวลานอนที่บ่อเต็นอีก 1 คืน

สภาพรถบัสที่ไปหลวงน้ำทา เก่าค่ะ แล้วต้องคอยลุ้นว่าอย่าให้รถเสียกลางทางอีกต่างหาก




2. นั่งรถมินิแวน ผู้โดยสารนั่งได้ประมาณ 7 คน บางทีผู้โดยสารครบ 6 คน รถออก ค่าใช้จ่ายเหมาคนละ 500 บาทค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 - 4.5 ชั่วโมง เหมาะสำหรับคนที่มาเที่ยวคนเดียว หรือสองคนมากค่ะ แล้วมาขอแชร์ฺกับนักท่องเที่ยวแถวนั้น (ลืมถ่ายรูปรถให้ดู )
แต่อันนี้อาจมีข้อเสียเล็กน้อยตรงที่ ถ้าเกิดมีผู้โดยสารคนนึงอยากเข้าตัวเมืองก่อน ก็อาจเสียเวลาไปเล็กน้อยค่ะ แต่ก็ถือว่าดีกว่ารถบัสประจำทางเยอะ

3. เหมารถตู้ ซึ่งรถตู้จะไปส่งจนถึงบ่อเต็น ตม.ลาวเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ (ถ้าไม่แวะทานข้าว)

ซึ่งการไปเที่ยวครั้งนี้เอ๋ได้ไปรวมกับกลุ่มกับพี่ที่เค้าหาคนหารเฉลี่ยค่ารถ ในเว็บ Trekkingthai.com แล้วก็รวบรวมสมาชิกมาได้ 9 คน ค่ะ เอ๋ก็เลยทำหน้าที่ติดต่อรถตู้คุณเป้ที่มีคนแนะนำว่านิสัยดีไว้ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. แล้วค่ะ


และหลังจากที่เราทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองประเทศลาวเรียบร้อยแล้ว คุณเป้ คนขับที่มีคนแนะนำเอ๋มาว่านิสัยดีก็รอเราอยู่แล้วค่ะ (ซึ่งคุณเป้โทรมานัดแนะกับเอ๋ก่อนที่เอ๋จะถึงฝั่งลาวด้วยซ้ำ)


คุณเป้รับขับรถเฉพาะเส้นทาง ห้วยทราย-บ่อเต็นเท่านั้นนะคะ

ว่าด้วยเรื่องรถคุณเป้ก่อนเลยนะคะ เป็นรถตู้ Toyota Commuter สามารถบรรทุกผุ้โดยสารแบบนั่งสบายๆได้ 10 คน ค่ะ(รวมคนขับเป็น 11 คน) โดยสัมภาระจะเอาไว้ด้านหลังเบาะแถวสุดท้ายค่ะ เอ๋ได้ราคาที่ 3,500 บาท (ราคาอาจเปลี่ยนไปนะคะ ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันด้วย บางทีอาจไม่ได้ราคานี้นะคะ) ภายในรถสะอาดสะอ้าน แล้วคุณเป้ก็มีบริการน้ำดื่มให้ด้วยนะคะ แต่ไม่มีใครกิน แบบว่าเตรียมมากันเองแล้ว

ที่เอ๋แนะนำคุณเป้ก็เพราะ คุณเป้มีน้ำใจมากค่ะ(นอกจากเรื่องช่วยเอ๋ยกกระเป๋าแล้ว) เพราะก่อนหน้านี้ทริปเราเกิดปัญหานิดหน่อยตรงที่มีผู้โดยสาร 11 คน แต่รถคุณเป้รับได้แค่ 10 คนเท่านั้น เพราะคุณเป้บอกว่าถนนมันเยินรับคนเยอะไม่ได้(แล้วมันก็จริงอย่างที่คุณเป้ว่าด้วยสิ) แล้วคุณเป้ก็เป็นธุระเอาน้อง 2 คนที่ไม่สามารถนั่งรถไปกับเราได้ ไปฝากไว้ที่รถเพื่อนคุณเป้ เพื่อที่น้อง 2 คน จะได้ไม่ต้องไปนั่งรถประจำทาง และจะไปถึงด่านจีนทันก่อนด่านปิด

เท่านั้นยังไม่พอ คุณเป้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นไกด์ แล้วเล่าเรื่องเกี่ยวกับประเทศลาวให้เราฟังด้วยค่ะ นั่งฟังคุณเป้ไปก็เพลินๆดีค่ะ จริงๆ คุณเป้เล่าให้ฟังหลายเรื่องตั้งแต่เรื่องถนนสาย R3 (กรุงเทพ-คุนหมิง) ซึ่งเป็นถนนที่ไทย-ลาว-จีน ร่วมกันทำ ระยะทาง 241 กิโลเมตร จนไปถึงเรื่อง ความแตกต่างของถนนที่ไทยทำ ลาวทำ และจีนทำ(สังเกตง่ายๆอันไหนเยินๆพี่ไทยทำ และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ถนนมีแต่แย่กับแย่ลง อายเค้ามั้ยนั่นน่ะ?)

งั้นเอ๋จะเล่าเท่าที่เอ๋จำได้ก็แล้วกันนะคะ (ถ้าข้อมูลผิดแสดงว่าหูเอ๋ไม่ดีนะคะ)

เส้นทางประเทศลาวที่เราจะผ่านไปประเทศจีนนี้ คุณเป้เล่าให้ฟังว่าจะมีคนลาวอยู่ 3 กลุ่ม คือ

1. ลาวลุ่ม ซึ่งจะนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งคุณเป้เป็นคนลาวลุ่มค่ะ(พูดไทยชัดมาก จนเกือบนึกว่าไม่ใช่คนลาว)

2. ลาวเทิง เค้าว่าเป็นพวก "ขมุ" ค่ะ นับถือผี มักสร้างบ้านให้พื้นยกสูงขึ้น คือบ้านจะมีใต้ถุน



คนลาวเทิงมักจะไม่สร้างยุ้งข้าวไว้ใกล้กับบ้านค่ะ ที่เอ๋เห็นก็คือเค้าสร้างยุ้งข้าวไว้คนละฟากถนนกับบ้านเลย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคนลาวเทิงมีความเชื่อว่าถ้าไฟไหม้ยุ้งข้าว เค้าก็จะยังมีบ้านอยู่ แต่ถ้ากลับกัน เกิดเหตุไฟไหม้บ้านขึ้นมาจริงๆ เค้าก็จะยังมีข้าวกิน ที่สำคัญคุณเป้เล่าให้ฟังว่าเจ้าของยุ้งข้าววางใจได้เลย เพราะที่นี่ไม่มีขโมย

ยุ้งข้าวที่นี่หลังคาเป็นสังกะสีค่ะ กันหนูขึ้นไปกินข้าวในยุ้ง เวลาหนูไต่สังกะสีแล้วจะได้ลื่น




ตอนที่ไปเห็นชาวลาวเทิงกำลังจะเข้าป่าเก็บตาล(ที่เอาไว้ทำลูกชิด) ด้วยค่ะ ขยันมากๆ แดดเปรี้ยงๆยังจะออกไปทำงานอีก นับถือจริงๆ

3. ลาวสูง ซึ่งก็คือพวกม้ง ซึ่งจริงๆแล้วม้งก็นับถือผีเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็นับถือศาสนาคริสต์ โดยชาวม้งมักจะสร้างบ้านติดดิน



คุณเป้เล่าให้ฟังว่า ในวันที่ 28 ธ.ค. ชาวม้งจะมีประเพณกินเจียง และจะมีการเลือกคู่ โดยโยนลูกกลมๆ ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งรับลูกๆกลมที่ว่า แสดงว่าเค้าตกลง คนที่โยนลูกกลมๆก็ได้คู่ไป คุณเป้ยังชวนพวกเราไปโยนเจ้าลูกกลมๆที่ว่าขำๆด้วย นี่ถ้าอีกฝ่ายรับ คงขำไม่ออก


แล้วนี่ค่ะคุณเป้ก็ให้เราก็แวะทานอาหารกลางวันที่บ้านน้ำฟ้ากันค่ะ ร้านนี้รับเงินไทยค่ะ เอาเป็นว่าข้าวไข่เจียวหมูสับจานละ 40 บาทค่ะ ถือว่าไม่แพงมากค่ะ




ทานข้าวเสร็จแล้วก็รีบออกเดินทางต่อค่ะ เดี๋ยวด่านจีนจะปิดเอาซะก่อน

และแล้วก็ต้องลุ้นเล็กน้อยค่ะ เพราะถนนถูกปิด เพราะเจ้าหน้าที่จีนเค้ากำลังทุบก้อนหินกลางถนน(มาทุบอะไรกลางถนนเนี่ย โอ๊ยยย!) รอจนร้อนใจว่าเดี๋ยวจะไม่ทันด่านจีน จนอาจารย์ที่เค้าขอติดรถมากับเราด้วยต้องลงไปถามว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ



แล้วอาจารย์ก็เดินกลับมาบอกพวกเราว่า อาจารย์ถามว่า "ทำอะไรกัน" พอเค้าตอบมา " #@%^&^%+)(&^%$ " อาจารย์ก็เดินกลับมาที่รถเนี่ยแหละ ตอนแรกเอ๋นึกว่าอาจารย์โดนเจ้าหน้าที่ว่า ที่ไหนได้ อาจารย์บอก "ผมถามได้อย่างเดียว แต่ผมฟังไม่รู้เรื่อง" เอ้อ! อืมมม....... แล้วก็.....

รอซักพักค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เปิดถนนให้ 1 เลน เพื่อให้รถวิ่งได้ โชคดีค่ะที่ทางช่วงนี้จีนทำและถนนก็ดีด้วยเลยใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ่อเต็น เพื่อทำพิธีการขาออกจากประเทศลาว

ค่าธรรมเนียมล่วงเวลาขาออกประเทศลาวเสาร์-อาทิตย์ เสียคนละ 20 บาทค่ะ ถ้าจำไม่ผิด ตม.ลาวปิด 5 โมงเย็นค่ะ(เค้าห้ามถ่ายรูป)

ทำพิธีการขาออกเรียบร้อย ก็ร่ำลาคุณเป้และมีน้องอีก 3 คนนัดแนะให้คุณเป้มารอรับกลับไปห้วยทราย หลังจากกลับจากเที่ยวแล้ว
ถ้าอยากให้คุณเป้มารับขากลับก็นัดแนะว้เลยค่ะ เพราะบางทีพอคุณเป้มาส่งผู้โดยสารที่ด่านจีนแล้วจะได้นอนค้างที่บ่อเต็นเพื่อรอรับผู้โดยสาร(ที่นัดกันไว้)ที่จะกลับไปห้วยทรายเลย จะได้ไม่ต้องตีรถเปล่าเข้าห้วยทราย
แล้วพวกเราก็ลากกระเป๋าเดินไป ตม.จีนที่เมือง Mohan(โมฮั่น) หรือที่เรียกกันว่าเมืองบ่อหาน ด่านชายแดนประเทศจีนเลยค่ะ ไม่ไกล

และนี่ค่ะหลังจากทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาถ่ายรูปด่านจีนที่เมืองบ่อหานไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย



*** สถานที่ราชการของจีนส่วนใหญ่มักห้ามถ่ายรูป ก่อนถ่ายรูปควรสังเกตก่อนนะคะว่ามีป้ายห้ามรึปล่า ไม่อย่างนั้น
1. ยึุดกล้อง
2. โชคดีหน่อยก็ให้ลบภาพที่ห้ามถ่ายค่ะ

สรุปตอนนี้เราปรับนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นของประเทศจีนกันได้แล้วนะคะ ซึ่งเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชม. และอย่าลืมนะคะด่านจีนปิด 16.30 น. ค่ะ(ตามเวลาท้องถิ่นค่ะ)



สรุปค่าใช้จ่ายหลักๆ (ไม่รวมค่าอาหาร) ก่อนจะถึงประเทศจีน(ค่าใช้จ่ายต่อคน)

1. ค่าขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศจีน แบบไป-กลับ ครั้งเดียว 1,000 บาท

2. ค่าตั๋วรถทัวร์กรุงเทพ-เชียงของ 739 บาท

3. ค่านั่งรถสามล้อต่อไปที่ด่านไทย ท่าเรือบั้ค 30 บาท

4. ค่านั่งเรือข้ามฟากจากด่านไทยไปด่านลาว + ค่ากระเป๋า 40 บาท

5. ค่าธรรมเนียมล่วงเวลาขาเข้าประเทศลาววันเสาร์-อาทิตย์ 40 บาท

6. ค่าธรรมเนียมล่วงเวลาขาออกประเทศลาววันเสาร์-อาทิตย์ 20 บาท

7.ค่าเหมารถตู้จากห้วยทรายไปด่านชายแดนลาว(บ่อเต็น) 3500/10 คน คนละ 350 บาท




 

Create Date : 13 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มกราคม 2553 23:03:48 น.
Counter : 21054 Pageviews.  

ตอนที่ 1 สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนตะลุยแชงกรีล่า

เอาเฉพาะหลักๆเลยละกันนะคะ เพราะพวกของใช้ส่วนตัว ยา ยังไงก็ต้องเอาไปอยู่แล้ว

1. จะไปจีนก็ต้องขอ Visa ก่อนค่ะ รายละเอียดการขอวีซ่า , ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าสามารถดูได้ที่ website ของสถานฑูตจีนค่ะ //www.chinaembassy.or.th/th/


2. เงินสกุลจีน มีชื่อว่า "เหรินหมินปี้ " มีหน่วยเรียกเป็น "หยวน" แต่คนจีนเค้าเรียกว่า "ไคว่" ค่ะ

มีหน่วยเงินเล็กที่สุด คือ เฟิน โดย 10 เฟิน = 1 เจียว หรือเหมา
และ 10 เจียวหรือเหมา = 1 หยวน
ธนบัตรมีขนาด 1, 5 เฟิน 1, 2, 5 เหมา
และ 1, 2, 5, 10, 20, 50 และ 100 หยวน

ลองมาดูตัวอย่างธนบัตรที่ใช้ในประเทศจีนกันก่อนดีกว่าค่ะ (เท่าที่เจอ)


1 เหมา หรือ 1 เจียว





5 เหมา หรือ 5 เจียว





1 หยวน(ไคว่)





5 หยวน




10 หยวน




20 หยวน




50 หยวน





100 หยวน



เท่าที่มีคนแนะนำวิธีสังเกตเงินปลอมเบื้องต้น เค้าบอกว่าให้เอามือไปลูบที่ปกเสื้อท่านเหมา ถ้านูน แล้วสากๆ แสดงว่าเป็นเงินจริงค่ะ แต่ถ้าจะเอาชัวร์กว่านั้นก็เอาไฟฉาย Black light ไปด้วยนะคะ เอาไว้ส่องลายน้ำที่ธนบัตรค่ะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เอาไปก็ไม่ได้ใช้หรอกค่ะ


3. รูปภาพสถานีรถ สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการไป กรณีที่เราไม่รู้ชื่อภาษาจีนของสถานที่เหล่านั้น เอ๋ว่าจำเป็นมากตอนที่ต้องเหมารถเที่ยวในต้าหลี่ เพราะที่ต้าหลี่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่ด้วยกันซึ่งสามารถเที่ยวได้ภายในวันเดียว จะได้ชัดเจนไปเลยค่ะว่าคนขับรถต้องพาเราไปเที่ยวที่ไหนบ้าง

โดยเฉพาะรูปภาพร้านอาหารที่เราต้องการจะให้คนขับพาไปกิน และรูปภาพเมนูอาหารที่พิสดารที่เราคิดว่าในคู่มือจะไม่มีคำศัพท์อาหารพวกนี้ รูปพวกนี้ก็เอามาจากรีวิวของคนอื่นแหละค่ะ ง่ายดี

หรืออาจจะเอารูปภาพของโรงแรมที่เราต้องการไปพักพกไปด้วยก็ดีนะคะ



4.ข้อมูลการเดินทาง

การไปเที่ยวด้วยตัวเองถ้าจะให้ดีนั้นไม่จำเป็นต้องเอาหนังสือที่เราซื้อมาไปหลายเล่มหรอกค่ะ เอ๋ว่าควรเอาข้อมูลที่เราหามาทุกอย่างตัดแปะหรือ X'rox ใส่ไว้ในสมุดขนาด Pocket Book แค่เพียงเล่มเดียว เพื่อสะดวกในการค้นหา แถมไม่หนักกระเป๋าด้วยค่ะ


4.คู่มือภาษา พกเอาไว้เผื่ออุ่นใจค่ะ



อย่างน้อยก็เอาไปเปิดศัพท์เกี่ยวกับโรงแรมได้บ้าง ศัพท์อาหารนิดหน่อย แต่พอเอาเข้าจริงๆ การเดินทางครั้งนี้ เอ๋แทบจะไม่ได้เปิดคู่มือภาษาจีนเล่มนี้เลยค่ะ เพราะเอ๋มีข้อมูลด้านภาษาจีนดีกว่านั้น


นี่ไงคะ ข้อมูลด้านอาหาร และศัพท์ที่จำเป็น ที่มีคุณ Bluecandleshop ใจดีเขียนไว้ให้ใน Blog แล้วเอ๋ก็จัดการเอามาปริ้นท์แล้วตัดแปะไว้ในสมุดคู่มือการเที่ยวซะเลย



ไม่รู้ว่าที่เขียนข้อมูลไว้ให้เพราะกลัวว่าเอ๋และคนในทริปจะไปอดตายอยู่ที่จีนรึเปล่า ?

ถ้าอยากอ่านแบบชัดๆ อ่านไป น้ำลายไหลไป ก็ตามไปที่ลิงค์นี้เลยค่ะ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=zeng


ยังเท่านั้นยังไม่พอ คุณ Bluecandleshop ยังใจดีด้วยการแนะนำเรื่องโรงแรมดีๆ คนขับนิสัยดี พร้อมทั้งศัพท์ภาษาจีนที่จำเป็นที่เอ๋จะต้องใช้ในการสนทนา ฯลฯ อีกหลายอย่างไว้ให้(ซึ่งในตอนต่อๆไปจะเอารูปมาอวดให้ดูค่ะ) ว่าแล้วเอ๋ก็ตัดแปะไว้ในสมุดอีกเช่นเคย







ข้อมูลพร้อม ก็พร้อมลุยค่ะ โย่ว โย่ว




 

Create Date : 12 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มกราคม 2553 23:02:37 น.
Counter : 6481 Pageviews.  


Jhaaenaja
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Jhaaenaja's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.