[เวียงจันทน์-หลวงพระบาง 4 วัน/3คืน]
เริ่มออกเดินทางกันเลยนะคะ
วันแรก ของการเดินทาง
นั่งเครื่องบินค่ะจากกรุงเทพฯ ไปลงอุดร พอถึงสนามบินอุดร ก็มาซื้อตั๋วรถตู้เข้าเมืองไปสถานีขนส่งกันค่ะ 80 บาท
พอมาถึงขนส่งก็รีบไปซื้อตั๋วขึ้นรถ อุดร-เวียงจันทน์ เที่ยว 14.00 น. แต่เจ้าหน้าที่ขายตั๋วไม่ขายเที่ยวนี้แล้ว ขายเที่ยว 16.00 เลย ให้ไปดูที่รถถ้ารถยังไม่ออกก็ขึ้นได้ แล้วจ่ายตังค์บนรถ
เสียดายไม่มีภาพให้ดูบรรยากาศในรถ สถาพแย่มาก แต่ต้องจำใจไปกลัวว่าถ้าขึ้นเที่ยวถัดไปจะไปไม่ทันด่านพรมแดนปิด มืดค่ำก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว เดี๋ยวต้องนอนอยู่หนองคายคนเดียว เพราะน้องอีก 2 คนถึงเวียงจันทน์ แล้วไปเที่ยวกันแล้ว
   
ข้ามฝั่งมาเรียบร้อยก็นั่งรถต่อมาอีก 20 นาที ก็ถึงสถานีขนส่งของลาว ซึ่งน้อง 2 คนรออยู่แล้ว ก็นั่งสกายแล็ป ไปยังที่พัก ชื่อว่า "แม่โขงซันชาย" อยู่ติดริมโขง มองเห็นฝั่งหนองคายได้เหมือนกัน ด้านข้างโรงแรมมีร้านอาหารด้วย มื้อนี้พวกเราฝากท้องกันที่นี่แหละ เพราะไปไหนไม่ไหว เหนื่อยจากการเดินทางไม่เท่าไหร่ แต่ฝุ่นที่เวียงจันทน์ เล่นงานจนงอมพระรามแย้วววว...ว คืนนี้ขอนอนพักให้เต็มที่ก่อนแล้วกันค่อยลุยต่อพรุ่งนี้
หน้าตารถสกายแล็ป




วันที่สอง ของการเดินทาง
เช้านี้เราออกเดินทางไปเที่ยวในตัวเมืองเวียงจันทน์กันดีก่า ซึ่งสถานที่สำคัญ ๆ เลือกไว้ 4 ที่ (เหมาสกายแล็ปไปค่ะ คนขับสกายแล็ปคันนี้เคยมาทำงานที่เมืองไทย ขายของอยู่สวนจตุจักรมาหลายปี แต่ตอนนี้กลับมาขับสกายแล็ปอยู่บ้านดีกว่า)
สถานที่แรกที่ไป คือวัดพระแก้ว เสียค่าเข้าชม 5,000 กีบ ดอกไม้ธูปเทียนก็ 5,000 กีบ ต่างหากนะ


สถานที่ที่ 2 คือ วัดพระธาตุหลวง ค่าเข้าชมคนละ 5,000 กีบ




สถานที่ที่ 3 คือประตูชัย ถ้าขึ้นข้างบนชมวิว เสียตังค์ เท่าไหร่จำไม่ได้ค่ะ


สถานที่ที่ 4 คือ พระธาตุดำ ไม่เสียตังค์ซักบาท เพราะคล้าย ๆ กับวงเวียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่รถขับผ่านเข้าไป แต่รอบ ๆ ก็มีร้านขายของแบบดิวตี้ฟรี เพราะที่นี่แหละถึงได้มาเจอบริษัททัวร์ที่เขาขายตั๋วเครื่องบิน เพราะเราตกลงกันว่าจะไปหลวงพระบางโดยเครื่องบินดีกว่า



เมื่อได้ตั๋วกันแล้วก็มาติดต่อโรงแรมขอเช็คเอาท์ หอบกระเป๋า ออกมาหามื้อเที่ยง มาลงตัวที่ถนนเฮงบุน เป็นร้านอาหารเวียดนาม ก็อร่อยดีเหมือนกัน ตรงกันข้ามมีร้านขายส้มตำด้วย ไปสั่งมาทานเหมือนกันอร่อยแบบฉบับส้มตำลาว โอ...น้ำลายสอ

เมนูอาหารแนะนำค่ะ ร้านนี้คนไทยเป็นเจ้าของด้วย
พอรับประทานเสร็จก็เหมาสกายแล็ปไปสนามบิน กะว่าไปถึงหลวงพระบางก็เย็น ๆ เกือบค่ำ ก็หวั่นใจเหมือนกันว่าที่พักจะมีมั๊ย แต่บริษัททัวร์แนะนำให้ไปแถว ๆ ถนนเศรษฐาธิราช มีเกสเฮ้าส์เพียบ











เมื่อถึงสนามบินหลวงพระบาง ออกมาด้านนอกแล้วก็จะมีรถตู้หน้าสนามบินเหมาเข้าเมือง 200-300 บาท มีคนมาถาม "จะไปไหนเข้าเมืองมั๊ย" "คิดค่ารถเท่าไหร่ละ" ตอนนี้เริ่มรู้แล้วว่าลาวนั้นค่ารถแพง ถ้าไม่ต่อนะขูดรีดคนไทยน่าดูเลย "เหมา 200 บาท" ...เฉย... เล่นตัวก่อน มีอีกคนมาถาม "ไปมั๊ย เหมา 300 บาท" โอว...หนักเข้าไปใหญ่เลย ทีนี้ทำงัยดี ผู้โดยสารที่มาเครื่องบินลำเดียวกะเราเขาก็ไปหมดแล้ว ตั้งหลักไม่ถูกแล้ว สนามบินนี้เล็กนิดเดียว เอาว่ะ 3 เสียง พวกเราตัดสินใจกันเดินออกมาข้างนอกสนามบิน เสี่ยงตายดาบหน้าก็แล้วกัน ให้มันรู้ไปคนไทยก็ไม่ได้หลอกกันง่าย ๆ เผื่อมีรถโดยสารคันอื่นเข้าเมืองที่ถูกกว่ารถตู้พวกนี้ ระยะทางแค่ 7 กิโล (ไม่แน่ใจนะแต่นิดเดียวจริง ๆ ทำไม่ขูดรีดกันอย่างนี้ไม่รู้)
ด้านนอกสนามบินมีบ้านคนมีร้านค้าก็ถามเขาไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่มีรถ ทีนี้ตัดสินใจลากกระเป๋าเดินตามทางกันไปเรื่อย ๆ เห็นชาวต่างชาติ 2 คนก็เดินกันไปตามทาง แล้วก็โบกรถ น้องชายก็เลยรีบเข้าไปขอแจมด้วย แบบอเมริกันแชร์มั้ย "โอเค" ฝรั่งตอบ รถแบบสกายแลปคิด 50 บาท แต่พอเห็นไป 5 คน เลยขอคิดค่าโดยสายหัวละ 60 บาท พวกเราก็เลยส่งซิกให้ฝรั่ง "อิส เอ็กเพ็นซีพ" แล้วหันไปบอกคนขับสกายแลปว่า "บ่ไป แพงโพด" นึกว่าเขาจะง้อลดค่าโดยสารให้ ดูมันมันไม่ยอมลดให้เลยซักบาท ทีนี้ 5 ชีวิตเลยเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยกันเลย ถึงได้รู้ว่าเขามาจาก สวิส กำลังจะนั่งเครื่องไปBangkok tomorrow .... แต่เหมือนเป็นโชคดีของเราอีก มีรถของชาวบ้านขับมา เลยเสี่ยงโบกรถไปเผื่อเจอคนใจดี สวรรค์มีจริงค่ะ เขาให้พวกเรานั่งกะบะเข้าไปด้วยค่ะ ถึงสภาพรถจะเก่าไปซักหน่อย เอาแบบเวลานั่งไม่ต้องพิงขอบกระบะอ่ะ เพราะมันจะหงายเงิบหล่นลงไป เขามีน้ำใจมาส่งให้ตรงบริเวณตลาดมืดค่ะ ซาบซึ้งในน้ำใจคนลาวอย่างน้อยก็ทำให้ไม่รู้สึกดีขึ้นว่าคนลาวก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกคน เราก็เลยให้ค่านมลูกเขาไป 100 บาท ซะ ชาวต่างชาติที่มาด้วยเลยถามว่า เท่าไหร่เหรอ "no no คุณเป็นเพื่อนเรา แค่นี้เอง จิ๊บ จิ๊บ" จากนั้นก็ถ่ายรูปกันไว้เป็นที่ระทึก เอ้ย ระลึก เพราะที่พักของเขาสองคนพักไกลจากริมโขง พวกเราต้องการพักแถวชุมชน เอาแบบออกจากที่พักสามารถเดินเที่ยวได้ ไม่ต้องต่อรถให้รำคาญอีก
ผู้ร่วมชะตากรรม
 



แต่พอมาถึงงงค่ะ ไม่รู้ว่าถนนอะไร เดินกันไปแบบมั่ว ๆ แต่เกสเฮ้าส์เยอะมาก ช่วงที่ไปเป็นหน้า Hi Season พอดี ราคาเลยขึ้น 800 บาท ต่อคืนต่อห้องขึ้นไป เลยใช้วิธีแยกย้ายกันหาเก็บข้อมูลไว้ใครได้ถูกและดี ก็โทรหากัน จนกระทั่งมาลงตัวอยู่ที่แม่โขงมูนอินน์

ข้างในห้อง 3 เตียง

พวกเรานำของเก็บเข้าห้องพักหมดแล้ว ก็ออกไปเดินหาอาหารรับประทาน และเดินเล่นที่ตลาดมืด ของที่ขายก็คล้าย ๆ ของบ้านเรา คนที่เคยไปเที่ยวปายมาแล้วบอกว่า ที่นี่เหมือนปาย แต่สงบกว่าปาย
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าซื้อแต่ตั๋วเครื่องบินมา (เวียงจันทน์-หลวงพระบาง) ขากลับยังไม่ได้ซื้อ ก็เลยมาติดต่อที่เอเย่นซี่ แถว ๆ ที่พัก ใกล้ ๆ กับร้านกาแฟประชานิยมนั่นแหละ แต่ตอนนั้นมันค่ำแล้วเขาปิดร้านเลยไม่รู้ว่าเป็นร้านกาแฟ ตั๋วเครื่องบินขากลับจากหลวงพระบาง-เวียงจันทน์ ไม่มีเที่ยวที่ถูกใจเลย ก็เลยซื้อตั๋วรถแทนกลับตอนเย็นวันพรุ่งนี้เพื่อจะได้ถึงเช้าอีกวัน รถบัสมี 2 ประเภท 1. รถ vip ก็มีวิ่งแต่วิ่งเที่ยวเช้า 08.00, 09.00 ราคา 160,000 kip 2. รถธรรมดา เที่ยวเย็น รถออก 19.30 ราคา 130,000 kip
พวกเราก็เลยต้องจำใจเอารถธรรมดา เพราะเวลาเรามีจำกัด พร้อมทั้งขอเช่าจักรยานขี่รอบเมืองเที่ยวพรุ่งนี้ด้วย คิดคันละ 10,000 kip (40 บาททั้งวันโอเคเลย)
     
บรรยากาศร้านขายอาหารในหลวงพระบางค่ะ จะเป็นตรอกหรือซอยเล็ก ๆ ยาวเข้าไปด้านในอีก มีหลายร้าน ชาวต่างชาติเยอะมาก ๆ อาหารก็เหมือน ๆ อาหารอีสานบ้านเฮา มีตำบักหุ่ง น้ำพริกต่าง ๆ เฝอ ไก่ย่าง ปลาย่าง เห็นชาวต่างชาติเข้ามานั่งกินกันเยอะมาก เลยลองมากินดูบ้างค่ะ


ค่าเสียหายมื้อนี้มีดังต่อไปนี้ ไก่ย่าง 15,000 kip ปลา 20,000 kip หมูย่าง 20,000 kip ส้มตำลาว 10,000 kip ข้าวเหนียว 5,000 kip น้ำแตงโมปั่น 1 แก้ว 5,000 kip น้ำพริกแจ่ว 3,000 kip รวมเป็นเงิน 78,000 kip




สรุปว่าคืนนี้ชมตลาดกันดึกเช่นเคย
      
วันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้พวกเราตื่นกันแต่เช้าเลยเพื่อจะไปให้ทันประเพณีตักบาตรข้าวเหนียว แต่ก็เกือบไม่ทัน มีชาวบ้านมารอใส่บาตรกันเยอะ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีของใส่บาตร เขามีจำหน่ายเป็นชุด ๆ ให้เราซื้อด้วย แต่พระที่นี่เดินเร็วมาก ไม่รอ ต้องปั้นข้าวเหนียวรอไว้เดี๋ยวใส่ไม่ทัน ไม่ต้องชิ้นใหญ่มากแค่พอดีคำ และไม่ต้องปั้นให้เนื้อแน่นเกิน ถ้าใครได้ไปที่หลวงพระบางต้องมาใส่บาตรนะคะ

เดินวนไปเวียนมาหาร้านกาแฟประชานิยมอยู่ไหนน้า.... มาเจอพี่คนไทยขี่ฮาร์เล่ย์มาจากกรุงเทพ ได้โอกาสก็เลยชมรถสวยไปด้วย และถามทางร้านกาแฟ แหม...พี่เขาบอกว่าอยู่ตรงหน้านี่ไง อูย...ถึงแล้วยังไม่รู้ตัว หน้าแตกเลยเรา นอกจากกาแฟ และแซนวิชลาว ก็ยังมีร้านเฝออยู่ใกล้ ๆ ด้วยค่ะ

ร้านขายเฝอร้านนี้แหละค่ะ แซบหลาย ขอบอก ชามละ 40 บาท

ชมตลาดสดตอนเช้าค่ะ แหม...จะซื้อปลาไปปล่อยซะหน่อย ขายแพงชะมัด ปลาช่อน ปลาดุก แพงกว่าบ้านเรามากเลย หรือเห็นหน้าแปลกเลยบอกราคาแพง ๆ แต่ถามแทบทุกร้านก็บอกใกล้เคียงกันหมด และไม่ยอดลดราคาให้ด้วย ไม่เอาดีกว่า สัพเพ สัตตา.....นะสัตว์ทั้งหลาย อุเบกขาแล้วกัน

เรามีจักรยานกันคนละคันแล้ว ไปดีกว่า

หลังจากขี้จักรยานชมรอบเมืองแล้ว หอบรับประทานค่ะ เหนื่อยค่ะ เลยแวะร้าน Joma Bakerry Cafe ร้านนี้ก็มีชื่ออีกเช่นกัน ลงในหนังสือเที่ยวไม่ง้อทัวร์ฯ ด้วยค่ะ

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อเมื่อยแล้ว
Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 1 มีนาคม 2553 1:05:38 น. |
Counter : 6832 Pageviews. |
|
 |
|