ไปเที่ยวหลวงพระบางกันครับผม(ตอน 5)
หลังจากหยุดพัก เนื่องจาก ติดภารกิจ หลายอย่างๆนะครับ เพื่อนว่าๆไหมครับตอนนี้อะไรมันก็จะจ่ายเงินกันยากไปหมดเลย สำหรับผมที่เป็นฟรีแลนต์เกี่ยวกับงานทางช่าง นี่เห็นได้ชัดเลยครับ อะไรๆที่เขาพอจะทำได้ เขาไม่จ้างเราหรอก งานง่ายๆ เงินสบายๆ ไม่มีเลย มีแต่งานยาก แต่ก็เช่นกันได้งาน แพงแต่ จ่ายเดือนหน้านะ เฮ้อ จ่ายเงินสดไม่ค่อยมีเลย ไปเที่ยวกันต่อดีกว่าครับ หลังจากเที่ยววัดวาอาราม กันไปแล้วนะครับคราวนี้เรามาเที่ยวถ้ำกับน้ำตกกันบ้างนะครับ ความจริงผมซื้อ ทริปที่จะไป เที่ยวถ้ำ ติ่ง กับ น้ำตก ตั้งแต่เมือ่วานแล้วครับ ความจริงการบริการก็ไม่มีอะไรมากเลย ก็แค่พาเราไปถึงที่เท่านั้นแหละ ไม่ได้มีไกค์หรือใครมาแนะนำอะไรเลย แต่ก็ดีหน่อยครับตรง เขาไปปลุกเราแต่เช้าเลยยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยช่วงเช้านี่เขาพาไป ถ้ำติ่งก่อนครับ ส่วนเส้นทางก็ย้อนกับทางที่ผมมานะแหละครับ แต่คราวนี้ไปไวหน่อย เพราะไปเรือลำเล็กๆ นั่งกันแค่ 10 คน ระหว่างทางไปถ้ำติ่ง เรือเขาก็จะพาเราแวะที่หมุ่บ้านที่อยู่ตามริมแม่น้ำโขง ไม่รู้ว่า เรือลำอื่นๆจะแวะที่เดียวกับผมหรือเปล่าผมเจอเจ้านี่ครับ ขนาดผมที่ว่าคอ สุราแล้ว ยังไม่กล้ากินเลย ส่วนภาพนี้มุมกว้างครับ แฮะๆป้าเขาให้ผมลองกิน ไปเป็กนึง โอ้โฮ แรงมาก มึนเลย คาดว่าเกิน 40 ดีกรีแน่นอนสงสารป้าแก เลยซื้อแบบไม่มีตัวอะไรอยู่ข้างในขวด มา 2 ขวด แฮะๆ ช่วยป้าแกครับหลังจาก แวะทำบุญที่วัดเล็กๆที่หมู่บ้านได้ซัก 30 นาทีเราก็ไปกันต่อครับเดินทางไปซักพัก เราก็ถึงถ้ำ ติ่งกันครับ แต่ว่าถ้าคนไม่เคยนั่งเรือนานมากมากๆแบบผมก็คงจะรู้สึกว่ามันนานเอาเรื่องอยุ่แหละครับ แต่ผมชินแหละภายในถ้ำติ่ง จะเต็มไปด้วยพระเก่าแก่มากมาย จำไม่ได้นะครับว่าถ้ำติ่งมีความสำคัญอย่างไรบ้าง แต่ คุ้นว่า เจ้ามหาชีวิตจะต้องมาทำอะไรที่นี่ซักอย่างนะครับ ต้องขอโทษจริง จำไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมอย่ากมากก็คือ อยากขึ้นไปพักกับชาวบ้านในหมู่บ้านข้างบน ถ้ำติ่งจัง แต่เฮ้อ ไม่มีเวลาอะครับ เขามีเวลาให้แค่ ชั่วโมงกว่าเอง รุ้สึกจะเป็นทริปอีกแหละครับ สำหรับการไปพักแบบโฮมสเตย์ เสียดายจัง ผมมีเวลาไม่พอ หลักจากได้ไหว้พระและถ่ายรูปวิวๆต่างกันจนหนำใจแล้วก็ได้เวลากลับไปที่หลวงพระบางกันละครับ หิวข้าวแล้วด้วย ต้องรีบกินเพราะช่วงบ่าย ต้องไปน้ำตก กวางสีต่อครับ ซึ่งไปๆมาๆผมอดกินข้าวกลางวันเลยครับเพราะไปถึงก็มีรถ มารับไปน้ำตกกวางสีต่อเลยครับรถจะวิ่งออกไปนอกเมืองหลวงพระบางนะครับ ถามพี่คนขับเขาบอกราวๆ 25 กิโลจากระยะทางดูเหมือนไม่ไกลเท่าไหร่นะครับ แต่พอออกไปจริงๆ แล้ว ไกลมากครับ ตอนนั่งรถ ได้คุยกับพี่คนขับ เนื่องจากพี่เขาพูดภาไทยได้คล่องพอสมควร ทำให้รู้ว่า เงินเดือนของคนที่ลาวนี่น้อยจัง ยิ่งพวกข้าราชการ เนี่ย พวกผมที่ว่าน้อยแล้วบอกเลย ว่าเยอะกว่าที่ลาวหลายเท่าเลย ครับหลังจากนั่งรถไปซักพักผ่านป่าเขา ที่ดูแล้วหนามาก จนไม่น่าเชื่อว่าออกจากเมืองไปแค่ 10-20 กิโล แล้วเราก็ถึงที่หมายกันครับ บอกได้เลยครับว่ามันสวยมากครับ ผมก็เลยอดไม่ได้นะครับที่จะลงไปนั่งแช่น้ำ ดื่มเบียร์เย็นๆ สบายใจไปพักนึง มีวิวสวยๆด้วยครับ เป็นอะไร ที่ทำให้ผมเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับ ผู้หญิงชาวตะวันตก ว่า ส่วนมากผิวจะหยาบเลยครับคนอะไรน่ารักมาก ผิวเนียนจังเลย ไม่รู้ว่าเธอเป็นสาวจากชาติไหนนะครับ ตอนที่ผมนั่งดื่มเบียร์เอาเท้าแช่น้ำ อยู่ เธอเดินมาข้างหลัง แล้วก็ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น เหลือแต่บิกินี่ เดินลงน้ำไปเฉยเลย ผมงงเป็นไก่ตาแตก เลยแต่น้ำลายไหลด้วยครับ คนอารายรถที่เรามาเขาให้เวลาเราแค่ 16.30 ครับ พอถึงเวลาเราก็กลับกันครับสำหรับผมหมดเบียร์ไปหลายขวดเหมือนกันเพราะวิวดีจังหลังจากถึงที่พัก ก็ได้เวลากลับเมืองไทยกันละครับ คงต้องลาเมืองที่แสนจะน่ารักนี่แล้ว ใจนึกนะครับ ถ้าชีวิตประสบความสำเร็จ มีเงินมีทองกับเขา ถ้าเป้นไปได้ ละก็อยากจะมาอยุ่ที่นี่จังผมจะเดินทางกลับประเทศไทยทางหนองคายครับ ผมได้จองตั๋วรถสำหรับนั่งรวดเดียวไป เวียงจันทร์ แบบนั่งยาวรวดเดียวเลยครับ รถออก 17.30 ถึง เวียงจันทร์เวลา 5.00 ของอีกวันนึง นั่งยาวอีกแล้วครับกระผมจากหลวงพระบางไปเวียงจันทร์เลยความจริงอยากพักที่วังเวียงอีกซักวัน แต่เสียดายจังไม่มีเวลาเหลือซะแล้วเสียดายจังหลังจากถึงสถานีรถแล้วซึ่งอยู่ไม่ไกลจาตัวเมืองเท่าไหร่ ผมก็ได้เห็นเจ้ารถ ที่จะพาผมไปเวียงจันทร์กันครับ พอใช้ได้ครับสภาพไม่น่ากลัวเท่าไหร่มีการขนสินค้าต่างๆมากมายบนหลังคาทำให้ผมนึกถึง เวลาที่ผมจะกลับบ้านนอกตอนสมัยเด็กๆ สภาพก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่เลยครับ มีคนโดยสาร เต็มคันรถครับ แต่ผมแปลกใจผมไม่เจอฝรั่งเลยครับ มารู้อีกที พวกฝรั่งเขาจะไปรถ ที่ดีกว่านี้อีกหน่อยนึง แต่ออกไปแล้ว พอถึงเวลารถก็ออกครับ เส้นทางที่ใช้ในการเดินทาง บอกได้เลยครับ ว่าโคตรน่ากลัวครับ ถนน 2เลน ไม่มีคันกั้นครับ ถ้าคนขับรถไม่ชินกับทาง รับรองตายครับผม มีทั่งทางขึ้นเขาแล้ลงเขาน่าเวียนหัวมาก ขนาดผม ซึ่ง ชินกับการเดินทางมากๆยังมึนหัวจนหลับไปได้ สำหรับคนที่เมารถง่ายๆ ผมไม่แนะนำเลยนะครับ ไม่สนุกแน่ ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้ถึงเวียงจันทร์แล้วครับ ก็ราวๆ ตี 4 กว่าๆ นั่งไปอีกซักพัก ก็ถึงเวียงจันทร์ซึ่งก็ยังมืดมาก ซึ่งผมก็ยังมึนๆอยุ่ว่าจะไปไหนดีหว่า ก็มีเสียงคนรถบอกว่ารถเข้าเมืองครับ ผมก็เลยขึ้นไปเลย ปรากฎว่าเข้ามเองของมัน มันเอาผมไปส่งตรงไหนก็ไม่รูมืดมาก ดูหน้าฝรั่งที่นั่งไปคันเดียวกันซิครับ โคตรงงกลางเมืองอะไรของมันวะ ไม่มีคนเลย ผมเลยต้องเดินหารถอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้เหนื่อยเลย ให้ไปส่งที่สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว นั่งรถไปอีกเกือบ ครึ่งชั่วโมงก็ถึง ตม ลาวครับผมนั่งรอเวลาที่เข้าจะเปิดให้ผ่านแดนอีกราว ครึ่งชัวโมงครับ ก็สามารถข้ามแดนได้บ้ายๆละครับ ลาวเป้นประเทศที่น่าไปอยู่จริงๆครับ อยากลับมากอีกจังหลังจากถึงหนองคายก็เช่นเดิม นั่งรถกลับกรุงเทพทันที แต่สิ่งนึงที่ผมจะจำไว้เลยว่าผมจะไม่นั่งรถ ปอ 2 อีกแล้ว หยุดบ่อยมากราวๆ17.00 ผมก็ถึงรังสิต ซึ่งจะเป็นที่ที่ผมลงรถ เพื่อกลับไปที่ทำงานของผม สนุกมากครับ สำหรับการไปเที่ยวคนเดียวหนนี้ มีโอกาศและมีตังผมจะกลับไปเที่ยวที่ลาวอีกครับ คราวหน้าอาจจะเป็น ลาวใต้บ้างครับ หรือไม่ก็ นครวัตครับผม เก็บตังก่อนครับผม สำหรับค่าใช้จ่ายนะครับ ไม่เกิน หมื่นหรอกครับ สบายๆ ขนาดผม ดื่มเบียร์ยังกะน้ำเปล่า ยังเหลือเลย บ้าย บายครับผม ทริปหน้าเจอกันใหม่ครับผม
ไปเที่ยวหลวงพระบางกันครับผม(ตอน 4)
ในที่สุดผม ก็มีแรงกลับเล่าต่อกันอีกทีนะครับ หลังจากผ่าน ช่วงที่เรียกได้ว่า ผมเหงา มาซะที ไอ้ความเหงานี่มันก็แปลกๆ นะครับ นานๆมันก็มาทีแต่เวลามันมาที มันช่างหงอย ซะจริง ไปเที่ยวกันต่อครับ หลังจากได้พักผ่อนนอนหลับสนิทก็เริ่มเข้าสู่วันใหม่กันครับ กับอาหารเช้าอันแสนจะง่ายเพื่อนผมมันเห้นรูปนี้มันด่าเลย ว่า มึงไปตั้ง หลวงพระบาง ไปกินข้าวไข่เจียวเนี่ยนะมึง แต่ผมจำๆได้นะครับ ว่าอร่อยใช้ได้เลยแฮะ หรือจะเพราะอาหารตาก็ไม่รู้ แฮะ ๆน้องที่เอามาเสริพ น่ารักมาก วิวสวยจริงๆหลังจากนั้น ก็เตรีบมตัว เที่ยวไปดูวัดวาอาราม ตามที่ได้ตั้งใจกันครับ อันดับแรก ที่ผมมองหาก็คือ แผนที่ครับผม แฮะๆไม่งั้นไปไม่ถูก หลังจากเดินดุ่มๆ ไปตามย่านที่ ชาวต่างชาติพักอยู่ผมก็ได้แผนที่ แผ่นใหญ่มาแผ่นนึง รายละเอียดใช้ได้ แต่เท่าที่ดูจากแผนที่ หลวงพระบางเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มากนะครับ เนื้อที่ส่วนที่เป็นตัวเมือง ดูแล้วไม่น่าเกิน 2000 ไร่ แต่มันก็คงจะใหญ่เกินไปที่ผมจะไปเที่ยวให้ทั่วภายใน วันเดียว ผมไม่มีเป้าหมายอะไรแต่แรกอยู่แล้ว ตามน้ำ แค่ไหนก็แค่นั้นอยู่แล้ว แหละครับไปครับไปเที่ยวกันดีกว่า หลังได้แผนที่แล้วต่อไปก็คือ จักรยานครับ ได้เสือภูเขา มาคันหนึง ได้เวลาตะเวนละครับ เริ่มจากนี้นะครับ ผมประทับใจมาก ผมรู้สึกทึ่งในฝีมือทางช่างเขาจริงๆ มันเยี่ยมมาก แต่ละวัดล้วน งดงาม ต่อด้วยนี่ครับ วัดที่ผมเห้นใน โปสเตอร์ ฝีมือช่างไม้เยี่ยมมากแต่สิ่งนึงที่ทำให้ผมคิดได้อย่างนึงคือในอนาคต มันจะเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ดู ในแต่ละวัด ขาดการดูแลเอาใจใส่ เท่าที่ควร สิ่งสำคัญทางวัฒนธรรมหลาบๆสิ่งไม่ได้ถูกดูแลให้สมกับคุณค่าของมันเลย วันนั้นทั้งวันผมตะเวนไปตามวัดต่างๆมากซะจนบอกได้ว่า มากกว่าทั้งชีวิตที่ผมอยู่ที่เมืองไทยเสียอีกนี่เป็นวัดที่อยู่บนยอดเขากลางเมืองหลวงพระบางครับ จำไม่ได้ว่าบรรไดกี่ขั้นแต่จำได้ว่าหยุดพัก ตั้ง สามรอบครับ นีเป็นพระสถูปเจดีย์ที่ว่ากันบรรจุ พระธาตุเอาไว้ครับ ขับวนหาอยู่นานในที่สุดก็เจอและที่นี่ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ที่เคยเป็นวังของเจ้ามหาชีวิตนะครับผมเรียกถูกไหมครับแต่จำไม่ได้ว่าเขาเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรครับแต่มีสิ่งที่ผมงงมากที่สุดก็คือ เวลาเปิดปิดทำการของหน่อยงานในลาวเนี่ยครับ มันกี่โมงอะครับ ตอนผมไป ปิดหมดเลยหลังจากตะเวนไปทั่วแล้วมารู้ตัวอีกที ก็นู่น เกือบ 17.00 แล้วครับ ตอนเอาจักรยานไปคืนแล้วเดินกลับไปที่พัก เรียกได้ว่าแทบจะเดินไม่ไหวกันเลย พอถึงห้องที่พัก กะจะนอนพักแป็บนึงผมดันหลับไปเลย ตื่นมาอีกทีก็ เกือบ 19.00 คราวนี้ละครับ หิวมาก ได้เจ้านี่และเบียร์ 2 ขวดช่วยมีแรงขึ้นมาเยอะเลย ผมเลยได้เดินตลาดตอนค่ำของเขา มีสิ่งของมากมายขาย ทั้งของที่ดูก็รู้เลยมากจากไทยและก็มาจากประเทศอื่นก็มี แต่คนขายของ น่ารักเพียบเลยแต่ผมพลาดสุดที่เรื่องนี้แหละครับ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยซักใบ เลยไม่มีบรรยากาศยามค่ำคืนของตลาดที่หลวงพระบางมาให้ชมกันหลังจากเดินได้ซักพัก ก็ได้เวลากลับไปที่พัก และแล้วก็ทำตามประเพณีนิยมของผมก็คือ การดื่มเบียร์กับอ่านหนังสือ นะครับ ราตรีสวัสครับ ผม
ไปเที่ยวหลวงพระบางกันครับผม(ตอน 3)
มาต่อกันครับ ไปให้ถึงหลวงพระบาง กันครับ วันนี้เป้นวันที่ผมตื่นเช้าผิดปกติ อาจจะเพราะ ว่า ที่นี่อากาศดี เหลือเกิน หรือการเข้านอนไว ก็ไม่รู้ คือ ปกติผมจะนอนราวๆ ตี 2 นะครับ อากาศที่นี่ดีมากครับ ดีซะจน อยากจะมาอยู่ซะจริงๆ มันเหมือนสวรรค์จริงที่ผมหายใจไม่ติดขัด (ผมเป็นภูมิแพ้ครับ) แล้ววิวตอนเช้า มันก็สวยซะจริงๆหลังจากตื่นนอนแล้ว นั่งงัวเงียอยู่ครู่นึง ก็ลุกไปอาบน้ำอาบท่ากัน แน่นอนครับ ต่อจากนี้ก็คือ ไปหาของกินครับ หิว ไม่พ้นที่เดียวกับมื้อเย็น ครับ แฮะๆขีเกียจเดินนะครับ ออกไปก็เจอเลยนี่เกสเฮาส์ที่ผมพักครับและนี่ ร้านอาหารครับ เดินข้ามไปก็เจอเลย และนี่อาหารเช้าของผมครับ กาแฟกับ ขนมปังฝรั่งเศษ ไส้ปลาทูน่า พี่สาวชาวลาวเรียกมันว่าอะไรก็ไม่รู้ครับ จำไม่ได้แล้ว แต่หนักท้องใช้ได้ครับแม่หนูน้อยคนนี้พูดเก่งมากเลยครับ น่ารักจังครับ หลังจากพักผ่อนกันอีกซักพักก็ถึงเวลาเดินทางกันต่อละครับ การเดินทางจากปากแบง ไปหลวงพระบางจะเป็นเรืออีกลำนึงครับ ไม่ใช้ลำเดิมแต่ลักษณและสภาพฏ็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมซักเท่าไหร่ คราวนี้ผมโชคดีครับเนื่องจากไปก่อนเพื่อน ปรากฏว่าเรือลำนี้มีเบาะหนังอยู่ 8 ที่ครับ คนเรือบอกว่าไม่มีการจอง มาก่อน นั่งก่อน ฮ่าๆ เสร็จโจรละครับ บรรยาการก็เช่นเดิมครับ ชนกลุ่มน้อยเหมือนเดิม ชุดเดิม จากเมื่อวานโดยอาจจะมีผู้โดยสารเพิ่มเติม คือ พี่น้องๆชาวลาวที่เดินทางไปมาระหว่าง แขวงแล้วการเดินทางทางเรือ ที่ไกลที่สุดในชิวิตผมก็เริมขึ้นครับ การเดินทางของผมจะถึงหลวงพระบางในเวลาราวๆ 18.00 ครับ โอ้วออกจากปากแบง9.30 ถึง 18.00 อ้าก เกือบ 9 ชั่วโมงสงสัยคราวนี้ ผมจะนับเป็นขวดไม้ได้ซะแล้ว ต้องนับการเป็น ลัง การเดินทางก็คล้ายเดิมครับ แตคราวนี้เราจะผมป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มากกว่าเดิม มีการเดินเรือแบบสลับฟันปลาเหมือนเดิม และผมก็พึ่งรู้ว่าแม่น้ำโขงเนี่ย บางช่วงก็กว้างสุดลูกลูกตาเหมือนทะเลสาบ แต่บางช่วงก็แคบมากจนน่ากลัวและน้ำก็ไหลเชี่ยวคนเรือต้องเข้าใจมันสุดๆเลยครับ ถ้าเอาตาสีตาสาไปบังคับ มีหวัง ได้ตายกันทั้งลำแน่นึกแล้วน่ากลัวจริงหลังจากหมดเบียร์ไปบางส่วน ไม่บอกจำนวนนะครับเดี๋ยวจะตกใจกันซะเปล่า เดี๋ยวจะหาว่าผมขี้เมาเราก็ได้ผ่านถ้ำสำคัญถ้ำนึง ถ้า จำไม่ผิด เขาน่าจะเรียกว่า ถ้ำติ่ง ครับเรือช้าไม่แวะพักนะครับ ถ้าไม่มีคนลงเขาก็ไม่หยุดที่ถ้ำติ่ง ต้องไปให้ถึงหลวงพระบางเสีบก่อน แล้วค่อยซื้อ ทริปมาอีกที เขาว่างั้นนะครับและหลังจากผ่านถ้ำ ติง มาซักพัก ความจริงก็ไม่ซักพักนะครับ ก็อีกราว 2 ชั่วโมงทีเดียวเราก็ถึงที่หมายกัน ครับ ถึงแล้วครับ หลวงพระบาง มรดกโลกหลังจากขึ้น ฝั่งผมก็เริ่มมองหาที่พักทันที ผมเดินขึ้นไปเดินเลียบไปตาม ถนนริมตลิ่งเลียบแม่น้ำโขง ผมก็พบกับที่นี่ครับ ผมไมขอะไรมากแต่มีที่นอนกับมีห้องน้ำในตัวก็พอ ซึ่งปรากฎว่าที่นี่มี ในราคาที่น่าพอใจครับ ผมเลย ไม่ไปไหนแหละ ที่นี่แหละ หลังจากเก็บข้าวของของผมแล้วซึ่งมันก็มีไม่มากหรอก ก็ได้อาบน้ำอาบท่า เพื่อจะได้ออกไปหาอะไรกินซะหน่อย เพราะหิวมากเลย ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กินแต่เบียร์หลังจากตะเวน เดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ความจริงคือเดินดูสาวๆนะแหละครับ สมตามคำร่ำลือ ครับ น่ารักจริงๆ อยากได้ติดไม้ติดมือกลับไปเมืองไทยซะจริงๆเดินไปได้ซักพีกก็เจอะกับเจ้านี่ครับ ถ้าจำไม่ผิดเขาเรียกว่า เฝอ ใช้ไหมครับ อร่อยดีครับ หลังจากเติมพลังกันเรียร้อยผมก็ได้เดินดูบรรยากาศ ดูเป็นเมืองเงียบๆครับร้านค้าต่างๆก็ปิดกันไว พอสมควร จะมีก็แต่บาร์ที่ฝรั่ง เที่ยวกันที่จะเปิดดึกหน่อยแต่ก็แค่เที่ยงคืนแหละครับ หลังจากนั้นก็ปิดหมดซื้อขนมไปรองท้องตอนกลางคืนครับ อร่อยดีครับ และแน่นอนครับ ตามแบบฉบับของผมครับ ก่อนนอน ดื่มเบียร์ไปอ่านหนังสือไป (ถ้าไม่อ่านหนังสือผมจะนอนไม่หลับนะครับ บ้านผมเป็นกันทั้งบ้าน)หลังจากหมดเบียร์ไป 2 ขวดก็ได้เวลานอนกันละครับ พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันต่อนะครับ ราตรีสวัส ครับผม
ไปเที่ยวหลวงพระบางกันครับผม(ตอน 2)
หลังจากได้เติมพลังกันนิดหน่อยด้วย กับ เบียร์เย็น ๆ กับไข่เจียวแบบแปลกๆของพี่สาวชาวลาว แล้วก็ใกล้จะถึงเวลาที่ผมจะต้องเดินทางแล้ว ด้วยเจ้าเรือนี่ครับ ในเที่ยวที่ผมไป นี่ เห็นเด็กเรือที่เป็นชาวลาวบอกคนไม่ค่อยเยอะ ดูแล้วก็พอโอเคครับ ไม่แน่มาก แต่ขอโทษที่นั่งเป็นไม้นะครับไม่มีนวมเลยมีแค่เบาะลองนั่ง มีที่เก็บกระเป๋าไว้ด้านหลังกับด้านหน้าเรือ แต่พอดีของที่ผมเอาไปด้วย แทบจะไม่มีอะไรเลย คือ ถ้าคนทั่วไปเห็นต้องคิดว่าบ้าแน่ไอ้นี่ ไปต่งประเทศเอาเสื้อไป 3 ตัว กาง 2 ตัว เลยสามารถเอาไวที่ตัวเองได้เพราะมันเป้นแค่เป้เล็กใบเดียว ที่ผมห่วงมากที่สุดก็คงเป้นเจ้า passport นะแหละ กลัวหายโคตรผมแก้ไขปัญหานั้นโดยใส่กางเกงสองชั้นครับ passportกับตังเยอะๆ ไว้ด้านใน ส่วนด้านนอก ก็แค่ค่าเบียร์ 2-3-4-5 ขวด ระหว่างทางเท่านั้นเอง เบียร์ไม่แพงครับ ราว ๆ 25 ไทย ไม่แน่ใจแต่ผมรู้สึกว่ามันไม่แพงเลย แต่อีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกตอนขึ้นเรือ คือ เราเป็นชนกลุ่มน้อย ในเรือแน่วะ ไม่มีคนไทยเลย ซักคน เท่าที่ได้คุยกันมีเอเชียแค่ 3 คน เองคือ สาวญี่ปุ่น หนุ่มสิงคโปร์ และ หนุ่มใหญ่จากเมืองไทยนั้นก็คือผมเอง ภาษาอังกฤษยิ่งแข็งแรงอยู่ด้วย จะรู้เรื่องไหมเนี่ยและราว 11.00 กว่า เรือก็ได้ออกจากท่าเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทาง ของผม คือ หลวงพระบาง ระยะเวลาที่ เด็กเรือได้บอกกับผมก็คือ 2 วันเต็มๆครับ โดยจะแวะพักวันแรก ที่จุดพักที่เขาเรียกว่าปากแปง เวลาโดยประมาณที่จะถึง ปากแบงคือ ราวๆ 17.00 ครับ แต่วันที่สองจะโหดกว่ามาก เพราะจะต้องออกแต่เช้าและไม่มีการหยุดพักที่ไหนเลย รวดเดียวถึงหลวงพระบางเลย โอว ระหว่างที่ นั่งเรือเราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สบายตาและ สบายใจ ตามระยะทางที่เดินทางไปก็จะพบหมู่บ้านเล็กๆ ของ ชาวลาวอยู่เป็นระยะ บางหมุ่บ้านก็จะขายของ ต่างๆให้กับนักท่องเที่ยวหรือคนเรือที่ผ่านไปมาในแม่นำโขง มีการทำการประมงกันเป็นระยะ ๆแม่น้ำโขงเป็นแม่นำที่เดินเรือยากทีเดียว น้ำเชียวกรากไหลแรงมีโขดหิน ตามแนวชายตลิ่งมากมาย บางทีคนเรือต้องวิ่งสลับฟันปลาระหว่าง 2 ฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อหลบแนวโขดหิน ผมเข้าแล้วว่าทำไมเขาไม่เดินเรือกันตอนกลางคืนแค่ตอนกลางวันยังขนาดนี้ตอนกลางคืนมันจะยากขนาดไหน เข้าใจเลย หลังจากเดินทางไปตามการนับระยะทางแบบผมคือหมดเบียร์ไป 4-5 ขวดเราก็ถึงจุดหมายที่จะเป็นจุดพักในการเดินทางวันแรกของ ผมคือปากแบงเป็นจุดพักที่อยู่กลางขุนเขาอันเงียบสงบจริงๆวิวนี้ถ่ายจากระเบียง เกสเฮ้าส์ ที่ผมเข้าไปพักครับวิวดีพอสมควรและแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นครับ หลังจากอาบน้ำอาบท่านอนพักให้หายมึนนิดหน่อยผมก็ออกไปหาอะไรกิน ซึ่งเท่าที่เห็นจะเห็นร้านอาหารที่ขายอาหารให้ชาวต่างชาติเยอะมาก อาหารฝรั่งทังนั้นเลย ซึ่งไม่ถูกปากผมเลยเดินไปเดินมากไม่ไปไหนก็เลยได้รานที่อยู่หน้าห้องพักนะแหละ ผมก็เลยสั่งต้มยำที่ทำจากปลาแม่น้ำโขงซึ่งจำไม่ได้แล้วว่ามันเป้นปลาอะไรแต่เนื้อก็ใช้ได้ แค่ปลาแม่น้ำโขงนี่หนังหนาจังแฮะ แล้วก็ต้มยำนี่มันไม่เผ็ดเลย ออกไปทางเปรียวซะมาก เอาน่าพอกล่อมแกล่มน่า ต้องรีบทานครับเพราะว่า เขามีไฟฟ้าให้ใช้แค่ 22.00 นะครับ เปิดให้อีกทีก็ 7.00 เลยนา แต่ก็อร่อยพอใช้ได้ครับ ถึงจะไม่ถูกปากคนชอบกินเผ็ดแบบผมเท่าไหร่หลังจาก อิ่มแล้วก็เดินดูอะไรนิดหน่อยซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก ลองสอบถามดูว่าถ้าไปหลวงพระบางทางรถจากที่นี่จะใช้เวลากี่วันเขาบอกว่า 2 วันครับนานกว่าเรืออีกตกลงไปเรือต่อก็ได้วะ หลังจากนั้นไม่มีอะไรมากครับ ตามหลักนิยมผม ดื่มเบียร์ ไปอ่านหนังสือ ไปหมดเบียร์2 ขวดก็เข้านอนครับอากาศดีมากครับ ไต้องเปิดพัดลมเลย( มีแต่ห้องพัดลมนะครับไม่มีห้องแอร์ตอนผมไปตอนนี้ไม่มีรู้มีห้องแอร์บ้างยัง )โรคภูมิแพ้ที่ผมเป็นอยู่ก็ไม่แสดงอาการเลย สำหรับวันนี้ ราตรีสวัส ครับ พบกันเช้าวันใหม่ครับ
ไปเที่ยวหลวงพระบางกันครับผม(ตอน 1)
ทริปการไปหลวงพระบาง ของผมเกิดขึ้นจากวันนึงผมรู้สึกว่างๆ แล้วก็พอดีอีกเช่นกันที่ผมมีมันนี่ เหลือจาการใช้จ่ายต่างๆอยู่ราวๆ 10000 บาท เลยนึกขึ้นมาว่า ผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนนานแล้วนี้หว่า พอดีผมไปเที่ยวห้างที่ไหนไม่รู้ เห้นโปสเตอร์แผ่นหนึ่ง เอะที่ไหน สวยจัง ตกเย็นก็เลยเข้าไปค้นที่เว็บบอร์ด พันทิป BluePlanet ว่ามันคือที่ไหน ไปยังไง ใช้เงินเท่าไหร่ก็เลยได้ช่องทางที่จะไปที่หลวงพระบาง สรุปช่องทางหลัก ๆที่เราจะไปได้คือ 1 ไปทางหนองคาย2 ไปเชียงราย เข้าทาง เชียงของ ตอนแรกผมก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหนหรอก แต่เอะ คิดถึง แม่น้ำจัง ผมเคยกินนอนอยุ่ในเรือ ในแม่น้ำเจ้าพระยา นะครับ เลยตกลง ไปเชียงของดีกว่าได้ล่องเรือด้วย ค่าใช้จ่ายก็คงพอกันมั่ง ไม่แน่ใจหรอก แต่คงไม่เกินงบหรอกน่าเวลาที่ใช้ในการเตรียมการของผมไวเหลือเชื่อ จากวันที่คิดจะไป ถึงวันที่ไปรวมกันแค่อาทิตย์เดียวเอง ทั้งไปทำ passport ไปซื้อกล้อง แต่ทึ่งจริงๆนะครับ ตอนแรกไม่เชื่อว่าการทำ passport มันจะง่ายดายอะไรแบบนี้วะเนี่ยทำ วันอังคาร รับ วันพฤหัสไปวันเสาร์ถึงลาววันอาทิตย์ ผมมันบ้านะครับ อย่าเลียนแบบอะฮ้า บรรยายแรงบรรดาลใจซะยาวยึดมาครับ เริ่มเดินทางกันดีกว่าครับเรื่องของผมเริ่มที่นี่ครับ บ้าได้ใจครับวันแรกก็ได้เรื่องเลยมันคือ jj mall เนื่องจากผมไม่รู้เวลาการเดินรถอะไรกับเขาเลย เลยรีบเดินทางไปหมอชิตใหม่แต่เช้า ปรากฎว่า รถไปเชียงของออกตอน 19.30 นาที พระเจ้า ตอนที่ผมไปจองตั๋วนะ ราวๆเที่ยงเอง จะไปไหนดีละครับงานนี้อีกนานเลย ไปเดินเล่นที่ไหนก่อนก็ได้วะ ไป jj ดีกว่า ไม่ได้ไปเดินนานแล้ว พอไปถึงมันร้อนมากเลยไม่ได้ไปไหนเดินไปเดินมาอยุ่แต่ใน jj mall เดินไปเดินเดินมาอยู่แป็บนึง อ้าว จะ 17.00 แล้วนี่หว่า ไปดีกว่า เดี๋ยวไม่ทัน ขณะที่เดินออกจากห้างไปกำลังจะขึ้นรถเมล์ ผมล้วงลงไปในกระป๋า แทบช็อคครับ passport หายครับผม พระเจ้า กูจะได้ไปไหมเนี่ย หลวงพระบาง ทำใจแล้วตอนไปถาม รปภ สงสัยกูไม่ได้ไปแน่ แล้วก็เหมือนสวรรค์โปรด คุณ รปภ วอ ไปถาม ที่ประชาสัมพันธ์คนสวย มีเสียงหวานๆบอกมาว่ามีคนเก็บ passport ได้ 1 เล่มคะ เป้นของคนไทย คะ เฮ้อ ผมใจชื่นขึ้นมาเป็นกอง ก็คงไม่มีใครเสร่อ ทำหายแบบผมแหงๆ มันต้องเป็นของผมชัวๆ แฮะๆแล้วผมก็ได้ไปรับ passport ที่ ประชาสัมพันธ์ คนสวย สรุปใช้จริงๆครับ ขำตัวเองจริงๆโคตรเสร่อเลย สรุบในเวลาเกือบ 19.00 ผมก็ได้ไปรอรถ ที่หมอชิตได้ทันเวลา ตอนแรกนึกว่าจะมีคนนั่งไปเยอะ ปรากฎว่ามีแค่ 8 คน เอง โล่งเลยและแล้ว ก็ถึงเชียงของครับ ใช้เวลาเดินทางไป ประมาณ 13 ชั่วโมง ผมแทบจะไปถึง ต ม ที่เชียงของ เกือบจะเป็นคนแรกเลยครับ คนน้อยจนน่าแปลกใจหรือผมไปตอนที่คนอื่นเขาไม่เที่ยวก็ไม่รู้นี่วิว ริมฝั่งโขง ฝั่งไทยที่เชียงของครับและนี่เป็นวิว จาฝั่งลาวตรงที่ๆผมจะไปนั่งเรื่อ ซึ่งเขาเรียกกันว่าเรือช้า เพื่อจะไปหลวงพระบาง ผมไปถึงที่นั้นราว 9.00 แต่เรือ จะออกจากท่าราว ๆ11.00 ครับ และจากการที่ได้สอบถามเขาบอกว่าจะออกแค่วันละ 1 ลำ สำหรับเที่ยวปกติ หรือถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวเหมาลำไปก็ได้ครับ เขาไปให้ได้แต่ไม่กล้าถามราคาอะครับระหว่าง เอ่อ หิวจัง เลยต้องหาอะไร กินซะหน่อย สุดท้ายก็ไม่พ้นเจ้านี่ครับ รสชาติใช้ได้ที่เดียว เอ้ามาดื่มกันซักแก้วครับ เพื่อสุขภาพ แฮะๆและแล้วเมื่อถึง เวลา 11.00 การเดินทางทางเรือที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของผมก็เริ่มขึ้น โปรดติเตามตอนต่อไปครับผม