ไปเที่ยวปาย โดยไม่ได้ตั้งใจ ปรากฏว่า แสนจะสบายใจ (ตอน 2) จบจ้า
ว่าจะเข้ามาอัพให้จบก็พึ่ง มีอารมณ์มาเขียนนี่แหละครับ เวลาว่าง ก็ใช้ว่าจะไม่มี มีเยอะซะด้วย ว่างเยอะซะจนฟุ้งซ่าน พอมีงานอะไรทำถึงมันจะเหนื่อย แต่มันก็ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรจะทำแบบตอนนี้ซะจริง งานประจำก็ทำไปวัน หรือว่าผมจะหมดไฟกับมันไปซะแล้ว ก็ไม่รู้ เหมือนทำไปตามหน้าที่ ล่องลอยไป ไปเที่ยวกันให้จบดีกว่าครับ จะว่า การไปเที่ยวตามที่ตางๆช่วงที่เขาไม่ไปนี่มันก็ดีไปอย่างนะครับ คือมันเงียบซะจริงๆ ไม่ต้องแย่งอะไรกับใครเลย อย่างที่พักที่ผมไปพัก นี่ผมเข้าพักอยู่ห้องเดียว ไปที่ปาย คราวนี้ผมได้อะไรมาอีกอย่างรุ้ไหมครับ ก็คือ เป้นครั้งแรกในชีวิตที่ผมขับมอเตอร์ไซค์ เชื่อไหมละครับ คนอย่างผมขับรถมาจะทั่วไทยอยุ่แล้วทั้งทำงานทั้งไปเที่ยว คนเดียวไปลาวด้วยถุงผ่าใบเดียวมาแล้ว แต่อย่างนึงก็คือผมไม่เคยขับมอเตอร์ไซค์เลยมาตลอดชีวิต นี่ครั้งแรกจริงๆ นี่ครับคันแรกในชีวิตของผม อัตราค่าเช้าวันละ 100 บาท ถูกจัง บวกค่าประกันตัวและประกันรถรวมเป็น 180 บาท ผมก็ยังว่า มันสุดถูกอยู่ดีนะแหละ ได้แผนที่แถมมา 1ใบ มองไม่ค่อยรูเรื่องหรอก พอเริ่มขับรู้สึกว่ามันขับง่ายนะ มันเป็นแบบ ออโต้ เหมือนขับจักรยานเลย เพียงแต่ไม่ต้องถีบ กลับไปที่ทำงานคราวนี้ซื้อขี่ซักคันดีกว่า น่าจะประหยัด กว่าเจ้าแก่ ของผมเยอะเลย ตอนแรก จะไปที่น้ำตกแม่เย็น ขับไปขับมากหลงครับไปไหนก็ไม่รู้ กว่าจะรู้ตัวว่าหลง ก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่หลงไม่เป็นไรครับ วิวสวยจัง ถ้ามาคราวหน้า จะพาคนหน้ารักๆมาด้วย ปล ถ้าหาได้นะครับหลงไปหลงมาก็มาถึงวัดพระธาตุแม่เย็นครับ จากการสอบถาม คุณ ยาย คุณป้า ที่ขายของที่ละลึกที่บริเวณตีนพระฐาตุทำให้ผมทราบว่า ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะไปที่น้ำตกแย่เย้น ภายในวันนี้ซึ่งก็หมายความว่า มาปายคราวนี้ผมคงไม่ได้เข้าไปที่น้ำตกแม่เย้น แน่ เพราะ ผมมีเวลาแค่วันเดียว เสียดายจัง โอกาศถ้าได้มาอีกก็คงจะดี เลยต้องเปลี่ยนแฟนครับ นำตกแม่เย็น ไปไม่ทันแล้ว ไปที่ไหนดีละ มองดูจากแผนที่ ดูแล้วที่ใกล้ที่สุด คือ น้ำตกแพมบก เอาไปแพมบกก็ได้ก็ยังดีที่ได้ไป หลังจากนั้นก็ขับรถต่อไปอีกราวเกือบ 30 นาที ปรากฎสถานที่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนอีกแล้ว โป่งน้ำร้อนครับ ถ้าจำไม่ผิดบริเวณโป่งเนี่ย เป็นส่วนนึงของ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังด้วย เย้ ได้มาห้วยน้ำดังซะที เคยได้ยินแต่ชื่อ มีน้ำร้อนให้ลงไปอาบด้วยนะครับ แต่รุ้สึกจะห้ามต้มไข่แล้ว อดเลยผมมีที่ให้กางเตนต์นอนด้วยนะครับ เพียงเสียค่าที่ธรรมเนียบให้ทางอุทยานเพียงเล็กน้อย จำไม่ได้แล้วครับว่า กี่บาท แต่ไม่เยอะหรอกครับ ไม่ถึงร้อยแน่นอนครับ นี่บริเวณที่พักครับน่านอนมาก คงจะหนาวน่าดูเลยละครับ ตอนกลางคืนหลังจากออกจาก โป่งน้ำร้อน ผมก็ขับมอเตอร์ไซค วนกลับไปที่ปายครับ ระหว่างทางเจอรานกาแฟเลยพักจิบกันซะหน่อย เพราะว่ายังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย มีห้องพักเปิดให้บริการ ด้วยนะครับ แต่รุสึกว่ายังไม่ได้เปิดให้บริการในส่วนของห้องพักครับ หลังจากพักจนหายเหนื่อยแล้วจุดหมายต่อไปของผมคือ อะไรนะครับ เหมือนภูเขาหิน แต่ผมจำไม่ได้จริงๆครับว่าเขาเรียกมันว่าอะไร จำได้อย่างเดียวตอนขึ้นเหนื่อยจังพอลงมาก็ไปที่น้ำตกแพมบกกันเลยครับ มันอยุ่ซะลึกจนผมนึกว่าหลงซะแล้วกแต่ก็เอาวะขับเข้าไปตั้งไกลแล้ว เข้าไปอีกหน่อยจะเป็นไป ขับไปเรื่อยจนผมได้ยินเสียงน้ำไหลนั้นแหละถึงได้ ใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่าไม่ได้หลงน้ำตกดูสมบูรณ์มากครับ แล้วก็จะบอกว่าไม่มีคนเลยแม้แต่คนเดียวดูจากร่องรอยแล้วผมคงเป้นคนแรกของวันที่ได้มาเยือน น้ำตกแห่งนี้ในวันนั้น เย็นจนรู้สึกว่า หนาวเลยละครับ อยากพาคนน่ารักๆมาด้วยจังโว้ย เฮ้อ เพ้ออีกแล้วผม หลังจากออกจากที่แพมบก แล้วก็เย็นแล้วครับ ไปไหนต่อก็คงไม่ไหวแล้วใจจริงอยากไปที่ปางอุ๋ง ต่อ แต่สงสัยจะไม่ทันแล้ว กลับก็กลับกันครับ เสียดายจังที่มีเวลาน้อยไป สำหรับปายกับผม เย็นวันนั้นของผมจบลงที่ร้านอาหารเวียดนามครับ ซึ่งจะเป็นร้าน ที่ผมบอกตามตรงว่าผมหลงเข้าไปด้วย ความน่ารักของสาวน้อยที่อยู่ในร้าน อาหารอร่อย ครับหรือเป็นเพราะ สาวน้อยก็ไม่รู้ ผมอยากมาเที่ยวที่ปายอีกครั้งจังครับ ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่ผมคงต้องหาโอกาศมาอีกครั้งแน่นอนครับ โอกาศหน้าเจอกันใหม่นะครับไปเที่ยวกันใหม่ สำหรับผมที่ไม่มีจุดหมายอะไรแน่นอน เลยซักอย่างในชีวิต บางครั้งผมก็อยากจะมีจุดหมายในชีวิตกับเขาบ้าง แต่พอถามตัวเองในใจ มันก็ไม่มีอะไรซักที อาจจะเจอกันที่ ปากเซนะครับ หรือไม่ก็ พงัน หรือไม่ก็อะไรก็ตาม ที่ผมได้ผ่านไปพบ ขอบคุณ ครับ บายครับ
ไปเที่ยวปาย โดยไม่ได้ตั้งใจ ปรากฏว่า แสนจะสบายใจ (ตอน 1)
คราวนี้ผมได้ไปเที่ยวแบบไม่ได้ตั้งใจเลย เนื่องจาก คราวนี้ เจอสั่งให้ไปเข้าร่วมประชุม ที่เชียงใหม่ แบบไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนแรกยังงงๆอยุ่เลย พอรู้สึกตัวอีกที ก็ไปถึงเชียงใหม่แล้ว ไม่ได้เตรียมอะไรซักอย่าง เพื่อนที่ไปด้วย มันจัดให้หมด แล้วก็ได้มาถึง เชียงใหม่ เมืองที่ ผมเคยรักมันอย่างยิ่ง เพราะคนที่ผมเคยรักเขาก็อยู่ที่นี่ เมื่อราว 6-7 ปี ที่แล้ว ผมรู้จักที่นี่พอสมควร วันนี้ผมมาอีกครั้ง หลายสิงเปลี่ยนไป แต่ผมก็ยังรักที่นี่เหมือนเดิม สิ่งแวดล้อม อื่นๆอาจจะเปลี่ยนไป แต่ น้ำใจไมตรีของคนที่นี่ ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ใจดีและน่ารัก น่ารักซะจนผมเกือบจะหลงรักสาวน้อยคนนึง ไปซะแล้ว ถ้ามีโอกาศ อยากจะทานข้าวกับเธอ สองต่อสองซักครั้ง บอกความในใจที่ผมมีต่อเธอในขณะนั้นให้เธอได้ฟัง ก็คงจะดี การประชุมก็คือการประชุม ไม่มีอะไรนอกจากวิชาการ ผมเข้าใจพอสมควร ว่าทำไมเจ้านายเขาถึงให้ผมมา อย่าไปพูดถึงมันเลยดีกว่าครับไปเที่ยวต่อดีกว่า หลังจากการประชุม 2 วันสิ้นสุดลงก็เพิ่งมานึกได้ว่า นี่มันวันหยุดยาวนี่หว่า อะฮ้า เอาละซิ กลับไปที่กรุงเทพก็ยังไม่รู้จะลงไปทำไม มานั้งนึกดูว่า จากเชียงใหม่มีที่ที่เราอยากไปในภาคเหนือมีที่ไหนบ้าง ปรากฏว่าเพียบ อะไป ปายดีกว่า แล้วจะไปยังไงละ คราวนี้ไม่ได้หาข้อมูลอะไรซักอย่างไม่ได้หาเหรอ ก็ก็ไม่เห็นต้องหาเลยนี่ ไปเลย ผมพอ จะรู้จักสถานที่ต่างๆในเชียงใหม่พอสมควร เพราะโดนสาวๆที่นี่หักอกมาเยอะ พอตัดสินใจได้ ก็ไปสถานีขนส่งอาเขต ทันที ถามเขาไปทั้วว่าไปปายยังไง สรุปผมได้ไปด้วยเจ้านี่ครับ 150 บาท ค่าโดยสาร ที่ผมว่า ถูกมากเมื่อเทียบกับระยะทางที่แสนจะน่าเวียนหัวด้วยโค้ง อันแสนจะมากมาย ผมเองที่มีบุญ ไม่เคยมีอาการแล็กจากการเดินทางเลยมาตั้งแต่เกิด ยังมึนหัวได้ในขณะเดินทางไปปาย แนะนำนะครับใครจะไปแม่ฮ่องสอนหรือ ปาย ถ้าไม่ชำนาญทางไปรถนำเที่ยวหรือรถโดยสาร เถอะครับ อันตรายเหลือเกินสำหรับผู้ที่ไม่ชินทาง และถึงชินผมก็ไม่ขับอยู่ดี สงสารรถ จากเชียงใหม่ถึงปายถ้าจำไม่ผิด น่าจะมีระยะทางประมาณ 120-130 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชั่วโมง รถ ออกจากเชียงใหม่เที่ยวสุดท้าย 16.30นะคร้าบ เย็นกว่านี้ถ้าดูจากเส้นทางที่ผ่านไป ผมก็ไม่อาวแล้ว เข็ดจากที่หลวงพระบาง และแล้วผมก็ถึงที่หมาย ที่ปาย ราวๆ 19.30 เปะๆ เฮ้อ ผมตกใจจริงๆในความเจริญของ เมืองปายในวันนี้ ผมมาที่นี่ช้าไปอีกแล้ว เต็มไปด้วชาวต่างชาติ ผับ บาร์ ปายที่เงียบสงบ ไม่มีอีกแล้ว แต่จะให้ทำไงได่ละครับ ทุกสิ่ง ย่อมเป็นไปตามความเปลี่ยนแปลงของโลก ขอเพียงมองให้เห็นสิ่งดีๆของตัวมัน ทำความเข้าใจมัน แล้วเราก็จะมีความสุขกับสิงที่เกิดขึ้น ตอนแรกผมว่าจะหาที่ นอนแบบกลางเต็นต์นอน แต่พอผมไปถึง มันมืดมากแล้ว เดินไปเดินมาอยู่นาน ก็เลยมาจบลงที่นี่ วันนั้น จบลงด้วยอากาศที่แสนจะสบาย เงียบ ที่ๆผมไปพัก ไม่มีคนเลย สบายแฮ แต่ผมยังไงก็ยังเป็นผมอยู่วันยังค่ำ ผมจบค่ำคืนนั้นด้วย เหล้าพื้นเมืองหอมกรุ่นจากพี่ชายและพี่สาวที่แสนใจดี สอง เป็ก หลับสบาย ไม่ฝันอะไรเลยครับ หายเหนื่อย
ไปไหว้หลวงพ่อ วัดป่าเลไลย์ ที่ สุพรรณบุรีกันครับ
ผมได้บอกเพื่อนๆไว้หรือเปล่านะครับว่าผมเป็นคนสุพรรณ นานแล้วนะครับที่ผมไม่ได้กลับไปที่สุพรรณ เฉพาะ การไปกลับครอบครัว แบบพ่อแม่พี่น้อง พร้อมๆกัน 5 คน นี่ก็นานหลายปี บรรยากาศ การที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมกัน นี่มันช่างมีความสุขจริงๆครับ ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว มาดูบรรยากาศกันครับ จากนนทบุรี ไปสุพรรณบุรี ทำไมเดี๋ยวนี้มันใกล้กันเหลือเกิน ต่างกับ สมัยผมเด็กๆ ที่เคยใช้เวลา เกือบ 1 วันเต็มๆ เมื่อ 20 กว่าปี ก่อน กลายเป้น การใช้เวลา แค่ 1 ชั่วโมง เศษๆเท่านั้น ถนน หนทางไปมาสะดวก มากมายวันที่ไป เป้นวันหยุดครับ วันที่ 5 ธันวาคม มีคนไปทำบุญกันมากมายครับ แน่นไปหมด ครับบรรยากาศ บริเวณหน้าวัดครับภายนอกวัดดูคนไม่เยอะ เท่าไหร่ แต่นี่ครับ ข้างไนและนี่ครับ ในพระวิหาร ยิ่งแน่นกว่าเดิมอีกครับแต่แค่นี้ก็ดีมากแล้วที่ผมได้มีโอกาศได้มากราบ หลวงพ่อ ท่านอีกครั้งหลังจากทำบุณ โปรแกรมของครอบครัวก็คือ ไปทานอาหาร ร้าน เก่าแก่ประจำของ พ่อ ผมครับ ความจริง พ่อของผม เนี่ย ถือ ว่า เป็นนักชิมคนนึงเลยละครับ ของที่ไหน อร่อยพ่อผมก็จะหาทางไปกิจนได้นะแหละ เป็นร้านเก่าแก่ ของสุพรรณร้านนึงครับ พ่อ แกคอนเฟริม ว่า อร่อย ที่สำคัญฟรีครับ มื้อ นี้ มี ป๋าจ่าย