|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
I'm going to tell you a secret...
ให้ตายสิ...ไม่รู้จะเขียนอะไร เราไม่มีอะไรจะเล่าเลย... ชีวิตอันแสนราบเรียบของเรา ดูไม่มีจุดไคลแมกซ์ซักกะนิด แล้วจะเริ่มจากอะไรดีล่ะ... ถ้าไม่ครบ 5 ได้มั๊ย คนอื่นที่โดนเค้าคงอัพกันไปหมดแล้ว
เอาเป็นว่า ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน...
1 จับฉ่าย... -"โอ๊ยโหย๋" เป็นคำอุทานติดปากตั้งแต่ม.2 จนถึงปัจจุบัน -เรามักร้องไห้บ่อยๆเวลาดูหนัง (ใครยังไม่รู้อีก) -เวลาอาย เรามักจะหน้าแดง...(ใครอายแล้วหน้าดำล่ะ) แต่มันแดงจริงๆ แดงจนตัวเองรู้สึกได้ว่าร้อนไปทั้งหน้าเลย -สมัยก่อนเรามักเป็นลูกรักของครูประจำชั้นเพราะความเป็นเด็กเรียบร้อย เคยโดนตี 20 ที เพราะไม่ทำการบ้านวิชาเลข โดนกันหลายคน เพื่อนคนอื่นที่โดนบ่นอุบกันทุกคน เพราะเราโดนตีเบาที่สุด -วิชาที่เกลียดที่สุดคือวิชาเลข เราเพิ่งรู้จักและเข้าใจบัญญัติไตรยางค์ตอนม.3! -เรามักจะมีความสุขเวลาที่เดินออกจากห้องสอบเป็นคนแรกๆ แล้วทำให้คนอื่นๆเสียself ซึ่งจริงๆแล้วที่เราออกเร็วก็เพราะทำไม่ได้นั่นเอง... -วิชาเชิดหน้าชูตาตลอดกาลของเราคือ ภาษาอังกฤษ -เราเคยได้รางวัลมารยาทดี (อ๊ะ แน่นอน...สมควรแล้วหนิ 666) -แต่ก่อนเราใช้ Excel พิมพ์รายงาน...เพราะใช้ Word ไม่เป็น -เราได้เป็นตัวแทนพูดในงานจบการศึกษาสมัยม.ต้น ซึ่งไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเท่าไหร่เลย และกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่อยากลืมมากที่สุด -ถ้าวันไหนไม่ฉีดดีโอโดแรนท์ เราจะเสียselfไปทั้งวัน -เฉลี่ยจำนวนคนโทรเข้ามือถือเรา ไม่นับคนที่บ้านโทรมา คือ...อาทิตย์ละ 1 ครั้ง -เพลงฮิตตลอดกาลในใจคือ Don't speak ของ No Doubt ซึ่งอัลบั้ม Tragic Kingdom ถือเป็นซีดีแผ่นแรกที่ซื้อเองด้วย -เคยขึ้นรถเมล์ ไม่ทันดูว่ามีตังค์อยู่ 2 บาท พอดีเห็นคนข้างหน้าใส่ชุดเตรียมเหมือนกัน เลยขอยืมตังค์ค่ารถเมล์ พอเอาตังค์ไปคืน เลยรู้ว่าเค้าเป็นเพื่อนของน้องรหัสนั่นเอง...อายสุดสุด -ถึงบ้านจะอยู่สีลม แต่เราไม่เคยรู้ว่ามาบุญครองอยู่ไหน เพราะทุกทีพ่อจะขับไปตอนกลางคืน เลยมองไม่เห็นทาง จนกระทั่งมาเข้าเตรียม ถึงรู้ว่ามันอยู่แค่เนี๊ย -แบบแหวนรุ่นของเราชนะเลิศในการประกวดได้ทำออกมาจริงๆ แต่เอ๊ะ ไม่เห็นมีอะไรให้เลย... -ตอนม.3 เคยโดนหลอกเอาเงินไป 81 บาท ไอ้คนนั้นหลอกว่ารู้จักกับพ่อ จะเอาตังค์ไปคืน ฯลฯ คิดดูว่าเราอินโนเซ้นต์ขนาดไหน (กรุณาอย่าเปลี่ยนเป็นคำว่า โง่) -เราสายตาสั้นข้างขวาข้างเดียว -เราเคยโดนแซวว่าเหมือนโนบิตะ... ซึ่งเราว่าเราเหมือนเดคิซูงิมากกว่า (ช่างกล้า 666)
2 เราเกือบไม่ได้เรียนที่ตึก เพราะไม่รู้ว่าเค้ามีมหาลัยหรือคณะที่สอนศิลปะกันด้วย และเราเพิ่งรู้ว่าศิลปากรคือมหาลัยที่สอนศิลปะตอนจะม.6 ด้วยความที่ไม่สนใจด้านอินทีเรีย เลยคิดจะมุ่งด้านนิเทศศิลป์... ติดสอยห้อยตามเพื่อนที่ตอนนั้นเรียนติวกับพี่ศิลปากร ตั้งใจไปติวนิเทศศิลป์ แต่พี่คนนี้เค้าจบอินทีเรีย เค้าให้ลองวาดตีบรูปแรก ห้องธรรมดาน่ะ เราใช้เวลาไป...ทั้งวันเลย เลยบอกพี่เค้าว่าตั้งใจมาติวนิเทศศิลป์ พี่เค้าก็เลยหาๆคนให้ ช่วงที่ยังหาไม่ได้ ก็เลยเรียนแต่ดรออิ้งกับพี่เค้านั่นแหละ พอพี่เค้าหาคนให้ได้ ก็ไปติว แต่บางทีพี่เค้าก็มา บางทีก็ไม่มา หรือมาก็ไม่รู้ ไม่โทรบอก เราก็ไม่มีเบอร์เค้า ก็เลยไม่เอาอ่ะ กลับมาหาพี่คนเดิม ขอเรียนดรออิ้งอย่างเดียว สอบครั้งแรก ดรออิ้ง 90 นิเทศศิลป์ 10... พี่เค้าก็หาให้อีกคน ก็เลยไปเรียนดู พี่เค้าก็เก่งดี แต่หัวเราไม่ไปน่ะ ครั้งที่สอง นิเทศศิลป์ 10 เท่าเดิม ที่จริงก็ได้เข้าไปเรียนที่มนุษย์ศาสตร์เอกไทย เพราะแม่บอกว่าให้ใส่ไปให้เต็ม4อันดับ... แต่เข้าไปได้ 2 อาทิตย์ ก็ขอลาออก ออกมาก็เลยไปหาที่เรียนพิเศษวาดรูป ไปเรียนที่...ชื่ออะไรจำไม่ได้ i am art หรืออะไรเนี่ยแหละ พี่คนสอนทำงานแล้ว ก็เลยมาช้ามากมาก ช้ามากมาก...มากมาก...มากมาก...มากที่สุด ถ้าจำไม่ผิดเวลาเรียนจริงนี่น่าจะ 4 โมงไม่ก็ 5 โมง พี่เค้ามา 1 ทุ่ม บางทีก็หลัง 1 ทุ่ม ไปเรียนได้ ครั้งสองครั้งเองมั๊ง...เลิก เสียเวลาไปนั่งรอ แล้วก็เลิกดึกๆ ไม่เอาอ่ะ ก็เลยไปเรียนที่ ดินสอสี...พี่เค้าก็เก่ง แต่เรา...เหมือนเดิม หัวไม่สร้างสรรค์ คิดโจทย์งานที่พี่เค้าให้เป็นชั่วโมงๆ แล้วคิดเป็นชั่วโมงๆก็ยังคิดไม่ออก พี่เค้าก็พยายามจะสอนให้คิดให้น้อยลง อย่าซีเรียสมากไป แต่มันคงต้องใช้เวลามากกว่านี้อ่ะนะ สอบครั้งที่ 3 นิเทศศิลป์ได้คะแนน 3... ครั้งที่ 4 นิเทศศิลป์ได้คะแนน 5... ตั้งแต่ได้ 3 นั่นก็เฉยๆแล้ว เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับทางนี้ สมองยังเหมือนยึดติดกับอะไรบางอย่างอยู่ เหมือนเราอยู่ในกรอบมานานมากเกินไป จะให้คิดอะไรที่มันสร้างสรรค์มันไม่ค่อยได้ พอดีได้คุยกับใครไม่รู้ บอกว่าส้มเรียนอยู่ที่ตึก ก็เลยโทรไปถามดู ว่าเป็นยังไง เรียนอะไร ได้ฟังแล้วก็สนใจ เลยเลือกสอบวิชาเฉพาะเพิ่ม แต่ก็ไม่ลืมที่จะไปสอบนิเทศศิลป์เอแบคเผื่อไว้ด้วย เพราะใกล้บ้านอีกตะหาก... พอไปสัมภาษณ์ อ.ที่สัมภาษณ์ดันเป็นพี่ตึก เค้าเลยบอกว่า ที่ตึกก็น่าเรียนน๊า ดีเหมือนกันน๊า ก็เลยตัดสินใจ รอผลเอ็นเอา ไม่จ่ายตังค์ลงทะเบียน ได้มาเรียนที่นี่ ดีใจมาก เพื่อนๆดี สนุกมากนะ รู้สึกไม่เสียดาย 1 ปีที่ผ่านไป ไม่งั้นก็คงไม่ได้เจอกัน
จำไม่ได้ว่ามาจากไหน แต่เราชอบมาก "everything happened for a reason" เราเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น มีเหตุผลของมัน และสิ่งที่เกิด ก็คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
3 เราก็เคยมีช่วงเวลาดีๆกะเค้าเหมือนกัน "10ปี" ของเราน่ะ...ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกัน ช่วงเทศกาลก็ยังมีส่งเมสเสจมาให้ประปราย อาจจะเคยเขียนถึงไปแล้วในบล็อกก่อนๆ แต่ที่ไม่เคยบอกคือ...เค้าเป็นผู้ชายน่ะ
4 เคยคิดตอนก่อนมาเรียนที่ตึกว่า... ถ้าเกิดชอบคนที่เรียนที่เดียวกันขึ้นมาก็ดีน่ะสิ ได้เจอหน้ากันทุกวัน ได้อยู่ใกล้ๆกันตลอด แต่พอเป็นขึ้นมาจริงๆ...มันแย่มากกกกกกกกกกกกกก เรามันพวกใจง่าย ใครมาอยู่ใกล้ๆ ทำดีด้วยหน่อย ก็เตลิดเปิดเปิง ปี 1 เทอม 2...อยู่ๆก็(เหมือน)มาสนิทมากขึ้นได้ไงไม่รู้ เค้าไม่ได้คิดอะไรมากมาย...แต่เราคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เราอยากอยู่ใกล้ๆ อยากเห็น อยากมอง... ซักพักเค้าคงรู้ตัว...ก็น่าจะรู้ เพราะเราคงแสดงออกมากไปหน่อย เค้าเลยห่างๆไป ประมาณว่า เลิกบ้าก่อนแล้วค่อยมาคุยกันใหม่ แต่มันไม่ยอมเลิกคิด ทำไงก็เลิกคิดไม่ได้ จะบอกว่าเค้าไม่รู้ก็ไม่ได้ เพราะบางทีพอวันไหนที่ไปกินกัน แล้วเรามึนๆ มือมันมักจะหยิบมือถือขึ้นมาส่งเมสเสจไปอยู่เรื่อย หลังๆเค้าเองก็เหมือนจะเข้าใจ พอเจอหน้ากันก็ทักทายปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจ หรือหลบพยายามไม่เจอแต่อย่างใด เราก็ซึ้งใจ...บางครั้งเราเสียเองที่กลับแสดงท่าทีไม่พอใจใส่ หลบหน้า เจอหน้าก็ไม่มอง...ผิดไปแล้ว แล้วพอวันไหนที่กินแล้วเราเริ่มมึนๆ (อีกแล้ว) ก็มักจะส่งข้อความ "ขอโทษ" เค้าก็เคยถามว่าขอโทษเรื่องอะไร แต่เราก็ไม่ได้บอก ก็แบบว่าขอโทษเพราะรู้สึกผิดที่ทำไม่ดีด้วย แต่หลังๆก็ไม่ถามแล้ว เพราะเราส่งบ่อยเหลือเกิน! 666 ข้อความครั้งสุดท้ายที่ส่งไป ถ้าจำไม่ผิดคือ "ความจริงในใจไม่เคยมีใครแทนที่ความรู้สึกที่ฉันยังมีให้เธออยู่..." หลังจากนั้นก็ตั้งปฏิญาณกับตัวเอง จะไม่ทำตัวให้รำคาญอีก จะไม่ส่งเมสเสจไปกวนอีก จะอยู่ห่างๆ(อย่างห่วงๆ) จะไม่ไปเจ๊าะแจ๊ะใกล้ๆ ซึ่งก็คิดว่าทำได้มาจนถึงบัดนี้ ไม่ส่งเมสเสจไปนานมากแล้ว น่าจะเกินปีนึงได้ละ...อยากให้เค้าคิดว่าเราไม่ได้อะไรแล้ว เจอกันก็ไม่ต้องห่วง กลัวเราจะมาคิดอะไรอีก ซึ่งตอนนี้ก็ยังคิดอยู่... เราบล็อคเมล์ในเอ็ม...เพราะเราเคยเจอเหมือนกับว่า ทุกทีเราจะsign in แบบ appears offline ไว้ก่อน แล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็น online เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นว่าใครออนอยู่แล้วมั่ง ทีนี้พอเรากดออนไลน์ปุ๊บ ชื่อเค้าก็หายไปปั๊บ เรารู้สึกแย่...ทั้งที่มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ จนมาครั้งที่ 4 มั๊ง ที่เจอเหตุการณ์อย่างนี้ เราทนไม่ไหวแล้ว รู้สึกหดหู่ แย่มาก เลยตัดสินใจ บล็อก แล้วก็ลบชื่อออกไปเลย ทีนี้พอเราออน ก็จะได้ไม่ต้องมานั่งดูว่าเค้าออนมั๊ยนะ หรือตอนนี้เค้าตั้งชื่อเหมือนกำลังจีบสาวที่ไหนอยู่รึเปล่านะ ซึ่งก็ได้ผล ไม่คิดมากเหมือนแต่ก่อน ไม่เจอหน้ากัน ก็ไม่ต้องคิดมาก นานๆไปเดี๋ยวก็คงลืมได้เอง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่จริงเลย 666
5 เรื่องสุดท้าย... เรารู้จักเจลแต่งผมชีวภาพก่อน Mary เป็นปีๆ!!!
จะเข้าใจหากมีใครจะไม่เข้ามาตอบบล็อกเราอีก!!! 666
--------------------------------------------------
ต้องหาอีก 5 คนเหรอ... คนอื่นก็โดนไปหมดแล้ว งั้นขอคนใกล้ตัวละกัน ถึงรู้ว่าอาจจะไม่อัพก็เหอะ ถือซะว่าพอเป็นพิธีละกัน 666 1.doraemyung 2.ถวิลหา 3.กาก้าแมน 4.tanlek 5.ไม้38
Create Date : 15 มกราคม 2550 |
Last Update : 16 มกราคม 2550 9:58:30 น. |
|
21 comments
|
Counter : 606 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: พลทหารทามามะ IP: 125.24.45.219 วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:1:06:42 น. |
|
|
|
โดย: enuging IP: 202.90.127.10 วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:19:17:38 น. |
|
|
|
โดย: enuging IP: 202.90.127.10 วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:19:32:47 น. |
|
|
|
โดย: enuging IP: 202.90.127.10 วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:19:35:26 น. |
|
|
|
โดย: kaka IP: 58.9.106.211 วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:20:48:42 น. |
|
|
|
โดย: KjkGs IP: 58.136.61.35 วันที่: 18 มกราคม 2550 เวลา:18:57:40 น. |
|
|
|
โดย: kaka IP: 58.9.97.48 วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:0:02:17 น. |
|
|
|
โดย: บิลลี่ (Doraemyung ) วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:4:45:18 น. |
|
|
|
โดย: ข้าวตู IP: 203.113.0.194 วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:11:05:10 น. |
|
|
|
โดย: KjkGs IP: 58.136.85.164 วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:20:47:18 น. |
|
|
|
โดย: พลทหารทามามะ IP: 125.24.54.75 วันที่: 20 มกราคม 2550 เวลา:22:44:36 น. |
|
|
|
โดย: KjkGs IP: 58.136.85.164 วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:1:31:51 น. |
|
|
|
โดย: KjkGs IP: 58.136.85.164 วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:1:54:07 น. |
|
|
|
โดย: kaka IP: 58.9.105.143 วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:20:51:37 น. |
|
|
|
โดย: KjkGs IP: 58.136.62.158 วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:22:21:44 น. |
|
|
|
โดย: enuging IP: 202.90.127.110 วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:21:08:41 น. |
|
|
|
โดย: พลทหารทามามะ IP: 125.24.41.216 วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:22:42:56 น. |
|
|
|
โดย: KjkGs IP: 203.156.85.18 วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:9:51:49 น. |
|
|
|
โดย: kaka IP: 58.9.102.80 วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:20:09:23 น. |
|
|
|
โดย: enuging IP: 58.8.84.90 วันที่: 25 มกราคม 2550 เวลา:16:58:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
อยากกลายเป็น LCL
ความจริงในใจ ไม่เคยมีใครแทนที่ความรู้สึก ที่ฉันยังมีให้เธออยู่...
/EMBED align=middle src="http://thisiste.tripod.com/music/TheWings.wma" width=300 height=45 autostart="true" loop="true" hidden="true">
|
|
|
|
|
|
|
แต่...ไหนบอก ไม่รู้จะเขียนอะไร ทามมายมานยาวยางงี้้้
***อย่าลืม tag ต่ออีก 5 คนด้วยจิ***
พออ่าน blog tag ของเต้แล้วทำให้รู้สึกอยากเขียนใหม่ นึกขึ้นมาได้ว่าเราก้อมีเรื่องอะไรน่าเล่าอีกเยอะแยะเหมือนกัน
แต่ตอนเขียนทำไมมันนึกไม่ออกก้อไม่รู้