ตามรอยรายการ "ที่นี่หมอชิต" ไปเที่ยวมะละกาค่ะ(Malacca with Kids)
เราพาเด็ก ๆ ไป เยี่ยมญาติที่มาเลเซีย กันทุกปีค่ะ และบ่อยครั้งที่เราพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวมะละกา (Malacca) กัน เพราะอยู่รัฐติดกันกับรัฐเนกรี เซมบิลัน (Negri Sembilan) ที่เราไปพักอาศัยกันค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ไปแบบนักท่องเที่ยวเท่าใดนัก มักจะมีธุระปะปังแล้วก็แวะสวนสัตว์มะละกา(Malacca Zoo)บ้าง ถนนคนเดิน(Jonker Street) บ้าง และบางครั้งที่ไปดูของเก่า ของแต่งบ้านของญาติพี่น้องค่ะ
และในครั้งนี้ระหว่างไปทำธุระที่มะละกา เราก็เลยตั้งใจหาโอกาสไปเที่ยวตามรอยรายการ"ที่นี่หมอชิต" ค่ะ เพราะเด็ก ๆ ชมรายการแล้วชอบใจร้านค้าทั้งเก่าและใหม่ ที่เปิดมาเอาใจนักท่องเที่ยวค่ะ เช่น ร้านทำรองเท้าประดับด้วยลูกปัด (Bead Shoes) ร้านสบู่ทำมือ (Handmade Soap shop) ร้านตัดกระดาษ (Paper Cutting Shop) รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ในเรือ (Maritime Museum) ค่ะ
ระหว่างการหาข้อมูลเมืองมะละกามาลงบล็อก เจอผู้ลงรายละเอียดและพาเที่ยวไว้มากเลยค่ะ คงเพราะองค์กรการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศให้เมืองมะละกา เป็นเมืองมรดกโลกเมื่อปี 2008 อีกทั้งรัฐบาลมาเลเซียพยายามผลักดันให้เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของมาเลเซีย โดยชูโรงในการเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีการผสมผสานของวัฒนธรรมจากเชื้อชาติและศาสนาที่แตกต่างกันในมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็น จีน มลายู อินเดีย หรือ ตะวันตก
(ประวัติเมืองมะละกามีเรื่องราวและตำนานที่สนุกสนาน ขอเชิญชมภาพสวย ๆ และการเล่าเรื่องที่มีการเชื่อมร้อยได้ยอดเยี่ยมของ คุณ Please.Peace ในบล็อกแก๊งค์นี่เองค่ะ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ)
ผู้คนที่ไปเมืองมะละกา ก็จะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันที่ จตุรัสดัชท์(Dutch Square) ซึ่งเป็นหมู่ตึกสีแดง สร้างมากว่าสองร้อยปี พร้อมกับสามล้อที่ประดับด้วยดอกไม้เทียมหลากสี สถานที่สำคัญอื่น ๆ ก็จะรวมตัวอยู่ไม่ไกลกันนัก จริง ๆ สามารถเดินถึงกันได้ แต่อุปสรรคหลักใหญ่ก็คือแสงแดดอันแผดเผา และความร้อน ที่เด็กและคนแก่ขอยอมแพ้ค่ะ

ตึก Christ Church และน้ำพุ The Queen Victoria ส่วนหนึ่งของจตุรัสดัชท์(Dutch Square)
แล้วเดินเล่นในถนน Jonker Street(ถนนบ่าว) และถนน Heeren Street(ถนนเจ้านาย) ซึ่งอยู่ขนานกันค่ะ ในตอนกลางวัน หลายคูหาเปิดเป็นร้านขายของเก่า หลายคูหาเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ หลายคูหาเป็นร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ และหลายคูหาเป็นร้านขายของที่ระลึกพร้อมกับโชว์งานศิลปะค่ะ
แต่ถ้าเป็นคืนศุกร์และเสาร์เวลาประมาณ 18-24 น. ก็จะกลายเป็นถนนคนเดินค่ะ จขบ. คิดว่าสู้ของเมืองไทยไม่ได้เลยค่ะในเรื่องของสินค้าที่วางขาย แต่ของกินเล่นและโชว์ต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นสีสันที่ต่างออกไปค่ะ
(ท่านสามารถดูรูปประกอบ และที่มาของชื่อถนนได้จากเวป//hangtuah-malacca.com ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ)

บางส่วนของร้านขายของเก่าค่ะ บนถนนบ่าวและถนนเจ้านาย
อาคารที่นี่จะมีลักษณะหน้าแคบแต่ยาวมาก เหมือนอาคารในถนนสำเพ็งบ้านเราหากใครเคยเข้าไปค่ะ โดยจะแบ่งเป็นส่วนใหญ่ ๆ สามส่วนด้วยกันค่ะ ด้านหน้าเปรียบเสมือนห้องรับแขก หากเป็นร้านค้าก็จะตบแต่งสวยงามเป็นหน้าร้าน ตรงกลางไม่มีหลังคาเพื่อให้โปร่งโล่งสบาย เปรียบเสมือนห้องนั่งเล่น และด้านในซึ่งมักจะเป็นสองชั้นเปรียบเหมือนห้องครัวในชั้นล่าง และห้องนอนในชั้นบนค่ะ
(รูปเก่า ๆ ของจขบ. ได้เข้ากรุไปแล้วเช่นเดิม จึงขออนุญาตยืมรูปมาจาก คุณ Borneoboy(CW's Food and Travel) ที่ลงในเวป //www.foodbuzz.com ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ(With Courtesy of Borneoboy(CW's Food and Trave)l and //www.foodbuzz.com)

ข้าวมันไก่ อาหารจานดังของเมืองมะละกา แต่สู้ข้าวมันไก่ดัดแปลงบ้านเราไม่ได้อีกเช่นกันค่ะ ในรูปใหญ่เป็นหมูแดงที่รสชาติดีกว่าไก่ค่ะ
(รูปข้าวมันไก่ก็เช่นกันค่ะ ได้เข้ากรุไปแล้วเช่นกันค่ะ และไม่คิดจะไปทานอีก เพราะจขบ. เลิกกินสัตว์ใหญ่ด้วยค่ะ จึงขออนุญาตยืมรูปมาจาก คุณ Borneoboy(CW's Food and Travel) ที่ลงในเวป //www.foodbuzz.com ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ(With Courtesy of Borneoboy(CW's Food and Trave)l and //www.foodbuzz.com)
อารัมภบทมาพอหอมปากหอมคอ เราเริ่มไปตามรอยกันเลยดีกว่านะคะ สายแล้วด้วยแดดเริ่มร้อนแล้วค่ะ เริ่มกันที่ร้านตัดรองเท้าประดับด้วยลูกปัด(Colour Bead Shoes)ค่ะ เป็นรองเท้าที่ใส่คู่กับชุด Kebaya(เกบาย่า) ของชาว Baba-Nyonya(บาบ้า-โยนย่า)ในอดีต ซึ่งเป็นเชื้อสายจีน-มลายูค่ะ แต่ปัจจุบันก็ดัดแปลงนำมาใส่กับชุดอื่นได้ค่ะ หากใครเคยติดตามชมซีรีส์สิงคโปร์ The Little Nyonya : บ้าบ๋า ย่าหยา (รักยิ่งใหญ่จากใจดวงน้อย) จะร้องอ๋อในทันทีค่ะ

The Little Nyonya : บ้าบ๋า ย่าหยา (รักยิ่งใหญ่จากใจดวงน้อย) เนื้อเรื่องโดยรวมค่อนข้างเอาใจตลาดแบบที่เรารู้กันค่ะ แต่เสื้อผ้า ฉาก และวัฒนธรรมการกินอยู่ที่แทรกอยู่ดีมากค่ะ
(ขอขอบคุณภาพจาก คุณ ELIZABETH TAI ที่ลงในเวป //ecentral.my มา ณ ที่นี้ค่ะ(With Courtesy of ELIZABETH TAI and //ecentral.my)

ร้าน Colour Beads ค่ะ เด็ก ๆ ก็ลองไปเรื่อยค่ะ เหมาะสำหรับสาวเท้าเรียวเท่านั้นค่ะ
พอได้คุยกันรู้ว่าเป็นคนจีนแคะเหมือนกัน จึงเป็น "ฉี่กาหงิ่น" = "กากี่นั้ง" = "คนกันเอง" ขึ้นมาทันทีค่ะ เลยได้รับโอกาสให้เข้าชมเบื้องหลังของทางร้าน เก็บภาพบรรยากาศมาฝากค่ะ
(ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของร้าน ดูแบบและราคากันชัด ๆ ได้ที่เวป //www.colourbeads.com ขอขอบคุณสำหรับมิตรไมตรีที่มีให้ และสินค้าสวย ๆ มา ณ ที่นี้ค่ะ With many thanks to Color beads Enterprises)

กว่าจะได้แต่ละคู่นะคะ

เครื่องไม้เครื่องมือดั้งเดิมเลยค่ะ
เรามาต่อกันที่ร้านสบู่ทำมือ(Sweet Summer Cottage Handmade Soap)ค่ะ จุดเด่นที่เด็ก ๆ สนใจเพราะเขาเปิดเวอร์คชอฟให้ผู้ที่สนใจได้ทำกันค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วในเมืองไทยนั้นมีร้านที่มีฝีมือหลายร้านค่ะ ร้านนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเมืองมะละกาโดยตรงค่ะ และเจ้าของก็เป็นชาวไต้หวันที่ขึ้นชื่อในเรื่องงานประดิษฐ์สวยงามน่ารักนะคะ แต่แอบกระซิบว่าเด็ก ๆ อยากมาเป็นที่สุดค่ะ

หน้าร้านสวยงามน่ารักมากค่ะ
เจ้าของร้านน่ารักมากค่ะ ให้เด็ก ๆ ได้ทำสบู่กันในเวลาพิเศษ เพราะว่าปรกติจะเปิดเวอร์คชอฟเฉพาะตอนค่ำ แต่เราไปตั้งแต่เช้าร้านยังไม่เปิด เราโทรไปบอกความประสงค์ และกลับมาตอน 11 โมงเช้า เจ้าของร้านก็ใจดีให้เด็ก ๆ ได้ทำกันได้เลยโดยไม่ต้องรอถึงตอนค่ำค่ะ

ได้น้ำมะนาวมากันคนละแก้วค่ะ ทางร้านเขาจะมีกล้องโพลารอยด์ถ่ายรูปผู้ร่วมทำเวอรคชอฟไว้เป็นที่ระลึกค่ะ
มีขั้นตอนการทำสบู่ของเด็ก ๆ มาฝากค่ะ

1. เลือกเทียนแผ่นกลมแบนตามสีที่ต้องการมาตัดเป็น 6 ส่วน เหมือนตัดพิซซ่าค่ะ 2. แล้วเรียงใส่ลงในถ้วยพลาสติกค่ะ โดยเหลือช่องระหว่างชิ้นไว้เล็กน้อยค่ะ

3. หั่นเที่ยนสีขาวเป็นก้อนเล็ก ๆ นำไปต้มในถ้วยที่ใส่อยู่ในน้ำเดือดให้เหลวค่ะ

4. ระหว่างรอเทียนสีขาวเหลว ตัดเทียนสีใส เป็นก้อนเล็ก ๆ เพื่อเป็นก้อนน้ำแข็ง จัดเรียงใส่ในถ้วยแก้ว 5. นำเทียนขาวที่เหลวแล้วเทตามร่องระหว่างเทียนสีค่ะ 6. หลังจากเทเทียนขาวแล้ว นำไปแช่ตู้เย็นให้แข็งตัวใหม่ ประมาณ 10 นาทีค่ะ

7. นำเทียนสีออกจากตู้เย็นมาหั่นครึ่งเพื่อเป็นชิ้นมะนาวฝานประดับแก้วค่ะ 8. นำเทียนใสที่เหลือใส่ในถ้วยอีกใบที่ใส่อยู่ในน้ำเดือด 9. เลือกน้ำหอมกลิ่นที่ชอบเทไปในถ้วยเล็กน้อย แล้วคนให้เข้ากันค่ะ แล้วทิ้งไว้ให้เย็นค่ะ 10. นำหลอดมาเสียบในน้ำแข็ง และชิ้นมะนาวมาตบแต่งที่ถ้วย แล้วเทน้ำมะนาวใส่ในแก้วค่ะ
(ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของร้าน ได้ที่ หน้า fb ของ Sweet Summer Cottage ขอขอบคุณสำหรับมิตรไมตรีที่มีให้ และสินค้าสวย ๆ มา ณ ที่นี้ค่ะ With many thanks to Sweet Summer Cottage Shop)

แวะจิบกาแฟร้านนี้ค่ะ ตบแต่งน่ารักทันสมัยค่ะ แต่รสชาติกาแฟธรรมดานะคะ และไม่ให้ถ่ายรูปด้านในค่ะ
ไปกันต่อนะคะ ไปที่ร้านตัดกระดาษแบบจีนค่ะ ชื่อร้าน Red Handicrafts ค่ะ มีตั้งแต่ใบเล็ก ๆ เพื่อใช้ในการสะสม หรือตบแต่งการ์ด จนถึงขนาดใหญ่ไว้ตบแต่งผนังบ้านค่ะ

เจ้าของน่ารัก อัธยาศรัยดีเช่นเคยค่ะ ตัดให้เด็ก ๆ ดูเป็นตัวอย่างค่ะ
(ร้านนี้ไม่มีเวปเพจค่ะ แต่ไปแถวนั้นถามเขาใคร ๆ ก็รู้จักค่ะ ราคาก็ถูกค่ะ เรายังซื้อมาแจกเขาหลายใบนะคะ ขอขอบคุณสำหรับมิตรไมตรีที่มีให้ และสินค้าสวย ๆ มา ณ ที่นี้ค่ะ With many thanks to Red Handicrafts Shop)
ถึงเวลาสำคัญแล้วค่ะ เวลาอาหารกลางวันนั่นเองค่ะ คราวนี้พี่สาวเตรียมตัวถามเพื่อนที่เป็นเจ้าถิ่นเพื่อไปหาร้านอาหารพื้นเมือง(Nyonya Restaurant) เราจึงตามลายแทงไปที่ร้าน Cottage Spices ค่ะ รสชาติใช้ได้เลยค่ะ เมนูส่วนใหญ่จะเป็นปลาและปลาหมึกค่ะ ออกเปรี้ยวและเผ็ดเล็กน้อยเป็นส่วนใหญ่ค่ะ น่าจะเป็นเพราะใส่เครื่องเทศค่ะ แต่ความเปรี้ยวน่าจะเป็นความเปรี้ยวจากส้มจี๊ด เพราะเห็นมีน้ำส้มจี๊ดขายค่ะ

ร้านนี้แนะนำเลยค่ะ

ที่จริงแล้วอาหารพื้นเมืองต้องเปิปค่ะ
อิ่มแล้วไปเดินกันต่อค่ะ ในเมืองมะละกามีพิพิธภัณฑ์ย่อย ๆ มากมายเลยค่ะ เราเลือกไปพิพิธภัณฑ์ในเรือ(Maritime Museum)ค่ะ เพราะเด็ก ๆ ชอบตั้งแต่เห็นเรือใหญ่ที่จัดแสดงในเมืองโบราณค่ะ เวลาเปิดทำการคือ จ-ศ 9-17.30 น. ส-อา 9-21 น. ค่ะ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 3 ริงกิต เด็ก 0.5 ริงกิต หรือประมาณ 30 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และ 5 บาทสำหรับเด็กค่ะ

ไม่มีแผนที่ เดินหรือขับรถไปมาต้องเห็นแน่นอนค่ะ
เรือทำจำลองเรือ Flora De La Mer ของชาวโปรตุเกส ที่เกิดอุบัติเหตุจมลงขณะขนทรัพย์อันมีค่าจากแดนไกล ซึ่งก็คือเครื่องเทศจากเมืองท่ามะละกา กับสู่โปรตุเกสนั่นเองค่ะ
ข้างในเรือแบ่งเป็นสองฝั่งค่ะ ฝั่งซ้ายแบ่งเป็นฝั่งที่จัดแสดงนิทรรศการหลักมีสองชั้นค่ะ ต้องถอดรองเท้า เพราะฉะนั้นแนะนำให้ใส่ถุงเท้าไปด้วยค่ะ ภายในจะจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของเมืองท่ามะละกา ซึ่งผ่านการปกครองจากหลายชาติในระหว่างช่วงเวลาของการล่าอาณานิคม ความเป็นจุดศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายเครื่องเทศ และจำลองชีวิตบนเรือของเหล่าลูกเรือ ผ่านภาพวาด แบบจำลองรูปปั้นค่ะ

การจัดแสดงสวยงามทีเดียวค่ะ
ขอจบการเดินทางเพียงเท่านี้นะคะ คิดว่าเราน่าจะได้ไปอีกค่ะ จะค่อย ๆ เก็บเล็กผสมน้อยมาเล่าให้ฟังในแบบที่เด็ก ๆ สนใจค่ะ เท่านี้ก็แห้งไปตาม ๆ กันเลยค่ะ ร้อนจริง ๆ ค่ะ ขอแอบไปเข้าห้างสรรพสินค้าทำธุระส่วนตัวและซื้อขนมทานก่อนเดินทางกลับที่พักค่ะ
ขอขอบคุณ BG สวย ๆ จาก เวป //www.webpagebackground.comค่ะ(จขบ. กะว่าคล้าย Melaka tree(ต้นมะขามป้อม) ที่เป็นหนึ่งในตำนานที่มาของชื่อเมืองค่ะ)
Create Date : 10 มกราคม 2555 |
Last Update : 18 มกราคม 2555 19:22:21 น. |
|
21 comments
|
Counter : 9348 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: chinging วันที่: 11 มกราคม 2555 เวลา:0:17:33 น. |
|
|
|
โดย: tui/Laksi วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:4:00:08 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:21:13:50 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:21:19:50 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 14 มกราคม 2555 เวลา:1:18:27 น. |
|
|
|
โดย: 3K-guy วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:17:31:50 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 16 มกราคม 2555 เวลา:20:39:23 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:0:02:02 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:0:28:44 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:19:21:22 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 20 มกราคม 2555 เวลา:12:13:50 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:19:28:35 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 27 มกราคม 2555 เวลา:7:45:14 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:15:55:27 น. |
|
|
|
โดย: barbara IP: 184.75.217.11 วันที่: 28 มีนาคม 2555 เวลา:18:50:17 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 28 มีนาคม 2555 เวลา:23:44:22 น. |
|
|
|
โดย: mazubato IP: 119.42.80.120 วันที่: 10 ธันวาคม 2555 เวลา:11:43:20 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 12 ธันวาคม 2555 เวลา:22:21:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|