เมื่อถึงเวลาก็จะมีเจ้าหน้าที่เรียกให้ไปเข้าแถวรอตรวจตั๋ว(อีกละ) เพื่อเข้าไปที่ชานชลา เมื่อได้เวลาก็ไปเข้าแถว
รถไปซานไห่กวนมารอแล้ว อย่างหรู เพราะเป็นรถหัวกระสุน ขึ้นรถและนั่งตามที่นั่ง 7.37 น. ตรงเวลาเป๊ะ รถก็ออกจากชานชลา
ทิวทัศน์สองข้างทางส่วนใหญ่เป็นเหมือนนาโล่งๆ (ไม่รู้ใช่ต้นข้าวหรือเปล่า) สีเหลืองทอง ไม่ค่อยมีบ้านเรือนเท่าไหร่ จะมีเมืองก็ใกล้ๆ สถานีรายทางที่ต้องจอด ซึ่งจะมีโรงงานอยู่ด้วย พอผ่านช่วงนั้นไปก็เป็นนาโล่งๆ เหมือนเดิม และมีวิวเขาอยู่ลิบๆไกลๆ ตลอดซ้ายมือระหว่างทางไป
ลงรถมาแล้วคร้าบ แดดแรงๆแต่ไม่ร้อนแฮะ ไม่หนาวสะท้านด้วย ชุดเอาอยู่เลยหละ และเราก็เดินเข้าสถานีตรงทางออก 555 แต่ขอโทษเถอะ ขอตรวจตั๋วอีกละ จะตรวจทำไมฟระ จะออกแล้ว เมื่ออกไปแล้วเราก็ยืนงงกันพักนึง ไปทางไหนต่อดี สรุป กลับไปหาตั๋วกลับกันก่อน แล้วก็ย้อนเดินกลับไปซื้อตั๋วกลับ
เราได้ตั๋วกลับในวันนั้นเวลา บ่ายสามโมง ไม่งั้นก็มีรอบดึกเลยจะกลับไปถึงปักกิ่งดึกมากเพราะนั่งรถสามชั่วโมง เอาละเหลือเวลาไม่มาก สิบเอ็ดโมงละรีบเที่ยวเลย
เราเดินข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อไปกำแพงด่านซานไห่กวน แล้วเจอรถเมล์สาย 25 รอคิวจอดอยู่ รถเมลสายนี้เป็นรถไปเหล่าหลงโถว ที่เป็นจุดหมายอีกแหล่งของเรา ไหงในรีวิวบอกว่าหายาก ไม่ค่อยมีรถฟระ เรามองตามหลังรถตาละห้อยเพราะเราต้องตัดใจไม่ไปเพราะกลัวว่าจะกลับมาไม่ทันขึ้นรถ เอาละเดินไปกำแพงกัน เห็นด่านอยู่ลิบๆ โน่นแน่ะ และมีคนมาเดินขายทัวร์ไปเหล่าหลงโถวและซานไห่กวนเป็นระยะๆ แต่ไม่ไปหรอก (ไม่ใช่ไม่อยากไป แต่ไปไม่ทัน ฮืออ)
ระหว่างทางเดินเราเห็นสระน้ำใหญ่มีสะพานและศาลา ที่นี่คงเป็นสวนสาธารณะให้คงแถวนี้มาเดินเล่นและออกกำลังกายกันรอบๆ สระน้ำ เห็นป้อมบนกำแพงอยู่ลิบๆ
แต่เอ๊ะ เห็นอะไรแว๊บๆ คนจีนนี่มีกำลังภายในกันตั้งแต่เด็กๆ เลยเหรอ วิชาตัวเบาสูงส่ง เดินบนน้ำกันได้ด้วย เมื่อเห็นดังนั้น เราก็เดินไปใกล้ๆ น้ำในสระเป็นน้ำแข็งหมดเลย โอ้ววว มันน่าตื่นตาตื่นใจมาก ลองลงไปเดิน ไม่แตกด้วย แต่เราจะมาเสียเวลาตรงนี้มากไม่ได้ ไปกำแพงแล้วขากลับค่อยมาเล่นก็ได้ เห็นเลื่อนอยู่ลิบๆ ฮี่ๆๆ
เดินมาอีกหน่อย จะมีอนุสาวรีย์ (น่าจะ) เกี่ยวกับการสร้างกำแพงแล้วก็การป้องกันประเทศที่ด่านนี้ บริเวณนี้เป็นลานกว้าง จะมีคนมาทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง ก็ยังเห็นป้อมบนกำแพงอยู่ลิบๆ
ซ้อมระบำโชว์ ชุดจัดเต็ม
จับกลุ่มเล่นว่าวกันอย่างจริงจัง อุปกรณ์พร้อมอย่างกับเป็นมืออาชีพ

พอข้ามถนนตรงนี้ก็จะเข้าเขตของกำแพงเมืองจีนแล้ว
เดินมาจนถึงทางเข้า เห็นป้าย เทียนเซี่ยตี้อีกวน เย้ มาถึงแล้ว แต่ทำไม่มันมีแค่ป้อมอ่ะ งั้นเดินไปอีกหน่อยดีกว่า อ้ออ ป้อมนี้แค่ลูกกระจ๊อก ของจริงต้องเดินขึ้น เราก็ไปซื้อตั๋วกันเลย
พี่พวกนี้ยืนอยู่ระหว่างทาง

ทางเข้าเมืองโบราณที่เป็นส่วนหนึ่งของด่านแต่เราจะไปปีนกำแพงก่อน เห็นป้อมอยู่ไกลๆ

ด่านซานไห่กวน หรือเรียกอีกชื่อคือ เทียนเซี่ยตี้อีกวน เป็นด่านแรกของกำแพงเมืองจีน อยู่ติดทั้งภูเขาและทะเล อู๋ซานกุ้ยเปิดด่านให้พวกแมนจูเข้ามาตีเมือง ด่านนี้เป็นด่านที่ไม่สูงมากเดินได้ไม่เหนื่อย และไม่มีทางเดินต่อไปยังด่านอื่นๆ ที่เราอยากไปเพราะมีส่วนของกำแพงที่ยื่นลงไปในทะเล เรียกว่า เหล่าหลงโถว หรือส่วนหัวมังกร ซึ่งต้องนั่งรถต่อไปอีก แต่ก็ไม่ได้ไป เพราะกลัวตกรถ

อยากจะไปดูอย่างนี้ที่เหล่าหลงโถว

ทางขึ้นไม่ชันมาก เดินสบาย
มาดูวิวด้านบนกันซักหน่อย
เห็นป้อมอยู่ลิบๆ
เขียนว่าอะไรไม่รู้ อ่านไม่ออก แต่เหมือนว่าคนสำคัญมาเขียนจารึกไว้

อย่างนี้ต้องโพสต์ซะหน่อย เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง ตอนนี้ก็ยัง 0 องศา แต่เดินขึ้นมาเลยไม่หนาว
มาถึงป้อมแล้วจ้า
ดูกันชัดๆ

ป้อมถูกสร้างใหม่ เพราะของเก่าไม่เหลือแล้ว

ข้างในมีป้ายไว้ประกาศศักดา "ใต้ฟ้านี้ฉันเป็นที่ 1" นะจ๊ะ
ชะโงกดูวิวหน่อย.....


วิวเมืองเมื่อมองลงมาจากกำแพง
เราว่าด่านนี้มันเล็กไปจริงๆ เมื่อเทียบกับด่านอื่นที่อ่านจากในรีวิว(แหม ทำเหมือนเคยไปหลายด่าน) เดินแป๊บเดียวก็หมดแล้ว งั้นเดินเมืองโบราณข้างล่างก็แล้วกันให้คุ้มกับค่าตั๋ว 30 หยวน
นี่คือซุ้มประตูเมือง จริงๆแล้วคนอื่นๆ เค้าเดินเที่ยวในเมืองก่อนแล้วค่อยไปขึ้นกำแพง แต่เราเดินย้อนศร 555 พอมองย้อนขึ้นไปจะเห็นป้อม

ดูป้อมกันชัดๆ จากข้างล่าง ช่างน่าเกรงขาม
หลังจากเดินลงมาจากกำแพงเมืองจีน เดินเข้าไปในเมือง ผ่านร้านขายขนมโบราณ สองสามร้าน ข้างหน้าก็เจอร้านอาหารแล้ว ร้านแถวๆนี้ไม่ค่อยเปิด สงสัยเพราะเราไม่ได้มาเวลาเที่ยวของเค้า
แต่ไงๆ ก็เจอนักท่องเที่ยวเข้าไปกินเอาก็เอาฟระ หิวแล้ว เราก็สั่งบะหมี่ 2 ชามเกี๊ยว 1 หลังจากเสี่ยวเอ้อร์รับออเดอร์ก็เข้าไปหลังร้าน สักพักเจ้าของร้านก็ออกมาถามว่าเราเอาเกี๊ยวแล้วเอาบะหมี่ด้วยมั๊ย เราก็ตอบไปว่าเอาจิ แล้วก็คิดกันในใจว่าจะถามทำไม ก็กินหมดนั่นล่ะ แต่เมื่อเห็นอาหาร อุแม่เจ้า บะหมี่ชามใหญ่มากเกี๊ยวมาเป็นกะละมัง รู้แล้วว่าออกมาขอคำยืนยันทำไม..

ประทับใจมาก บะหมี่ที่นี่เป็นบะหมี่เส้นใหญ่เหมือนเส้นอุด้ง มากับซอสสีน้ำตาลแค่นั้นแต่อร่อยเกินคาด
เกี๊ยวเป็นกาละมัง เป็นเกี๊ยวไส้หมู ก็รสชาติปกติไม่ได้ขี้เหร่เกิน

เมนู เผื่อใครอยากจะสั่ง แต่เราใช้วิธีชี้ไปโต๊ะข้างๆ
หลังจากจบมื้อนั้นอย่างจุกเราก็เดินเที่ยวเมืองกันต่อ เมืองนี้เป็นเมืองโบราณ เดินๆ ไปก็จินตนาการไปด้วยว่ากำลังมาท่องยุทธภพ มีพี่ทหารยืนเฝ้ายามอยู่ทุกที่
มีศาล มีวัด เสียอย่างเดียวโล่งมาก เหมือนเมืองร้างเลย ไม่ได้บรรยากาศเพราะไม่มีเหล่าจอมยุทธมาเดินด้วยนี่หละ

นี่ศาลเจ้า

นี่วัด

พระประธาน

รูปพระในนิกายจีน มีชื่อแต่ละองค์พร้อม สูงสุดน่าจะเป็นพระพุทธเจ้า แสดงว่าเป็นวัดพุทธ

อีกฝั่งนึง มีการนำพระองค์เล็กๆ มาไว้ น่าจะเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม

ถ้าเป็นตอนกลางคืน เปิดโคมไฟน่าจะสวยนะ
ร้านค้าทั้งหลายพร้อมใจกันไม่เปิด
เมื่อเดินจนทั่ว ถ่ายรูปจนหนำใจไม่ต้องขุ่นใจกับคนเยอะๆ เที่ยวเมืองและวัดในเมืองก็ถึงเวลาเดินกลับไปสถานีรถไฟกันแล้ว ขากลับซื้อขนมจากร้านในเมืองโบราณนั่นหละกิน อร่อยมากเลย ถั่วกวนรสชาเขียว กลับเข้าไปในปักกิ่ง หาแบบเดียวกันมากินก็ไม่ชอบเท่า
ก่อนจะรีบเดินไปรอรถไฟ เมื่อเปิดให้เข้าไปในชานชาลา แล้วข้างในใหญ่มากมีหลายชานชาลา คนรอในสถานีเต็มเลย ไม่น่าเชื่อเพราะตอนมาซื้อตั๋วคนน้อยมาก รถไฟของเราไม่ได้เป็นรถที่มาจากต้าเหลียนเป่ย(大连北)เหมือนตอนขามาแต่เป็นรถมาจากจี๋หลิน(吉林)ต้องขึ้นที่ชานชาลาที่ 2
ตอนเค้าเปิดให้ขึ้นรถ เห็นน้องๆ จับกลุ่มคุยเล่นเป็นกลุ่มใหญ่ หล่อๆ ทั้งนั้น เห็นป้ายบนกระเป๋าเดินทาง เป็นตราโอลิมปิก สงสัยโค้ชคงพานักกีฬาโอลิมปิกมาเก็บตัว แต่เค้าก็แยกไปขึ้นรถไฟอีกขบวน แหม นักกีฬาโอลิมปิกจีนเนี่ยหน้าตาดีๆ ทั้งนั้นเลย เดินหากันกลัวไม่ทันเลยเดินเข้าไปในโบกี้แล้วเดินด้านในเอา ซึ่งขากลับเข้าเมืองคนเยอะมาก โชคดีไหวตัวทันซื้อตั๋วไว้ก่อนไม่งั้นมีตกรถแน่ เมื่อมาถึงสถานีรถไฟเราก็ไปต่อกันที่สนามกีฬารังนกเลย ไปถ่ายรูปกับสนามกีฬาและมาสคอตของกีฬาโอลิมปิก ปี 2008
หนีห่าวจ้า
หนาวสะท้านขนาดไหน เราก็บ่ยั่น ขยันโพสต์ท่า
เราแวะซื้อถังหูลู่กินกันที่ร้านสะดวกซื้อแถวๆ นั้น แต่ของที่นี้อร่อยสู้ที่หวังฝูจิ่งไม่ได้ เป็นผลไม้รวม มีมะเขือเทศ ส้ม สรอเบอรีและปิดท้ายด้วยซานจา สนนราคาของถังหูลู่ที่นี่ 10 หยวน แต่น้ำตาลแข็งและหนา ไม่อร่อยเท่าที่หวังฝูจิ่งที่น้ำตาลบางกรอบ เข้ากับผลไม้มากกว่า เราว่าประเภทผลไม้ที่ใช้ก็มีส่วนเหมือนกัน อ่า !! ของแพงมันอร่อยกว่าอย่างนี้นี่เอง
ถ่ายรูปกันจนเป็นที่พอใจแล้วเราก็ไปกลับไปที่พักกัน เนื่องจากเราไม่อยากกลับที่พักดึกมาก แวะร้านสะดวกซื้อแถวๆ นั้นซื้อมาม่ากินเป็นมื้อเย็น และของวันพรุ่งนี้ คนละ2 ห่อ ก็ไอ้ร้านสะดวกซื้อร้านเดิมนั่นหล่ะ ระหว่างทางกลับบ้านสังเกตร้านอาหารรอบๆ และเล็งว่าจะมากินกัน รวมถึงร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่พัก เลยจะมากินกันวันกลับ
กลับถึงที่พัก แอบไปถามที่ล๊อบบี้ว่าแถวๆ นี้มีตลาดสดแถวๆ ไหนบ้างพรุ่งนี้จะไปเดินเที่ยว ก็ได้คำตอบว่าเดินไปตามถนนตงซื่อ ถนนหลักหน้าปากซอยไปหัวถนนอีกด้านจะมีตลาด เอาละพรุ่งนี้เจอกันนะตลาดจ๋า..
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2560 |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2560 19:29:25 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1667 Pageviews. |
 |
อ่านเพลินเลยคะ..
ได้ความรู้เยอะเลย..ขอบคุณนะคะ..