พรานผึ้งแห่งป่าบ้านนาสวน 3
พรานหนุ่มสูดอากาศเข้าปอดลึก ก่อนที่จะจรดลูกทอยเล่มแรก บนพูรากไม้พร้อมๆกับบริกรรมคาถาลงกำกับ แล้วลงแรงตอกลูกทอยด้วยสันขวานสามครั้ง เพื่อเป็นการสะกดดวงวิญญาณนางไม้ที่สิงสถิต ไม่ให้เกิดความพิโรธตามความเชื้อที่ถือปฏิบัติกันมาแต่บรรพบุรุษ รวมแล้วต้องตอกสะกดนางไม้ด้วยลูกทอยสามเล่มเป็นอันจบพิธีการ เสียงหริ่งหรีด เรไร ที่พากันกรีดปีกระงมป่า คละเคล้ากับเสียงกึกก้องเป็นจังหวะของลูกทอย ที่ถูกตอกตีอย่างหนักหน่วง ลูกทอยทำจากไม้ไผ่เนื้อหนา เมื่อถูกรมควันด้วยความร้อนจนแห้งสนิท ก็ทำให้เนื้อไม้ที่อ่อนนิ่ม กลับแข่งแรงเนื้อแกร่งราวกับโลหะ ทุกครั้งที่สันขวานกระทบส่วนหัวของลูกทอย ส่วนปลายที่มีความแหลมคมของมัน ก็จะแทรกเข้าไปในเนื้อไม้อย่างง่ายดาย ยิ่งส่วนปลายของลูกทอยฝังลึกลงไปในเนื้อไม้มากเท่าไหร่ เสียงที่กึกก้องออกมาก็ฟังดูหนักแน่นมากเท่านั้น ลูกทอยเล่มแล้วเล่มเล่าที่ถูกตอกติดลงไปบนต้นไม้สูงใหญ่ ล้วนแล้วแต่นำพากะเหรี่ยงหนุ่ม ให้ไต่สูงขึ้นไปตามลำดับ ทุกส่วนในร่างกายที่ทำงานกันอย่างสัมพันธ์ ไม่ว่าแขน ขา และฝ่าเท้าที่เปลือยเปล่า คอยโหนรั้งตัวเองจากความสูง ไร้ซึ่งอุปกรณ์ป้องกันความผิดพลาด ดังนั้นทุกจังหวะการก้าวเหยียบบนลูกทอยแต่ละเล่ม ต้องมีความมั่นคง และแข็งแรง บวกกับสมาธิที่แน่วแน่ของกะเหรี่ยงหนุ่ม ซึ่งถ้าพลาด นั่นก็หมายถึงชีวิตของตนเอง และความลำบากของมารดาที่แก่ชราจะต้องเผชิญชะตากรรมโดยลำพัง จากความสูงไม่กี่เมตร ที่ลำไฟฉายจากเบื้องล่างสาดส่องถึง เพียงระยะเวลาไม่นาน ร่างของพรานหนุ่มก็ลับหายไปในความมืด พร้อมๆกับเสียงสันขวานกระทบลูกทอยเป็นจังหวะดังสะท้านก้องไปทั้งหุบเขา พอๆกับเสียงจังหวะหัวใจของคนที่เฝ้ามองด้วยใจระทึก และเป็นห่วง เหงื่อที่ชุ่มโชกอาบร่างกาย บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าและกระหายน้ำของพรานหนุ่ม หลังจากไต่ลงมาตามลูกทอยจนมาถึงพื้นดินเบื้องล่าง น้ำในแกลลอนใบเก่า จึงถูกยกกระดกลงคอที่แหบแห้งเพื่อดับความกระหายหลังจากหยุดพักจนหายเหนื่อย พรานหนุ่มก็ไต่กลับขึ้นไปบนต้นไม้ตามลูกทอย พร้อมๆกับปลายเชือกไนลอน ที่มัดผูกติดเอวขึ้นไปด้วย ทีละเมตรๆ ที่เชือกถูกสาวขึ้นไปหลังจากพรานหนุ่มขึ้นถึงคาคบ และไม่นานปลายเชือกที่เคยถูกผูกเอว ก็ปลิวระร่อนตกลงมาสู้พื้นเบื้องล่าง ถังปี๊บ คบไฟ และมีดเหน็บ ถูกบรรจุและมัดรวมกับปลายเชือกอย่างแน่นหนา พรานใหญ่ออกแรงสาวเชือก เพื่อชักรอกเอาอุปกรณ์ต่างๆ ออกแรงอยู่ไม่นานสิ่งของทุกอย่างที่ผูกไว้ก็ขึ้นไปถึงจุดหมาย บนกิ่งก้านที่ใหญ่โต พรานหนุ่มค่อยๆคืบคาน โอบประคองร่างกายตัวเองไปตามคาคบ เมื่อถึงตำแหน่งของรวงรังที่หมายตา เสียงกระหึ่มของฝูงผึ้งหลวงนับหมื่นก็ร้องทายทักอย่างไม่เป็นมิตร แต่เพราะด้วยความมืดในยามค่ำคืน ทำให้พวกมันไม่รู้ทิศทางของผู้บุกรุก ถึงแม้จะพยายามกระพือปีกนับหมื่นคู่เพื่อข่มขู่ ก็ไม่สามารถหยุดยังความตั้งใจของพรานหนุ่มลงไปได้ จังหวะนั้นเอง ที่เปลวไฟจากคบเพลิงก็ถูกจุดขึ้นอย่างง่ายดาย หลังจากโบกคบไฟไปมาจนส่งควันและเปลวไฟลุกโหม ฝูงผึ้งที่คอยจับจ้องอยู่ก่อนแล้วก็เตรียมพร้อมที่จะโจมตี เมื่อคบไฟถูกตีลงบนกิ่งก้านที่สร้างรังแตกเป็นสะเก็ด ฝูงผึ้งที่คิดว่าแสงนั้นเป็นศัตรูก็พากันบินออกจากรังเพื่อโจมตี ลูกไฟจากคบตกสู้เบื้องล่างไม่เท่าไหร่ ก็พลันดับวูบลงกลางอากาศเพราะหมดเชื้อ ฝูงผึ้งมากมายที่พากันบินตามลูกสะเก็ดไฟ ตางพากันบินหลงทิศทางสะเปะสะปะ ครั้นจะบินกลับรวงรังก็ไปไม่ถูก เพราะความมืดมิดกลืนกินเท่าบริเวณ พรานหนุ่มโบกคบตีไฟได้ไม่นาน รังผึ้งรังใหญ่เป็นวาที่เคยดำมืดไปด้วยฝูงผึ้ง ก็ดูว่างเปล่าสะอาดตา เผยให้เห็นรวงรังสีขาวนวลบริสุทธิ์ โดยเฉพาะส่วนบนที่ติดกับคาคบเหนือรัง ดูอวบอิ่มไปด้วยน้ำหวานสีเหลืองอำพันปูดโปน มีดเหน็บที่คาดติดเอว ถูกนำมาถืออยู่ในมือของพรานหนุ่ม หลังจากขยับร่างกายให้ถนัด ก็บรรจงปาดคมมีดไปที่รังด้วยความระมัดระวังว่ากลัวจะกระทบหัวน้ำหวาน หลังจากส่วนรวงรังถูกตัดจนขาดตกลงมา ปี๊บที่มีสายคล้อง ก็ถูกย้ายไปอยู่ใต้คาคบ ซึ่งตอนนี้มีแต่หัวน้ำหวาน พรานหนุ่มค่อยๆปาดเฉือนหัวน้ำหวานเหล่านั้นอย่างบรรจงด้วยมีดลงปี๊บ พยายามสอดส่องจนแน่ในว่าเก็บหมด ปี๊บที่นำขึ้นไปก็ได้น้ำผึ้งป่าอยู่เกือบเต็ม เสียงสัญญาณกู้ร้องจากด้านบน บ่งบอกให้พรานที่อยู่ด้านล่างได้ปล่อยเชือกสาวปี๊บลงมาอย่างช้าๆ น้ำผึ้งในปี๊บมีปริมาณมากจึงมีน้ำหนัก ทำให้ต้องระมัดระวังทุกขั้นตอน ถ้าพลาดพลังเชือกขาด หรือสายคล้องหลุด นั่นก็หมายความหายนะที่เพียรพยายามมา หญิงชราก้าวเดินส่องไฟหาเก็บรังผึ้งที่ถูกตัด ทั้งรังอ่อนที่อัดแน่นไปด้วยตัวอ่อน และรังแก่ รวบรวมใส่กระสอบถุงปุ๋ยอย่างรู้คุณค่าไม่ทิ้งให้เสียเปล่า ตัวอ่อนนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง ทั้งย่างไฟ ทำหมก และต้มแกง ล้วนแต่เป็นเมนูที่คิดไว้ในใจของหญิงชรา รังแก่ไร้ตัวอ่อนก็ไม่ทิ้ง เพราะเอามารวมแล้วต้มเคี้ยวจะได้ไขเทียนไว้เก็บขายเสริมรายได้ส่วนพรานใหญ่หลังจากสาวเชือกจนปี๊บที่มีแต่น้ำผึ้งลงมาอยู่ตรงหน้า ก็จัดแจงเก็บเศษไม้และตัวอ่อน ที่ตกหล่นลงไป รวมทั้งรังผึ้ง ขี้ผึ้ง ที่ไม่ต้องการ เพราะจะทำให้เสียรสชาติด้วยความเปรี้ยว ด้วยมืออันเปล่าเปลือย พรานใหญ่ค่อยๆบีบคั่นน้ำหวานจากรวงรัง ออกแรงบีบไม่เท่าไหร่ หัวน้ำหวานที่อัดแน่นอยู่ในรังก็ไหลทะลักออกมา พร้อมๆกับความหวังของรายได้ที่จะได้มา เสียงกึกก้องของลูกทอย ยังคงดังสะท้อนก้องหุบเขา ในป่าบ้านนาสวน พรานผึ้งยังคงทำหน้าที่ของตน ทุกๆเดือนห้าของทุกปี และยังคงได้ยินตลอดชั่วอายุคน ถ้าป่าไม้แหล่งอาหารของพวกเขายังอุดมสมบูรณ์ป่าที่เปรียบเสมือนบ้านและห้องครัว ที่คอยหล่อเลี้ยงต่อเติมชีวิตอันแร้นแค้น บุคคลเชื้อชาติกลุ่มเล็กๆ ได้อาศัยพื้นป่าเลี้ยงปากท้องตามมีตามเกิด ผิดกับนายทุนมากมายอิทธิพล ที่จ้องจะกอบโกยหาผลประโยชน์ผืนป่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...(จบ)
Create Date : 21 พฤษภาคม 2556 |
| |
|
Last Update : 21 พฤษภาคม 2556 9:54:17 น. |
| |
Counter : 2014 Pageviews. |
| |
|
|