|
นิยาย ท้องฟ้าพาใจ ตอนที่ 20
หน้ากำแพงรั้ว ชั่วคราว สร้างปกปิดซากโกดังไฟไหม้ รักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง เดินมาขอตรวจบัตร แต่อีกคนดึงตัวห้าม ด้วยรู้จักพาใจ เธอเห็น รปภละตรวจ จึงเดินเข้าด้านใน เทปสีเหลืองกันพื้นที่ ไม่ปลอดภัย อาคารยังคงสภาพบางส่วน แต่แค่ รอวันทรุดตัว รอยไหม้สีดำ บนพื้นเป็นวงกว้าง พาใจเดินไปหยุดตรงที่เธอคิดว่าถูกนำมาทิ้งไว้ หากมีใครอุ้มเธอมาต้องมีอีกคนคอยช่วย ประตูโกดังเปิดไม่ยาก แต่ต้องใช้แรงทั้งตัว แล้วจะไม่มีใครเห็นเชียวหรือ น้ำมันที่ราดรอบตัวเธอ มาจากไหน วัตถุไวไฟ ควรเก็บไกลโกดัง หากต้องหาน้ำมันมาทำการ ต้องเตรียมไว้แล้วหรือไม่ก็ ต้องเสาะหา “พวกพี่โดนเล่นงานกันไหม เรื่องไฟไหม้” พาใจถาม รปภนายหนึ่งแถวนั้น รปภ ยิ้มแหย “เกือบโดยยกบริษัท ยังดีทางนี้ยังฟังความ” “ความอะไรค่ะ” “ก็ที่บริษัทผม ไม่ละเลยหน้าที่ ไฟไหม้เกิดจากวางเพลิงไม่ใช่เราไม่ดูแล” “ก็จริง แต่มีคนติดอยู่ในนั้นนะค่ะ” พาใจหมายถึงเธอ “คนทั้งคน” “เรื่องนั้นก็ปล่อยให้เลยเถิด” รปภ ไม่พอใจ “หากมีคนตาย ความจะยาวกว่านี้” รปภ อีกคนเดินมาร่วมวง “ผมว่าโชคดีที่คุณรอดมาได้” เมื่อนแจงให้คนที่คุยอยู่ก่อน รู้ว่าเธอคือ คนในกองเพลิง จากนั้นบ่ายเบี่ยง ไม่พูดถึงเรื่องในคืนนั้นอีก การเลี่ยงไม่สนทนา เบนคำเจรา กลับทำ พาใจรู้ความ “เรื่องนี้ทำให้เหนื่อยกันมาก” เธอกล่าว “ดิฉันแค่มาหาข้อมูลเคลมประกัน ถ้าได้เงินมาก้อนใหญ่ นายน่าจะให้อะไรตอบแทนพวกพี่ๆอีกว่าไหม” ‘ค่าตอบแทน นั้น อุปโลกน์ หากเคยได้จริงย่อมอยากได้อีก’ ทั้งสองนายมองโดยรอบ แน่ใจว่าไม่มีคนอื่นใกล้จึงเริ่มเจรจา “คุณวิทยาแจ้งให้ข้อมูล เธอได้ แต่ไม่ได้แจ้งเรื่องอื่น” “เรื่องอื่นเขาไม่แจ้งกันก่อน เกิดไม่ได้เรื่องจริงๆขึ้นมา จะหาว่าหลอกใช้” สองนายหัวเราะชอบใจ “อย่างคุณเขาไม่เคยหลอกใช้อยู่แล้ว” เส้นสายยังโยงถึง บริษัทรับจ้าง หรือแค่ตัวคน ควันจากโกดังนี้ลอยทั่วดังคำคุณอนิกว่าจริงๆ เม็ดเงิน ผลประโยชน์มากมาย หลากเข้าทุกที่ เขื่อนมีรอยร้าว เธอจะตามเจ้าของรอยนั้นให้ได้อย่างนั้นหรือ เธอสนใจแค่เงินสิบล้าน อย่าลืม แต่การเข้าถึงรอยร้าว ถือเป็นการสงมอบเงินหรือไม่ น้ำหลาก พาเธอเข้าใกล้ เงินสิบล้านทุกขณะ พาใจลงจากรถโดยสาร หลังเห็นรถมอเตอร์ไซด์ ท้องฟ้าล้มระหว่างทาง เธอก้มเก็บกระดาษปลิวบนพื้นถนน รวบรวมจากบริเวณแล้วเดินไปยื่นให้ท้องฟ้า เขายื่นมือรับ โดยไม่มีคำพูดใด เขาเองก็เดินเขย่ง ก้มตามเก็บเอกสารเช่นกัน หลังเลิกงานเขาไม่ได้ไปรับพาใจด้วยเหตุนี้ คู่กรณีเป็นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง กำลังยืนขอโทษ ขอโพยเป็นการใหญ่ ตอนนี้ช่วยเก็บเอกสารอีกคน “ขอโทษจริงๆครับพี่ ผมไม่ทันมอง” “ไม่เป็นไร ผมเองก็มาเร็ว” “ขาพี่เจ็บ” “คงจะพลิก” “มีเลือดออกด้วยนะพี่” พาใจก็มองตามคำคู่กรณีบอก เลือดไหลซึ่มออกมานอกขากางเกง ท้องฟ้าตกใจ กับรอยแดงชื้นวงกว้าง จนทรุดตัวลง “เลือดผมเหรอ” เขาเห็นคู่กรณี กลั้นขำ กับท่าทีตกใจจนทรุดนั่ง กระนั้นเขายังหอบรวบเอกสารไว้แน่น ห่วงเอกสารมากกว่า บาดแผลตน จนพาใจต้องมาดึงเอกสารไปจากมือ เขาเห็นแววดาคนดึงเอกสาร อ่อนโยน แม้สีหน้าเรียบทว่าไม่บึ้งตึงเหมือนทุกครั้ง ดวงหน้าก่อนผละออกไป ราวคนใจดีคนหนึ่ง พาใจรับเอกสารมาใส่ในถุงผ้าดิบของเธอ ไม่สังเกตเห็นคนบาดเจ็บมอง ด้วยแววตา ต่างออกไปจากเดิม เวลาเลยเที่ยงคืน แผนกอุบัติเหตุโรงพยาบาล กลายเป็นที่คุยงานของเขาและเธอ ท้องฟ้านั่ง เหยียดขา เรียงเอกสารระหว่างรอรับยา แผลครูดกับถนนแนวยาว บางช่วงถลอกลึก เขาขยับขาเล็กน้อยเพื่อถนัดในการสนทนา “คุณภาณุภาพต้องได้รับข้อมูลเร็วขึ้น” “ฉันไม่ได้ช้า” “เอกสารนี้ ช่วยตอบคำถามประกัน” การยื่นเคลมมีคำถามตีกลับ หลายฝ่ายเฝ้าดู อาจเป็นเส้นทาง นำเธอเข้าสู่เส้นสาย พาใจรับปึกกระดาษยับ มาจัดเข้าที่ เปิดอ่านคร่าวๆ ท้องฟ้ามองเธอครู่หนึ่ง ‘เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่’ ผ่านค่อนคืนทั้งสองยังคงอยู่ระหว่างทาง มอเตอร์ไซด์ กระจกไฟหน้าแตก แต่หลอดไฟยังคงส่องสว่าง ท้องฟ้าแค่ระวังไม่ลงน้ำหนักขาด้านเจ็บ ตอนจอดรถ เขาขับมาส่งพาใจ คอยเธอลง รับหมวกกันน็อคคืน แล้วขับออกไป ทั้งสองมักใช้ความเงียบแยกจากกัน หากครั้งนี้แตกต่าง เหมือนมีบางอย่างส่งเสียง ในความคิด ‘คนบาดเจ็บมาส่งคนสบายดีอย่างนั้นหรือ’ พาใจยืนมองรถแล่นออกไปจนสุดสายตา แม้ขาเจ็บเขายังมาตรงเวลา หากหลังเลิกงานนี้ท้องฟ้าขับรถกลับลำพัง หมวกกันน๊อค ใบใหม่ไร้คนสวม วันนี้พาใจไม่มาตามเวลา เขารู้สึกแปลก เหมือนมีเวลาเพิ่ม จึงแวะร้านอาหารริมทาง สั่งน้ำหวานสีสวย กับเส้นผัดรสเผ็ด ระหว่างรอ หันมองไฟหน้ารถ ที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ ขยับขาข้างเจ็บในท่าสบาย เขาเดินกระเพลก นิดหน่อยในที่ทำงาน รถล้มเป็นอุบัติเหตุปกติ ของ คนขับมอเตอร์ไซด์ การบาดเจ็บทำเขารำคาญ ทำงานไม่สะดวก รีบเดินไม่ได้ รีบทำงานไม่ได้ เขารีบเพื่ออะไร กัน จำต้องรีบให้ทันเลิกงานใช่หรือไม่ พาใจ วางกระเป๋าเอกสารบนม้านั่ง ยืนมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงสีส้มเหมือนทาทั่วทุกตึก แม้พื้นยังเป็นเฉดเดียวกัน ต้นไม้ไหวเล็กน้อย มีสีแดดอ่อนแต้มตามใบ เธอจับแผลบนศรีษะ หมวกกันน็อค ใบเดิม ขนาดพอดีจึงกดทับ ไม่นานเธอสวมใบใหม่ ขนาดใหญ่กว่าเดิม แผลจึงไม่เจ็บอีก เพียงแต่วันนี้เธอไม่ได้สวม ทั้งสองใบ แผลเธอยังไม่หายดี เธออยากสวมหมวกกันน็อคอีกอย่างนั้นหรือ นายสิบล้านเดินมาหา เธอรอเขามาถึงตรงหน้า หยิบเอกสารจากการเป๋าส่งให้ “ฉันไม่มีเบ็ตตกปลาตัวใหญ่” เธอเข้าไม่ถึงบรรดานายใหญ่ “คงไม่ได้คิดต่อรองราคาเพิ่มหรอกนะ” “ถ้าได้ข้อมูล ฉันจะเรียกราคาเท่าไรก็ได้ไม่ใช่หรือ” ภาณุภาพคาดไว้ไม่ผิด แรกไม่อยากเกี่ยวข้อง กลับบีบน้ำตา ก้มหน้ารับเงิน ต่อมาไม่อยากทำงาน กลับรอนับเงินสิบล้าน เกียรติที่เธอถือมั่น คือกองเงินสุ่มตรงหน้าใช่หรือไม่ ผู้หญิงที่ใช้คุณค่าศักดิ์ศรี เป็นเมฆ หมอกบังตา อ้างว่าเงินมิใช่การตีค่า เป็นเพียงสิ่งแลกเปลี่ยนการเสียเวลา อ้างใดอ้างเถิด ผู้หญิงชื่อ พาใจ แต่มิอาจอ้างความจริงไม่ให้ปรากฏ “ฉันจะตีน้ำให้ปลาใหญ่เผยตัว ถึงตอนนั้นฉันจะเป็นฝ่ายต่อรองกับเธอบ้าง” “ถ้าอย่างนั้นจะให้ฉันชี้ปลาใหญ่ให้คุณ หรือจับไว้เองดีละ” “ถ้าจับไว้เองเธอจะต้องเฝ้ามันไว้ไม่ให้หนี อย่าลืมซิ เธอแค่มาเลือกปลา” เธอคิดอะไรอยู่พาใจ เธอเพียงต้องการแลกข้อมูลกับจำนวนเงินที่เธอไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะได้รับ ที่เธอพูดนั้นปนความจริงหรือไม่ เธออยากเจรจาเม็ดเงิน หรืออยากให้นายภาณุภาพช่วย เธอปลดโอกาส ที่เธอได้มาอย่างนั้นหรือ “เธอต้องระวัง นายกรกฏไว้ด้วย” “มันไม่อยู่ในข้อต่อรอง” “มันอาจทำให้งานของฉันไม่สำเร็จ หรือว่า…เธออยากเสนออะไรให้กรกฏ” เธอไม่เคยผิดหวัง จากสายตาพวกยกตน “งานของคุณสำเร็จแน่ คุณภาณุภาพ” “ก็ดี หลังจากนั้นเธอจะไปทำอะไรต่อก็เรื่องของเธอ” พาใจคว้ากระเป๋าเอกสาร ชักไม่อยากเห็นหน้าเทวดา “คุณไม่เคยสนใจเรื่องของฉัน จนกระทั้งตอนนี้” แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทั้งสองจบการสนทนา พาใจถือกระเป๋าเอกสารเดินจาก นายภาณุภาพ ที่ยังคงนั่งบนม้านั่ง เธอไม่เหลียวกลับไปมองดั่งคนสนทนาพึ่งแยกจาก เธอจำต้องเดินไปข้างหน้า มิอาจเลียวมอง มาข้างหลังอย่างนั้นหรือ ข้างหน้ามีอะไรสะกดให้เธอไม่ละสายตาเล่าพาใจ เธอเดินไปข้างหน้าคนเดียวมาตลอด นับแต่ย้ายมาทำงานในเมือง การหันหลังกลับคือการถอยหลังสำหรับเธอ มันเป็นการดีกว่าหรือไม่ หากเธอ ไม่ต้องเดินโดยลำพัง ไม่มีใครขัดจังหวะท้องฟ้าทำงาน ไม่มีเสียงเรียก เงียบเกินเวลา เขามองห้องทำงานเจ้านายหลายครั้ง ส่งสายตา ยักหน้า ถามเพื่อนพนักงาน ‘อยู่ในห้องไหม’ เพื่อนส่งสายตา พยักหน้าตอบ ‘อยู่’ ตั้งแต่กลับจากการประชุมผู้บริหาร ครั้งนี้เงียบที่สุด พักใหญ่เสียงประตูเปิด ท้องฟ้ามองตาม เจ้านายออกมายังไม่ทันเรียก “ครับผม” เขาขานรับ ท้องฟ้าแม้ก้าวขัดด้วยแผลยังไม่หายดี แต่ไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องทำงาน ยืนหน้าโต๊ะเจ้านาย “รู้ไหมบริษัทเรารวยมาก” เจ้านายเอ่ย แต่น้ำเสียง ท้องฟ้าฟังเหมือนตัดพ้อ “ครับ” “กรกฏเสนอให้พิจรณาซื้อบริษัอื่น ก็บริษัทพรรคพวกเขานั่นละ” “เหรอครับ” “จู่ๆก็อยากขายบริษัทขึ้นมาในตอนนี้” “แต่บริษัท ไวยตรา ที่เราต้องการ ก็ดำเนินการกันมานานแล้ว” “กรกฏว่านานเกินไป” “เราจะเปลี่ยนใจหรือครับ” “ก็เล่นทำแผนมาเสนอ ที่ประชุมสนใจกันยกใหญ่” “แล้วท่านประธาน” “คุณพ่อให้ทำเสนอเทียบกัน” “หมายความว่า” “ฉันกับกรกฏต้องแข่งกันนะซิ” การแข่งขันในที กลายเป็นแข่งสักที ท้องฟ้าเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้น คุณกรกฏ เหมือนจะเก่ง เขาไม่มีวันรู้ หากไม่มีเวที ขึ้นเทียบ คู่เทียบ ท้องฟ้ารู้จักดี เจ้านายคนเก่า เขาเก่งจริง ทำไมกรกฏจึงทำการเช่นนี้เวลานี้ เขาอยากเป็นคนเก่งบ้างอย่างนั้นหรือ หรือเขาถ่วงเวลา ดึงการณ์ เพื่ออีกการณ์ แล้วท้องฟ้าเล่า เขาเป็นผู้ช่วยการณ์ไหน คนไหน เขาเลือกได้แล้ว หรือเขาเลือกไม่ได้ หรือเขา ไม่จำต้องเลือก ในช่วงเวลาไม่นาน มีหลายเรื่องมากมาย ให้เลือก นายท้องฟ้า นายควรทำเช่นไร กรกฏ หั่นเนื้อพอคำแกล้มไวน์แดง ท้องฟ้าเห็นก็รู้ ‘ฉลอง’ แต่ให้เรื่องอะไรเขาพอเดาออก แต่ทว่าในเวลานี้เขาไม่อยากเดา ไม่อยากอยู่ในเกมส์ใดทั้งนั้น ห้องวีไอพี ส่วนตัวในร้านอาหาร ท้องฟ้ารู้สึก เก้อ ในสถานที่ หรู อย่างคนแบบเขาเรียกกัน “นายดื่มเก่ง ฉันเลยชวนมา” “คุณกรกฏคงไม่ได้ ชวนมาดื่มเฉยๆกระมัง” “ทำไมละ ฉันเลี้ยงอาหารดีๆกับนายบ้างไม่ได้หรือ” ช่างแตกต่าง เขาอดเปรียบเทียบกับ นายอีกคนไม่ได้ อารมณ์ดีคือ หาของอร่อย ซื้อมาเลี้ยง พนักงานในฝ่าย “ผมเดาว่าเรื่อง ซื้อบริษัท” “นายต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ท้องฟ้า” “มันคือวิธีถ่วงเวลาหรือ” “ยังไม่ใช่วิธีทั้งหมด” “การมีคู่เทียบทำให้เสียเวลาออกไปอีก ตอนนี้เราต้องการเครื่องจักรใหม่” “คู่เทียบจะทำให้ใช้เวลาสั้นลง” ท้องฟ้าอยู่บนเวที ของทั้งสอง ในฐานะกรรมการหรือ ก็ไม่ เป็นเพียงผู้ชมรึ ก็ไม่ เขาเข้าถึงวงใน ครั้นยืนเฉยก็มิใช่วิสัย เขาต้องเลือกข้าง เขายังลงจากเวทีทัน ถ้าอยาก เขาจะเลือกข้างใดก็ได้ ถ้าอยาก เขาอยากทำสิ่งใดในตอนนี้ “คุณกรกฏ ทำอะไรกันแน่ ทำเพื่ออิทธิลักษณ์ เพื่อคุณปู่ หรือเพื่อตัวคุณเอง” “ฉันคืออิทธิลักษณ์คนหนึ่ง อย่าลืมคุณปู่ส่งจดหมายถึงฉัน และฉันไม่ทำเพื่อคนอื่นแน่นอน” กรกฏรินไวน์เพิ่มในแก้ว เชื้อเชิญท้องฟ้าดื่ม “ท้องฟ้า แล้วนายทำเพื่ออะไร นายไม่ใช่อิทธิลักษณ์ เป็นแค่คนส่งจดหมาย รู้หรือยังว่า ตัวเองต้องการอะไร” เขาถูกเชื้อเชิญ ลงในเกมส์ใช่หรือไม่ เวทีที่เขาเป็นแค่คนคุ้มเส้น ขอบสนามที่เขาคอยบอก เมื่อ หลังชนเชือก เลือกอะไรเล่า ไวน์ หรือ น้ำเปล่า น้ำเปล่าเคยใสตอนนี้มีตะกอน คุณภาณุภาพเจ้านายที่เขา เคารพยกเป็นแบบอย่าง วันนี้กลายเป็นผู้ต้องสงสัย ไวน์แดงรสดี เปิดขวดใหม่ ดื่มร้อนกายกลับทำให้ชุ่มคอ คุณกรกฏ เจ้านายอีกคน ที่เหมือนมาแย่งที่นั่ง ความสามารถเป็นที่ยอมรับ เชื้อสายไม่ต้องสงสัย ท้องฟ้านายมั่นคงหรือแปรเปลี่ยน นายเลือกยืนข้างใคร “ยังคงต้องการเหมือนเดิม คนทำร้ายคุณท่าน” กรกฏแกล้มไวน์กับเนื้อแดง “ท้องฟ้า นายจะเลือกช่วยฉันเรื่องคู่เทียบ” “ทำไมคุณกรกฏคิดอย่างนั้น” สายตาท้องฟ้านิ่ง เขาค้นคิดคำตอบตัวเอง รอคำตอบเช่นกัน “เพราะฉันหว่านล้อมนายอยู่ นายเลือกไม่ได้ว่าจะช่วยภาณุหรือฉัน” “ทำไมถึงคิดว่าหว่่่่านล้อมผมได้” “เพราะไม่ว่าอย่างไรฉันก็ทำเพื่ออิทธิลักษณ์” ท้องฟ้า ไม่ได้เลือกอยู่ข้างกรกฏ และเขาไม่ได้เลือกข้างภาณุภาพ แม้การณ์ดำเนินข้าง สายเลือด ผู้น้องมากว่า สายน้ำผู้พี่ก็ตาม เขาเลือกยืนอยู่ในที่มองเห็นคนร้ายชัดขึ้น และเขาเลือกได้แล้ว
Create Date : 26 กันยายน 2567 |
Last Update : 2 ตุลาคม 2567 16:01:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 111 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
BlogGang Popular Award#20
|
|
|
|
|
|
|