Group Blog
 
 
กันยายน 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
23 กันยายน 2567
 
All Blogs
 
นิยาย ท้องฟ้าพาใจ ตอนที่ 15

                 ท้องฟ้านั่งเงียบ ดื่มกาแฟสีเข้มที่โต๊ะทำงาน ‘เรื่องอะไรกัน ทำให้คนเราคิดทำร้าย ถึงขนาดลงมือฆ่า กันได้ง่ายๆ’ เขานึกถึงร่างนอนจมกองเลือดของหญิงสาว รายล้อมด้วยเปลวเพลิง พร้อมพรากวิญญานเธอ ไปได้ทุกเมื่อ เรื่องที่ทำให้เธอมานอนรอความตายนะหรือ ก็คงเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ จนต้องเสียเงินมหาศาล กระมัง
                 หากเจ้านายของเขาครุ่นคิดเช่นกัน เขาเดินมาที่โต๊ะทำงานผู้ช่วย พูดเบาคล้ายมิใช่เสียงคำสั่ง
                “ไปโรงงานกัน”
                ปฏิกิริยาตอบรับจากผู้ช่วยไม่แพ้กัน
              .  “ครับผม” ขานรับลอย
 
                 ถึงโรงงาน คุณภาณุภาพมิได้เข้าตรวจฝ่ายผลิตดั่งเช่นทุกครั้ง กลับเดินตรงไปโกดังเก็บสินค้า ท้องฟ้าเดินตามเงียบๆ เจ้าหน้าที่คลังสินค้าเห็นเจ้านาย ก็เดินมาหา
                 “มีอะไรหรือเปล่าครับ คุณภาณุภาพ” คนโกดังไม่แปลกใจการมาของเจ้านาย แต่แปลกใจตรง สีหน้าเคร่งเครียด
                “มีข่าวโกดังเก็บสินค้า บริษัทใหญ่ไฟไหม้ เลยมาตรวจดูของเราบ้าง”
                เจ้าหน้าที่คลายกังวล
                “เห็นลงข่าวว่าไฟลัดวงจร” เจ้าหน้าที่พูดไปก็เกือบหัวเราะออกมา “แต่ผมว่าโดนวางเพลิงมากกว่า”
                “ทำไมคิดอย่างนั้น” คุณภาณุภาพถาม
                 “ข่าวว่า ไฟไหม้รวดเร็วอย่างนั้น มันต้องมีเชื้อเพลิง คุณภาณุภาพจำตอนที่ไฟลัดวงจรโกดังเรา ได้ไหมครับ ควันโขมงโชว์อยู่นาน จนพวกเรามาดับกันทัน”
                 ภาณุภาพได้แต่ถอนหายใจ มองรอบโกดังสินค้าของเขา แล้วเดินเข้าด้านใน ครั้นเจ้าหน้าที่จะเดินตาม ท้องฟ้ารั้งไว้
              “พี่ไปทำงานต่อเถอะ ผมว่าคุณเขาแค่มาดูให้สบายใจนะ” ท้องฟ้าเดินตามเจ้านายของเขาไป
              นายเก่ามองโดยรอบ กองสินค้าสูงท่วมศรีษะ
              “คงร้อนและทรมาณมากถ้าโดนไฟคลอกตาย”
              “คุณภาณุภาพมีคนรู้จัก ทำงานที่นั่นหรือครับ”
               เจ้านายเกือบพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วรู้ตัวจึงเลี่ยงคำ
              “ไม่มีอะไร ฉันแค่กังวลว่าโกดังเราจะเหมือนในข่าว”
              “ผมว่าเจ้านายห่วงคนในโกดังนั้นมากว่า” ท้องฟ้าถามหยั่งเชิง
               เจ้านายจับต้นคอเขาเขย่าอย่างคุ้นเคย “จะบ้าเหรอท้องฟ้า”
               “เรากลับกันเถอะ”
                ท้องฟ้าเดินตามนาย ออกจากโรงงาน
               “ถ้าไม่มีอะไรผมขอลาไปทำธุระช่วงบ่าย” ท้องฟ้าลานาย คนให้ลาพยักหน้าอนุญาติ พลันกลับมีสีหน้าครุ่นคิดดังเดิม
 
               เขาควรบอกคุณภาณุภาพหรือไม่ ว่าธุระของเขาคือคนทำให้เจ้านายครุ่นคิดอยู่ เขารู้จักเจ้านายดี แต่ยังรู้จัก พาใจ ผู้หญิงคนนั้นแต่เพียงข้อมูลลมปาก เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง เธอกับเจ้านายของเขาอีกเล่า มันเป็นเช่นไร เขาอยากรู้ เผื่อมันจะเฉลยคำตอบจากคำถามในใจของเขา
            'ใครคือฆาตกร'
            ตลอดทางเขาครุ่นคิด ต้องครุ่นคิดอีกนานสักเท่าใด จึงจะได้คำตอบ
 
             พยาบาลต่างจับตามองมาที่ท้องฟ้า เขาเดินถือช่อดอกกุหลาบเข้ามา วางมันลงข้างโต๊ะหัวเตียง เขาอ้างตัวว่าเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนี้ ดอกกุหลาบช่วยคำอ้างสมจริง มันได้ผล หมอ พยาบาลต่างมองด้วยรอยยิ้ม เล็กๆน้อยๆ
             “คุณน่าจะมีสติพอคุยกับผมได้แล้ว” เขาบอกหญิงสาว
              มันไม่ใช่น้ำเสียงอบอุ่น เหมือนเมื่อครั้งที่เขาคุยกับเธอต่อหน้าพยาบาล คำพูดห้วน ราวใช้สนทนากับ คนร้าย มิใช่ผู้ถูกทำร้าย
               “หมอบอกว่า คุณถูกตีด้วยของแข็งที่ศรีษะ ฟาดอย่างแรง หากมาช้าอาจเสียเลือดจนตาย”  ท้องฟ้าขยับเข้าใกล้
               “แต่ที่หมอยังไม่รู้ คือคุณอาจไม่ต้องเสียเลือดจนตาย คุณน่าจะถูกไฟคลอกตายมากกว่า เปลวไฟล้อมรอบตัวคุณอย่างนั้น”
               ภาพเปลวเพลิงย้อนกลับเข้ามาในห้วงคิดของพาใจ เธอรู้สึกถึงดวงตาฝ้าฟางอาบเลือด แต่ยังไม่น่ากลัวไปกว่า ไอความร้อยแผดเผาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เธอฟื้นความทรงจำแล้ว ปะติดปะต่อเรื่องราว ได้ว่าทำไมถึงมานอนอยู่ที่นี่
               “คุณจะเล่าเรื่องที่ฉันรู้แล้วให้ฟังทำไม”
               ท้องฟ้าหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำของหล่อน
              “ผมช่วยชีวิตคุณนะ” เขาเตือนว่าเธอควรพูดกับเขาให้ดีกว่านี้
               “คุณทวงบุญคุณกับฉันไม่ได้หรอก ถ้าเดาไม่ผิดคุณไม่ได้ช่วยชีวิตฉันเพราะอยากให้ฉันมีชีวิตอยู่ คุณช่วยเพราะอยากให้ชีวิตคุณเองน่าอยู่มากขึ้นมากกว่า”
               ท้องฟ้าโมโหจนกลายเป็นใบ้พูดอะไรไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้สามัญสำนึก เจ็บเจียนตาย ยังมาทำปากดี หมิ่นคนช่วยจากปากเหวแห่งนรถ ใช่ อย่างเธอต้องช่วยจากปากนรก หากตายไปก็ไม่มีวัน ได้ขึ้นสวรรค์ไม่ว่าชั้นใด
               “คุณต้องเล่าเรื่องชีวิตฉัน จะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นอย่างไร ให้ฉันฟังมากกว่า” เสียงพาใจเบาลง เธอเริ่ม มึนศรีษะอีกแล้ว
                ท้องฟ้าพยายามควบคุมสติอารมณ์ของเขา ไม่ให้ตัวเองแสดงอาการเกรียวกราด อย่างที่ผู้หญิง จอมมายาต้องการ อันที่จริงเขาก็ไม่รู้หรอกว่า ที่เธอพูดมา หมายความว่าอย่างไร หรือต้องการอะไร เขารู้เพียงแต่ ผู้หญิงคนนี้คิดถึงแต่ผลประโยชน์ คิดแต่ตัวเงิน เธอยกให้มันมีคุณค่ามากว่าสิ่งอื่นใด มากกว่าใครๆ บางทีมันอาจ มีคุณค่ามากกว่าตัวเธอเองด้วยซ้ำ
               “สมควรแล้วที่คุณนอนเจ็บอย่างนี้ คงมีหลายคนผิดหวังกับการมีชีวิตอยู่ของคุณ ผลประโยชน์ที่ ผมช่วยคุณ มันอาจน้อยกว่าประโยชน์จากการตายของคุณก็เป็นได้” ท้องฟ้าข่มอารมณ์อย่างที่สุด แต่มิได้หมายว่า ความขุ่นข้องในใจจะไม่สอดแทรกออกมากับบทสนทนา
               พาใจยิ้มเป็นนัย ‘ไม่มีใครหรอก เสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสี่ยงเข้าในกอง ไฟลุกโชติ เขามิใช่ตำรวจหรือนักดับเพลิง ผู้มีหน้าที่ เขาเพียงผู้ชายคนหนึ่ง ที่เธอไม่รู้จัก แต่ตัวเขาเองน่าจะ รู้จักเธอเป็นอย่างดี ตัวเธอคงมีประโยชน์กับเขามาก มากเสียจนไม่อาจปล่อยให้เปลวไฟพรากไปได้’
               เธอมองหน้าเขา
              “คุณก็ไม่ได้ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวคุณเอง เอาละก่อนที่คุณจะตักตวงผลประโยชน์จากฉัน คุณมีประโยชน์อะไรกับฉันบ้าง” พาใจทวงสิทธิของเธอ
               ท้องฟ้าถึงกับหัวเสีย ‘ผู้หญิงคนนี้ ตัวเองเจ็บปางตาย ยังมีหน้ามาทักท้วงทวงประโยชน์ จากผู้ที่ช่วยเธอรอดพ้นจากปากเหวแห่งนรก ในหัวใจของเธอมีเลือดเนื้อ หรือไม่ มีก้อนเลือดตามแต่ ธรรมชาติสร้างสรรค์ ให้จิตวิญญานความเป็นมนุษย์แฝงอยู่ หรือมีเพียงแต่ ก้อนเนื้อ ที่เฝ้าเต้นตาม จังหวะรอคอยเพียงเวลาดับสูญ
             “คุณทวงผลประโยชน์ใหม่ เพราะรู้ว่าจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากงานเก่าใช่ไหม” ท้องฟ้าโพลง “คุณทำงานยังไม่สำเร็จ ก็ไม่ได้รับผลตอบแทน”
               พาใจสีหน้าเผือดลง นัยย์ตาท้องฟ้ามีชัย
             “ทีนี้รู้แล้วหรือยัง ว่าผลประโยชน์ของคุณขึ้นอยู่กับผม”
               พาใจดวงตากลับเป็นประกายบ้าง
             “ภาณุภาพจ้างคุณมาเท่าไร” เธอเอ่ยชื่อ บุคคลที่คิดว่าจะมีผลกับผู้ชายคนนี้ เธอเห็นโลโก้บนบัตรพนักงาน ก่อนเขารีบปลดเก็บ หลังจากเข้ามาหาเธอ เขารู้ว่าเธอทำงานบางอย่าง และทำงานให้ใคร
               “เขาไม่ได้จ้างผม” สายตาท้องฟ้าอ่อนลงบ้าง ‘เขาควรบอกเรื่องเธอ กับเจ้านายของเขา แต่มีอะไร บางอย่างทำให้เขาไม่ทำเช่นนั้น’
              “คุณไม่ต่างอะไรกับฉันหรอกคุณท้องฟ้า” พาใจทิ้งชวงสนทนา เธอเริ่มมึนศรีษะมากขึ้น
               “คุณไม่คิดหรือว่าฉันอาจบอกภาณุภาพแล้วว่าฉันอยู่ที่นี่ งานฉันยังไม่เสร็จ ฉันต้องทำงานต่อให้จบ”
               ท้องฟ้าชะงัก เขาไม่ทันคิดเรื่องนี้ ทำไม่เธอช่างไม่ห่วงตัวเอง ไม่กลัวว่าจะมีคนตามมาฆ่าปิดปาก กลับรีบแสดงตัวว่าอยู่ที่ไหน ทั้งๆที่พึ่งผ่านการทำร้ายถึงชีวิต จะแจ้งตำรวจก็หาไม่ กลับแจ้งคนจ้างงาน หวังเพียงได้รับเงินเท่านั้นหรือ สมกับเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน สมกับเป็นตัวปัญหาของคุณภาณุภาพ สมกับที่ เขาได้ยินมาทั้งหมด ผู้หญิงชื่อ พาใจ’
               “คุณอย่ามาหลอกผมเลย ผมพึ่งพบคุณภาณุภาพ เขาไม่ยี่ระถึงคุณเลยสักนิด ถ้าคุณยังมีประโยชน์ต่อเขา อย่างน้อยก็ต้องทำอะไรสักอย่าง ให้คุณสานงานเขาต่อไปได้”
              รอยยิ้มจากคนไร้ประโยชน์ มีชัย
               “คุณพูดถูกที่ว่าฉันหลอกคุณเรื่องภาณุภาพ แต่คุณกลับหลอกตัวเองที่ว่าเขาไม่ได้จ้าง เท่าที่ฟัง เขาจ้างคุณนะ” พาใจพูดเนือย หลับตาลงเธอหมดสติจากการมึนศรีษะ
 
               ‘ท้องฟ้าเอ๋ย นายไม่ทันมารยาหญิงเข้าให้แล้ว’
 
               ท้องฟ้าได้แต่ทำหน้าเหรอด้วยเจอมารยา โชคดีอาการบาดเจ็บทำเธอหลับลงในตอนนี้ ร่างหญิงสาว หายใจสม่ำเสมอ ดูไร้พิษสงค์ แต่ทำไมท้องฟ้าจำต้องถอยออกมาสองสามก้าว ด้วยเห็นภาพนั้น ดั่งอสรพิษร้าย พ่นพิษใส่ เขาเหมือนทุรนทุรายดิ้นพล่านเพื่อรอดชีวิต แสบร้อน ขุ่นข้อง บันดาลโทษะ เขาน่าปล่อยเธอ ทุรนทุรายในกองไฟ ไม่สิเขาต้องเติมเชื้อเพลิงเข้าไปอีกให้เธอมอดไหม้เป็นเถ้าธุลี จึงจะสาสมกับจริตมารยา อันปรากฏ
               นายท้องฟ้า นี่นายเป็นอะไรไป นายก้าวฝ่ากองเพลิง ก็เพื่อช่วยผู้หญิงถูกทำร้ายปางตายมิใช่หรือ มาตอนนี้ กลับยืนสาปแช่ง ร่างที่เขาไม่อยากให้มัจจุราชพรากวิญญาณ ท้องฟ้าเอ๋ยมัจจุราชตนนั้น คือ ตัวนาย เองใช่หรือไม่ นายคืนร่างให้อสูรร้าย นายใส่วิญญานคืนหญิงสาว แล้วอย่างไรเล่า กลับดึงวิญญาณตนเอง ออกมาปรากฏให้เธอเห็น ว่านายก็มิได้แตกต่าง คิดว่าตนเป็นเทวดาอารัก เข้าช่วยชีวิตหญิงผู้น่าส่งสาร แต่แล้ว กลับเป็นมัจจุราช ผู้หวังใช้วิญญาณพ้นความตายเป็นประโยชน์แก่ตน
               เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง หยิบขวดน้ำยกดื่มอึกใหญ่ ถอนหายใจด้วยค้นคิดว่าตัวเขาเองเป็น ผู้ทำความดีหรือผู้มีอยุติธรรม เขาอยากรู้ว่าท่านประธานถูกใครฆาตกรรม เขาไม่เชื่อว่าเป็นคุณภาณุภาพ หรือเขา ไม่อยากเชื่อกันแน่ ผู้หญิงหน้าเงินคนนี้สิ เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน
               คุณปู่มหาเศรษฐีมีเงินมหาศาล การจากไปของท่านเคลือบแคลง แม้ท่านเองยังวิตกจนเขียนเป็นจดหมาย ‘โธ่ คุณปู่’ ท้องฟ้าระลึกถึงด้วยเคารพนัก ‘ท่านผู้ใจดี’ หากท่านวางใจส่งจดหมายให้แก่เขา ซึ่งถือว่าเป็นคน ไม่รู้จัก ท่านพบเขาครั้งเดียวกลับมีความบอกถึง การเหแห่งเหตุปกติในการตายของตัวท่าน เขียนเป็นจดหมาย ส่งมาถึงเขา เท่ากับว่า คนที่ท่านรู้จักอันหมายถึง ญาติ พี่ น้อง เป็นเหตุแก่การสงสัยใช่หรือไม่ คุณภาณุภาพ หลานท่าน อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ถือเป็นเหตุด้วยอย่างนั้นหรือ ท้องฟ้าขุ่นมัวในความคิด จิตใจเคยเอนเห ว่ามิใช่คุณภาณุภาพ ตอนนี้กลับผุกร่อน ผู้หญิงชื่อ พาใจ เจ้าปัญหา พญานางร้าย คุณภาณุภาพใช้คนเช่นนี้ ทำงานอะไรให้ เป็นเธอต่างหากที่ต้องใช้คุณภาณุภาพ มิใช่ 'เขาใช้เธอ'  หรือว่าเป็นคุณภาณุภาพจริงๆที่ใช้เธอ คนดีใช้คนร้ายทำงานดี จะเป็นไปได้หรือ มีแต่คนร้ายใช้คนร้าย ทำงานที่ร้ายกว่าเท่านั้น คิดเป็นเช่นนี้เท่ากับว่า คุณภาณุภาพเป็นคนร้ายอย่างนั้นหรือ นายท้องฟ้า นายคิดเช่นนี้ได้อย่างไร
               เขาได้แต่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ครุ่นคิดหาเหตุ และผล จนเวลาผ่านไปเท่าไรเขาก็ยังครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น
 


Create Date : 23 กันยายน 2567
Last Update : 23 กันยายน 2567 8:33:02 น. 0 comments
Counter : 84 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#20


 
madam payee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วันหนึ่งฉันจะเขียนิยาย
Friends' blogs
[Add madam payee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.