Group Blog
 
 
กันยายน 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
13 กันยายน 2567
 
All Blogs
 
นิยาย ท้องฟ้าพาใจ ตอนที่ 5

              วันต่อมางานของพาใจ เต็มไปด้วยการเข้าประชุม ประชุม และก็ประชุม หากแต่ก่อนที่เธอยังเป็นคุณธุรการ เธอมักจะนึกรำคาญอยู่เหมือนกัน เวลางานมีปัญหาแล้วตามตัวหัวหน้าของเธอไม่เจอ และมักได้รับคำตอบว่า “เข้าประชุม” เธอยังเคยบ่นดังๆอีกด้วยว่า “ประชุมอยู่ได้”
               ตอนนี้เธอกลับต้องเข้าประชุมเสียเอง เธอเริ่มเห็นใจหัวหน้าที่เธอบ่นถึง เพราะในการประชุม คือสมรภูมิรบโดยแท้ ทุกฝ่ายต้องมีแผนเพื่อเอาชนะคู่แข่ง เพื่อเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ เธอเปรียบเหมือนทหารใหม่ ได้แต่วิ่งตามคุณวิทยาผู้จัดการฝ่าย ในสนามรบ การประชุมนี้เอง ทำให้พาใจรู้ว่าทำไมนายสิบล้าน ถึงอยากให้เธอเรียนรู้งานจากคุณวิทยาให้มากที่สุด คุณวิทยาเก่ง มีแนวทางจัดการที่ทุกคนรอฟัง และก่อนคิดค้านก็ทบทวนคำค้านของตัวเองให้รอบคอบเสียก่อน มิเช่นนั้น อาจสะดุดก้อนหินล้มในสนามรบนี้ จนเป็นที่อับอายได้
               การประชุมในช่วงเช้า เสร็จสิ้นก่อนกำหนด คุณวิทยาเรียกพาใจไปคุยงานต่อที่ห้องทำงานของเขา
               “เป็นอย่างไรบ้าง งานผู้ช่วย”
               เธอยิ้มเจื่อน ก่อนตอบ “ยากค่ะ”
               “ยากแล้วคิดว่าทำได้ไหม”
               พาใจลังเลยังไม่ตอบ ถ้าบอกว่าทำได้ คือเธอโม้ ถ้าบอกว่าไม่ได้ เกิดคุณวิทยาหาคนใหม่มาแทน เธอจะทำอย่างไร ชีวิตลูกจ้างก็อย่างนี้ละพาใจ ถ้ามีคำถามจากเจ้านายก็ต้องตอบให้ตรงใจเจ้านาย
               “เอาสองเล่มนี้ไปศึกษาดูก่อนแล้วค่อยมาตอบผม”
               พาใจหยิบสมุดสองเล่นบนโต๊ะขึ้นมา พลิกดู เห็นเป็นลายมือเขียน เหมือนสมุดจดบันทึก
               “ตอนนี้เธอยังไม่ต้องมีคำถามอะไรทั้งนั้น อ่านสองเล่มนั้นเรียบร้อยแล้วค่อยมาบอกผม ผมจะเป็นคนถามเอง”
               เธอถือสมุดสองเล่ม กลับโต๊ะทำงานอย่างเงียบๆ ขยับเก้าอี้หย่อนตัวลงนั่ง เริ่มอ่านทันที สองเล่มนี้ จะทำให้เธอ ได้เงินสิบล้านเร็วขึ้นหรือเปล่า เธอมีคำถามสำหรับตัวเองเช่นกัน
 
               พาใจสำรวจความคิดของเธอ ตอนนี้เธอไม่ต้องกังวล ว่าปลายเดือนจะมีเหตุอะไร ให้เธอต้องใช้เงินมาก กว่าปกติ เธอยิ้มสิ้นเดือนได้อย่างเต็มใจ ก็ทำไมนะหรือ บางทีเธอต้องฝืนยิ้มเมื่อมีใครพูดถึงเรื่อง ค่าเงินตราให้เธอฟัง ฐานะพาดพิงมาถึงตัวเธอนะซิ มารยาทในวงสนทนา คือต้องยิ้มรับไม่ใช่หรือ  เงินใน กระเป๋าเป็นเหตุอันควรแก่การยิ้ม หรือไม่อยากยิ้ม ใช่หรือไม่ สำหรับคำตอบของเธอในตอนนี้คือ ใช่ฉันมีเงิน ฉันยิ้มได้จากใจ  ตำแหน่งใหม่ ปรับเงินเดือนเธอมากขึ้นสามเท่า แถมยังมีเงินอีกหนึ่งล้านห้าแสนบาท เป็นฐานรองรับรอยยิ้มของเธอ เธอไม่ควรยิ้มบ่อยขึ้นหรือ ทว่าการดำรงชีวิตกระเม็ดกระเมี้ยนเงินมานาน ทำให้ยังคงความกลัวเสียเหลือเกินว่า เงินที่ประดังเข้ามานั้นมันจะจริงและนานสักเพียงใด เธอยังคงใช้เงิน อย่างตระหนี่เช่นเดิม เธออยากยิ้มให้กับตัวเองนานที่สุด ยิ้มจากหัวใจจากพื้นฐานอนูชีวิต มันโสภาอย่าง ไม่ต้องสงสัย
               ไม่เพียงรอยยิ้ม ปรากฏง่ายขึ้นบนริมฝีปากของเธอ สายตายังมองเห็นข้าวของเครื่องใช้ มีราคา ย่อมกว่าเดิม ข้าวแกงเรียงถาด ตามแผงลอยข้างถนนนั้น เธอเห็นว่ามีเนื้อมีหนังน้อยเกินไป เธออยากเลือกกิน อาหารตามร้านดีๆบ้าง แม้เธอรู้ดีว่ารสชาติดีหรือแย่ก็อิ่มท้องได้เช่นกัน ถ้าเลือกได้ ใครเล่าจะไม่เลือกรสชาติดี ที่ผ่านมาเธอกินอาหารอร่อยน้อยด้อยราคา นั่นเธอเลือกไม่ได้ นี่อย่างไรเล่าพาใจ เธอกลัวความคิดเช่นนี้ จะเข้ามาในหัวของเธอ แล้วมันก็เข้ามาจริงๆ
               “คนเราเวลาหิว รสชาติอาหารแย่แค่ไหนก็กินได้ไม่ใช่หรือ” หางตาเธอเห็นใครเข้ามายืนใกล้ๆ
               “ถ้ายังเลือกไม่ได้ก็ซื้อตามคนก่อนหน้า วิธีนี้ทำให้ไม่ต้องเลือก มีคนเลือกแทนเรา” คนพูดเหมือนประหนึ่งไม่อยากเลือกแต่จำเป็นต้องกิน
               เธอหันมองคนพูดเต็มตา ‘กรกฏ’
               เธอเริ่มแยกคนทั้งสองออกได้จากกริยาท่าทาง รูปหน้ามีส่วนแตกต่าง แต่ต้องยอมรับว่า เขาและนายสิบล้านมีหน้าตาคล้ายกันมาก
               ลูกค้าหน้าแผงคนหนึ่งขยับออก กรกฏเบียดตัวเข้ามาแทน
               “มื้อนี้ผมเลี้ยงก็แล้วกัน”
               เขาสั่งกับข้าวสองสามอย่าง  ข้าวเปล่า ใส่ถุง
               “คุณมีเรื่องจะคุยกับฉันใช่ไหม” พาใจถาม
               “และคุณต้องคุยกับผม”
               เขาเดินนำออกห่างจากตลาดเพื่อเลี่ยงผู้คน เขาตั้งใจไปหาเธอที่บ้านแต่มาพบตัวที่นี่ก่อน ก็เป็นการดี หากไปพบที่บ้านเธอคงไม่เชิญเขาเข้าไป เขารู้เธออยู่ในบ้านหลังนั้นคนเดียว และเธอคงไม่อยากคุยกับ เขาสักเท่าไร เพราะเรื่องที่คุย เป็นเรื่องที่เธอไม่อยากเอ่ยถึง
               “ทำไมคุณถึงเลือกเอาวันนั้น เป็นวันบอกข่าวฆาตกรรม”
               พาใจไม่ตอบในทันทีเธอคอยให้เดินห่างออกมาอีกสักระยะ
               “มันบังเอิญ ตรงกับวันที่คุณ คิดฆ่าตัวตายนะหรือค่ะ”
               เธอมองเขาออกที่บ้านวันนั้น เขามองเธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก
               “ถ้าคุณรู้ความคิดของผม ก็ควรตอบคำถาม เพราะคุณรู้ว่าผมจะทำทุกวิถีทางให้ได้คำตอบ” เขายื่นหน้าเข้าใกล้
               เธอมิได้เบี่ยงตัวหลบกลับจ้องหน้ากลับ เธอจะกังวลคำกึ่งขู่ของเขาทำไม ‘เขาแค่ขู่’ คนคิดฆ่าตัวตาย เลือกทำร้ายตัวเองมากว่าทำร้ายคนอื่น
               “ฉันแค่เลือกถูกที่ถูกเวลา ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอกค่ะ”
               เขาถอยห่าง เธอไม่ยินร้ายกับคำของเขา
               “คุณตาจากไปอย่างสงบ ตามพิธีจะเก็บร่างไว้หนึ่งร้อยวัน ถ้าผมพบมูลเหตุฆาตกรรม ก็สามารถ พิสูจน์ศพได้”
               “คุณกำลังหามูลเหตุ”
               “ผมเลยมาหาคุณ”
               “ไม่ได้มาเลี้ยงข้าว ในฐานะที่เป็นคนทำให้คุณ ได้บ้านคืนหรือค่ะ” เธอเอื้อมมือรับถุงข้าวจากกรกฏ
               “คุณก็รู้ว่า ผมคิดว่าคุณคือมูลเหตุสำคัญ”
               “ฉันรู้ว่าตัวฉัน ไม่มีความสำคัญอะไรเลย ในการฆาตกรรมค่ะ” เธอยืนประจันหน้ากับเขา
               “ปกติ ถ้าพูดแบบนี้ก็ต้องเดินหนีไป ไม่ใช่หรือ”
               “คุณบอกเองว่าจะทำทุกวิถีทางให้ได้คำตอบ ถ้าเดินหนีก็จะได้พบคุณอีกอยู่ดี”
               “คุณจะตอบคำถามผมแล้วใช่ไหม”
               “เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากแน่ใจ”
               เธอเดินหนีไปในทันที ปล่อยให้กรกฏหัวเราะชอบใจ เขาและเธอที่แน่ๆทั้งสองจะพบกันอีก
 
               พาใจยกอาหารเข้ามาในห้องทำงาน เวลาเธออยากใช้เวลาทุกนาทีเพื่อสำหรับเงินสิบล้าน บ้านหลังใหญ่ การเดินไป กลับระหว่างห้องครัว ห้องทำงาน ถือเป็นการเสียเวลา บางทีเธอควรหอบหมอนผ้าห่ม เข้ามานอนเสียในนี้เลยยิ่งเป็นการดี เอาละไว้ค่อยทำทีหลัง ตอนนี้เธอต้องศึกษาสมุดสองเล่มของคุณวิทยา ให้รู้เรื่องเสียก่อน พาใจอ่านตัวหนังสือในสมุดไปได้ไม่เท่าไร ตาเธอก็หนัก เริ่มปิดลง เธอวางแผนผิดใช่หรือไม่ กินข้าวเย็นเข้า ไปตุนจนเต็มท้อง เพื่อไม่ให้หิวอีกคราช่วงกลางดึก พาใจลุกหาเครื่องดื่มช่วยเปิดตา คราวนี้คิดรอบคอบ กะว่ากาแฟซองเก่าๆที่จำไม่ได้ว่า ได้รับเป็นของแถมมาจากไหน  ใสน้ำร้อน รสเข้ม และฤทธิ์กาแฟจะดึงหนังตาของเธอเปิดขึ้นอีกครั้ง
               เธอถือสมุดติดมาในห้องครัวด้วย ระหว่างรอน้ำชงกาแฟเดือด สมุดเขียนด้วยลายมือ เป็นการสรุปกรณี ปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในโรงงาน นับว่าเป็นสมุดรวมกรณีศึกษาการผลิต ก็ว่าได้ เนื้อกระดาษเก่า มุมสมุด เปื่อย ร่องรอยผ่านการพลิกอ่านหลายครั้ง คุณวิทยาคงให้ผู้ช่วยทุกคนได้อ่านกระมัง เธอรู้ว่า คุณวิทยาทำงาน ในตำแหน่งผู้จัดการโรงงาน มากว่ายี่สิบปี แต่ผู้ช่วยผู้จัดการแต่ละคน กลับมีอายุงานไม่กี่ปีเท่านั้น บ้างว่า คุณวิทยาเป็นคนดุในเรื่องงาน จนผู้ช่วยพากันส่ายหน้า บ้างว่าพอผู้ช่วยเป็นงาน ก็มีบริษัทอื่นมาซื้อตัวไป แต่เธอ จะครุ่นคิดทำไมให้เสียเวลา เธอทำงานนี้เพื่อเงินสิบล้าน มิใช่เพื่อประสบการณ์ หรือให้ใครมาซื้อตัว ว่าไป ทั้งสองอย่างนั่นสุดท้ายก็เพื่อเงินเช่นกันมิใช่หรือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์กาแฟหรือเรื่องเงิน ทำให้เธอตาสว่างขึ้น อ่านสมุดสองเล่มจนจบ พบว่าสมารถตอบคำถามที่เธอเขียนใส่กระดาษได้ทั้งหมด เหมือนเป็นตัวอย่าง ในแบบ เรียน เพื่อให้เข้าใจทฤษฎีต่างๆ เธอตระหนักรู้ตอนนี้ว่า ทำไมนายสิบล้านถึงต้องการความรู้ของคุณวิทยา มันมีค่าถึงสิบล้านเชียวหรือ เธอไม่ต้องครุ่นคิดเรื่องนี้อีกเช่นกัน แค่รอรับเงินก็เท่านั้น ‘มิใช่หรือ’
               พาใจสำเนาสมุดทั้งสองเล่มส่งให้นายสิบล้าน เมื่อเขาเปิดอ่านก็นัดพบพาใจในทันที
 
               สวนสาธารณะคือจุดนัดพบ
               “คุณซื้อข้อมูล จากผู้ช่วยคนก่อนๆด้วยหรือเปล่า” พาใจเริ่มคำถาม
               “คุณอยากรู้ว่า ราคามันมากกว่าสิบล้านหรือเปล่า ใช่ไหม” ภานุภาพถามจากคำตอบ
               “ฉันแค่อยากรู้ว่า คุณต้องการแค่ข้อมูล”
               พาใจเดินเข้าใกล้ เขาจนภาณุภาพต้องถอยออก เธอยิ้มให้กับตัวเอง
เขาเริ่มหงุดหงิด ไม่ทันทั้งตัว เขายังหมิ่นผู้หญิงคนนี้น้อยเกินไป
             “อีกไม่กี่วัน คุณวิทยาจะไปดูงานต่างประเทศ เขาจะมอบหมายงานต่างๆให้คุณ คุณใช้โอกาสนี้ เข้าถึงข้อมูลภายใน”
             “เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณวิทยา มีพาสเวิรด์ ฉันคงเข้าถึงข้อมูลนั้นไม่ได้”
             “มันควรเป็นเช่นนั้น” ภาณุภาพตอบ
              พาใจรอฟังคำพูดต่อไปของเขา เธอไม่จำเป็นต้องมีคำถาม เขาประเมินเธอไว้ต่ำที่สุดแล้วมิใช่หรือ เธอแค่รอฟังก็เพียงพอ
             “ผมต้องการเอกสารสัญญา หรือร่างสัญญา”
เธอไม่ต้องรับปากใดๆว่าจะทำให้ได้ ไม่จำเป็นต้องให้สัญญามั่นกับคนที่ไม่ยอมรับคำมั่นของเธอแน่ๆ แค่ลงมือทำเท่านั้นพอ
               “แล้วนายกรกฏนั่น ผมจะกันเขาออกจากคุณ จนกว่าจะทำงานนี้สำเร็จ”
เธอไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดของเขา เขามิได้ทำเพื่อเธอไม่จำเป็นต้องเสียเวลา แสดงสีหน้าใดๆ  ‘เขาทำเพื่อข้อมูล’
             “ฉันว่า คุณกันเขา ออกจากเรื่องของคุณเองดีว่าค่ะ ฉันห่วงไม่ได้เงินสิบล้าน”
เรื่องที่เกียวข้องระหว่างเธอ กรกฏ และตัวภาณุภาพเองนั้น มีอยู่เรื่องเดียว ตอนนี้เขาต้องกลับไปจัดการ
            นายกรกฏปรากฏตัวที่บ้าน ณ วันงานคุณปู่ หลานจากลูกสาวที่ถูกลืม นามสกุลอิทธิลักษณ์ แสดงตน ว่าเป็นหนึ่งในตระกูล กรกฏเลือกวันได้ถูกต้อง ญาติทุกคนมาร่วมงาน ลูกชายคนโตผู้สืบเชื้อสาย พ่อของ ภาณุภาพ ต้อนรับเขา เหมือนรู้ว่า กรกฏต้องมา แต่เขายังติดใจ กรกฏไปหาพาใจ หรือพาใจ ไปหากรกฏ ทั้งสองคนนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร มันนอกเหนือการควบคุมของเขาหรือไม่
               เขารู้ พาใจและกรกฏต่างต้องการเงิน พาใจนั้นเธอแสดงเจตนาแน่ชัด แต่สำหรับกรกฏ เขาแคลงใจเหลือเกินว่า ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ต้องการมากกว่าเงิน
 


Create Date : 13 กันยายน 2567
Last Update : 13 กันยายน 2567 8:26:19 น. 0 comments
Counter : 226 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณnewyorknurse, คุณดอยสะเก็ด


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#20


 
madam payee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วันหนึ่งฉันจะเขียนิยาย
Friends' blogs
[Add madam payee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.