Group Blog
 
 
กันยายน 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
9 กันยายน 2567
 
All Blogs
 
นิยาย ท้องฟ้าพาใจ ตอนที่ 1

ถึงหนูใจ
               ฉันคือชายชราผู้อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ หนูเเข้ามาต่อว่าฉัน เรื่องขับรถชนรั้วบ้านหนู ฉันไม่แน่ใจว่า หนูจำฉันได้ไหม ไม่ใช่จำเรื่องฉันขับรถชนรั้วบ้านหรอกนะ แต่เป็นเรืองฉันยืนฟังคำต่อว่าของหนู ได้เป็นเวลานาน สองนาน ยังเจราจาโต้ตอบกับหนูได้อย่างชายชราสุขภาพดีคนหนึ่ง หนูใจ หนูช่วยนำเรื่อง สุขภาพดีของฉัน ไปบอกลูกสาวของฉันทีได้ไหม ฉันแนบซองจดหมายที่ลูกเคยส่งให้เมื่อหลายปีกอน มุมซองมีที่อยู่ของเธอ ช่วยฉันทีเถอะหนูใจ ช่วยยืนยันถึงสุขภาพของฉันตามที่เห็น ช่วยบอกลูกสาว ของฉันด้วยว่า
              ‘ฉันถูกฆาตกรรม’
               จดหมายจบเพียงเท่านี้ ไม่มีคำลงท้ายสุภาพ ตามเนื้อความขอความช่วยเหลือ พาเขียนลงท้ายให้
               หญิงสาวผ่อนลมหายใจช้าๆ อนุโมทนาสาธุให้กับผู้เขียน ปรายตาดูมุมซองจดหมายแนบตามเนื้อความ ก่อนรวบรวมจดหมายและซองโยนลงในถังขยะ เธอผ่อนลมหายใจอีกครั้ง ครั้งนี้เต็มไปด้วยความโกรธ
               “ตาแก่สติไม่ดี”
               พาใจทรุดนั่งบนโซฟา กวาดสายตามองภายในบ้าน เฉพาะห้องรับแขกในบ้านที่เธออาศัยอยู่นี้ มีพื้นที่กว้างกว่าห้องเช่าในเมืองสักสามห้องรวมกันเสียอีก บ้านใหญ่โตเกินไปสำหรับหญิงตัวคนเดียวอย่างเธอ

               อย่างไรบ้านหลังใหญ่ มันก็ดีว่าห้องเช่าแคบๆ ใม่ใช่หรือ เธอใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน เมื่อนุราเพื่อสนิท แต่วัยเยาว์ เสนอให้เข้ามาดูแลบ้านหลังใหญ่ ดูเหมือน เป็นหนึ่งในบ้านใหญ่หลายหลังที่เพื่อนได้รับมรดกมา พาใจย้ายเข้ามาทั้งที่รู้ว่า ข้อเสนอมาจากความคิดเวทนาของเพื่อน เวทนาที่ว่า เธอมีเงินเดือนน้อยนิด แทบไม่ พอ จ่าย ปัจจัยสี่ทั้งหลายทั้งปวง ตามแต่มนุษย์เงินเดือนพึ่งต้องการ ค่าเช่าห้อง ปัจจัยหลักหมดเงินมากที่สุด เพื่อน ยังเวทนาเธอกว่าที่คิด ในพวงกุญแจบ้านยังมีกุญแจรถคันจอดทิ้งใว้รวมอยู่ด้วย
               พาใจยอมให้นุรา เวทนาเธอได้เพียงคนเดียวเท่านั้น เธอรู้ดีว่าความเวทนาของเพื่อน เป็นความเวท ที่ปรารถนาให้เธอมีชีวิตดีขึ้น ต่างกับคนอื่นๆ เวทนาเพราะเห็นชีวิตหนึ่ง ตกต่ำกว่า หรือไม่เวทนาทางสังคม แกล้งเห็นอกเห็นใจ เธอไม่เข้าใจว่าคนเหล่านั้นพูดพร่ำเรื่องความด้อยกว่าของเธอ ให้ตัวเธอฟังทำไม เธอไม่รู้สึกดีขึ้นเลย กลับเป็นคนผู้นั้นรู้สึกดีกับตัวเอง อย่างตาแก่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ท้ายหมู่บ้านหลังนั้น
               เธอหวนคิดถึงคำเจรจา กับตาแก่นั่นอีกจนได้ ทำไมนะพาใจ เธออยู่รอดปลอดภัย มีความสุขกาย สบายใจไมหวั่นคำเวทนามาจนวันนี้ได้ ก็ด้วยจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมิใช่หรือ เธอเถียงสวนกลับ จนตาแก่ นั่นนิ่งเงียบไปบ้างเหมือนกัน
               แต่นั่น มันทำให้เธอพ้นข้อครหาน่าเวทนา ที่ตาแก่หยิบยื่นให้ได้จริงหรือ ความเวทนาจากตาแก่ ทำเธอครุ่นคิดจนนอนไม่หลับ พยายามข่มตาเพื่อให้ร่างกายได้พัก มีแรงต่อสู้กับคำเวทนา หากมันมีมาถึง อีกในวันพรุ่งนี้ ข่มตาเท่าใดก็ไม่หลับ ตัดสินใจลุกออกจากเดียง เดินตรงไประเบียนชั้นบน ให้ลมธรรมชาติ ปะทะใบหน้าบ้างเผื่อจะลดความคิดพลุ่งพล่านลง ลมช่างเป็นใจ โชยเอื่อย เย็นสบาย พัดดับอารมณ์ขุ่นได้ดีจริง
               ทิวทัศน์หมู่บ้านสบายตา หลังคาไล่ระดับ ประดับดาวสุขใส ภาพมองไม่เคยเบื่อ เธอชมจนรุ่งสางแสงสีฟ้าแดง กระพริบไกลๆพลันสังเกตุเหตุผิดปรกติ รถพยาบาลเปิดไฟฉุกเฉินแล่นไปยังท้ายหมู่บ้าน พาใจเผยยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นไกลๆเหมือนรถเลี้ยวเข้าประตูคหาสน์หลังใหญ่ พาใจยิ้มกว้างจนเกือบหัวร่อ
  ประตูรั้วคฤหาสน์เปิดกว้าง พาใจมองโดยรอบ ไม่พบใครถามไถ่ จึงเดินวิสาสะเข้าไป รีบเดินให้ถึง ประตูตัวบ้าน

               “คุณพาใจครับ” พลันเสียงเรียก เธอหันหาต้นเสียง
               สีหน้าผิดถูก “คุณลุง” เสียงขานรับทั้งๆที่ไม่อยากให้ใครในบ้านเรืยกชื่อเธอ
               “เออ คือ” เสียงคุณลุงเบาลง เบี่ยงหน้ามองรถพยาบาล สุดท้ายร้องไห้ โฮ
               “คุณท่าน คุณท่าน เสียแล้ว”
               สองมือยกปาดน้ำตา สะอึกสะอื้น ไม่สังเกตุพาใจปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันที ครั้นลุงประคองสติ เงยหน้า ขึ้นสนทนา เธอซุกซ่อนรอยยิ้มไว้ในดวงหน้าเศร้าสร้อยอย่างยอดเยี่ยม
               “ท่านเป็นอะไรคะ”
               ไม่จำเป็นต้องถาม แค่รู้ตาแก่ตาย ก็ยินดีล้นเหลือ ทว่าหากรู้สาเหตุ บางทีอาจทำให้มีความสุข ไปสัก ระยะหนึ่งก็เป็นได้
               “ไม่ทราบเหมือนกัน” ลุงสายหัว “คุณท่านหลับ …จากไปอย่างสงบ” ลุงสะอื้นอีก
               “หนู เสียใจด้วยคะ” เธอทอดนำเสียงราวมาจากขั้วหัวใจ แววตา สีหน้า สลดระคนกัน  
               “นายชุ่ม นายชุ่ม เข้ามาข้างในเถอะ” เสียงป้าแก่ๆ เรียกหาคนขับรถผู้ภักดี พาใจถือโอกาส ปลีกตัว ออกจากบริเวณคฤหาสน์ รีบเดินกลับบ้าน
               เธออยากส่งเสียงหัวร่อ กับเหตุการณ์ในคฤหาสน์น้้นเต็มที มารยาททางสังคมนั่นไง ทำเธอจำต้อง เก็บเสียงไว้ เธอเร่งฝีเท้าด้วยอยากปลดปล่อยเต็มที
               “คุณ คุณ”
               พาใจกระหยิ่มจนไม่ได้ยินเสียงเรียก
               “คุณ.” เสียงเรียกใกล้ มีมือคว้าต้นแขนพาใจ รั้งเธอจากก้าวเดิน
               เธอสะบัดแขน หันหน้ามาประจัญ กับชายคนหนึ่ง
               “ผมขอโทษ คุณพ่อให้มาเชิญ” “ผมเรียกคุณแล้ว แต่เหมือนคุณไม่ได้ยิน”
               พาใจจับจ้องริมฝีปากขยับส่งเสียง จนคนพูดถอยห่าง ด้วยเห็นว่ายืนใกล้เกินไป
               เธอจึงเห็นใบหน้าชัด ดวงตา คิ้ว จมูก ปาก หน้ามอง
               “ผมมาจากบ้านหลังนั้น” ชายหนุ่มมองหลับไปที่คฤหาสน์
               “มีเรื่องอะไรหรือคะ”
               “คุณพ่อยากพบ”
               “ฉันรู้เรื่องคุณท่านแล้ว ตอนนี้คงวุ่นวายไว้วันหลังดีกว่า”
               “คุณพ่อ คงอยากให้เข้าไปกราบคุณปู่กระมัง”
นั่นอย่างไรเล่าพาใจ เธอปฏิเสธมารยาท มารยา ของเธอได้หรือ เธอไม่จำเป็นต้องกลับไป จริตอ้าง สารพัดพึงนำใช้ อ้างเรื่องใดเพื่อเลี่ยงคำเชิญ มิยากไปกว่าตัดข้าวใส่ชาม แต่เหมือนมีอะไรบางอยางทำเธอตอบรับ
ชายหนุ่มปล่อย พาใจเดินนำกลับคฤหาสน์

               เมื่อถึง เขาพาเดินอ้อมไปด้านหลัง ทางเดินช่างร่มรื่น ด้วยไม้นานาพันธุ์ คงสิ้นเปลืองมิใช่น้อย ในการ ดูแลให้มันดาษดื่นเพียงนี้ บางช่วงเธอคิดว่าออกรก เสียด้วยซ้ำ เธอมองโดยรอบ กลับมาหยุดที่ร่างชายนำทาง ดูไว้เนื้อไว้ตัว แน่ใจได้ว่าสืบเชื้อสายมาจากตาแก่ช่างยกตนข่มท่านนั่นจริงๆ เขาพาเธอเข้าประตูด้านข้าง เดินถึงห้องรับรองแขกขนาดกลางห้องหนึ่ง
             “คุณรออยู่ที่นี่ ผมจะไปตามคุณพ่อ”
               “แล้วจไม่ให้ฉัน ไปกราบ เออ...คุณท่านหรือคะ” พาใจเกือบเผลอยิ้มเมื่อพูดถึงการตายของคุณท่าน เธอต้องใช้มารยา สังคมข่มตนเองสักหน่อย
              “คุยกับคุณพ่อก่อนดีกว่า”
               พาใจรอไม่นาน เขากลับเข้ามาพร้อมชายวัยกลางคนแต่งกายภูมิฐาน เธอรีบยกมือไหว้
               “สวัสดีคะท่าน”
สิ้นประโยคเงยหน้าก็พบ ‘ท่าน’ ยืนมองออกนอกหน้าต่าง มิได้สนใจรับไหว้แม้แต่น้อย ดังนั้นพาใจ รับรู้ทันทีว่า นี่ละเลือดเนื้อเชื้อไขตาแก่แท้จริง แสร้งว่าตนเป็นเทวดาเพียงแค่มีเงินมากว่าก็เท่านั้น
                 “เธอพูดอะไรกับคุณพ่อ” เสียงดังห้วน หลุดออกจากโอษฐเทวดา
นี่ชื่นชมพรรณไม้เสร็จแล้วใช่หรือไม่จึงมีเวลามาพูดกับเธอ นี่หรือคำต้อนรับผู้มาเยือน
ทั้งที่ ตามเธอกลับมาแท้ๆ เธอจะมีมารยา หรือเธอจะมีมารยาท นั่นอยู่ที่เธอมิใช่หรือ
              “เรื่องมือสองวันก่อนใช่ไหมคะ” เรื่องนั่นละพาใจเธอคุยกับตาแก่แค่ครั้งนั้นและ หากมีครั้งไหน เธอมิขอเข้าสาระวงศ์กับพวกมากเวทนาอีก
               “ดิฉันแค่ มาบอกท่านตามประสาหลานคุยกับคุณปูละคะ ว่าท่านขับรถชนรั้วบ้านของดิฉัน ก็ด้วยเป็นห่วงว่าท่านจะเป็นอะไร เลยตามมาที่บ้าน” สายตาชายกลางคนละมองเธอ ราวกับว่าเธอเป็นสิ่งของ อะไรสักอย่าง ไร้ชีวิต
               “ฉันไม่เชื่อที่เธอพูดหรอกนะ และฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่เจ้าของบ้านหลังนั้น แล้วก็ดูท่าเธอจะไม่สามารถ เป็นเจ้าของบ้านหลังใดกลังหนึ่งในหมู่บ้านนี้ได้”
นี่พาใจ ต้องถึงเป็นความกรุณาด้วยหรือไม่ ที่ลูกชายตาแก่ได้ย่ำท้าวลงบนเกียรติของเธอด้วยอีกคน นี่คงคิดว่าเธอจะใช้กริยาชั้นล่างที่มอบให้ โต้ตอบ แต่ก็เถอะถ้าโต้ตอบด้วยกริยาปานเทวดาเช่นกัน คิดหรือว่าชายผู้นี้จะเห็นว่าเธอมาจากชนชั้นเดียวกัน
               “คุณจะพูดอะไรให้ดิฉันคิดอย่างไรบอกมาเลยดีกว่า” พาใจตอบเสียงเรียบเธอยังดีใจ กับมารยาท ผู้มาเยือนรังเธอไว้ ไม่ให้เสียงดังไปกว่านี้ คุณผู้ชายมีท่าทีพอใจเล็กน้อย มองไปที่ลูกชาย เขายื่นห่อ กระดาษสีน้ำตาลให้กับเธอ
              “เงินห้าแสนคุณพ่อให้ค่าซ่อมประตูรั้ว”
พาใจมองห่อกระดาษ คลานแคลงสงสัย ค่าซ่อมเธอสมควรได้รับแต่จำนวนมากขนาดนี้เชียวหรือ นี่เทวดาเล่นตลกอะไรกับเธอ
               “แต่ในห่อมีเงินหนึ่งล้านบาท เธอรับเงินทั้งหมดไป  แล้วลืมเรื่องที่เคยเคยมาบ้านหลังนี้ซะ”
               ‘หนึ่งล้านบาท’ พาใจทวนคำพูดเทวดาจอมปลอมในใจ คฤหาสน์หลังนี้คงสร้างด้วยการ เหยีบย่ำ บนหลังคน การพูคคุยตามแต่มนุษย์พึงกระทำ กลับได้รับการละเว้น เปลี่ยนเป็นใช้เงินแทนการสนทนา การตายของตาแก่ไม่ชอบมาพากลเป็นแน่ แต่ก็เถอะพาใจ เธอจะสนใจอะไร ถือซะว่าเป็นเงินค่าซ่อมรั้ว เช่นนี้พาใจยุติการสนทนาแล้ว
               “โถคุณท่านคงมีเมตตาระลึกถึงดิฉัน” พาใจมีน้ำตา เธอยกมือขึ้นกรีดความโศกเศร้าที่เค้นมันออกมา พิริพิไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือคว้าห่อกระดาษสีขาวนั่น น้ำหนักเงินมากเสียจน เธอต้องรวบมันไว้ด้วยสองมือ แนบอก นั่นทำให้เธอก้มหน้าร้องไห้ทอดอาลัยระลึกถึงคุณท่านอย่างหมดจด
 
               ชายหนุ่มเดินมาส่งพาใจหน้าประตูรั้ว สีหน้ามิได้มีโศกเคร้าไปกับบรรยากาศที่พาใจสร้างขึ้นแม้แต่น้อย กลับมีสีหน้าแววตา เรียบเฉย ไม่อ่อนโยนดั่งแรกพบ นัยน์ตาดุดัน จนเธอคิดว่า “มาดร้าย”
               “เธอจะไปขอเงินจากบ้านหลังไหนอีก” เสียงแข็งจากชายมาดร้าย
               พาใจคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้กับเธอ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากมาย เชื้อยกตน ไม่ทิ้งแถวกัน ไปง่ายๆหรอก
               “คุณจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ คุณปู่ของคุณช่างกรุณากับดิฉัน จนดิฉันรู้สึกมีไมตรี กับบ้านหลังนี้ เลยทีเดียว”
               “คุณปู่คงชอบใจ ในความเป็นหญิงที่เธอเสนอให้”
               น้ำตาพาใจเหือดแห้งลงทันที เธอสะอื้นครั้งสุดท้ายก่อนเปล่งเสียงหัวเราะออกมา เธอไม่สามารถ อดกลั้นความดีใจนี้ได้อีกต่อไป การตายของตาแก่สร้างความยินอย่างยิ่งให้กับเธอ ตอนนี้หลายชายของตาแก่ คิดว่าเธอกับปู่มีอะไรกันฉันชู้สาว นี่คงสร้างความด่างพร้อยให้กับคุณปู่ที่น่านับถือเป็นอย่างยิ่ง พาใจพึงใจยิ่งนัก เธอมีความสุขกับความอัดอั้นตันใจ ของหลายชายเชื้อสายตาแก่นี้อย่างยิ่ง
               “พ่อของคุณไม่ให้ฉันยุ่งกับบ้านหลังนี้แล้ว ทำไมคุณถึงยังดึงฉันเข้าไปอีกละ เดี๋ยวถ้าใครมาได้ยินเข้า จะไปรายงานคุณพ่อของคุณได้” หลานปู่นิ่งเงียบ เธอคงพูดจี้ใจดำ แม้สายตามมาดร้ายมองมา เธอไม่ใส่ใจ เดิน จากมาโดยมิได้กล่าวลาใดๆ
               เธอเดินเร่งฝึเท้าจนถึงบ้าน ประตูรั้วยังคงปรากฏร่องรอยรถชนเมื่อสองวันก่อน พาใจหัวเราะอีกครั้ง ปลดเปลื้องมารยาต่างๆ ก่อนวิ่งตัวลอยเข้าบ้าน
               “สุขใจจริงๆ”
               เริงร่าแทบโบยบิน เธออยู่ในโถงรับแขกภายในบ้าน กระโดดขึ้นเยียบย้ำโซฟาหนังสีแดงราคาแพง อย่างสาแก่หัวใจ ห่อกระดาษสีน้ำตาลในอ้อมกอดพลันเต้นรำไปกับเธอ ท่าดีใจสุดแสน จนกระโดดหมุน ตัว นั้นพลันห่อกระดาษร่วงหล่น ปึกธนบัตรกระจายบนพื้นหินอ่อน สีธนบัตรฉบับละพันขับให้ พื้นหินอ่อน สีดำโดดเด่น เธอมิได้ก้มเก็บแต่อย่างใด กลับเต้นรำไปมารอบกองอย่างมีความสุข จวบจนเสียงบีบแตรรถ เตือนจราจรตอนเช้า ดั่งสั่งพักขั้นเวลา พาใจคิดได้ว่าเธอปิติหรรษาเพียงพอแล้ว เธอยังคงต้องทำหน้าที่ ลูกจ้างงานประจำเพื่อหาเลี้ยงชีวิต แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีเงินสดถึงหนึ่งล้านบาทอยู่แทบเท้า การใช้จ่ายเงิน กระมิดกระเมี้ยนเป็นเวลานาน ทำให้กลัวเหลือเกินว่า หากเธอใช้มันอย่างที่หัวใจต้องการ เธอจะใช้มันได้ ไม่นานและสุดท้ายต้องกลับมามีวิถีเช่นเดิม เธอต้องคิดหาทางใช้มันให้ได้นาน และสาแก่หัวใจเป็นที่สุด การตายของตาแก่ได้ปลูกต้นแห่งความสุขไว้ให้กับเธอ
 
               พาใจแต่งตัวออกไปทำงานโดยทิ้งกองธนบัตรไว้บนพื้น การฉลองความสุขพักลง ชั่วคราวเท่านั้น เธอจะกลับมาโลดเต้นกับกองเงินนี้ต่อ ผู้ยกตนอย่างตาแก่ จะไม่ได้รับความโศกเคร้า จากเธอเลย แม้สักเล็ก น้อยก็ตาม
               เธอขับรถเกือบพ้นปากทางออกหมู่บ้าน จำต้องเลี้ยวรถกลับด้วยเหตุแห่งชีวิตความเป็นจริง เธอเตือน ตัวเองด้วยความหวังดี มนุษย์ผู้ยังหลงเหลือความโลภ ไม่ควรทิ้งเงินสดหนี่งล้านบาทไว้บนพื้นโดยไม่แยแส แม้หมู่บ้านนี้มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดตามประสาหมู่บ้านเศรษฐี อย่างไร พาใจยังเห็นเงินตรา เป็นดั่งเจ้าชีวิต เจ้าชีวตต้องได้รับเกียรติเทิดทูนไว้ในที่ปลอดภัย ที่ที่แน่ใจได้ว่า เธอจะเทิดทูนมันแต่เพียงผู้เดียว

                 พาใจกลับเข้ามาในบ้าน เดินมาหยุดหน้ากองธนบัตรบนพื้น สายตาคงพล่าเลือนจากการระเริงยินดี เธอเห็น ธนบัตรจำนวนเพิ่มขึ้น เธอควรปรามความยินดีไว้บ้างไม่ควรปล่อยให้มันมีผลต่อระบบประสาทตาของเธอเลย พาใจกระพริบตาถี่ ก่อนก้มลงเก็บธนบัตรใส่ถุงดำ ที่คว้ามาจากในครัว เธอพบว่าเจ้าชีวีตเพิ่มจำนวนขึ้นจริงๆ เงินกองหนา นับได้ ห้าแสนบาท นี่เทวดาหรือเทพอารักษ์องค์ใหน เพิ่มเงินให้เธออีกหรือนี่ พาใจกวาดตา อาจ มีใครย่องเข้ามาหย่อนธนบัตรเพิ่มจำนวน อันเป็นการผิดวิสัยของปุถุชนที่มีแต่จะฉกหยิบเงินไปโดยไม่รั้งรอ โดยเฉพาะเงินสดนับล้านวางเกลื่อนยั่วยวนอยู่ด้วยแล้ว เว้นแต่ปุถุชนได้รับบัญชา จากเทวดาจอมปลอม เข้ามาเพิ่มเงินให้กับเธอ คงมีความเกรงกลัวว่าเธอจะเข้าไปยุ่มย่ามในคฤหาสน์นั้นเสียเต็มประดา หารู้ไม่ว่า เธอมิได้สนใจใยดีอะไรในคฤหาสน์หลังนั้นเลยแม้แต่น้อย นับแต่เธอเดินก้าวออกมา หลังจากพบตาแก่เจ้า ของคฤหาสน์นั่น
               พาใจส่งเสียงหัวเราะออกมาครั้งใหญ่รีบเดินเข้าไปในครัว ก้มลงหาจดหมายในถังขยะ
               “ไม่มีจดหมาย”
               หมายความว่า มีใครเข้ามาวางมัดเงินเพื่อแลกกับจดหมายของตาแก่นี่นะหรือ พาใจนึกทวนข้อความ ในจดหมายซึ่งเป็นการยากเต็มที เพราะเธอมิได้ตั้งใจอ่านสักเท่าไร จำได้แต่เพียงว่า ความสุขความหรรษา เริ่มก่อตัวเริ่มก่อตัวจากการอ่านจดหมายฉบับนั้น เธอมีรอยยิ้มในบางข้อความ ‘ใช่แล้ว’ พาใจพลางนึกได้ ถึงข้อความที่สร้างความสุขให้กับเธอ
               ‘ฉันถูกฆาตกรรม’
               ตาแก่ขอให้เธอนำความนี้ไปบอกลูกสาว โธ่เอ้ย คงคิดซิว่าเธอจะรีบขี่เมฆนำความไปแจ้งโดยพลัน เปล่าเลยมันไม่ได้อยู่ในห้วงคำนึงขอเธอด้วยซ้ำ แต่จดหมายมีค่าเป็นราคาถึง ห้าแสนบาทจะให้พาใจ คิดเป็น อื่นได้อย่างไร นอกเสียจากว่า
               ‘ตาแก่ถูกฆาตกรรมจริงๆ’
               “ไชโย” พาใจเต้นรำอีกครั้งรอบถังขยะ เธอคิดไว้แล้วว่าจะต้องมีใครสักคน คิดกำจัดตาแก่ จอม ยกตนนั้น บรรดาลูกหลานคงคิดว่าจะใช้เงินโปรยปราย เพื่อให้เรื่องราวยุติลงโดยพลัน เงินล้านห้า ที่โปรยมาให้เธอนั้น เธออยากรับไว้เป็นแน่แท้ แต่พาใจเธอจะปฏิเสธความจริงได้อย่างไรว่า การรับเงิน คือการสมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรมนั่นด้วย ความยินดีจากการจากไปของตาแก่ ต้องดับวูบลง ด้วยน้ำมือ ของทายาทผู้ดึงเธอเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ยอมรับอามิสสินจ้าง เพื่อแลกกับการได้แสนสุขกับวิมาณบนกองเงิน พาใจอดรนทนไม่ได้ หากเธอจะมีส่วนร่วมในการตายของแก่ เธอขอเป็นคนลงมือชั้นอาญาเสียดีกว่า ครั้งนี้ เธอมิได้เพียงแต่เป็นผู้ลงมือ ยังต้องช่วยปิดบังการแจ้งแก่เหตุฆาตกรรม ให้มิดชิดดั่่งธรรมชาติพรากวิญญาณ ด้วยสิ้นอายุขัย
               พาใจกลับเข้าห้องโถง ยืนกระอักกระอ่วนใจอยู่ข้างกองเงิน รวบมันด้วยสองมือแนบอก เริ่งร่าหมุนตัว ไปมารอบห้อง โลดเต้นสักครู่ก็ปล่อยธนบัตรล่วงลงสู่พื้นทรุดลงนั่งบนโซฟา ทอดถอนลมหายใจ

 


Create Date : 09 กันยายน 2567
Last Update : 9 กันยายน 2567 8:40:48 น. 0 comments
Counter : 246 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

BlogGang Popular Award#20


 
madam payee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วันหนึ่งฉันจะเขียนิยาย
Friends' blogs
[Add madam payee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.