สวัสดีครับ หายไปหลายวันเพราะผมไปปักกิ่งมาครับ คราวไปอินเดียก็ยังโพสต์เล่าเรื่องไม่จบเลย เพราะหวังสูงไปหน่อยกะเขียนในเชิงกึ่งสารคดี
ก็เลยเกร็งๆ เขียนยังไม่จบ โดนน็อครอบด้วยทริปใหม่นี้แล้ว
งวดนี้เลยเปลี่ยนแนวครับ เขียนแบบไร้ต์สาระแล้วกัน คือไม่เรียงตามวันที่ไป ไม่มีแบบแผนการเขียน นึกอะไรได้ก็จะเขียนแบบนั้นนะครับ
ขอเริ่มด้วยกำแพงเมืองจีนครับ โดยขอลงรูปขนาดใหญ่ซักหน่อยเพื่อให้สมกับความยิ่งใหญ่ของ ๑ ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกครับ
ผมเองไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนตอนที่ไปชมนี้มากนัก เท่าที่เคยดูจากรูปก็คิดว่าน่าจะมีลักษณะขึ้นบันไดไปแล้วไปเดินบนกำแพงในทางราบ
ซึ่งตอนไกด์ท้องถิ่นอธิบายในรถว่าจุดขึ้นชมมีหลายจุด แต่จุดที่จะไปนี้เป็นจุดหลัก ก็คิดว่าไม่มีอะไรคงเป็นไปตามที่คิด

ช่วงทางเข้าก็เห็นภูเขาเป็นทิวสูงตระหง่าน ทำให้นึกถึงหนังที่กำลังจะสร้างเรื่องนึง เรื่องที่คุณก็รู้ว่าเรื่องอะไรนั่นแหละ
คือนึกภาพออกเลยครับว่ากำแพงกั้นแบบธรรมชาติเป็นยังไง เพราะภูเขาที่นี่สูงแทบจะเป็นแนวราบเลยครับ
เสียดายที่พอเห็นแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายก็ไม่ทันแล้ว แต่จากรูปคงพอได้ไอเดียนะครับ ถ่ายรูปจากในรถครับ

พอใกล้เข้าไปมองทางขวามือก็เริ่มเห็นป้อมบนภูเขา ก็ชักสะดุดตาว่า เอ๊ะ ทำไมสูงจัง

พอหันมาทางซ้ายเท่านั้นแหละครับ อั๊ยหยา!!!

นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาแน่แล้ว สูงมั่กๆ แล้วจะทำยังไงล่ะนี่!?! ไกด์ก็เริ่มบอกว่าเชิญขึ้นตามสบายนะครับ ค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปคือป้อมที่สาม
ใครเดินถึงป้อมสี่ถือว่าเยี่ยม แล้วก็ขอร้องว่าอย่าขึ้นเลยป้อมสี่ไปนะคร้าบ แล้วไกด์ก็พูดตบท้ายว่า ผมจะรอข้างล่างนี่แหละครับ

พอลงจากลานจอดรถ ทางที่จะขึ้นเดินก็จะเป็นแบบนี้ครับ รูปที่เห็นคือด้านซ้ายของทางขึ้น

ด้านขวาครับ

ตรงแท่งหินสีขาว เป็นมุมที่ให้นักท่องเที่ยวแต่งชุดนักรบถ่ายรูปโดยเก็บตังค์ค่าบริการครับ น้องๆ หลานๆใครทราบว่าภาษาจีนที่เขียนไว้แปลว่าอะไรช่วยบอกผมด้วยสิครับ

เอาล่ะครับ จุดเริ่มต้น ซึ่งมีภาษาจีนเขียนไว้ที่แท่งหินอีกแล้ว แปลว่าอะไรครับนี่...
ป้อมที่เห็นใกล้สุดคือป้อมหนึ่งครับ ผมกะลองเดินไปเรื่อยๆ ก่อน ไปทีละป้อม
ป้อมสี่คือที่เห็นลิบๆเป็นเส้นตรงนั้น (ป้อมสองในรูปมุมนี้จะไม่เห็นนะครับ เพราะป้อมหนึ่งบังอยู่) ถัดไปก็จะเป็นป้อมห้า
แล้วที่เห็นยอดสุดในภาพเป็นเก๋งจีนครับ คงคล้ายๆกับว่าใครมาถึงบนนั้นก็ให้พักชมวิวซักหน่อย

ที่ป้อมหนึ่งซึ่งจากจุดเริ่มต้นมาถึงนี่ทางเดินก็ยังไม่เป็นบันได คือเป็นแนวค่อนข้างราบ มีชันเล็กน้อย เดินสบายครับ
ก็จะมีจุดให้แต่งชุดนักรบถ่ายรูปเก็บค่าบริการอยู่อีกจุดนึง

วิวด้านล่างถ่ายลงไปจากป้อมหนึ่งครับ ถัดจากจุดถ่ายรูปไปทางซ้าย (เมื่อหันหน้าเข้าหาแผงอาวุธ)

ป้ายคำอธิบายเป็นภาษาจีนอีกแล้ว... ถ่ายรูปมาก็หวังว่าจะมีคนใจดีแปลให้ครับ

จากป้อมหนึ่งไปยังป้อมสองก็ยังสบายๆครับ

ทางเบี่ยงด้านขวาของป้อมสองครับ เริ่มเป็นขั้นบันได

จากป้อมสองไปป้อมสามครับ ตามรูปครับ ไม่ใช่ภาพแต่ง ชันมาก!
ระหว่างเดินไปช่วงกลางๆ ยอมรับเลยครับว่า เริ่มคิดว่าจะเดินให้ถึงป้อมสามดี รึจะพอแล้วเดินลงดี เพราะชันมากๆ แล้วก็เริ่มเมื่อย แถมยังหวิวๆ อีกต่างหาก
ยิ่งกว่านั้น พอนึกภาพว่าตอนลงต้องหันหน้าเดินลง โอ้โห เริ่มมีขาสั่น แต่ก็ตัดสินใจเดินต่อครับ สั่นไม่กลัว กลัวเสียฟอร์มครับ
อ้อ แนวทางเดินทั้งสองข้างจะมีราวเหล็กให้เกาะไปนะครับ แน่นอนครับ เกาะกันแบบตุ๊กแกเรียกพี่

และแล้วก็มาถึงป้อมสาม ยังยิ้มได้ครับ สังเกตว่าระหว่างป้อมสอง-สาม จะไม่มีรูปนะครับ
ขออภัยจริงๆครับ ตอนเดินอยู่ มิกล้ายกกล้องถ่ายย้อนขึ้นมาครับ
ถ้าใครกล้าถ่ายรูปย้อนขึ้นมาตอนเดินระหว่างสองป้อมนี้ต้องถือว่า...นายแน่มาก
ถัดขึ้นไปจะเห็นมุมนั่งพัก และป้อมสี่ครับ ถึงตรงนี้เริ่มหอบ จะว่าไป ถ้าให้เดินขึ้นไปอีกก็ยังไหวนะครับ
แต่พอนึกว่าจะต้องเดินลงอีก ก็ตัดสินใจทำตามค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวครับ คือป้อมสามก็พอแว้ว

วิวจากป้อมสามลงไปด้านล่างครับ สังเกตขนาดรถที่จอดเรียงกันอยู่สิครับ นี่ผมเดินขึ้นเขามานี่หว่า!!!

จากนั้นก็ปักหลักถ่ายรูปให้คุ้มครับ อันนี้เป็นวิวแบบพานอรามาครับ สังเกตสถานที่มุมบนซ้ายก็คือเก๋งจีนนั่นเอง

ซูมให้ใกล้เข้ามาอีกหน่อย แนวทางซ้ายมือครับ

ซูมแนวกึ่งกลางครับ

ซูมแนวทางขวามือครับ

แนวพื้นล่างแบบพานอรามาครับ

ซูมลงไปโฟกัสที่จุดเริ่มต้นของแนวกำแพงของตำแหน่งที่ขึ้นมานี้ครับ

หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เดินลงมาครับ แต่ยังพอหยุดที่ขั้นบันไดถ่ายรูปลงมาได้ แบบหวิวเล็กน้อย
ก็แปลกนะครับ ไม่ยักน่ากลัวอย่างที่คิดตอนแรก อาจเป็นไปได้ว่าเพราะเริ่มเหนื่อย แล้วก็ขาเริ่มสั่น เป็นอารมณ์ที่แทนความกลัว แหะๆ

พอถึงป้อมสองก็ถ่ายวิวแบบพานอรามาอีกครั้งครับ

ซูมใกล้เข้ามาอีกหน่อย

ทางจากป้อมสองมาป้อมหนึ่งครับ

ที่ป้อมหนึ่งนอกจากจะมีจุดถ่ายรูปแล้ว ก็ยังมีร้านขายของด้วยครับ (ที่จริงป้อมสามก็มีร้านขายของครับ แต่ไม่ได้เดินไปดู)

กลับมาที่จุดเริ่มต้นโดยสวัสดิภาพอย่างขาสั่นๆครับ
ก็เลยเกร็งๆ เขียนยังไม่จบ โดนน็อครอบด้วยทริปใหม่นี้แล้ว
งวดนี้เลยเปลี่ยนแนวครับ เขียนแบบไร้ต์สาระแล้วกัน คือไม่เรียงตามวันที่ไป ไม่มีแบบแผนการเขียน นึกอะไรได้ก็จะเขียนแบบนั้นนะครับ
ขอเริ่มด้วยกำแพงเมืองจีนครับ โดยขอลงรูปขนาดใหญ่ซักหน่อยเพื่อให้สมกับความยิ่งใหญ่ของ ๑ ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกครับ
ผมเองไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนตอนที่ไปชมนี้มากนัก เท่าที่เคยดูจากรูปก็คิดว่าน่าจะมีลักษณะขึ้นบันไดไปแล้วไปเดินบนกำแพงในทางราบ
ซึ่งตอนไกด์ท้องถิ่นอธิบายในรถว่าจุดขึ้นชมมีหลายจุด แต่จุดที่จะไปนี้เป็นจุดหลัก ก็คิดว่าไม่มีอะไรคงเป็นไปตามที่คิด

ช่วงทางเข้าก็เห็นภูเขาเป็นทิวสูงตระหง่าน ทำให้นึกถึงหนังที่กำลังจะสร้างเรื่องนึง เรื่องที่คุณก็รู้ว่าเรื่องอะไรนั่นแหละ

คือนึกภาพออกเลยครับว่ากำแพงกั้นแบบธรรมชาติเป็นยังไง เพราะภูเขาที่นี่สูงแทบจะเป็นแนวราบเลยครับ
เสียดายที่พอเห็นแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายก็ไม่ทันแล้ว แต่จากรูปคงพอได้ไอเดียนะครับ ถ่ายรูปจากในรถครับ

พอใกล้เข้าไปมองทางขวามือก็เริ่มเห็นป้อมบนภูเขา ก็ชักสะดุดตาว่า เอ๊ะ ทำไมสูงจัง

พอหันมาทางซ้ายเท่านั้นแหละครับ อั๊ยหยา!!!

นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาแน่แล้ว สูงมั่กๆ แล้วจะทำยังไงล่ะนี่!?! ไกด์ก็เริ่มบอกว่าเชิญขึ้นตามสบายนะครับ ค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปคือป้อมที่สาม
ใครเดินถึงป้อมสี่ถือว่าเยี่ยม แล้วก็ขอร้องว่าอย่าขึ้นเลยป้อมสี่ไปนะคร้าบ แล้วไกด์ก็พูดตบท้ายว่า ผมจะรอข้างล่างนี่แหละครับ

พอลงจากลานจอดรถ ทางที่จะขึ้นเดินก็จะเป็นแบบนี้ครับ รูปที่เห็นคือด้านซ้ายของทางขึ้น

ด้านขวาครับ

ตรงแท่งหินสีขาว เป็นมุมที่ให้นักท่องเที่ยวแต่งชุดนักรบถ่ายรูปโดยเก็บตังค์ค่าบริการครับ น้องๆ หลานๆใครทราบว่าภาษาจีนที่เขียนไว้แปลว่าอะไรช่วยบอกผมด้วยสิครับ

เอาล่ะครับ จุดเริ่มต้น ซึ่งมีภาษาจีนเขียนไว้ที่แท่งหินอีกแล้ว แปลว่าอะไรครับนี่...
ป้อมที่เห็นใกล้สุดคือป้อมหนึ่งครับ ผมกะลองเดินไปเรื่อยๆ ก่อน ไปทีละป้อม
ป้อมสี่คือที่เห็นลิบๆเป็นเส้นตรงนั้น (ป้อมสองในรูปมุมนี้จะไม่เห็นนะครับ เพราะป้อมหนึ่งบังอยู่) ถัดไปก็จะเป็นป้อมห้า
แล้วที่เห็นยอดสุดในภาพเป็นเก๋งจีนครับ คงคล้ายๆกับว่าใครมาถึงบนนั้นก็ให้พักชมวิวซักหน่อย

ที่ป้อมหนึ่งซึ่งจากจุดเริ่มต้นมาถึงนี่ทางเดินก็ยังไม่เป็นบันได คือเป็นแนวค่อนข้างราบ มีชันเล็กน้อย เดินสบายครับ
ก็จะมีจุดให้แต่งชุดนักรบถ่ายรูปเก็บค่าบริการอยู่อีกจุดนึง

วิวด้านล่างถ่ายลงไปจากป้อมหนึ่งครับ ถัดจากจุดถ่ายรูปไปทางซ้าย (เมื่อหันหน้าเข้าหาแผงอาวุธ)

ป้ายคำอธิบายเป็นภาษาจีนอีกแล้ว... ถ่ายรูปมาก็หวังว่าจะมีคนใจดีแปลให้ครับ

จากป้อมหนึ่งไปยังป้อมสองก็ยังสบายๆครับ

ทางเบี่ยงด้านขวาของป้อมสองครับ เริ่มเป็นขั้นบันได

จากป้อมสองไปป้อมสามครับ ตามรูปครับ ไม่ใช่ภาพแต่ง ชันมาก!
ระหว่างเดินไปช่วงกลางๆ ยอมรับเลยครับว่า เริ่มคิดว่าจะเดินให้ถึงป้อมสามดี รึจะพอแล้วเดินลงดี เพราะชันมากๆ แล้วก็เริ่มเมื่อย แถมยังหวิวๆ อีกต่างหาก
ยิ่งกว่านั้น พอนึกภาพว่าตอนลงต้องหันหน้าเดินลง โอ้โห เริ่มมีขาสั่น แต่ก็ตัดสินใจเดินต่อครับ สั่นไม่กลัว กลัวเสียฟอร์มครับ
อ้อ แนวทางเดินทั้งสองข้างจะมีราวเหล็กให้เกาะไปนะครับ แน่นอนครับ เกาะกันแบบตุ๊กแกเรียกพี่

และแล้วก็มาถึงป้อมสาม ยังยิ้มได้ครับ สังเกตว่าระหว่างป้อมสอง-สาม จะไม่มีรูปนะครับ
ขออภัยจริงๆครับ ตอนเดินอยู่ มิกล้ายกกล้องถ่ายย้อนขึ้นมาครับ
ถ้าใครกล้าถ่ายรูปย้อนขึ้นมาตอนเดินระหว่างสองป้อมนี้ต้องถือว่า...นายแน่มาก
ถัดขึ้นไปจะเห็นมุมนั่งพัก และป้อมสี่ครับ ถึงตรงนี้เริ่มหอบ จะว่าไป ถ้าให้เดินขึ้นไปอีกก็ยังไหวนะครับ
แต่พอนึกว่าจะต้องเดินลงอีก ก็ตัดสินใจทำตามค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวครับ คือป้อมสามก็พอแว้ว

วิวจากป้อมสามลงไปด้านล่างครับ สังเกตขนาดรถที่จอดเรียงกันอยู่สิครับ นี่ผมเดินขึ้นเขามานี่หว่า!!!

จากนั้นก็ปักหลักถ่ายรูปให้คุ้มครับ อันนี้เป็นวิวแบบพานอรามาครับ สังเกตสถานที่มุมบนซ้ายก็คือเก๋งจีนนั่นเอง

ซูมให้ใกล้เข้ามาอีกหน่อย แนวทางซ้ายมือครับ

ซูมแนวกึ่งกลางครับ

ซูมแนวทางขวามือครับ

แนวพื้นล่างแบบพานอรามาครับ

ซูมลงไปโฟกัสที่จุดเริ่มต้นของแนวกำแพงของตำแหน่งที่ขึ้นมานี้ครับ

หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เดินลงมาครับ แต่ยังพอหยุดที่ขั้นบันไดถ่ายรูปลงมาได้ แบบหวิวเล็กน้อย
ก็แปลกนะครับ ไม่ยักน่ากลัวอย่างที่คิดตอนแรก อาจเป็นไปได้ว่าเพราะเริ่มเหนื่อย แล้วก็ขาเริ่มสั่น เป็นอารมณ์ที่แทนความกลัว แหะๆ

พอถึงป้อมสองก็ถ่ายวิวแบบพานอรามาอีกครั้งครับ

ซูมใกล้เข้ามาอีกหน่อย

ทางจากป้อมสองมาป้อมหนึ่งครับ

ที่ป้อมหนึ่งนอกจากจะมีจุดถ่ายรูปแล้ว ก็ยังมีร้านขายของด้วยครับ (ที่จริงป้อมสามก็มีร้านขายของครับ แต่ไม่ได้เดินไปดู)

กลับมาที่จุดเริ่มต้นโดยสวัสดิภาพอย่างขาสั่นๆครับ

Create Date :20 พฤษภาคม 2551
Last Update :14 กรกฎาคม 2553 19:36:52 น.
Counter : Pageviews.
Comments :17
- Comment
คิดตึ๋ง ๆๆๆ มากมายเลยนะคะนิ...
เมืองจีน ๆๆๆ ปู่ฯ ไปรอบนี้ ภาพเยอะดีจัง ชอบๆๆๆ
โดย: naragorn
กำแพงเมืองจีน สูง ด้วยอ่ะ...
ลักษณะภาพรูปทรงแปลกๆ ดีอ่ะ ปู่ฯ ทำงัยอ่ะค่ะ
โดย: naragorn
กำแพงเมืองจีน..ยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือเจงๆๆๆ
..ง่ะ อยากได้
โดย: เด่วกลับมาดูปู่อธิบายประกอบ (ปิ่นพระศิวะ
เป็นขวัญนะ ขอรออยู่ที่จุดเริ่มต้นเลยดีกว่า...เดินไม่ไหว
เป็นโรคแพ้..แนวสูงอะค่ะ....อิอิ
โดย: NuHring
อยากได้กำแพงเมืองจีนเนี่ยนะ
ต้องเดินไหวครับ เพราะฟอร์มเรื่องใหญ่ต้องรักษาไว้
โดย: อุปนิกขิต
โดย: ฝน วนันฯ (fon_wanan
โดย: ลอง ปั้ง ..ลองเล้า...โฉ่งเฉ่ง โฉงเฉ่ง ..ช่วงนี้บ้าหนังจีนอ่ะ (ปิ่นพระศิวะ
ถ่ายรูปออกมาสวยค่ะ เหมือนมรหมอกจางๆ
อากาศน่าจะเย็นๆ
โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท
โดย: Batgirl 2001
โดย: คุณนายขาวมณี
ทำงานหนักมากๆ...ดูแลสุขภาพด้วยน๊ะ...
เดี๋ยว พี่แช่ของเราจะไม่มีเสียงมาร้องเพลงให้แควนๆคลับฟัง...อิอิ
โดย: NuHring
ว่าแต่ว่า เขาใช้อิฐอะไรทำอ่ะ อยากรู้จริงๆฮับ...
โดย: ฎ-ชฎา
นู๋ แวะมาหาจ๊ะ ....
ปู่ฯ คนเก่ง คนน่ารัก ดูแลสุขภาพด้วยน๊า
โดย: naragorn
ยังยิ้มได้ แต่ทำไมหน้าพี่แช่ซีดๆอ่ะครับ 5555+
โดย: ฟาฬ
มีความสุขมาก ๆ นะคะ
โดย: บัวริมบึง
โดย: อุปนิกขิต
โดย: vivee_t