นมัสเต(จี) 
ช่วงนี้มีคำถามมาถึงผมมากมายเยอะแยะ (ประมาณ 2-3 คน
) ว่าผมหายไปไหนมา (บ้างก็ถามต่อว่า ไปทำอะไร ไปกะใคร ซึ่งแหม ถามซะ อิๆ)
ผมไปอินเดียมาครับ ไปในโครงการแสวงบุญฯ ครับ โดยคณะทัวร์ครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งพระและฆราวาสรวม 60 รูป/คน ครับ
อินเดีย เป็นประเทศอันดับหนึ่งในฝันของผมที่อยากจะไปเยือนมานานแล้ว ซึ่งนับว่าไม่ผิดหวังจริงๆครับเมื่อได้ไป เรียกว่าถูกโฉลกกันมาก ในระดับที่กลับมาแล้วความเป็นอินเดียยังไม่หายไปเลย คือดำไปเลยครับ
ในระหว่างที่อยู่อินเดีย 10 วัน ก็ได้รับประสบการณ์มากมาย จึงอยากจะบันทึกไว้ในบล็อก บล็อกละ 1 วันในอินเดีย ซึ่งถ้ามีประโยชน์หรือเกิดรอยยิ้มให้กับมิตรรักแฟนเพลงได้บ้าง ก็จะยินดีมากครับ
เนื่องจากผมอยากจะบันทึกในเชิงข้อมูลด้วย จึงนอกจากจะลงรูปแล้ว ก็จะค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมด้วย คิดว่าบล็อกนึงน่าจะเขียนอย่างน้อยซัก 3 เที่ยวขึ้นไปนะครับ
ขอเชิญรับชม (และรับฟัง เอ๊ย ไม่ใช่สิ
) ณ บัดเดี๋ยวนี้ครับ
เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 9.20 น. ถึงสนามบินกัลกัตต้าประมาณ 11.50 ครับ ก็ใช้เวลาบินประมาณสองชั่วโมงครึ่ง แต่พอถึงกัลกัตต้า ก็จะต้องปรับเวลาถอยหลังมาชั่วโมงครึ่ง คือเวลาอินเดียตอนนั้นก็ 10.20 น. ครับ

ลงเครื่องที่สนามบินกัลกัตต้า

บรรยากาศส่วนหนึ่งในสนามบินครับ กัลกัตต้าเป็นเมืองชายแดน คงเทียบเท่าประมาณ อุบลราชธานี สนามบินก็เล็กๆกระทัดรัดครับ

อาหารเที่ยงมื้อแรกในอินเดียครับ แกงไข่ผสมเครื่องเทศ ไข่เจียว ผัดเส้นคล้ายๆผัดไทย คืออาหารนี่เขาก็พยายามปรับให้เข้ากับคนไทยแล้วน่ะครับ ไม่ใช่อาหารแขกซะทีเดียว

ภาพสาวอินเดียที่สุดท้ายแล้วเป็นคนที่หุ่นดีที่สุดเท่าที่เห็นในอินเดียครับ แต่ก็อย่างว่า ผมไม่ได้ไปในเมืองที่มีดาราเยอะ เห็นไกด์บอกว่าเมืองส่วนใหญ่ที่เรามานั้น พูดง่ายๆก็คือบ้านนอกน่ะครับ
สังเกตว่าสโลแกนการท่องเที่ยวของอินเดียตอนนี้คือ Incredible India (อินเดียที่เหลือเชื่อ) ซึ่งก็เหลือจะเชื่อจริงๆครับ ในหลายๆเรื่อง ซึ่งจะได้เล่าต่อไป

บรรยากาศด้านนอกของสนามบินครับ

แท๊กซี่อินเดียครับ ชาวอินเดียเป็นชาตินึงที่มีความเป็นชาตินิยมสูงมาก รถก็เช่นกันครับ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ยี่ห้อ TATA ซึ่งผลิดในประเทศ
ทำเป็นเล่นไปครับ อินเดียมีแร่เหล็กเหลือเฟือ รถอินเดียแข็งแกร่งมากนะครับ ผมไปลองกดดูแล้ว ไม่มียุบเลยครับ

ลงจากเครื่องบิน กินข้าวเสร็จแล้วก็เดินทางต่อโดยรถบัสครับ คันนึงก็จุคนได้ประมาณ 30 คน ก่อนอื่นก็ต้องมีการนมัสเตกันตามธรรมเนียม
แขกหนุ่มเสื้อชมพูคนนี้แกชื่อ วิชาญ ครับ ซึ่งทำไปทำมากลายเป็นคุยกะผมอย่างถูกคอมาก ก็อาศัยวิชาญนี่แหละครับในเรื่องภาษาฮินดี และเรื่องอำนวยความสะดวกอื่นๆ

บรรยากาศภายในรถครับ เป้าหมายของเราคือ จากกัลกัตต้าไปเมืองคยา ก็ประมาณ 400 กว่ากิโลเมตรครับ แต่ใช้เวลาเดินทางถึงประมาณ 11 ชั่วโมง!!!
บรรยากาศบ้าน(นอก)เมืองของชาวแขกครับ ในระหว่างเดินทาง






มีทางด่วนด้วยนะครับ

ถึงโรงแรมที่เมืองคยา เวลาประมาณห้าทุ่มครับ (ออกจากกัลกัตต้าประมาณเที่ยงวัน) มีข้าวต้มร้อนๆ ให้กินแก้หิว? กับข้าวก็ทำนองเดียวกันครับ พยายามให้เข้ากับคนไทย แต่ก็แบบกลิ่นเครื่องเทศตลบอบอวล...ช่างหอมอะไรเช่นนี้
วันนี้ถือเป็นวันแห่งการเดินทางครับ แล้วก็เป็นการปรับตัวให้เข้ากับอินเดีย ซึ่งก็อย่างที่บอกครับ มีอะไรเหลือเชื่อเยอะแยะมากมายในสองข้างทางที่เดินทางไป และเพื่อให้เข้ากับสโลแกน อินเครดิเบิล อินเดีย ผมจะขอเล่าเรื่องที่เหลือเชื่อในสายตาของผมที่เห็นในวันแรกดังนี้ครับ
- ขณะที่นั่งในรถบัส ผมได้ยินเสียงแตรไปตลอดทางเลยครับ ทั้งแตรจากรถคันอื่น และจากคันที่นั่งไป โดยเฉพาะคันที่ผมนั่งนี่เฉลี่ยแล้วบีบแตร 3 ครั้งในหนึ่งนาทีครับ!!!
ตอนแรกก็ไรว๊า บีบแตรกันอยู่นั่นแหละ แต่พอได้ยินคำอธิบายจากไกด์ และจากการสังเกตของผม ปรากฏว่าสาเหตุก็คือ แขกอินเดียขับรถมองกระจกข้างไม่เป็นครับ จึงมีข้อตกลงร่วมกันว่า อีนี่ถ้านายจะแซงฉันไปนะ นายบีบแตรบอกฉันด้วยนะ เพราะฉันไม่ได้มองหลัง ถึงขนาดว่าสิบล้อบางคันติดสติ๊กเกอร์ไว้เลยครับซึ่งแปลเป็นไทยได้ประมาณว่า จะแซงก็บีบแตรด้วย แถมรถบางคันหุบกระจกมองข้างไปซะงั้นเลยครับ... อินเครดิเบิล!!!
- ตอนอยู่ที่สนามบินกัลกัตต้า ไกด์บอกว่า เวลาเดินทาง ในรถบัสจะไม่มีห้องน้ำ ถ้าใครอยากเข้าห้องน้ำ อย่างเบาให้ชูนิ้วก้อย อย่างหนักให้ชูนิ้วโป้ง แล้วคนขับจะรู้เอง แล้วจะหาห้องน้ำให้ แถมบอกอีกว่าห้องน้ำอินเดียมีมากที่สุดในโลก ผมก็นึกอย่างนั้นรึ ดีแฮะ เพราะเราก็เข้าห้องน้ำถี่อยู่
ปรากฏนั่งรถสองชั่วโมงผ่านไป รถบัสก็จอดข้างทาง ผมก็มอง ไหน(วะ)ห้องน้ำ มีแต่ทุ่งโล่งๆ มีต้นไม้เล็กๆ ขึ้นเป็นหย่อมๆ แล้วไกด์ก็ประกาศว่าเชิญเข้าห้องน้ำตามอัธยาศรัยครับ นั่นแหละครับทุ่งโล่งๆ นั่นแหละตรงไหนก็ได้ แต่ให้ระวังกับระเบิดด้วย โอ้...
แล้วจึงถึงบางอ้อ นี่แหละครับห้องน้ำที่มีมากที่สุดในโลกของชาวอินเดีย เกือบทุกที่ครับ (ยกเว้นเมืองระดับบิ๊กๆ เช่น เดลฮี) คือ คนแถวนั้นเขาก็ทำกันแถวนั้นแหละ ทั้งหนักทั้งเบา
เอา(วะ)นึกในใจ อย่างผมและผู้ชายคนอื่นๆนี่สบายครับ แต่กลุ่มผู้หญิงนี่สิครับ มองหน้ากันเลิ่กลั่กๆ ไกด์ก็ยังหัวเราะคิก (ไกด์มีทั้ง ญ และ ช) บอกเด๋วก็ชินไปเอง คนแขกเขาถือเป็นเรื่องธรรมดา
แล้วกลุ่มผู้หญิงก็ค่อยๆ เกาะกลุ่มกันไปครับ หาที่เหมาะๆ ตามกลุ่มต้นไม้เล็กๆ แต่ก็เดินกันไปซะไกลจากถนนเชียวครับ ในระหว่างนั้น ก็มีพวกแขกมุงครับ ขี่จักรยานผ่านมาก็มายืนมองกัน
พอเสร็จภารกิจขึ้นมาบนรถ ก็หน้าแดงกันไป บ่นงึมงัมๆ ว่าอายสุดขีดกันไป แถมไกด์ยังบอกอีกว่า นี่เพราะเดินไปกันไกล พวกแขกเลยสงสัยว่าไปไหนกัน ถึงยืนมุงดู ถ้าทำภารกิจกันใกล้ๆ ก็คงไม่ดู ว่าไปนั่น
ช่างอินเครดิเบิลเหลือหลายจริงๆ
นี่แหละครับ จุดสลบของสาวๆ ที่จะมาเที่ยวอินเดีย ด่านมหาโหด ซึ่งผมยังสงสัยอยู่ว่า มาดามเทรเวลคุณนายขาวมณี หรือ ป้ากอกล้วยดาริเมยา จะผ่านด่านนี้ไปได้หรือไม่
แต่ขอเล่าล่วงหน้าไปซักนิดครับ พอวันต่อมาๆ สาวๆ ทั้งหลายก็เริ่มชินครับ แถมตอนเวลาลงรถ ดันเดินมาทางเดียวกับหนุ่มๆซะอีก คือมองชัยภูมิเดียวกันน่ะครับ จนหนุ่มๆอายแทนต้องเดินหนี เลยส่วนใหญ่จะใช้วิธีข้ามฝั่งไป ให้สาวๆ ยึดฝั่งรถจอดไปซะ
คือ ต้องบอกว่า สองข้างทางที่รถวิ่งนี่ส่วนใหญ่จะมีบรรยากาศที่ดีมาก แล้วก็โล่ง ทำให้อากาศดีครับ ปฏิบัติภารกิจไปนี่แบบว่าลืมห้องน้ำไปเลยครับ ขอบอก
- การจราจรที่นี่จัดอยู่ในระดับเหลือเชื่อครับ คือ อย่างที่เล่าไว้ในบรรทัดแรกๆครับ จาก กัลกัตต้า ไป คยา ระยะทางประมาณสี่ร้อยกว่ากิโล อีนี่ฉานใช้เวลาขับ (รวมแวะกินข้าวเย็นประมาณชั่วโมงนึง) จากประมาณเที่ยงวันยันห้าทุ่ม ก็แค่ 11 ชั่วโมง เท่านั้นเอ๊ง...ซึ่งผมมาวิเคราะห์สาเหตุที่ช้ามากๆนี่แล้วครับ พอจะแบ่งได้ดังนี้
ก) ถนนที่อินเดีย จะจำกัดความเร็วรถไว้ที่สูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ โอ้...
ข) แขกขับรถพอนึกอยากจะจอดคุยกันก็จอดซะงั้นครับ ก็ติดแหงกกันไปเลนนึง แล้วคิดดูครับ ถ้าเป็นถนนสองเลนสวนกัน อะไรจะเกิดขึ้น
ค) แม้หลายช่วง ถนนจะเป็นแบบสี่เลน คือสองเลนไป สองเลนมา แถมมีเกาะกลางถนนด้วยนะ แต่ขอโทษครับ บางช่วงอีนี่ฉานถ้อยทีถ้อยอาศัยวิ่งสวนกันแค่สองเลนฝั่งนึง อีกสองเลนฝั่งนึงฉานเอาไว้ตากเสื้อผ้าข้าวของครับ
ง) ถนนบางช่วงมีไว้สำหรับให้คนนั่งฝึกอิทธิฤทธิ์ครับ คือมันขรุขระมาก ทำให้วิ่งได้ช้า แล้วแบบรถบัสแขกไม่รู้จักโช้ครึยังไงก็ไม่รู้ครับ ลองนึกภาพครับ รถวิ่งๆอยู่ดีๆ คนนั่งท้ายรถก็สลับกันลอยตัวแสดงอิทธิฤทธิ์กันให้สนุกสนาน
อย่าแปลกใจเลยครับว่าสถิติอุบัติเหตุในเมืองแขกจะน้อยมากถึงมากที่สุด..อินเคร้ดิเบิ้ล
- ก่อนไปอินเดีย มีอาหารอย่างนึงที่ผมหมายมั่นปั้นมือมานานที่จะต้องลิ้มรสให้ได้ นั่นคือ ชาร้อน ครับ เพราะปกติก็ชอบอยู่แล้ว ยิ่งมาในเมืองแห่งชาแบบนี้ก็ต้องลองกันซักตั้ง ซึ่งวันแรกก็ได้กินเลยครับในอาหารมื้อเย็นที่แวะกินในปั๊มน้ำมันเล็กๆแห่งหนึ่ง ชาร้อนภาษาแขกจะเรียกว่า การัมจาย ครับ คือ การัม แปลว่า ร้อน จาย ก็คือ ชา นั่นเอง
สุดยอดอร่อยเหลือเชื่อครับ ไม่ผิดหวังจริงๆ แล้วรายละเอียดจะเล่าในบล็อกวันต่อๆไปนะครับ ซึ่งผมตระเวนกินไปทั่วเลยครับ
- อากาศในอินเดียนี่คุ้มดีคุ้มร้ายเหลือเชื่อครับ ช่วงที่ไปมานี้จะเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งตอนกลางวันจะมีลักษณะ หนาวแดดเปรี้ยง คือหนาวก็หนาวไป แต่แดดก็ส่องไป ทีนี้พอเวลาค่ำ อากาศจะลดวูบเลยครับ หนาวขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าไปในห้องพักตอนประมาณเที่ยงคืน อากาศมันยะเยือกขนาดที่ไม่ต้องเปิดแอร์เลยครับ เวลาอาบน้ำในห้องน้ำแล้วเดินออกมาข้างนอก มันหนาวเสียดกระดูกอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนครับ
คือถ้าเราไปในประเทศที่รู้ว่าหนาวแน่ๆ ก็คงจะไม่เท่าไหร่เพราะคงเตรียมตัวไปอย่างดี แต่นี่อินเดียนะเนี่ย ฉานก็ใส่เสื้อผ้าของฉานปกติไป เจ้าประคุณเอ๊ย...

สรุปเส้นทางในวันแรกครับ ขึ้นเครื่องจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ กัลกัตต้า รัฐเวสเบงกอล ซึ่งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย จากนั้นนั่งรถบัสต่อไปยัง คยา รัฐพิหาร เพื่อวันรุ่งขึ้นก็จะไปนมัสการสังเวชนียสถานแห่งแรกครับ คือ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังมีสถานที่สำคัญอื่นๆ ทางพระพุทธศาสนา อีกพอสมควรครับในเมืองคยาแห่งนี้
แค่วันแรกผมก็หลงใหลในเสน่ห์แห่งอินเดียแล้วครับ เธอไม่สวยจัด แต่ก็ไม่ขี้เหร่ จริตมารยาแพรวพราว น่าค้นหา คุ้มดีคุ้มร้ายอยู่บ้าง คงคล้ายๆกับหลานกบน่ะครับ (เฉพาะเรื่องคุ้มดีคุ้มร้ายนะ)
เรียกได้ว่าถ้าเราสามารถทำใจให้ โกยบาธ นาฮี (ไม่เป็นไร) ในเรื่องจุกจิกเล็กๆน้อยๆได้ ก็สามารถเที่ยวอินเดียได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญอุราครับ
...โกยบาธ นาฮี อินเดีย... 
ปล. ถ้ายังไง เพื่อนๆ หลานๆ คนไหน สงสัยอะไรเกี่ยวกับอินเดีย ก็อยากให้ถามมาเลยได้นะครับ

ช่วงนี้มีคำถามมาถึงผมมากมายเยอะแยะ (ประมาณ 2-3 คน

ผมไปอินเดียมาครับ ไปในโครงการแสวงบุญฯ ครับ โดยคณะทัวร์ครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งพระและฆราวาสรวม 60 รูป/คน ครับ
อินเดีย เป็นประเทศอันดับหนึ่งในฝันของผมที่อยากจะไปเยือนมานานแล้ว ซึ่งนับว่าไม่ผิดหวังจริงๆครับเมื่อได้ไป เรียกว่าถูกโฉลกกันมาก ในระดับที่กลับมาแล้วความเป็นอินเดียยังไม่หายไปเลย คือดำไปเลยครับ

ในระหว่างที่อยู่อินเดีย 10 วัน ก็ได้รับประสบการณ์มากมาย จึงอยากจะบันทึกไว้ในบล็อก บล็อกละ 1 วันในอินเดีย ซึ่งถ้ามีประโยชน์หรือเกิดรอยยิ้มให้กับมิตรรักแฟนเพลงได้บ้าง ก็จะยินดีมากครับ
เนื่องจากผมอยากจะบันทึกในเชิงข้อมูลด้วย จึงนอกจากจะลงรูปแล้ว ก็จะค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมด้วย คิดว่าบล็อกนึงน่าจะเขียนอย่างน้อยซัก 3 เที่ยวขึ้นไปนะครับ
ขอเชิญรับชม (และรับฟัง เอ๊ย ไม่ใช่สิ

เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 9.20 น. ถึงสนามบินกัลกัตต้าประมาณ 11.50 ครับ ก็ใช้เวลาบินประมาณสองชั่วโมงครึ่ง แต่พอถึงกัลกัตต้า ก็จะต้องปรับเวลาถอยหลังมาชั่วโมงครึ่ง คือเวลาอินเดียตอนนั้นก็ 10.20 น. ครับ

ลงเครื่องที่สนามบินกัลกัตต้า

บรรยากาศส่วนหนึ่งในสนามบินครับ กัลกัตต้าเป็นเมืองชายแดน คงเทียบเท่าประมาณ อุบลราชธานี สนามบินก็เล็กๆกระทัดรัดครับ

อาหารเที่ยงมื้อแรกในอินเดียครับ แกงไข่ผสมเครื่องเทศ ไข่เจียว ผัดเส้นคล้ายๆผัดไทย คืออาหารนี่เขาก็พยายามปรับให้เข้ากับคนไทยแล้วน่ะครับ ไม่ใช่อาหารแขกซะทีเดียว

ภาพสาวอินเดียที่สุดท้ายแล้วเป็นคนที่หุ่นดีที่สุดเท่าที่เห็นในอินเดียครับ แต่ก็อย่างว่า ผมไม่ได้ไปในเมืองที่มีดาราเยอะ เห็นไกด์บอกว่าเมืองส่วนใหญ่ที่เรามานั้น พูดง่ายๆก็คือบ้านนอกน่ะครับ
สังเกตว่าสโลแกนการท่องเที่ยวของอินเดียตอนนี้คือ Incredible India (อินเดียที่เหลือเชื่อ) ซึ่งก็เหลือจะเชื่อจริงๆครับ ในหลายๆเรื่อง ซึ่งจะได้เล่าต่อไป

บรรยากาศด้านนอกของสนามบินครับ

แท๊กซี่อินเดียครับ ชาวอินเดียเป็นชาตินึงที่มีความเป็นชาตินิยมสูงมาก รถก็เช่นกันครับ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ยี่ห้อ TATA ซึ่งผลิดในประเทศ
ทำเป็นเล่นไปครับ อินเดียมีแร่เหล็กเหลือเฟือ รถอินเดียแข็งแกร่งมากนะครับ ผมไปลองกดดูแล้ว ไม่มียุบเลยครับ

ลงจากเครื่องบิน กินข้าวเสร็จแล้วก็เดินทางต่อโดยรถบัสครับ คันนึงก็จุคนได้ประมาณ 30 คน ก่อนอื่นก็ต้องมีการนมัสเตกันตามธรรมเนียม
แขกหนุ่มเสื้อชมพูคนนี้แกชื่อ วิชาญ ครับ ซึ่งทำไปทำมากลายเป็นคุยกะผมอย่างถูกคอมาก ก็อาศัยวิชาญนี่แหละครับในเรื่องภาษาฮินดี และเรื่องอำนวยความสะดวกอื่นๆ

บรรยากาศภายในรถครับ เป้าหมายของเราคือ จากกัลกัตต้าไปเมืองคยา ก็ประมาณ 400 กว่ากิโลเมตรครับ แต่ใช้เวลาเดินทางถึงประมาณ 11 ชั่วโมง!!!
บรรยากาศบ้าน(นอก)เมืองของชาวแขกครับ ในระหว่างเดินทาง






มีทางด่วนด้วยนะครับ

ถึงโรงแรมที่เมืองคยา เวลาประมาณห้าทุ่มครับ (ออกจากกัลกัตต้าประมาณเที่ยงวัน) มีข้าวต้มร้อนๆ ให้กินแก้หิว? กับข้าวก็ทำนองเดียวกันครับ พยายามให้เข้ากับคนไทย แต่ก็แบบกลิ่นเครื่องเทศตลบอบอวล...ช่างหอมอะไรเช่นนี้
วันนี้ถือเป็นวันแห่งการเดินทางครับ แล้วก็เป็นการปรับตัวให้เข้ากับอินเดีย ซึ่งก็อย่างที่บอกครับ มีอะไรเหลือเชื่อเยอะแยะมากมายในสองข้างทางที่เดินทางไป และเพื่อให้เข้ากับสโลแกน อินเครดิเบิล อินเดีย ผมจะขอเล่าเรื่องที่เหลือเชื่อในสายตาของผมที่เห็นในวันแรกดังนี้ครับ
- ขณะที่นั่งในรถบัส ผมได้ยินเสียงแตรไปตลอดทางเลยครับ ทั้งแตรจากรถคันอื่น และจากคันที่นั่งไป โดยเฉพาะคันที่ผมนั่งนี่เฉลี่ยแล้วบีบแตร 3 ครั้งในหนึ่งนาทีครับ!!!
ตอนแรกก็ไรว๊า บีบแตรกันอยู่นั่นแหละ แต่พอได้ยินคำอธิบายจากไกด์ และจากการสังเกตของผม ปรากฏว่าสาเหตุก็คือ แขกอินเดียขับรถมองกระจกข้างไม่เป็นครับ จึงมีข้อตกลงร่วมกันว่า อีนี่ถ้านายจะแซงฉันไปนะ นายบีบแตรบอกฉันด้วยนะ เพราะฉันไม่ได้มองหลัง ถึงขนาดว่าสิบล้อบางคันติดสติ๊กเกอร์ไว้เลยครับซึ่งแปลเป็นไทยได้ประมาณว่า จะแซงก็บีบแตรด้วย แถมรถบางคันหุบกระจกมองข้างไปซะงั้นเลยครับ... อินเครดิเบิล!!!

- ตอนอยู่ที่สนามบินกัลกัตต้า ไกด์บอกว่า เวลาเดินทาง ในรถบัสจะไม่มีห้องน้ำ ถ้าใครอยากเข้าห้องน้ำ อย่างเบาให้ชูนิ้วก้อย อย่างหนักให้ชูนิ้วโป้ง แล้วคนขับจะรู้เอง แล้วจะหาห้องน้ำให้ แถมบอกอีกว่าห้องน้ำอินเดียมีมากที่สุดในโลก ผมก็นึกอย่างนั้นรึ ดีแฮะ เพราะเราก็เข้าห้องน้ำถี่อยู่
ปรากฏนั่งรถสองชั่วโมงผ่านไป รถบัสก็จอดข้างทาง ผมก็มอง ไหน(วะ)ห้องน้ำ มีแต่ทุ่งโล่งๆ มีต้นไม้เล็กๆ ขึ้นเป็นหย่อมๆ แล้วไกด์ก็ประกาศว่าเชิญเข้าห้องน้ำตามอัธยาศรัยครับ นั่นแหละครับทุ่งโล่งๆ นั่นแหละตรงไหนก็ได้ แต่ให้ระวังกับระเบิดด้วย โอ้...
แล้วจึงถึงบางอ้อ นี่แหละครับห้องน้ำที่มีมากที่สุดในโลกของชาวอินเดีย เกือบทุกที่ครับ (ยกเว้นเมืองระดับบิ๊กๆ เช่น เดลฮี) คือ คนแถวนั้นเขาก็ทำกันแถวนั้นแหละ ทั้งหนักทั้งเบา
เอา(วะ)นึกในใจ อย่างผมและผู้ชายคนอื่นๆนี่สบายครับ แต่กลุ่มผู้หญิงนี่สิครับ มองหน้ากันเลิ่กลั่กๆ ไกด์ก็ยังหัวเราะคิก (ไกด์มีทั้ง ญ และ ช) บอกเด๋วก็ชินไปเอง คนแขกเขาถือเป็นเรื่องธรรมดา
แล้วกลุ่มผู้หญิงก็ค่อยๆ เกาะกลุ่มกันไปครับ หาที่เหมาะๆ ตามกลุ่มต้นไม้เล็กๆ แต่ก็เดินกันไปซะไกลจากถนนเชียวครับ ในระหว่างนั้น ก็มีพวกแขกมุงครับ ขี่จักรยานผ่านมาก็มายืนมองกัน
พอเสร็จภารกิจขึ้นมาบนรถ ก็หน้าแดงกันไป บ่นงึมงัมๆ ว่าอายสุดขีดกันไป แถมไกด์ยังบอกอีกว่า นี่เพราะเดินไปกันไกล พวกแขกเลยสงสัยว่าไปไหนกัน ถึงยืนมุงดู ถ้าทำภารกิจกันใกล้ๆ ก็คงไม่ดู ว่าไปนั่น

ช่างอินเครดิเบิลเหลือหลายจริงๆ

นี่แหละครับ จุดสลบของสาวๆ ที่จะมาเที่ยวอินเดีย ด่านมหาโหด ซึ่งผมยังสงสัยอยู่ว่า มาดามเทรเวลคุณนายขาวมณี หรือ ป้ากอกล้วยดาริเมยา จะผ่านด่านนี้ไปได้หรือไม่

แต่ขอเล่าล่วงหน้าไปซักนิดครับ พอวันต่อมาๆ สาวๆ ทั้งหลายก็เริ่มชินครับ แถมตอนเวลาลงรถ ดันเดินมาทางเดียวกับหนุ่มๆซะอีก คือมองชัยภูมิเดียวกันน่ะครับ จนหนุ่มๆอายแทนต้องเดินหนี เลยส่วนใหญ่จะใช้วิธีข้ามฝั่งไป ให้สาวๆ ยึดฝั่งรถจอดไปซะ
คือ ต้องบอกว่า สองข้างทางที่รถวิ่งนี่ส่วนใหญ่จะมีบรรยากาศที่ดีมาก แล้วก็โล่ง ทำให้อากาศดีครับ ปฏิบัติภารกิจไปนี่แบบว่าลืมห้องน้ำไปเลยครับ ขอบอก
- การจราจรที่นี่จัดอยู่ในระดับเหลือเชื่อครับ คือ อย่างที่เล่าไว้ในบรรทัดแรกๆครับ จาก กัลกัตต้า ไป คยา ระยะทางประมาณสี่ร้อยกว่ากิโล อีนี่ฉานใช้เวลาขับ (รวมแวะกินข้าวเย็นประมาณชั่วโมงนึง) จากประมาณเที่ยงวันยันห้าทุ่ม ก็แค่ 11 ชั่วโมง เท่านั้นเอ๊ง...ซึ่งผมมาวิเคราะห์สาเหตุที่ช้ามากๆนี่แล้วครับ พอจะแบ่งได้ดังนี้
ก) ถนนที่อินเดีย จะจำกัดความเร็วรถไว้ที่สูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ โอ้...
ข) แขกขับรถพอนึกอยากจะจอดคุยกันก็จอดซะงั้นครับ ก็ติดแหงกกันไปเลนนึง แล้วคิดดูครับ ถ้าเป็นถนนสองเลนสวนกัน อะไรจะเกิดขึ้น
ค) แม้หลายช่วง ถนนจะเป็นแบบสี่เลน คือสองเลนไป สองเลนมา แถมมีเกาะกลางถนนด้วยนะ แต่ขอโทษครับ บางช่วงอีนี่ฉานถ้อยทีถ้อยอาศัยวิ่งสวนกันแค่สองเลนฝั่งนึง อีกสองเลนฝั่งนึงฉานเอาไว้ตากเสื้อผ้าข้าวของครับ
ง) ถนนบางช่วงมีไว้สำหรับให้คนนั่งฝึกอิทธิฤทธิ์ครับ คือมันขรุขระมาก ทำให้วิ่งได้ช้า แล้วแบบรถบัสแขกไม่รู้จักโช้ครึยังไงก็ไม่รู้ครับ ลองนึกภาพครับ รถวิ่งๆอยู่ดีๆ คนนั่งท้ายรถก็สลับกันลอยตัวแสดงอิทธิฤทธิ์กันให้สนุกสนาน
อย่าแปลกใจเลยครับว่าสถิติอุบัติเหตุในเมืองแขกจะน้อยมากถึงมากที่สุด..อินเคร้ดิเบิ้ล

- ก่อนไปอินเดีย มีอาหารอย่างนึงที่ผมหมายมั่นปั้นมือมานานที่จะต้องลิ้มรสให้ได้ นั่นคือ ชาร้อน ครับ เพราะปกติก็ชอบอยู่แล้ว ยิ่งมาในเมืองแห่งชาแบบนี้ก็ต้องลองกันซักตั้ง ซึ่งวันแรกก็ได้กินเลยครับในอาหารมื้อเย็นที่แวะกินในปั๊มน้ำมันเล็กๆแห่งหนึ่ง ชาร้อนภาษาแขกจะเรียกว่า การัมจาย ครับ คือ การัม แปลว่า ร้อน จาย ก็คือ ชา นั่นเอง
สุดยอดอร่อยเหลือเชื่อครับ ไม่ผิดหวังจริงๆ แล้วรายละเอียดจะเล่าในบล็อกวันต่อๆไปนะครับ ซึ่งผมตระเวนกินไปทั่วเลยครับ
- อากาศในอินเดียนี่คุ้มดีคุ้มร้ายเหลือเชื่อครับ ช่วงที่ไปมานี้จะเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งตอนกลางวันจะมีลักษณะ หนาวแดดเปรี้ยง คือหนาวก็หนาวไป แต่แดดก็ส่องไป ทีนี้พอเวลาค่ำ อากาศจะลดวูบเลยครับ หนาวขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อเข้าไปในห้องพักตอนประมาณเที่ยงคืน อากาศมันยะเยือกขนาดที่ไม่ต้องเปิดแอร์เลยครับ เวลาอาบน้ำในห้องน้ำแล้วเดินออกมาข้างนอก มันหนาวเสียดกระดูกอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนครับ
คือถ้าเราไปในประเทศที่รู้ว่าหนาวแน่ๆ ก็คงจะไม่เท่าไหร่เพราะคงเตรียมตัวไปอย่างดี แต่นี่อินเดียนะเนี่ย ฉานก็ใส่เสื้อผ้าของฉานปกติไป เจ้าประคุณเอ๊ย...

สรุปเส้นทางในวันแรกครับ ขึ้นเครื่องจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ กัลกัตต้า รัฐเวสเบงกอล ซึ่งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย จากนั้นนั่งรถบัสต่อไปยัง คยา รัฐพิหาร เพื่อวันรุ่งขึ้นก็จะไปนมัสการสังเวชนียสถานแห่งแรกครับ คือ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังมีสถานที่สำคัญอื่นๆ ทางพระพุทธศาสนา อีกพอสมควรครับในเมืองคยาแห่งนี้
แค่วันแรกผมก็หลงใหลในเสน่ห์แห่งอินเดียแล้วครับ เธอไม่สวยจัด แต่ก็ไม่ขี้เหร่ จริตมารยาแพรวพราว น่าค้นหา คุ้มดีคุ้มร้ายอยู่บ้าง คงคล้ายๆกับหลานกบน่ะครับ (เฉพาะเรื่องคุ้มดีคุ้มร้ายนะ)

เรียกได้ว่าถ้าเราสามารถทำใจให้ โกยบาธ นาฮี (ไม่เป็นไร) ในเรื่องจุกจิกเล็กๆน้อยๆได้ ก็สามารถเที่ยวอินเดียได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญอุราครับ

บันทึกครั้งที่ ๓
วันที่ ๑ เดินทางมาราธอน
ปล. ถ้ายังไง เพื่อนๆ หลานๆ คนไหน สงสัยอะไรเกี่ยวกับอินเดีย ก็อยากให้ถามมาเลยได้นะครับ

Create Date :21 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update :14 กรกฎาคม 2553 19:38:17 น.
Counter : Pageviews.
Comments :32
- Comment
แต่อยากรู้จังว่า สาวอินเดียสวยป่าววววว อิอิ
โดย: บัวริมบึง
โดย: - in the deepest mist -
ปู่ฯ อัพบล๊อคเรื่องอินเดียแล้ว
มีต่ออีกป่าวค่ะ.....
โดย: naragorn
โชคดีนะเนี่ยที่เค้ายอมให้ขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย...
ไม่ยึดตัวไว้เป็นพลเมืองที่โน้น...อิอิ นู๋ล้อเล่น
มาตอบคำถามใน cbox ไอแบบเรือเมล์ ก็ไอต่อเนื่อง แล้วก็หยุดเป็นช่วงๆ เหมือนเรือเมล์จอดท่าไงปู่....หยุดแป๊บเดียวก็ไอต่ออีก....อิอิอิ
โดย: NuHring
หายไปอินเดียมานี่เอง
สวัสดีวันมาฆบูชาค่ะคุณอุปนิกขิต
โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท
สาวอินเดียเนี่ย ค่านิยมของประเทศเค้า
คนจะสวยต้องอวบๆ มีพุง ถึงจะดี นี่นา
ไม่เหมือนแถบเอเชียเนาะ ต้องผอมๆถึงสวย
โดย: ป่ามป๊าม
ปล.เหมือนกันเลยคะปู่..เวลาไปไหนต้องเขียนบันทึกไว้ทุกวัน..ไม่งั้นจะจำรายละเอียดไม่ค่อยได้...กลับมาเขียนใหม่ตอนกลับมานึกไม่ออกแล้ว..555
โดย: ฝน วนันฯ (fon_wanan
แต่ว่าอินเดียน่าไปอ่ะป๋า แต่ขอเวลาเก็บตังค์หลายๆปีก่อนนะคะ
ปล.ยาอมนี้เค้าเบือนหน้าหนีกันหมดทุกคนเลยล่ะ ดาริเลยได้ใช้บริการคนเดียวคะ
โดย: ดาริเมยา
อินเดีย ก็เป็นอีกประเทศที่นกอยากไปเหมือนกันค่ะ ตามรอยศาสนาพุทธ แต่คงต้องเก็บเงินอีกนานเลยค่ะ กว่าจะได้ไป...รอฟังต่อนะค่ะ ว่า...
..."มีอะไรเหลือเชื่อเยอะแยะมากมายในสองข้างทางที่เดินทางไป"...
ปูเสือนั่งรอฟังเรื่องเล่าค่ะ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือกาแฟ..เล่าต่อเล่าต่อค่ะปู่...
โดย: น้ำภูฟ้า
ใคร....คุ้มดีคุ้มร้าย....เหรอค่ะ ปู่ฯ ฮ่าๆๆๆ
อ่ะ เล่าต่อๆๆ รอติดตามอยู่เรื่อยๆ จ้า
ค่ะ....โกยบาธ นาฮี (ไม่เป็นไร)
โดย: naragorn
ขอบคุณคร๊าบ ปู่ฯ
เดี๋ยวมาอ่านต่อ
โดย: nooaoh
ก็น่าไปอยู่น้า แล้วห้องน้ำที่จีนกับอินเดียเนี่ย
อย่างไหนจะแย่กว่ากันคะ
ปล.มาบอกว่า ปู่เดาผิดอ่ะ ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องความรักค่า
แม้ว่ามันอาจดูเหมือนรักสามเศร้า เราสามคนไปหน่อย อิอิ
แค่เรื่องเด็ก(ทำตัว)มีปัญหามาเจอกันเท่านั้นเอ้ง
โดย: บัวริมบึง
เรื่องแตรเนี่ย อ่านแล้วก็ขำ น้องที่ทำงานไปอบรมที่อินเดียเดือนนึง
ก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเหมือนกัน บอกว่าคนอินเดียขับรถแล้วชอบบีบแตรตลอด
เพิ่งจะได้คำตอบจากปู่นี่แหละค่ะ
สงสัยค่ะปู่...
อินเดียเนี่ยประชากรเยอะใช่มั้ยคะ
แต่ในรูปที่ปู่ถ่ายมา ดูคนไม่เยอะ แถมถนนโล่งกว่ากรุงเทพฯ อีก ???
โดย: vivee_t
- สาวแขกทั่วไปเท่าที่เห็นไม่ค่อยสวยครับ เห็นว่าสาวสวยจะอยู่เหนือๆ ขึ้นไปครับ
แต่ดาราที่เห็นในโทรทัศน์ก็สวยตามมาตรฐานนางงามครับ
- อย่างที่เล่าครับ ถ้าเป็นห้องน้ำเคียงดาว (ชายทุ่ง) บรรยากาศดีมาก ทุ่งดอกไม้ดูเพลินตา กลิ่นหอมเพลินใจครับ (ถ้าทำใจได้นะ)
ห้องน้ำจริงๆ ตามถนนสายหลักหายากมากๆ ครับ จะมีบางช่วงเท่านั้นที่เริ่มมีร้านในปั๊มที่มีห้องน้ำ ใช้ชื่อว่า A-One เริ่มเข้ามาประปรายครับ ห้องน้ำสะอาดใช้ได้ คิดว่าเขาคงมาปิดจุดอ่อนของนักท่องเที่ยวตรงนี้แหละครับ แต่คงใช้เวลานานอยู่พอสมควรในการสร้างร้านสาขาตามจุดต่างๆ หรือเผลอๆ จะพับกิจการไปก่อนรึเปล่าก็ไม่รู้
ถ้าเป็นห้องน้ำตามสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่จะแย่ครับ เอาเป็นว่าสาวๆ ที่ไปกับคณะถึงกับบอกว่าใช้ห้องน้ำชายทุ่งสบายกว่าครับ (หลังจากที่ทำใจได้และคุ้นแล้ว)
แต่ถ้าห้องน้ำในที่พักก็ตามมาตรฐานครับ
- รับแซ่บจ้า
โดย: อุปนิกขิต
อินเดียเนี่ยประชากรเยอะใช่มั้ยคะ
แต่ในรูปที่ปู่ถ่ายมา ดูคนไม่เยอะ แถมถนนโล่งกว่ากรุงเทพฯ อีก ???
โดย: vivee_t วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:25:27 น.
ในรูปคือ ออกนอกเมืองแล้วน่ะจ้า คนเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นในตัวเมืองก็แออัดมากครับ
คือเมืองอินเดียเท่าที่เห็น ยังมีพื้นที่ว่างเหลือเฟือเลยครับ คนเยอะแต่ไปอยู่กันในเมืองซะมาก แบบว่ายังรับได้อีกหลายร้อยล้านคนครับ อิๆ
โดย: อุปนิกขิต
โดย: ฝน วนันฯ (fon_wanan ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:20:55 น.
ไม่หนาวครับ แบบว่าโค-ตะ-ระหนาวเลยครับ
คือเท่าที่ฟังมาแล้วดูข้อมูลประกอบ ช่วงปลายปีถึงต้นปี อากาศอินเดียจะหนาวถึงหนาวมากๆ ครับ กลางปีก็ร้อนตับแล่บ
ที่ปู่เล่ามานี่คือมารู้ทีหลังจากกลับมาแล้วน่ะครับ แหะๆ ตอนไปก็พอรู้ว่าอากาศเย็น แต่ก็นึกไม่ถึงเลยครับว่าจะหนาวมากขนาดนี้ แล้วแดดก็เปรี้ยง เรียกว่า หนาวกลางแดด ได้ใจมากเลยจ้ะ
เรื่องหนาวนี่เด๋วคอยดูพัฒนาการของเสื้อผ้าของปู่ไปเรื่อยๆนะครับ
โดย: อุปนิกขิต
แค่วันเเรก หลานยังรู้สึกว่าอินเดียเนี่ย อินเครดิเบิลจริงๆเลยค่ะ แล้ววันต่อไปจะขนาดไหนนะ
ปูเสื่อรออ่านต่อไปค่ะ
โดย: ~* ดาวเดือนเคลื่อนคล้อย *~
โดย: ถ้าจริงจะได้ไปมั่ง..อ้าว..อุ้ย..พูดอะไรออกไป (ปิ่นพระศิวะ
อืม.......เคยตั้งใจว่าสักครั้งในชีวิต
จะไปเยือน ที่นี้ สักครั้ง
แต่ว่า........ตอนนี้
คงต้องทำใจ.........................เรื่องห้องน้ำ
น.....................า.........................น
เลยก๊าบ
โดย: nooaoh
อินตระเดีย กับ จีน......กลัวห้องน้ำเป็นที่ซู๊ดดดดด
โดย: NuHring
โดย: ถ้าจริงจะได้ไปมั่ง..อ้าว..อุ้ย..พูดอะไรออกไป (ปิ่นพระศิวะ ) 23 กุมภาพันธ์ 2551 12:48:46 น.
อืมมม แบบนี้เขาเรียกว่าแตะอั๋งรึเปล่าล่ะ ผู่จะยกตัวอย่างให้ฟังครับ
- พวกที่ยื่นมามาขอทานเราน่ะ
- พวกที่ตื๊อขายของยื่นมือมาดักหน้าดักหลังเราน่ะ
ถ้าใช่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่จ้า อิๆ
โดย: อุปนิกขิต
คืองี้ครับ ตอนที่ไปทัชมาฮาล ปู่เห็นนักท่องเที่ยวสาวสวย ดูหน้าตาแล้วคงไม่ญี่ปุ่นก็เกาหลี มากันแค่สองคนบ้าง สามคนบ้าง ปู่ก็นึกในใจครับ ว่าพวกนี้เข้าห้องน้ำกันยังไงน๊อ จะลงทุ่งเหมือนคนไทยมั๊ยน๊อ อิๆ
คือหน้าหมวยๆ สวยๆ แบบน้องโอ๋ น้องขวัญ เธอก็มากันนะครับ
และที่สำมะคัญ ปู่จับพลัดจับผลูจะได้ไปจีนเร็วๆนี้อีกแล้วครับ คงได้ไปเปรียบเทียบห้องน้ำกันล่ะครับทีนี้
โดย: อุปนิกขิต
เข้ามาขอเชิญไปที่ blog ของผมบ้างนะครับ
และขอเชิญเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทุกท่านเลยนะครับ
เนื้อหาเริ่มต้น คงมีสาระบ้าง แต่ต่อไปจะเริ่มไร้สาระ
ขึ้นเรื่อยๆครับ
ขอแนะนำคุณบู่ว่า ต่อไปอย่าได้ไปอินเดียอีกเลย
แล้วจะหาว่าไม่เตือน ไม่ใช่ว่าประเทศเขาไม่ดีหรอกนะ
แต่คุณบู่เหมือนคนอินเดียสุดๆ เดี๋ยวเขาไม่ให้ออกนอก
ประเทศ
อ้อ...เมื่อวานไปหาซื้อของตามที่บอกให้หาแล้วง่ะ
แต่ที่โลตุส แอ่น บิ๊กซี ม่ายมี....
โดย: ขอเรียนเชิญ (ฎ-ชฎา
รู้สึกว่า....................ปู่ฯ จะมองแต่
"นักท่องเที่ยวสาวสวย ดูหน้าตาแล้วคงไม่ญี่ปุ่นก็เกาหลี"
นะจ๊ะ...................
โดย: nooaoh
เป็นปลื้มซะ......
ที่ใต้ เค้าทักขวัญเป็นจีนสิงคโปร์อ่ะ ปู่.....
จ่ายยาอยู่....ก็มีภาษาต่างด้าว ยาวเป็นพรืด....ฟังม่ายทัน 5555
โดย: NuHring
อ้อ เรื่องห้องน้ำ ดาริบ่ยั่นคะ เรื่องเล็กๆ แต่ยังงี้ กัมพูชาสถาพห้องน้ำดีกว่าเยอะแหะ
โดย: ป้ากอกล้วยดาริเมยา (ดาริเมยา
โดย: แฟนไท
โดย: naragorn
เท่าที่ไปลุยลิ้มรสมาจะเป็นชาแขกครับ คงจะชาเครื่องเทศอย่างว่า คือ ชาร้อน หรือ การัมจาย จะมีวิธีปรุงเฉพาะเลยครับ โดยใช้นมสดต้มผสมกับเครื่องเทศ เช่น อบเชย หรือ ขิง แล้วค่อยใส่ผงชาทีหลัง
เรียกว่า ถ้าชอบก็ชอบไปเลยครับ แต่ก็เห็นหลายคนที่ไปก็ทานไม่ได้เหมือนกันครับ
ที่อินเดียก็หาเนื้อวัวกินไม่ได้เลยครับ ขนาด Mcdonald ยังเลี่ยงเลยครับ เพราะแขกฮินดูส่วนใหญ่จะมังสวิรัต แถมยังนับถือวัวเป็นเทพเจ้าอีก
โดย: อุปนิกขิต
นมัสเต
โดย: อุปนิกขิต
โดย: vivee_t
โดย: naragorn