
สถานที่ท่องเที่ยว : สวนสวยสุสานแต้จิ๋ว, กรุงเทพมหานคร สาทร Thailand
พิกัด GPS : 13° 42' 49.41" N 100° 31' 25.17" E
วัยกลางคนรุ่นราวคราวเดียวกับผมคงทันได้ยินชื่อป่าช้าวัดดอน สมัยก่อนมีตำนานเล่าขานความเฮี้ยนของวิญญาณไม่แพ้แม่นาคพระโขนง จนมาถึงยุคปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่อาจไม่รู้จัก เหมือนชื่อนี้ได้เลือนหายไปเกือบ 10 ปีแล้ว
ป่าช้าวัดดอนเคยเป็นสุสานขนาดใหญ่ในความดูแลของ 3 องค์กร ได้แก่ สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และสมาคมไหหลำด่านเกเต้ อาณาบริเวณครอบคลุมตั้งแต่ซอยเจริญกรุง 57 จนถึงเซนต์หลุยส์ ซอย 3 อยู่ในพื้นที่แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร ที่ดินในส่วนของสมาคมแต้จิ๋วฯ มีประมาณ 87 ไร่ เมื่อก่อนเปิดให้เข้าสุสานได้เฉพาะเทศกาลเช็งเม้งเท่านั้น ทำให้พื้นที่รกร้าง มีสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่จำนวนมาก แถมนอกรั้วบริเวณสุสานแต้จิ๋วเคยเป็นพื้นที่เสื่อมโทรม มีน้ำท่วมขัง ถึงขนาดมีศพไร้ญาตินอนแช่น้ำอย่างน่าอนาถ และกลายสภาพเป็นที่ทิ้งขยะทับถมกันของชาวบ้าน
ส่วนพื้นที่ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งกว่า 30 ไร่ดูน่าขนหัวลุกกว่าบริเวณอื่น เพราะเป็นที่ฝังศพไม่มีญาติ ศพที่ตายด้วยอุบัติเหตุกว่า 4,000 ศพ และถูกล้างป่าช้าเพื่อนำศพใหม่มาฝังอยู่ตลอดเวลา ทำให้บริเวณนี้ถูกกล่าวขวัญในเรื่องผีหลอกวิญญาณหลอนมากที่สุด
ไม่เพียงความน่ากลัวจากเรื่องอาถรรพ์ในสุสานวัดดอนเท่านั้น ความเงียบเชียบนำไปสู่ความวิเวก ไร้ผู้คนสัญจร จึงเป็นเหตุให้บริเวณนี้ขึ้นชื่อด้านอาชญากรรมจี้ปล้นด้วย
เมื่อปี 2539 ทางเขตสาทรได้เริ่มโครงการสวนสวยในป่าช้า โดยบุกเบิกนำต้นไม้ไปปลูกในป่าช้าวัดดอน บริเวณกรรมสิทธิ์ของสมาคมแต้จิ๋วฯ และเข้าไปร่วมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นแหล่งออกกำลังกายแห่งใหม่ในย่านสาทร มีลู่วิ่ง ลานกีฬา ลานออกกำลังกาย กระทั่งเกิดชมรมมากมาย และมีผู้คนมาพักผ่อนออกกำลังกายวันละกว่าพันคน ประกอบกับเกิดการตัดถนนสายใหม่ ทำให้พื้นที่รกร้างลดลง ความเปลี่ยวน่ากลัวจึงค่อย ๆ จางหาย
สวนสวยในป่าช้าแต้จิ๋วกว่า 100 ไร่ ถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย สถานที่พักผ่อน และยังคงเป็นที่ตั้งของฮวงซุ้ยเดิม เป็นการอยู่ร่วมกันและใช้ประโยชน์จากผืนดินได้อย่างกลมกลืนทั้งของคนเป็นและคนที่จากไป
ผมเข้าไปออกกำลังกายในเย็นวันหนึ่ง (ก.ย.2556) ภายใต้บรรยากาศร่มรื่น ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม เดินเพลินจนแสงตะวันลับขอบฟ้า ความมืดมิดเริ่มปกคลุม แหงนหน้ามองต้นไทรทะมึนมีรากห้อยรุงรังย้อยลงมา วิวข้างทางเป็นฮวงซุ้ยตั้งเรียงรายทั้ง 2 ฝั่ง เหมือนเตือนใจให้ปลงในเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย
บรรยากาศเริ่มวังเวง เหลียวซ้ายแลขวา เพื่อนร่วมโลกมากหน้าหลายตาที่เห็นออกกำลังกายและร้องคาราโอเกะอย่างสนุกสนานเมื่อช่วงเย็นหายไปไหนกันหมด (ว่ะ) ใจเริ่มไหวหวั่น จุดที่ผมยืนอยู่ลึกจากปากประตูเข้าออกด้วย คงไม่มีอะไรดีไปกว่าตัดสินใจจ้ำอ้าวอย่างไว ไม่ได้กลัวผีนะครับ แค่ถึงเวลากลับบ้านไปกินข้าว อิ อิ
































ป่าช้าวัดดอนเคยเป็นสุสานขนาดใหญ่ในความดูแลของ 3 องค์กร ได้แก่ สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และสมาคมไหหลำด่านเกเต้ อาณาบริเวณครอบคลุมตั้งแต่ซอยเจริญกรุง 57 จนถึงเซนต์หลุยส์ ซอย 3 อยู่ในพื้นที่แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร ที่ดินในส่วนของสมาคมแต้จิ๋วฯ มีประมาณ 87 ไร่ เมื่อก่อนเปิดให้เข้าสุสานได้เฉพาะเทศกาลเช็งเม้งเท่านั้น ทำให้พื้นที่รกร้าง มีสัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่จำนวนมาก แถมนอกรั้วบริเวณสุสานแต้จิ๋วเคยเป็นพื้นที่เสื่อมโทรม มีน้ำท่วมขัง ถึงขนาดมีศพไร้ญาตินอนแช่น้ำอย่างน่าอนาถ และกลายสภาพเป็นที่ทิ้งขยะทับถมกันของชาวบ้าน
ส่วนพื้นที่ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งกว่า 30 ไร่ดูน่าขนหัวลุกกว่าบริเวณอื่น เพราะเป็นที่ฝังศพไม่มีญาติ ศพที่ตายด้วยอุบัติเหตุกว่า 4,000 ศพ และถูกล้างป่าช้าเพื่อนำศพใหม่มาฝังอยู่ตลอดเวลา ทำให้บริเวณนี้ถูกกล่าวขวัญในเรื่องผีหลอกวิญญาณหลอนมากที่สุด
ไม่เพียงความน่ากลัวจากเรื่องอาถรรพ์ในสุสานวัดดอนเท่านั้น ความเงียบเชียบนำไปสู่ความวิเวก ไร้ผู้คนสัญจร จึงเป็นเหตุให้บริเวณนี้ขึ้นชื่อด้านอาชญากรรมจี้ปล้นด้วย
เมื่อปี 2539 ทางเขตสาทรได้เริ่มโครงการสวนสวยในป่าช้า โดยบุกเบิกนำต้นไม้ไปปลูกในป่าช้าวัดดอน บริเวณกรรมสิทธิ์ของสมาคมแต้จิ๋วฯ และเข้าไปร่วมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นแหล่งออกกำลังกายแห่งใหม่ในย่านสาทร มีลู่วิ่ง ลานกีฬา ลานออกกำลังกาย กระทั่งเกิดชมรมมากมาย และมีผู้คนมาพักผ่อนออกกำลังกายวันละกว่าพันคน ประกอบกับเกิดการตัดถนนสายใหม่ ทำให้พื้นที่รกร้างลดลง ความเปลี่ยวน่ากลัวจึงค่อย ๆ จางหาย
สวนสวยในป่าช้าแต้จิ๋วกว่า 100 ไร่ ถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย สถานที่พักผ่อน และยังคงเป็นที่ตั้งของฮวงซุ้ยเดิม เป็นการอยู่ร่วมกันและใช้ประโยชน์จากผืนดินได้อย่างกลมกลืนทั้งของคนเป็นและคนที่จากไป
ผมเข้าไปออกกำลังกายในเย็นวันหนึ่ง (ก.ย.2556) ภายใต้บรรยากาศร่มรื่น ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม เดินเพลินจนแสงตะวันลับขอบฟ้า ความมืดมิดเริ่มปกคลุม แหงนหน้ามองต้นไทรทะมึนมีรากห้อยรุงรังย้อยลงมา วิวข้างทางเป็นฮวงซุ้ยตั้งเรียงรายทั้ง 2 ฝั่ง เหมือนเตือนใจให้ปลงในเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย
บรรยากาศเริ่มวังเวง เหลียวซ้ายแลขวา เพื่อนร่วมโลกมากหน้าหลายตาที่เห็นออกกำลังกายและร้องคาราโอเกะอย่างสนุกสนานเมื่อช่วงเย็นหายไปไหนกันหมด (ว่ะ) ใจเริ่มไหวหวั่น จุดที่ผมยืนอยู่ลึกจากปากประตูเข้าออกด้วย คงไม่มีอะไรดีไปกว่าตัดสินใจจ้ำอ้าวอย่างไว ไม่ได้กลัวผีนะครับ แค่ถึงเวลากลับบ้านไปกินข้าว อิ อิ
































Create Date :04 ตุลาคม 2556
Last Update :12 ตุลาคม 2561 15:24:19 น.
Counter : 8148 Pageviews.
Comments :3
- Comment
โดย: Kavanich96
โดย: NaiKonDin
โดย: แมวเซาผู้น่าสงสาร