bloggang.com mainmenu search


ถนนสายนี้มีตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 87 หัวข้อ”ส่วนเกิน"
โจทย์โดยคุณเป็ดสวรรค์









"ส่วนเกิน ส่วนเกิน ส่วนเกิน"


อ่านโจทย์แล้ว ไม่แน่ใจว่าจะเขียนอย่างไรดี เอาประสบการณ์ที่ผ่านมาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน อ่านแล้วคงมีสาระบ้างนะคะ


ส่วนเกิน ถ้าคิดในแง่ดี (คิดบวก) ก็มีอะไรๆดีๆหลายอย่าง เช่น เรื่องการเงิน การลงทุน ส่วนเกินจากการลงทุน เป็นส่วนเกินเรียกว่ากำไร ก็เป็นสิ่งที่ดีทีเดียว การซื้อหุ้นราคาเกินกับราคาซื้อก็คือกำไร...

ในวงการสังคมของเพื่อนมนุษย์ คนที่เป็นส่วนเกินในสังคมใด เกิดจากที่สังคมคิดว่าผู้นั้นเป็นส่วนเกิน หรือผู้นั้นรู้สีกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินในที่ใด ย่อมมีความไม่สบายใจ แน่นอน

คนที่มองคนอื่นว่าเป็นส่วนเกิน ก็จะไม่ยอมรับเป็นคนในกลุ่มหรือสังคมนั้นๆ
ส่วนคนที่ถูกมองว่าเป็นส่วนเกิน ก็จะรู้สีกไม่ดี อืดอัด อาจจะออกไปจากสังคมนั้น หรือต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมนั้นๆ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของคนในกลุ่มนั้นๆ ส่วนเกินรวมถึงสิ่งอื่นๆ ด้วยวันนี้ขอเล่าถึงประสบการณ์ของจขบ. เมื่อตอนมาอเมริกาครั้งแรก








เมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้ว วันที่จขบ.เดินทางมานิวยอร์ก ซื้อตั๋วเครื่องบินกับบริษัททัวร์ ซี่งมีตัวแทนมาขายตั่วเครี่องบินถึงที่ทำงาน บอกว่าวันที่จะเดินทาง มีคนไทยมาด้วยกันเกือบสิบคน บอกว่าไม่ต้องกลัว มีคนเดินทางมาด้วยกันหลายคน ไปถึงอังกฤษจะมีคนมารับ ค้างที่นั่นสองคืน แล้วก็จะพาไปถึงสนามบิน JFK นิวยอร์ค


ขณะเดินทางก็คุยกันกับคนในกลุ่มเรา ทำความรู้จักกัน ฟังๆแล้วทุกคนก็มีคนมารับที่จุดหมายปลายทางกันทั้งนั้น จขบ.และคุณสามี มีเพื่อนคุณสามีอยู่ที่นิวยอร์กซิตี้ ติดต่อกันแล้ว เพื่อนไม่อยู่แต่จะฝากกุญแจ เพื่อนข้างห้องไว้ให้ บอกว่าไม่ต้องกลัว เพื่อนคนนั้นคุณมินจะรออยู่ แค่นั่งแทกซี่มาถึงจะมีที่พักแน่นอนก่อนเดินทางก็รู้สีกว่าคงไม่หนักหนาอะไร แค่ถึงสนามบินแล้วก็หาแทกซี่มากันสองคนไม่เห็นจะน่ากลัวอะไร...

ที่จริงเราสองคนก็วางแผนมากับเพื่อนสนิทอีกหนี่งคน ชื่อเอม(ชื่อสมมุติ) เอมมีเพื่อนสนิทชื่อนุช ที่จริงก็เป็นเพื่อนจขบ.ด้วย แต่ตอนเรียนเราก็แค่รู้จักกันไม่สนิทกัน นุชมาเมกาก่อนเกือบปีแล้ว นุชพักกับพี่ชายเป็นหมอ และพี่สะใภ้ ก่อนเดินทาง นุชบอกเอมว่ามาพักกับพี่ชายได้ จะไปรับที่สนามบินแต่ไม่ได้พูดถึงเราเลย เราก็รู้ต้วว่าเขาไม่ได้เชิญ แล้วเราจะไปไหนดี ตัดสินใจคุยกับนุชว่าขอไปพักกับพี่คุณหมอด้วยได้ไหม เราจะยินดีจ่ายค่าใช้จ่ายให้ รอคำตอบนาน ไม่ได้ข่าวเลย นุชก็คงอึดอัด ไม่กล้าบอกพี่ จริงๆแล้วถ้าไปคนเดียว เป็นผู้หญิงด้วยกันคงสะดวกขีัน แต่เราเกิดมีคุณสามีมาด้วยก็ลำบากหน่อย สำหรับการจัดที่พัก แต่แล้วเพื่อนก็ตอบมาว่าพี่เขาบอกว่าได้... (เรารู้ว่าคงไม่ค่อยได้)

เหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปตามชะตาชีวิตของคน เอมที่จะเดินทางมากด้วย โทรมาบอกคืนที่่จะเดินทางว่า ไม่ไปแล้วเพราะคุณแม่ ไม่สบายต้องเข้ารพ...
ตกลงเราไม่มีที่ไปแน่นอน ก็ต้องนั่งแท็กซี่ไปพักกับเพื่อนคุณสามีแล้ว เพราะเพื่อนเขาไม่มากับเรา ไม่กล้ารบกวนนุชให้มารับและไปพักกับพี่ชายเขาหรอก

เอมที่ไม่ได้เดินทาง ชะตาชีวิตก็พาไปในทางที่ดีทีเดียว ไม่ได้เดินทาง ดูแลคุณแม่ป่วยอยู่รพ. คุณหมอที่รักษาคุณแม่ เป็นคุณหมอที่จบจากอเมริกา ทำงานแผนกเดียวกับนุชอยู่แล้ว ก็เลยมีความสนิทสนมกันมากขีัน ตกลงแต่งงานกัน มีลูกที่น่ารักสามคน เดี๋ยวนี้จขบ.กับเพื่อนก็ยังติดต่อกันอยู่ กลับเมืองไทยเราก็ไปเที่ยวด้วยกัน จะกลับมาปลายปีนี้ เพื่อนและคุณหมอสามีก็จะไปทัวร์อีสานด้วยกัน


ขณะเดินทางจากกรุงเทพไปนิวยอร์ก น้องคนหนี่งเป็นพยาบาลเดินทางคนเดียว น้องสม(ชื่อสมมุติ) น้องสมจะมาอยู่กับเราตลอดเวลา ฝากเนื้อฝากตัว พี่หนูไปไหนๆกับพี่ด้วยนะ เราก็ให้ความสนิทสนมกับน้อง ทำให้น้องสบายใจ เราต้องอยู่อังกฤษสองวัน คุณลิซ่าพูดไทยได้มารับที่สนามบิน พาไปโรงแรมและบอกให้ เราเดินเที่ยวๆหาของทานแถวๆโรงแรม อีกสองวันจะมารับไปสนามบิน บินไปนิวยอร์ก ตลอดเวลาที่อยู่ประเทศอังกฤษ เราก็ชวนน้องสมไปทานข้าว เดินเล่นก็ชวนน้องสมไปกับเรา เราทำให้น้องไม่รู้สีกอึดอัดว่า ไปกับเราแล้วเป็นภาระหรือเป็นที่รำคาญเลย


วันที่เดินทางจากประเทศอังกฤษ คุณลิซ่ามาไปส่งสนามรับบิน เดินทางไปนิวยอร์ก ขณะที่เราพักที่อังกฤษ ก็คุยๆกับเพื่อนๆที่เดินทางด้วยกัน ทุกคนถึงนิวยอร์กก็จะมีคนมารับไปต่อ น้องสมบอกว่าสามีจะมารับที่สนามบิน ไปพักที่ตึกไทยคู่ฟ้า (คนที่เคยมานิวยอร์ก จะรู้จักตึกนี้ดี) คนไทยอยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้าหลายสิบคน ผู้จัดการของตึกน่ารัก และใจดี ให้พักกันห้องละกี่คนก็ได้ คนไทย จะอยู่กันห้องละหลายๆคน ผลัดกันนอน คนทำกลางวันก็มานอนกลางคืน ที่คนทำงานกลางคืนก็มานอนกลางวัน ห้องหนี่งอยู่กันหกถึงแปดคน แต่ห้องก็กว้างพอควร นอนพอได้ ไม่ถึงกับแน่นนัก


นักเรียนไทยอีกคน(ผู้ชาย)มากับกลุ่มเราด้วย ก็บอกว่าจะไปพักที่ตึกไทยคู่ฟ้า เหมือนกับน้องสมเลยกลายเป็นเพื่อนกัน ที่จะไปพักตึกเดียวกัน มีคนมารับด้วย จขบ.รู้สีกว่าเราจะไปอย่างไรนะ ไม่มีคนรู้จัก เพื่อนก็ไม่อยู่บอกจะฝากกุญแจเพื่อนข้างห้องไว้ให้ เราต้องนั่งแท็กซี่ไปกันเอง อยากไปพักตึกไทยคู่ฟ้ากับน้องสมจัง เพราะอย่างน้อยเขามีคนมารับ เราไม่มีคนมารับ แถมไปเองก็ไม่แน่ใจเท่าไรว่า คุณมินที่ว่าจะรอ จะรอจริงเปล่า เกิดไม่รอ เราทำไง เป็นเวลากลางคืนด้วย แต่ก็อุ่นใจนิดหน่อยเรามากันสองคน ไม่ที่ทางเลือก เราต้องไปกันเอง ออกไปที่ทางออกสนามบินหาแท๊กซี่ให้พาไปทีอาพารท์เมนต์





ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน JFK




หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองของอเมริกา ก็ดึกมากแล้วคงจะสามสี่ทุ่ม ฝนก็ตก ตอนนั้นคนที่มากับเราก็แยกย้ายกันไป ไม่พบกันแล้ว น้องสมก็ไม่เห็นแล้ว เราจะเจอกันอีกหรือเปล่าเนี่ย ... หาแท็กซีบอกที่อยู่ให้ พาเราไป ถามว่าราคาเท่าไร ตอนน้้นปี 2515 (1972) ราคา 75 เหรียญ (เหรียญละ 20 บาท) รู้สีกว่าแพงจัง แต่นั่งแท็กซี่นานมาก ฝนก็ตกแรงบ้าง ไม่แรงบ้าง มองดูรอบๆ เห็นไฟสว่างบางแห่ง บางแห่งก็มืด กลัวเหมือนกันว่าแท็กซี่จะพาไปให้ถึงที่หรือเปล่า เราคิดถูกหรือเปล่าที่มาเมกา ไม่มีคนมารับที่สนามบินเลย

... แต่ก็โชคดี แท็กซี่พาเรามาถึงตึกที่เราจะพัก คุณมินเพื่อนของเพื่อนก็รออยู่จริงๆ ที่ตึกทางเข้าห้องต่างๆ เขาจะมีชื่อคนพักเช่น 1A , 2 A ... เวลาแขกมาก็กดที่ห้อง เรากดห้องคุณมิน คุณมินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บอกว่ารออยู่ พาไปห้องเพื่อนของคุณสามี พาดูห้องครัว ห้องน้ำ บอกให้พักผ่อน นอนให้สบาย มีอะไรเรียกได้ เวลานั้นก็เกินเที่ยงคืนแล้ว บรรยากาศเย็น หนาวๆ คุณมินไปแล้ว เราอยู่ก้นสองคนที่อาพาร์ตเมนท์ เพื่อนคุณสามี รู้สีกเหงา วังเวง คิดถึงบ้านจับใจ คิดว่าเรามากันทำไมเนี่ย ร้องไห้กันโหเลย

เช้าเพื่อนของคุณสามีโทรมา เพราะรู้ว่ามาถึงอเมริกาแล้ว บอกเบอร์เพื่อนอีกคนที่อยู่ไม่ไกลกัน กลายเป็นว่าที่เราพัก ไม่ไกลตึกไทยคู่ฟ้าเลย เพื่อนอีกคนเขาพักที่นั่น บอกว่าจะมาหาแล้วก็พาไปเที่ยวนิวยอร์กซิตี้กัน พานั่งรถไฟใตัดิน และซื้อฮอทดอกให้ทานกัน บอกว่าจะถึงนิวยอร์กต้องกินฮอดดอก ไม่งั้นไม่ถึง... วันแรกเราก็ได้เที่ยว Liberty ค่อยสบายใจหน่อยมีเพื่อนใกล้ๆ

คุยกับเพื่อนคุณสามี เล่าว่าน้องผู้ชายที่มากับกลุ่มเราคนนั้นไปพักตึกไทยคู่ฟ้า มีคนฝากให้รู้จักกับเพื่อนคนนี้ อ้าว ตอนเดินทางที่อังกฤษเราก็ไม่ได้คุยกับน้องว่าไปพักกับใคร แท้จริงไปพักตึกไทยคู่ฟ้า กับเพื่อนของคุณสามีนั้นเอง ถ้าคุยกันรู้เรื่องเราคงได้ไปพักที่ตึกไทยคู่ฟ้าตั้งแต่วันแรกแล้ว คนไทยอยู่กันแยะมาก ขนาดมีคนไทยขายเครื่องกระป๋อง อาหารจากเมืองไทยที่ห้อง เราเดินไปซื้อกันได้เลย ไม่ต้องออกนอกตึก


ส่วนนุช ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน แต่เราเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน แวะมาหาและพาไปซื้อของ ทำกับข้าวอร่อยๆมาฝากหลายครั้ง ผลที่สุดก็แต่งงานกับเพื่อนของคุณสามี(ที่เราไปพักด้วย) ทำงานพยาบาล มีลูกชายหนี่งคน เราก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนนี้เพื่อนเกษียณเหมือนกัน บ้านอยู่ห่างกันพอสมควร แต่เราก็พบกันปีละหลายครั้ง ชะตาชิวิตคนเราแปลกดีนะคะ





ตึกไทยคู่ฟ้า อยู่ถนน 110 street กับถนน Broadway สะดวกมากมีร้านขายของเปิด 24 ชั่วโมง สถานีรถไฟใต้ดิน อยู่ที่หัวมุมเลย เดี๋ยวนี้ตึกนี้เป็นหอพัก ของนักศีกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย



ตึกไทยคู่ฟ้า เป็นคล้ายๆโรงแรม มีห้องเล็กห้องใหญ่ ห้องรวม มีให้เช่ารายวัน และประจำด้วย อยู๋ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ถนน 110 ตัดกับ Broadway มหาวิทยาลัยโคลัมเบียอยู่ถนน 116 ขณะนี่ตึกไทยคุ่ฟ้าเป็นที่พักของนักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

วันรุ่งขีันวันจันทร์เพื่อนคุณสามีคนนี้ก็พาไปทำบัตรเรียก Social Security เหมือนบัตรประจำตัว สำหรับไปทำงาน จะต้องมีใบนี้ น้องผู้ชายก็ไปด้วย เลยได้พบกันอีก น้องคนนี้อยู่นิวยอร์กไม่ถึงเดือนกลับเมืองไทย เพราะไปทำงานแรก คนไทยที่ตึกไทยคู่ฟ้าพาไปหางาน เกิดได้งานที่ร้านขายไก่ทอด แต่เขาต้องทำหน้าทีฆ่าไก่ทุกวัน วันละหลายสิบตัว บอกว่าทำไม่ได้ อยู่ไม่ไหว กลับเมืองไทย ไม่ได้ข่าวน้องอีกเลย

สำหรับน้องสมไปพักกับสามีอยู่ตึกไทยคู่ฟ้า เราได้พบกันอีก ติดต่อกันตลอด จนทุกวันนี้ น้องมีลูกชายหนี่ง ลูกสาวหนี่ง มีครอบครัวกันแล้ว มีหลาน
ด้วย น้องและสามีเกษียณ เดินทางมาเมืองไทยเป็นครั้งคราว คุณสามีมาซื้อบ้านที่แม่กลอง กลายเป็นคนบ้านเดียวกันด้วย เวลากลับเมืองไทยก็ได้ไปเที่ยวบ้านด้วย หลังจากพักกับเพื่อนสองสามเดือน จขบ.ก็ย้ายมาพักที่ตึกไทยคู่ฟ้า และพักอยู่เกือบ 8 ปี จากนั้นก็ย้ายไปอยู่บ้านนอกเมือง







ประสบการณ์ของทุกท่าน คงมีความรู้สีกว่าบางครั้งตัวเองเป็นส่วนเกิน หรือเหมือนกับว่าไม่ใช่ที่ของเรา (you not belong here) บ้างเหมือนกัน แต่อยู๋ที่เราจะแก้ไขหรือรับมือ กับเหตุการณ์นั้นๆอย่างไรจขบ.เอง เคยรู้สีกว่าเป็นส่วนเกิน หรือว่าเราไปที่ที่ไม่ใช่ของเราเหมือนกัน ตอนเริ่มเขียนที่บล็อกใหม่ๆ เกือบสามปีมานี้ รู้สีกอึดอัดใจมากพอควร เพราะไม่รู้จักใครเลย แถมพิมพ์ภาษาๆไทยก็ไม่คล่อง พิมพ์ผิดเยอะมาก ที่จริงเพื่อนแนะนำให้รู้จักบล็อกแกงค์มาสองปีแล้ว ชอบเข้าไปอ่านเรื่องต่างๆ ไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนมาเขียนในบล็อก พอเกษียณคุยกับเพื่อนว่า อยากเขียนหนังสือเล่าเรื่องต่างๆในชีวิตที่ผ่านมา เพื่อนก็แนะนำว่า ไม่ต้องไปเขียนหนังสือหรอก แค่เขียนลงบล็อกก่อนก็แล้วกัน ว่าจะมีคนอ่านหรือเปล่า ค่อยเขียนหนังสือ


ครั้งแรกเลยทีเดียว พิมพ์ผิดมากเลย คำว่าเกษียณนอกจากจะไม่ค่อยแน่ใจว่าสะกดถูกหรือเปล่า เกิดพิมพ์ผิดอีก พิมพ์คำว่า เกษีณณฯ ส่งออนไลด์ไปมาอ่านเองก็เห็นว่าพิมพ์ผิด เข้าไปแก้ไขไม่เป็นอีก เพราะทำบล็อกไม่เป็นเท่าไร ได้รับคอมเมนต์ของชาวบล็อกท่านหนี่ง เขียนว่า คำว่า"เกีษณณฯ" แปลว่าอะไร และมาจากไหน หาในพจนานุกรมหลายเล่มแล้วหาไม่เจอ จขบ.อ่านแล้ว รู้สีกหมดกำลังใจ รู้สีกว่าเขาคงบอกว่า you not belong here ถึงแม้คนเดียวจะมาคอมเม้นต์ มันก็ทำให้หมดกำลังใจ ได้จริงๆ เพราะเป็นงานแรก เผอิญได้รับคอมเมนท์ของน้องอ้อมแอ้ม - คนผ่านทางมาเจอ รู้สีกเป็นมิตรดี มีกำลังใจขีันหน่อย ทำให้รู้สึกว่า ลองเขียนต่อดูแล้วกัน

การเขียนบล็อกของจขบ. ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะทำได้ถึงวันนี้ ต้องใช้เวลานานทีเดียว โชคดีมีเพื่อนๆบล็อกหลายท่านช่วยสอน คุณข้ามขอบฟ้า ให้โค๊ดใส่เพลง คุณ baesian ให้โค๊ต Phostoscape และสอนย่อรูป ใส่รูปในบล็อก และคุณสิน yyswim สละเวลาดูแลสอนให้ทำบล็อก และโค๊ตต่างๆ โค๊ตใส่วีดีโอ ช่วยอ่านแก้ไขตัวสะกดผิดๆ มากมาย เป็นเวลานาน

ขอขอบคุณทุกท่านมาณ.ที่นี้ด้วยค่ะ

ดีใจที่ไม่ได้ตัดสินใจ เลิกเขียน จขบ.ได้รู้จักเพื่อนๆน่ารักหลายท่าน และสนุกกับการเขียนเรื่องต่างๆ จุดมุ่งหมายของจขบ.อยากเขียนเล่าประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมา และบางเรื่องก็อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ อยากนำข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพแบ่งปัน เพื่อทุกท่านจะได้มีสุขภาพที่ดี

จนวันนี้จขบ.ก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรหลายอย่าง ไม่นานมานี้เกิดไปก๊อปรูปจาก google search มาใส่บล็อก โดยไม่ทราบว่ามาจากไหน เจ้าของรูปมาบอกหลายครั้ง แต่จขบ.ไม่อยู่ ทำให้เจ้าของรูปไม่สบายใจอย่างมากที่มาทักแล้วไม่ตอบ แต่ที่จริง จขบ. ไม่เคยนิ่งนอนใจ เวลาเพื่อนมาทักหรือหลังไมค์ ก็จะตอบทุกท่าน เผอิญวันนั้นต้องออกไปนอกบ้านกว่าจะกลับก็เย็น เลยตอบช้า กลายเป็นสาเหตุทำให้เจ้าของรูปสงสัยว่าบอกแล้วไม่แก้ไข จขบ.เสียใจมาก ที่ไม่ได้ขออนุญาตินำภาพมาใส่บล็อก เพราะเวลาไปเอารูปมาก็ไม่รู้ที่มาที่ไป ที่จริงถ้ารู้ก็จะไม่เอามาลงเลย ทำให้หมดกำลังใจอีก ...

จขบ. อยากขอให้ท่านผู้รู้ ยิ่งเป็นนักกฏหมายก็ดีค่ะ ช่วยตอบเรือง copy rightรูป, you tube, และข้อความต่างๆด้วยค่ะ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของรูปและคนที่ก๊อปรูปมาใช้ด้วยค่ะ


จนวันนี้ จขบ.เขียนมีการผิดพลาดอยู่บ่อยๆ มีเพื่อนๆที่น่ารักและหวังดี หลังไมค์มาแนะนำเสมอ ขอบคุณนะคะ จขบ.ไม่กล้าไปคอมเมนต์เพื่อนบล็อกเท่าไร เพราะไม่แน่ใจว่าที่เขียนไปจะดีหรือเปล่า กลัวเขียนไม่ถูก กลัวจะเชย เลยไม่เขียนอะไรมาก แต่ก็อ่านทุกครั้งที่ค่ะ

จขบ.ดีใจที่มาเขียนบล็อก ทำให้ได้มีโอกาสได้พบมิตรจากหลายภาพที่จริงใจจากหลายๆท่าน ขอบคุณมาณ.ที่นี้ด้วยค่ะ


ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต



Create Date :21 สิงหาคม 2556 Last Update :22 สิงหาคม 2556 19:19:02 น. Counter : 2791 Pageviews. Comments :31