มาเที่ยวเชียงคาน จังหวัดเลย ย่อมไม่พลาดที่เที่ยวและกินค่ะ
ยามเช้ากินข้าวปุ้นที่ ร้านแม่คำหวาน ซอย เชียงคาน 14 ไปแล้ว
กินเสร็จ พวกเราก็เตรียมไปเที่ยวภูทอกกันต่อ
ป่านนี้ก็เวลาสายไปแล้วล่ะ อดดูทะเลหมอก
แต่ไม่เป็นไร ไปดูยามสาย ก็ถือว่ายังดีที่ได้มาถึง
แต่ก็ยังมีหมอกบางๆให้ดู เบื้องล่างก็สามารถมองเห็นวิวงามๆได้อยู่ค่ะ

สำคัญไม่มีคนแล้ว อิๆ
ไม่ต้องมาแย่งกันถ่ายรูปริมหน้าผา นะคะ



พวกเรานั่งรถตู้ของเรามากัน 10 คน
แต่พอมาถึงตรงปากทางเข้าภูทอก
ก็ต้องลงมา เพราะเขามีกฎต้องใช้บริการของรถของถิ่นเขาเท่านั้น
ค่าบริการคนละ 50 บาท ทั้งขาไปและขากลับ รวมแล้ว 500 บาท









ทิวทัศน์เบื้องล่างเป็นทุ่งไม้,ภูเขา และโค้งน้ำโขง สวยงามค่ะ









======================

ต่อไป นั่งรถไปอีกไม่ไกลจากภูทอก
ไปกันต่อที่ วัดพระบาทภูควายเงิน
ที่นี่มีกระต่ายเยอะเชียวค่ะ แล้วก็มี เจ้าหมูป่าแสนรู้





เอาเด็กๆมาเที่ยวด้วย เด็กๆชอบใจกันใหญ่
ที่วัดเขามีผักบุ้งให้ซื้อกำละ 10 บาท

















เด็กๆสนุกสนาน เพลิดเพลินกับการให้อาหารกับเจ้ากระต่ายน้อยแล้ว
ก็ต้องไปล้างมือให้สะอาดกันก่อนค่ะ

ต่อไปถึงเวลามื้ออาหารกลางวัน พวกเราไปกินอาหารที่แก่งคุดคู้กันค่ะ
ชิมบรรยากาศริมฝั่งโขงกับอาหารอีสาน







มาคราวนี้เป็นช่วงหน้าฝน ได้เห็นน้ำในแก่งคุดคู้หน่อยค่ะ
ป้าซิ่งเคยมาเดือนมกราคม น้ำหายเชียว เห็นก้อนกรวดเต็มไปหมด
สามารถเดินเล่นในแก่งได้เลยเชียวล่ะค่ะ









ปลานิลย่างเกลือ



กุ้งน้ำโขงแพทอด



ส้มตำแซ่บเว่อร์



กุ้งเต้น กระโดดกันหญ่าย นี่ต้องรีบเปิดแล้วถ่ายรูป แล้วรีบปิดฝาชามทันใด



ลาบเป็ด



ไก่ย่างบ้านๆอร่อย สั่ง 2 จาน หรือสองตัวเลย
ถ่ายไม่ทันค่ะ เพราะก๊วนเด็กๆคว้ากันอย่างเร็ว หมดเลย

ต่อจากนั้นไม่ไกลจากที่เรานั่งกิน ก็มีตลาด
ส่วนใหญ่ขายมะพร้าวน้ำหอมแก้วเนื้อนุ่มนิ่ม มีชื่อเสียงของแก่งคุดคู้
สดๆใหม่ๆ เก็บไม่ได้นาน แค่อาทิตย์เดียวต้องกินให้หมดค่ะ
ไม่งั้นเวลากินจะเหม็นหืน
กินตอนซื้อมาใหม่ๆอร่อยที่สุด เนื้อนุ่ม หอมอร่อย





รูปเขียงไม้ หั่นของเสร็จก็ปัดลงหลุมอีกด้านได้
มีด้ามถือเตรียมเทของ ไปลงกะทะหรือหม้อได้เลย สะดวกดี