bloggang.com mainmenu search
{afp}
บุคคลในอินเตอร์เนตคนหนึ่ง ซึ่งมีตัวตนชัดเจน ไม่ปิดบัง แถมยังมีความสามารถในหลายๆด้าน เป็นบุคคลที่รู้จักกันดีโดยเฉพาะห้องเฉลิมกรุง เฉลิมไทย ห้องกล้อง แห่งเวป pantip.com ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ดนตรี เพลง คอนเสิร์ต หรือการถ่ายภาพงานประเภทนี้ เขาให้ความสนใจในการร่วมเสวนาด้วยเสมอ โดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เขากลายเป็นเทพคนหนึ่งในสายตาของคนในอินเตอร์เนต ในเรื่องฝีมือการถ่ายรูป

ผมรู้จักชื่อ กึ่งยิงกึ่งผ่าน มานานตั้งแต่เขาเริ่มใช้ชื่อนี้ในอินเตอร์เนตเลยทีเดียว ในมุมที่ผมเห็นชาย(กึ่ง)กลางคนๆนี้ เขามีอารมณ์ขัน ยิ้มแย้มเสมอ คุยสนุก เป็นที่รักของเพื่อนๆ แม้จะเจอกันแค่ตัวอักษรก็ตามที ถ้านับถึงปีนี้ น่าจะเป็นปีที่ 12 แล้ว ที่ผมรู้จักกับเขา นอกจากเขาจะเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาแล้ว ความไม่ธรรมดาก็มีอยู่ด้วยมากมายในตัวเขา มาทำใจและทำความรู้จักหนุ่มเหลือน้อยคนนี้ จากการบทสัมภาษณ์เหล่านี้กันครับ



========================================

Musica Amante : พื้นเพคุณเป็นคนที่ไหน

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : เป็นคนโคราชครับเด็กๆ อยู่โคราช เรียนเริ่มต้นที่นั่น โตที่นั่น แล้วก็มาเรียนระดับอุดมศึกษาที่กรุงเทพ ด้านคอมพิวเตอร์ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ลาดกระบัง

ก่อนหน้านั้น ก็เรียนที่โคราชมาตลอด พ่อแม่เป็นคนอีสานโดยตรง เรียนคอมพิวเตอร์นี่จริงๆแล้ว ผมสนใจตั้งแต่ช่วงมัธยม ที่โรงเรียนเค้าเริ่มมีห้องคอมพิวเตอร์ ช่วงนั้นไมโครซอฟท์ ยังไม่มีเลยครับ อินเตอร์เนตยิ่งไม่มีเลย

Musica Amante : อินเตอร์เนตอาจจะมีแล้ว แต่ยังไม่แพร่หลายมาถึงเรา

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ใช่ครับ สมัยนั้น DOS เพิ่งจะเริ่มเองมั๊ง ก็สนใจเรื่องคอมพิวเตอร์ มันเป็นความรู้นอกวิชาเรียน พอจบมัธยม ก็สอบเอ็นทรานซ์เหมือนคนอื่นทั่วๆไป แต่ผมดันทะลึ่งไปหน่อย ประมาณว่า ผมเรียนสายวิทย์คณิตฯมา แต่ก็ไปลงเลือกสายศิลป์หมดเลย แล้วมันก็ไม่มีความรู้ที่จะเอาไปสอบไงครับ คือผมชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว ก็เลยไม่ติด แต่ก็ไปติดที่ราชมงคลตะวันออกเฉียงเหนือ ที่โคราชนั่นแหละครับ ก็เลยอยู่โคราชยาวเลย จนเรียนที่นั่นจบแล้วก็เลยมาสอบเข้าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องที่ลาดกระบัง เป็นหลักสูตรที่เอาพวกปวช. ปวส.มาเรียนต่อเนื่อง เป็นสาขาวิศวคอมพิวเตอร์ เรียนทางด้านการเขียนซอฟท์แวร์, การออกแบบซอฟท์แวร์, แล้วก็มีการวิเคราะห์ CPU การออกแบบCPUออกแบบยังไง ,เมมโมรี่ การจัดเพจจิ้ง การสว๊อปข้อมูลในตัวCPU, Mainboard อะไรอย่างนี้ครับ

Musica Amante : เป็นหลักสูตรที่เรียนทั้ง Hardware และ Software เลยหรือ

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ใช่เลยครับ ข้อสอบจะมีให้ออกแบบ CPU ด้วย หลักสูตรปกติก็ 4 ปี

Musica Amante : หลังจากจบแล้ว ไปไหน

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : จบแล้วก็ทำงาน เหมือนคนทั่วไป พอเริ่มทำงานได้นิดหน่อย ที่ทำงานก็มีอินเตอร์เนตใช้ ซึ่งมันเป็นของใหม่ในยุคนั้น ความจริงได้สัมผัสอินเตอร์เนตตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว สมัยนั้น ไมโครซอล์ฟยังไม่สนใจอินเตอร์เนต สมัยนั้น Browser ยังไม่มี Internet Explorer ตอนนั้นเป็น Netscape ดังมาก บน Windows ไม่มีอินเตอร์เนต ก็ใช้เครื่อง Linux เอา เป็นของห้องแลป อะไรประมาณนั้นครับ ตอนนั้นผมใช้อินเตอร์ในห้องแลป เพื่อหา Tab กีตาร์เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก ก็จะมีหัดเขียนเวป HTML บ้าง นิดๆหน่อยๆ

ช่วงที่ผมเรียนมหาวิทยาลัยนี่ จะเป็นช่วงที่เล่นกีตาร์เยอะมาก ถ้าไม่นับเรื่องการเรียนนะครับ บางทีเพลงฝรั่งยากๆนี่เราแกะยังไง บางทีก็แกะลำบาก ก็เลยไปหาเอาในอินเตอร์เนต ซึ่ง Tab มันก็จะมาแบบเง่าๆเลยครับ มันก็คือเอา Text มาเรียงๆต่อกัน เอา เครื่องหมายลบๆๆๆ มาเรียงต่อกันเป็นเส้น แล้วก็ใส่เลขลงไป
ไม่เหมือนโปรแกรม Tab สมัยนี้ ดูหรูหรา มีโน้ตบรรทัดให้ด้วย มีอะไรให้เห็น

Musica Amante : มันหมายถึงว่า มันเริ่มได้รับความนิยมกว้างขวางมากขึ้นแล้ว

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ใช่ครับ แต่ตอนนั้นของไทยเรา ยังแทบไม่เห็นอะไรเลย tab นี่เวปของไทยไม่มีเลย ที่ผมเอามา ก็มาจากเวปฝรั่ง ตอนนั้น Google ยังไม่มี ผมก็ใช้ Yahoo search เอา พอได้เริ่มใช้หลังจากมาทำงานแล้ว ก็เริ่มเห็นว่าเมืองไทยมันมีเวปเพจแล้วหละ ก็ท่องไปเรื่อย จนวันหนึ่ง มีหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นี่แหละ พูดถึงเวป pantip.com ก็ลองเข้าไปดู เฮ้ย....สนุกดีนี่ อย่างเรา ชอบฟังดนตรี ชอบดูภาพยนตร์อยู่แล้ว ก็จะมีห้องเฉลิมไทย ก็จะเข้าไปเล่น ก็รู้สึกสนุก ตอนนั้นใช้ชื่อว่า Over คือเป็นชื่อที่ Refer ถึงได้ว่า ใครที่เคยรู้จักผม จะรู้จักชื่อนี้ เป็นชื่อที่มาตั้งแต่มัธยม

Musica Amante : อ๋อ เป็นชื่อที่ถูกเรียกมาตั้งแต่เด็กแล้วเหรอ

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ใช่แล้วครับ หลังจากนั้น ก็เริ่มรู้จักคนในสังคมอินเตอร์เนตมากขึ้น รวมถึงพี่ด้วย ผ่านทางหน้าเวป ซึ่งสมัยนั้นมันไม่เหมือนสมัยนี้ สมัยนั้น เหมือนชุมชนเล็กๆ มีคนไม่กี่ร้อยคน

Musica Amante : สมัยนั้นที่พูดถึงนี่ ประมาณปี 40 ก็ 12 ปีแล้วนะ

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ใช่ครับ ตอนนั้นเข้าใจว่า ไม่กี่ร้อยคน ไม่น่าจะถึงพันคนด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ก็จะรู้จักกัน พูดคุยหยอกล้อกัน สนุกสนานเฮฮากันไป มีเพลงอะไรใหม่ มีหนังอะไรใหม่ ก็สนุกกันไป เดี๋ยวนี้หลายๆคนที่รู้จักกันตอนนั้น ก็โด่งดัง มีชื่อเสียงกันไปเยอะแยะ อย่างเช่น หนุ่ย พงศ์สุข ก็รู้จักกันตั้งแต่ต้น ใช้ชื่อว่า นักเรียนละคร หรือนายสนุกแห่งสนุกดอทคอม(ในช่วงเริ่มต้น) ตอนนั้นเขาก็เล่นอยู่ที่นี่ หรือ บอย ตรัย (Friday) อย่างเนี๊ยะ

Musica Amante : ใช่ๆตอนนั้นใช้ชื่อว่า เฉียวฟง เดี๋ยวนี้หายไปแล้ว ไม่ใช้ชื่อนี้แล้ว

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ที่บอยไม่ได้ใช้เฉียวฟง ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก บอยลืมพาสเวิร์ตน่ะ(หัวเราะ) เลยเข้าไม่ได้, ปอย Portrait เงี้ยะ ก็จะวนๆเวียนๆกันอยู่ประจำ หรือแม้กระทั่งพี่ดี้ นิติพงษ์ ก็รู้จักกันผ่านอินเตอร์เนตมาก่อน ทุกวันนี้ คนเหล่านี้ก็ยังอ่านๆกันอยู่ ที่รู้เพราะว่า ตอนหลังก็เจอกันตัวเป็นๆบ่อยๆ

Musica Amante : ผมว่า คนพวกนี้ยังเข้ามาอ่านกันอยู่ เพียงแต่ วัยมันพ้นไป มันก็เปลี่ยนสถานภาพไปบ้าง จากที่เคยคุยด้วย ก็กลายมาเป็นอ่านอย่างเดียว แล้วก็ทำหน้าที่การงานของตัวเองไป ไม่ถึงกับผูกพันมากๆเหมือนยุคแรกๆ

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ของผมก็อ่านน้อยลงเยอะครับ แต่ก่อนนี้ ไม่มีกระทู้ไหน ไม่ผ่านตา เดี๋ยวนี้ก็แบบว่าไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ตอบเท่าไหร่ บางทีกลับถึงบ้านถึงจะค่อยได้ตอบ ประมาณนี้

Musica Amante : ขนาดบอกว่าไม่ค่อยได้เข้ามาดู ผมก็ยังเห็นคุณแจมไปทั่วหลายห้องนี่ กว้างมากเลย หรืออาจจะเป็นเพราะว่า ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี่ มันทำให้เราเข้าถึงเรื่องราวที่เราสนใจได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น การมีเครื่องมือสื่อสารภายในเวปช่วยระหว่างสมาชิก แบบนี้

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ใช่ด้วยครับ แต่ผมว่า บางทีมันอาจจะเป็นที่ พี่น่ะ สนใจแบบเดียวกับผม ก็เลยไปเห็นผมบ่อยในเรื่องที่ผมได้ตอบ ด้วยก็ได้

Musica Amante : สมัยก่อน เคยเห็นคุณวาดการ์ตูนได้ด้วย จำได้ว่า ลายเส้นสวยมาก ผมยังเคยคิดว่า เฮ้ย คนนี้ถ้ามันเอาดีทางด้านนี้ ได้เลยนะ เคยคิดเอาดีทางด้านนี้มั๊ย

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : เคยคิดครับ ผมเคยเขียนการ์ตูน ลงหนังสือของวิบูลย์กิจ คือสมัยเมื่อ 15-16 ปีที่แล้ว สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจเขาส่งเสริมการ์ตูนไทย แล้วมีหนังสือพวกประมาณ ลายเส้น หนังสือไทยคอมมิค อะไรพวกนี้ ผมก็เป็นคนชอบวาดรูป ผมก็วาดไปเรื่อย บางทีมีโครงเรื่องมีอะไร ก็วาดส่งไป เรื่องแรกที่ได้ลง จะเป็นเรื่องราวทั่วๆไป แบบมองเห็นอนาคต แล้วจะต้องไปแก้ไขไม่ให้มันเกิดเหตุร้ายขึ้น คือเห็นหายนะ

พอผ่านมา เฮ้ย...มันเหมือนเรื่องท้าฟ้าลิขิตเลย แต่เขาเกิดหลังผม หลายปี เสร็จแล้วมาซักพักนึง เฮัย เหมือน Final Destination เลย อย่างเรื่องล่าสุด ก็เหมือน Knowing ของ นิโคลัส เคจ ความจริงผมก็ไม่ได้ว่าอะไร มันเป็นพล๊อตเรื่องสากลอยู่แล้ว มันมีโอกาสคล้ายกันได้ แล้วก็หยิบมาขยายกันออกไป

นั่นแหละ ผมก็เขียนอยู่พักนึง พอเรียนจบทำงาน ก็ไม่มีเวลาวาดอีก ก็ยังวาดสนุกๆอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้อะไรมากมาย ก็อยู่แค่นั้น นานๆจะวาดซักที

Musica Amante : แล้วไม่ได้คิดจะสานต่อในวิชาชีพสายนี้เหรอ

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ผมมองว่าเมืองไทยเรามันยังไม่เหมือนญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นเรื่องวาดรูป วาดการ์ตูน มันเป็นงานที่คนนับหน้าถือตา เป็น "เซ็นเซ" บ้านเราใช้คำใกล้เคียงแปลว่า อาจารย์ แต่ไม่ใช่พวก Teacher หรือ Professor อะไรนั่นนะ อันนี้ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน คนในห้องการ์ตูน น่าจะรู้ดี แต่บ้านเรานี่ต้องทำอย่างอื่นไปด้วย ลำพังถ้าทำอย่างนี้อย่างเดียวมันไม่พอกินครับพี่

Musica Amante : ก็พอทำให้รู้ว่า เรามีพรสวรรค์ทางด้านนี้เหมือนกัน ถึงเลือกที่จะเรียนศิลปะ ทั้งๆที่เรียนมาทางด้านวิทย์

ได้ยินมาอีกว่า คุณเคยเป็นนักดนตรี ถึงขนาดเคยทำมาหากินด้วยการเล่นดนตรีด้วย

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : คือชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็กเลย แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก ทีนี้พอเรียน ปวส.ก็เริ่มหัดกีตาร์ พอเข้ามหาวิทยาลัยปั๊บ ก็เริ่มสนุกแล้ว มีเพื่อนมีอะไรที่เล่นดนตรีด้วยกันเยอะ วันหนึ่งเพื่อนก็ชวนไปเล่นผับ ผับเพื่อชีวิต แถวๆมหาลัย ร้านเล็กๆ

Musica Amante : เล่นแบบสนุกๆ หรือเล่นแบบทำมาหากินเลย

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ก็เล่นเอาตังค์น่ะครับ (หัวเราะ) ช่วงนั้น เรียนก็ไม่ขอตังค์พ่อแม่ ยกเว้นขาดเหลือจริงๆ

Musica Amante : ไปเส้นทางนี้อยู่นานมั๊ย

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ประมาณ 2 ปี ในช่วงที่ยังเรียนอยู่นั่นแหละครับ เสร็จแล้วช่วงปีสุดท้าย เกรดเราไม่ค่อยดีแล้ว เพราะว่าวิถีของนักดนตรี คือ นอนดึกมาก ตื่นมา ต้องแกะเพลงจนเย็น แล้วก็ไปเล่น ก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ ทำให้การเรียนมันไม่ค่อยดี

พอปีสุดท้ายก็เลยขอพี่ที่ร้านเขา บอกว่า ผมไม่เล่นแล้วนะ ผมจะทำคะแนนสอบให้มันได้ดีๆ ก็คือ จาก สองกว่าๆระเรี่ยหนึ่งน่ะครับ พรวดกลับมาเป็นสามกว่า บอกแม่ แม่ตกใจบอกว่า โกหกไม่ดีนะลูก (หัวเราะ)

จริงๆแล้ว เรื่องเรียน ผมเป็นคนโอเคไง แต่มันมักจะเฉไปทางโน้นทางนี้เรื่อย เล่นดนตรี ก็ทำให้ได้อะไรเยอะ คือฝึกเรื่องหู การแกะเพลง การฟัง การร้อง เพราะผมมันร้องด้วย

Musica Amante : เล่นเครื่องดนตรีอะไรบ้าง

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : กีตาร์โซโล่ ครับ ในวงจริงๆมี 2 คน เล่นเป็นโฟล์ค ผมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ทีนี้พี่ที่อยู่วงก่อนหน้านั้นเขาอยากแจมด้วย เขาก็เลยมาเล่นกลอง มีกีตาร์ 2 ตัว มีกลองตัวหนึ่ง ไม่มีเบส เล่นเป็นแบบนั้น ออกแนวอะคุสติก เพื่อนเป็นคนร้อง แต่เพลงไหนเสียงสูงๆเพื่อนร้องไม่ถึง เพื่อนก็จะหันมา เฮ้ย เอาไป ก็ประมาณนั้นครับ เพลงเล่นอยู่ในร้านเพื่อชีวิต แต่จริงๆ ไม่ใช่เพื่อชีวิตเลย จะมีเพลงที่เล่นจริงๆ อย่างของมาลีฮวนน่า คาราบาว แต่ผมจะเล่นพวก บัลลาดร๊อก พวก Scorpions พวก Black Sabbath, Eagles อะไรพวกนี้น่ะครับ เพลงยุค 70 ที่มันดังๆน่ะครับ เนื่องจากต้องแกะเพลงพวกนี้ทำให้รู้ว่า โน้ตดนตรีมันสวยงามมาก ก็ทำให้เริ่มศึกษา หาความรู้มากขึ้น

ช่วงนั้นก็โชคดี ได้หนังสือ Overdrive ออกมาพอดี ก็เลยสวรรค์โปรด มาฝึก อ่านตาม คอลัมน์นี้ๆ ทำให้ได้ไอเดียในการฝึกเยอะครับ ทุกวันนี้ก็ยังตามอ่านอยู่ แล้วตอนหลังเขามาเปิดร้าน Overtone ตอนหลังเราเข้ามาทำงานในเมืองแล้ว ก็เลยเข้าแวะเวียนร้านเขาบ่อยจนสนิทกับที่ร้านเขาไปเลย ตั้งเต่ร้านเปิดแรกๆ ผมไปตลอด แล้วก็ทำให้มีโอกาสได้รู้จักเพื่อนๆนักดนตรีเยอะด้วย ประมาณนี้ครับ


หนึ่งในผลงานที่เขากล่าวถึง(ในตอนหน้า)
==================================

งั้น ตอนแรก ก็จบประมาณนี้ก่อนครับ
Create Date :30 กันยายน 2552 Last Update :30 กันยายน 2552 21:54:19 น. Counter : Pageviews. Comments :15