bloggang.com mainmenu search


จขบ. เห็นภาพวาดของท่าน Monet ใน Face Book ที่มักนำภาพสีน้ำมันมาให้ชม มีตั้งแต่ภาพที่ผู้คนส่วนใหญ่เคยเห็น เคยรู้จัก และภาพที่อาจไม่ค่อยได้เห็น เมื่อเห็นครั้งแรกก็มักจะคิดถึงการปลดปล่อยอารมณ์ต่อความรู้สึกที่เห็น ไม่ได้เน้นที่ความเหมือน ภาพเหล่านี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนอยากวาดภาพบ้าง ผมจึงอยากรู้ประวัติศิลปินท่านนี้ให้มากขึ้น จึงรวบรวมเท่าที่ทำได้ครับ

โกลด มอแน (Claude Monet) หรือ อ็อสการ์-โกลด มอแน (Oscar-Claude Monet : 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2383 - 5 ธันวาคม พ.ศ. 2469)  จิตรกรชาวฝรั่งเศส เป็นผู้จุดประกายสำคัญในศิลปะ Impressionism การวาดภาพที่เน้นถึงความประทับใจในสิ่งที่เห็น ไม่จำเป็นต้องทำให้เหมือนจริง 

Monet เกิด 14 พฤศจิกายน พ.ศ 2383 ที่ปารีส เป็นลูกชายคนที่สองของโกลด อาดอลฟ์ และลุย จุสตีน ผู้เป็นพ่ออยากให้ลูกชายเปิดร้านขายของชำ ซึ่งสวนทางกับท่านที่อยากเป็นศิลปินมากกว่า

1 เมษายน พ.ศ. 2394 ท่านเรียนศิลปะที่เลออาฟวร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนในระดับมัธยม เป็นที่รับรู้กันว่าท่านมีฝีมือในการวาดรูปการ์ตูนด้วยสีถ่าน  ท่านได้เรียนการเขียนภาพคนจากฌัก-ฟร็องซัว โอชารด์ (Jacques-François Ochard)  หลังจากนั้น 5 ปี ท่านได้พบกับยูจีน บูแดง (Eugène Boudin)บรมครูที่สอนการวาดภาพทิวทัศน์นอกสถานที่ 

Monet ไปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่ปารีส พบว่าภาพวาดที่เห็นในนั้นเป็นภาพที่ลอกมาจากภาพจิตรกรชั้นครูที่มีชื่อ ท่านไม่เห็นด้วยกับวิธีนั้น เมื่อกลับถึงบ้าน จึงเอาขาหยั่งไปตั้งริมหน้าต่างและวาดภาพที่เห็นนอกหน้าต่าง ท่านอยู่ปารีสเป็นเวลาหลายปีและได้พบจิตรกรร่วมสมัยหลายคน เพื่อนคนหนึ่งของท่านคือเอดวด มาเนท์

มีนาคม พ.ศ. 2404 ท่านสมัครเป็นทหารในประเทศแอลจีเรีย  เป็นทหารอยู่ได้สองปีก็ลาออกเนื่องจากป่วย กลับไปเรียนศิลปะต่อที่มหาวิทยาลัย ท่านไม่พอใจกับการสอนของมหาวิทยาลัยในสมัยนั้น จึงไปเรียนรู้ศิลปะกับมาร์ค ชาร์ล เกเบรียล เกลร์ (Marc-Charles-Gabriel Gleyre) ที่ปารีส

ที่นี่ ท่านได้พบปีแยร์ ออกุสต์ เรอนัวร์, เฟรเดริก บาซีย์ และอัลเฟรด ซิสลีย์ ทั้งสามคนสนใจการวาดภาพแนวใหม่เหมือนกัน ว่าด้วยแสงและความรู้สึกที่เห็นในขณะนั้น วาดด้วยฝีแปรงที่หยาบ เป็นที่มาของ อิมเพรสชั่นนิสม์





พ.ศ. 2409  ท่านวาดภาพ “กามีย์” (Camille) และ “ผู้หญิงในชุดเขียว” (La Femme à la Robe Verte) ซึ่งเป็นภาพที่นำชื่อเสียง และเป็นภาพในบรรดาหลายภาพที่ท่านวาดโดยมีกามีย์ ดองโซเป็นแบบ หลังจากนั้นไม่นาน จิตรกรท่านนี้กับกามีย์ก็มีลูกคนแรกด้วยกัน

หลังจากเกิดสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียเมื่อ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2413 ท่านลี้ภัยไปอยู่อังกฤษ ระหว่างนั้น ได้เรียนรู้การวาดภาพทิวทัศน์จาก จอห์น คอนสเตเบิล (John Constable) และ โจเซฟ มัลลอร์ด วิลเลียม เทอร์เนอร์ (Joseph Mallord William Turner) ซึ่งมีอิทธิพลต่อการใช้สี

พฤษภาคม พ.ศ. 2414  ท่านย้ายจากลอนดอนไปซานดาม (Zaandam) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่นี่ ท่านวาดภาพได้ถึง 25 ภาพ ต่อจากนั้นท่านไปอัมสเตอร์ดัม ท่านย้ายกลับปารีสอีกครั้ง อาศัยอยู่ที่อาร์ฌ็องเตย (Argenteuil) ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมฝั่งแม่น้ำเซนใกล้ปารีส ภาพที่มีชื่อเสียงของท่านเกิดที่นี่ 



2 ปีต่อมา ท่านวาดภาพ “Impression, Sunrise” (ความประทับใจของพระอาทิตย์ขึ้น) ซึ่งเป็นภาพวิวของเลออาฟวร์ 

28 มิถุนายน ค.ศ. 2413 ท่านสมรสกับกับกามีย์ ดองโซ  6 ปีต่อมา ภรรยาของท่านป่วย หลังจากมีลูกคนที่สอง ในที่สุดก็เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 32 ปีด้วยวัณโรค ท่านวาดภาพกามีย์บนเตียงที่กามีย์นอนป่วยด้วย

ท่านโศกเศร้ากับการตายของภรรยาอยู่หลายเดือน ท่านสัญญากับตนเองว่าจะไม่ยอมอยู่อย่างยากไร้อีก จึงวาดภาพอย่างเอาจริงเอาจัง สร้างงานที่ดึที่สุด ท่านวาดภาพทิวทัศน์ของฝรั่งเศสฝากไว้ให้กับประเทศจำนวนมาก

พฤษภาคม พ.ศ. 2426 ท่านเช่าที่ดินสองเอเคอร์ที่จิแวร์นีย์ ตัวบ้านมีโรงนา ใช้เป็นห้องวาดภาพ วิวบริเวณนั้นก็น่าวาดภาพมาก ฐานะของท่านเริ่มดีขึ้น เมื่อพอล ดูรานด์ รูลเป็นนายหน้าขายภาพเขียนให้ ในปี พ.ศ. 2433 ท่านมีฐานะดีพอที่จะซื้อบ้านและที่ดินเป็นของตนเอง และขยับขยายห้องวาดภาพให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรับแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามา

พ.ศ. 2423-2469 ท่านวาดภาพหลายชุดเพื่องานแสดงภาพเขียน ซึ่งแต่ละชุด ท่านจะวาดวิวในสถานที่เดียวกัน อาจต่างกันที่เวลา มุมมอง และอากาศที่แปรเปลี่ยนไป เช่น ภาพชุดกองฟางที่เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2433-2434 ภาพเขียนชุดอื่นๆ ได้แก่ ชุดมหาวิหารรูอ็อง, ชุดต้นพอพพลา, ชุดตึกรัฐสภาอังกฤษ, ชุดยามเช้าบนฝั่งแม่น้ำเซน, และชุดดอกบัวที่จิแวร์นีย์

บางครั้งท่านก็วาดทิวทัศน์ในสวนซึ่งท่านจัดการตกแต่งไว้อย่างสวยงามที่บ้านจิแวร์นีย์ ซึ่งเป็นสวนที่มีสระน้ำ, สะพานเล็กๆ ข้ามสระ, ต้นวิลโลร้องไห้, และดอกบัว ซึ่งสวนจริงนั้นยังมีให้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ นอกจากนั้นก็ยังเดินขึ้นล่องริมฝั่งแม่น้ำเซนเพื่อเขียนรูป

ระหว่างปี พ.ศ. 2426 ถึง พ.ศ. 2451 ท่านเดินทางไปเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อวาดภาพวิว เมื่อไปเวนิส ท่านวาดภาพชุดเมืองเวนิส และที่ลอนดอน เป็นภาพชุดของตึกรัฐสภาอังกฤษ และสะพานชาริงครอส



ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านวาดภาพชุด “วิลโลร้องไห้” (Weeping Willow) เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวฝรั่งเศสผู้เสียชีวิตในสงคราม ท่านได้รับการผ่าตัดต้อสองครั้งในปี พ.ศ. 2466 มีผลต่อสีของภาพเขียนๆ ระหว่างที่เป็นต้อจะออกโทน นอกจากนั้นมอแนยังสามารถมองเห็นคลื่นแสงอัลตราไวโอเล็ทที่ตาปกติจะมองไม่เห็น น่าจะส่งผลต่อการเห็นสีของท่าน

ท่านเสียชีวิตจากโรคมะเร็งที่ปอดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2469 เมื่ออายุ 86 ปี 



Anglers on the Seine



Argenteuil, Late Afternoon



Arm of the Seine near Giverny at Sunrise



At Cap d'Antibes, Mistral Wind



At Les Petit-Dalles



Bennecourt



Block of Rocks at Port-Goulphar



Bordighera



Belle-Ile, Rocks at Port-Goulphar



Argenteuil, Late Afternoon



Banks of the Seine at Lavacourt



Roses in the Garden at Montgeron



Morning on the Seine



La Grenouillere



Water-Lilies



VIew Field of Tulips in Holland



View Yachts at Argenteuil



The Japanese Bridge



Road by Saint-Simeon Farm



Still Life with Melon



The Seine at Port-Villes, Clear Weather



Bennecourt



The Rock Needle Seen through



Fishing Boats off Pourville



Stormy Seascape



Farm near Honfleur



Farmyard in Normandy



Cliff near Dieppe



The Road in Vetheuil in Winter



Flowers at Vetheuil



A Basket of Apples



After the Rain
Diarist Blog
Create Date :24 มกราคม 2561 Last Update :4 กุมภาพันธ์ 2561 10:37:11 น. Counter : 16567 Pageviews. Comments :52