ทูตสหรัฐตั้งโต๊ะแถลงบอกรักในหลวงเตรียมเข้าร่วมโครงการปั่นเพื่อพ่อพล.อ.ประวิตรแนะทูตให้คิดก่อนพูด
พล.อ.ประวิตรแนะทูตสหรัฐคิดก่อนพูด กลิน เดวีส์ตั้งโต๊ะแถลงยืนยันเคารพรักในหลวงพร้อมร่วมโครงการปั่นเพื่อพ่อหลังวิจารณ์กฎหมายอาญาม.112 วอชิงตันไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆหรือไม่เรียกทูตกลับ แต่กลับสร้างความขุ่นเคืองให้ชาวไทย
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าหลังจากนายกลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยเข้าพบตามกำหนดที่ไว้ล่วงหน้ากรณีมีคนไทยปลุกกระแสโจมตีนายกลิน เดวีส์หลังจากวิจารณ์กฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ว่าควรคิดก่อนเวลาจะพูดอะไร
พร้อมกับยอมรับว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารได้ให้ความสำคัญ ไปดู ไม่มีรัฐบาลจากรัฐประหารไหน เขายอมขนาดนี้หรอก เราให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชน และให้เสรีภาพมาก ขนาดหนังสือพิมพ์ ยังเขียนเต็มที่ จริงมั่งไม่จริงมั่งเราพยายามทำเต็มที่ เพื่ออนาคตของประเทศ เพิ่อให้เป็นประชาธิปไตยที่ถาวร แต่ต้องรอหน่อย เรากำลังวางรากฐานความเข้มแข็ง เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยในอนาคต ไม่ใช่มาแก้ปัญหาแบบวันต่อวัน และสร้างพื้นฐานความมั่นคงในอนาคต
พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าในอาเซียนประเทศไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีเป็นห่วงว่าจะล่มสลายกันก่อนการเลือกตั้งปี 2560 พลเอกประวิตรตอบว่า ต้องมีเลือกตั้งสิ เพราะเราต้องเดินไปตามโรดแมป แต่ก็คิดกันไว้ว่า ถ้าไปไม่ได้จะทำยังไง แต่ตอนนี้ พอไปได้ก็ต้องไป สื่อก็ต้องช่วยกันด้วย
ขณะเดียวกันนายกลิน ที.เดวีส์ ก็เปิดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนในวันที่ 30 พฤศจิกายน โดยกล่าวถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐรวมถึงจีนว่าเขาไม่หวั่นเกรงว่าจะสูญเสียไทยไป (ให้จีน)เพราะไทยยังไม่ได้สูญเสียอะไร พร้อมกับกล่าวว่าเป็นเรื่องดีที่ไทยมีความสัมพันธ์กับจีน รวมทั้งสหรัฐก็มีความสัมพันธ์กับจีนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐดูเหมือนจะมีรอยร้าวหลังจากการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ทั้งที่ไทยกับสหรัฐเป็นมิตรประเทศกันมาอย่างยาวนาน สหรัฐประกาศลดระดับความร่วมมือทางทหารรวมทั้งการฝึกครอบบร้าโกลด์ แต่จะรื้อฟื้นกลับขึ้นมาอีกหลังจากที่ไทยจัดการเลือกตั้งทั่วไป
นายเดวีส์กล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐนั้นลึกซึ่งมาก โดยมีความสัมพันธ์กันทุกด้าน เราทำงานร่วมกันในเรื่องของการปราบปราม,ความมั่นคง,สภาพแวดล้อม,ปัยหาผู้อพยพ,การค้ามนุษย์ การทำงานร่วมกันทั้งสองประเทศสร้างผลประโยชน์ทางความสัมพันธ์กันด้วยดี
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่านายเดวีส์เองเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 9 สัปดาห์ก็สร้างความขุ่นเคืองให้ประเทศไทยและชาวไทยจำนวนมาก ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนหลวงปู่พุทธอิสระนำกลุ่มผู้ประท้วงชุมนุมหน้าสถานทูตอเมริกัน แม้รัฐบาลห้ามการชุมนุมทางการเมือง เพื่อยื่นหนังสือประท้วงที่นายเดวีส์จาบจ้วงวิจารณ์กฎหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพ
ภายหลังจากเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมานายเดวีส์ได้รับเชิญจากสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแล้ววิจารณ์กรณีที่ศาลทหารไทยสั่งจำคุกพลเรือนเป็นเวลายาวนานอย่างไม่เคยมีมาก่อนที่ละเมิดกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ หรือกฎหมายอาญามาตรา 112
อย่างไรก็ตามการวิจารณ์ของนายเดวีส์คาดว่าวอชิงตันจะไม่มีเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ แต่กับประชาชนคนไทยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้กับนายเดวีส์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนว่าหากมีการวิจารณ์ประเด็นนี้อีก ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับอเมริกาอาจได้รับผลกระทบนั้นนายเดวีส์ตอบว่า หวังว่าความสัมพันธ์ทางการค้าควรแยกออกจากประเด็นทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้นำไทย
ถ้าเหล่าผู้นำทางการเมืองต้องการนำสองเรื่องนี้มาเป็นเรื่องเดียวกัน ก็แล้วแต่พวกเขา ตามใจเขานายเดวีส์กล่าว
เอกอัครราชทูตสหรัฐเปิดเผยว่าเขาจะเข้าร่วมโครงการ ปั่นเพื่อพ่อ พร้อมกับบอกว่าได้สั่งจักรยานมาแล้ว โดยโครงการนี้จะมีการปั่นจักรยานทั่วประเทศในวันที่ 11 ธันวาคมเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พระชันษา
นายเดวีส์ยืนยันว่าสหรัฐอเมริกามีความผูกพันเป็นพิเศษกับพระมหากษัตริย์ของไทย พร้อมกับบอกว่า ผมรักในหลวงรัชกาลที่ 9
นายเดวีส์เปิดเผยว่าที่ทำเนียบหรือบ้านพักของเขายังมีพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระองค์เสด็จสหรัฐอเมริกาและทรงฉายกับเอลวิส เพรสลีย์
ที่มา thaitribune