เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ความคืบหน้าคดีทุจริตที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ) ในรอบเดือนที่ผ่านมา

สำนักงาน ป.ป.ช.ได้รายงานความคืบหน้าเรื่องกล่าวหาร้องเรียนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดและได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย หรือไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ หรือไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีทางอาญาแล้ว

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

1.จ.สุรินทร์ นายยง มาลาศรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเทศมนตรี ตำบลบัวเชด อำเภอบัวเชด ปกปิดประกาศสอบราคาโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กรอบตลาดสด เทศบาลตำบลบัวเชด โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม พบว่า มีมูลเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมา ซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาลหรือแก่ราชการ ตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12

ทั้งนี้ ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว

2. จ.นครราชสีมา นางเพลินคิด สิงห์สระน้อย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย เบียดบังเงินรางวัลที่ได้รับจากการประกวดออกร้านจัดซุ้มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในงานเทศกาลผ้าไหมปักธงชัย และของดีเมืองโคราชไปเป็นประโยชน์ส่วนตน พบว่ามีมูลเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

แต่นางเพลินคิดได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้วจึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อถอดถอนซ้ำอีก แต่ให้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบ

มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ทั้งนี้ ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว

3. จ.นครราชสีมา นายสมชาย หรือญาณพล สืบสำราญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร อบต.คลองเมือง อำเภอจักราช ปกปิดประกาศสอบราคาจ้างก่อสร้างของ อบต.คลองเมือง จำนวน 7 โครงการ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12

ทั้งนี้ ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว

4. จ.เลย นายสุวิทย์ มาตระนายก อบต.ห้วยส้ม อำเภอภูกระดึง นายอนวัทย์ หรือนิติชัย แก้วธานี หัวหน้าส่วนโยธา อบต.ห้วยส้ม อำเภอภูกระดึง ปกปิดประกาศสอบราคา โครงการจ้างเหมาก่อสร้าง จำนวน 6 โครงการ กรณีนายสุวิทย์ มีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา 92 แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

แต่นายสุวิทย์ ได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อถอดถอนซ้ำอีก แต่ให้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157

กรณีของนายอนวัทย์ หรือนิติชัย แก้วธานี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542มาตรา 7 และ 12 ทั้งนี้ ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว

5. จ.อำนาจเจริญ นายนัฏฐชัย มูลนาม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบต.นาหมอม้า อำเภอเมืองอำนาจเจริญ นายพงษกร แผนสุพัฒน์ รองนายก อบต.นาหมอม้า นายจิรวัฒน์ พัฒนราช ปลัด อบต.นาหมอม้า นายเริงศักดิ์ วิเศษรัตน์ หัวหน้าส่วนโยธา อบต.นาหมอม้า นางนันทวดี พลไชยขา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน อบต.นาหมอม้า นายบุญชู จารุจิตร นายก อบต.นาวัง จ.อำนาจเจริญ เบิกจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างโครงการขุดลอกลำห้วยนาหมอม้า ทั้งที่งานยังไม่แล้วเสร็จ

กรณีนายนัฏฐชัยมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.151 และ 157 กรณีนายพงษกร มีมูลความผิดทางอาญา นายบุญชู อบต.นาวัง ประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และ 162(1), (4) นายจิรวัฒน์ พัฒนราช นายเริงศักดิ์ วิเศษรัตน์ และนางนันทวดี พลไชยขา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และ 162 (1), (4) กรณีนายบุญชู มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระท ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.151 และ 157 ประกอบ ม.86

ทั้งนี้ ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว

6. จ.หนองบัวลำภู นายทองหลั่น เกษทองมา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลนากลาง อำเภอนากลาง นายปรีดา พัตรสันดร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดเทศบาลตำบลนากลาง นายสัมภาษณ์ บุญไพโรจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม นายเชาวลิต วรรยาท นักพัฒนาชุมชน 5 เบิกจ่ายเงินค่าจ้างเหมาประกอบอาหารตามโครงการเทศบาลเคลื่อนที่พบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 2550 เป็นเท็จ

กรณีของนายทองหลั่น มีมูลเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.151, 157 และ 162 (1), (4) กรณีนายปรีดา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.147, 157 และ 162 (1), (4) กรณีของนายสัมภาษณ์ บุญไพโรจน์และนายเชาวลิต วรรยาท มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และ 162 (1), (4)

ทั้งนี้ ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว

7. จ.กาฬสินธุ์ นายอภิชาติ ไชยชาติ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ระดับ 4 เทศบาลตำบลเขาพระนอน อำเภอยางตลาด ปกปิดประกาศสอบราคาจ้างเหมาก่อสร้างลานค้าชุมชน และก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน 7 โครงการโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม นายอภิชาติมีมูลเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานใช้อุบายหลอกลวงหรือกระทำการโดยวิธีอื่นใด เป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมหรือให้มีการเสนอราคาโดยหลงผิด และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 และ 12

ทั้งนี้ ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว

ภาคเหนือ

8. จ.เชียงใหม่ นายจันทร์ วงค์คำมา นายกเทศมนตรีตำบลบ้านโป่ง อำเภอพร้าว นายไชยเดช มะโนรส เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ปลัดเทศบาลตำบลป่าไหน่ อำเภอพร้าว ฐานะกรรมการสอบข้อเท็จจริง นายบรรเจิด อินทรัตน์ ปลัดเทศบาลตำบลป่าตุ้ม อำเภอพร้าว ฐานะกรรมการสอบข้อเท็จจริง นายปรีชา หนูทองแก้ว ปลัด อบต.สันทราย อำเภอพร้าว ฐานะกรรมการสอบข้อเท็จจริง นางวนิดา ประเสริฐชีวะ รับรู้ว่ามีบุคคลซึ่งเป็นผู้ซื้อเอกสารสอบราคา เสนอให้เงินแก่ผู้ซื้อเอกสารสอบราคารายต่างๆ ในโครงการจ้างประกอบอาหารกลางวันสำหรับเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านโป่ง เพื่อมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม แต่ไม่ดำเนินการระเบียบกฎหมาย และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบมีพฤติการณ์ช่วยเหลือกัน

กรณีนายจันทร์ วงค์คำมา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และ 12 สำหรับการถอดถอนออกจากตำแหน่ง เนื่องจากนายจันทร์ได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อถอดถอนซ้ำอีกแต่ให้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ

กรณีนายไชยเดช มะโนรส นายบรรเจิด อินทรัตน์และนายปรีชา หนูทองแก้ว มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ส่วนนางวนิดา ประเสริฐชีวะ มีมูลความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542มาตรา 5 และ 14 วรรคสอง (2)

9. จ.เชียงราย นางบงกชพร กัณฑ์อเนก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานปฏิบัติการ 6 ธนาคารออมสิน สาขาเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ปลอมลายมือชื่อลูกค้า และผู้จัดการสาขา แล้วถอนเงินในบัญชีเงินฝากของลูกค้าไปเป็นประโยชน์ส่วนตน นางบงกชพร กัณฑ์อเนก มีมูลเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง เนื่องจากธนาคารออมสิน ได้ลงโทษไล่นางบงกชพร กัณฑ์อเนก ออกจากการเป็นพนักงานของธนาคาร ในการกระทำความผิดนี้เหมาะสมแก่กรณีแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา พิจารณาโทษซ้ำอีก

มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และฐานเป็นพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 11 และฐานปลอมเอกสารสิทธิและฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 และมาตรา 268

ทั้งนี้ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว

ที่มา thaitribune