bloggang.com mainmenu search



เมืองไทยมีสุดยอดคัมภีร์! แต่ทำไมยังด้อยความเจริญกว่าประเทศตะวันตก!


ประสบการณ์รุ่นต่อรุ่นที่พวกเขาฟันฝ่าความยากลำบาก…เป็นบทเรียนอันสำคัญให้พวกเขา ต้องคิดพัฒนาเพื่อทำชีวิตของพวกเขาให้ปลอดภัยจากทุกอันตราย…ไม่ว่าจะภัยธรรมชาติหรือจากความไม่มั่นคงในชีวิตทุกด้าน https://winne.ws/n22794




พระไตรปิฎกสามารถกล่าวได้ว่า เป็นสุดยอดคัมภีร์ในการพัฒนามนุษย์ในทุกด้านทั้งในเชิงของมนุษย์ สังคมศาสตร์  รัฐศาสตร์กฎหมาย เศรษฐกิจ … ฯลฯ และในทุกระดับ ตั้งแต่ปัจเจกบุคคล และสังคมในทุกระดับ



แต่ทำไมแม้จะมีสุดยอดคัมภีร์ที่ในโลกขนาดนี้ แต่ยังเป็นประเทศที่ด้อยการพัฒนา
กว่าประเทศอื่นๆ  ที่ไม่มีคัมภีร์  ไม่เคยรู้จักมาด้วยซ้ำ! เพราะ …



1.แม้มีสุดยอดคัมภีร์ แต่ไม่นำมาศึกษาและ ไม่ปฏิบัติตาม ก็ไม่เกิดผลใดๆ

2.ชาวตะวันตก แม้ไม่มีสุดยอดคัมภีร์  แต่สิ่งที่ประชาชนของโลกฝั่งนั้นปฏิบัติเป็นธรรมะ
ผู้คนให้ความสำคัญ กับความมีวินัย เคารพในสิทธิผู้อื่น เคารพกฎหมาย  นิสัยคดโกงไม่มีและคุณสมบัติที่ดีต่างๆ …ที่เมื่อดูดีๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาทำเรียกได้เลยว่า คือ การประพฤติเป็นธรรม 


ฉะนั้นผลแห่งการกระทำที่ดีย่อมเกิดขึ้น  ตามกฎแห่งการกระทำอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม กับประชาชนในประเทศที่มีพระพุทธศาสนาแม้มีครูบาอาจารย์ หรือคำสอนที่ให้หลักการเหตุผลของการพัฒนาชีวิตจิตใจที่สมบูรณ์ที่สุด  ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจ หรือส่วนที่สนใจ ก็ศึกษาธรรมะ  แล้วกลับมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีกันซึ่งนั้นยิ่งแย่ และห่างไกลจาก วิถีของบัณฑิตนักปราชญ์ที่ท่านส่งต่อมรกดกทางปัญญามาให้


แทนที่จะนำภูมิปัญญาที่มีไปใช้เพื่อให้เกิดคุณประโยชน์ แต่กลับนำไปสู่ความเป็นโทษ คือ 
ถกเถียง กล่าวหาใส่ร้ายกัน … นอกจากผลดีไม่เกิด   กลับเกิดความเสียหายอย่างกว้างและลึก 
ในเชิงของจิตวิญญาณ ของผู้คนซะอีก …

3. จากข้อ 1 และ 2 เราอาจสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ว่า เป็นอย่างนั้นเพราะอะไร



3.1 ผู้คนในประเทศไทยมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อม ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรที่สะดวกสบาย คือไม่หนาวจัดจนตาย  ไม่ร้อนจัดจนตายพายุไม่ถล่มพูดง่ายๆ คือ ไม่เคยเจอกับความรุนแรงโหดร้ายของสิ่งแวดล้อมในระดับสาหัสเหมือนประเทศอื่นเขา  แม้อาหารการกินขนาดว่ายุคข้าวยากหมากแพงก็ยังมีพืช ผัก ผลไม้ อยู่ในระดับอุดมสมบูรณ์ 

เมื่อเทียบกับบ้านเมืองอื่นที่ยากลำบากในการจัดหาซึ่งแม้มีกินก็ราคาแพงมาก … 
แล้วส่งผลยังไง ? ... มันก็เลยทำให้ผู้คนอยู่สบาย  มีความสุข แม้เจอกับภัยพิบัติอะไรก็นานๆ ที อัตราชีวิตส่วนใหญ่ ถือว่า สบาย สบาย ได้เรื่อยๆ … เมื่อเป็นอย่างนี้


ความตั้งใจที่จะทำชีวิตให้มีมาตรฐานที่ดีพัฒนานู้นนั้น  มันก็ไม่ค่อยมี …เพราะที่มีมันก็อยู่กันมาได้ และอยู่กันไปได้ … บ้านสร้างยังไงก็กันแดดกันฝนได้ ร้านอาหารตั้งเป็นเพิง ข้างถนนก็ขายได้ สินค้านานาวางขายกันสบายๆก็ได้   เสื้อผ้าใส่ยังไงก็สบายเพราะอากาศไม่ได้ร้อนหนาวแบบโหดร้ายถึงตาย … มันสบาย และมีกินอร่อยตลอดทั้งปี … แบบนี้ก็เลยไม่รู้สึกเดือดร้อนว่าจะต้องขวานไขว่อะไรให้มากไปกว่านี้ …


3.2  มองไปทางฝั่งตะวันตกหรือ ประเทศที่พัฒนาอื่นๆ … สิ่งแรกที่เห็นชัดคือเขามีชีวิตอยู่ท่ามกลางความโหดร้ายของธรรมชาติ  ถึงฤดูหนาวก็หนาวถึงตายใบไม้ร่วงโก๋ลน ท้องฟ้าอึมคึม หิมะคลุมทั้งเมืองบรรยากาศยะเยือกชวนหดหู่ฤดูร้อนก็ร้อนตายได้  

เผชิญกับภัยพิบัติต่างๆแผ่นดินไหว สึนามิ พายุ น้ำท่วม ผู้ก่อการร้าย … หรือมองย้อนไปในประวัติศาสตร์   จะเห็นว่าบ้านเมืองเหล่านั้นผ่านความโหดร้ายของสงครามการเข่นฆ่ามาอย่างโชกโชน…สารพัดความโหดร้ายเหล่านั้น …




มันทำให้ผู้คนต้องเค้นศักยภาพของตัวเองให้คิดหาวิธีแก้ไขปัญหา… ตั้งแต่สร้างบ้านสร้างตึก
ถ้าไม่แน่นหนามั่นคง ก็มีสิทธิหนาวตายหรือลมพายุมาก็มีหวังปลิวได้ … 

ประสบการณ์รุ่นต่อรุ่นที่พวกเขาฟันฝ่าความยากลำบาก…เป็นบทเรียนอันสำคัญให้พวกเขา
ต้องคิดพัฒนาเพื่อทำชีวิตของพวกเขาให้ปลอดภัยจากทุกอันตราย…ไม่ว่าจะภัยธรรมชาติหรือจากความไม่มั่นคงในชีวิตทุกด้าน สังคมเศรษฐกิจ การเมือง … ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาสังคม  พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพและมีสังคมที่ดี มีการเมือง เศรษฐกิจที่มีมาตรฐานมั่นคงได้ …
เรียบเรียงโดย  สุนทรเทวา 
°o.O_O.o° 
Smileyภาพไลนน่ารักๆ ญามี่
Smileyของแต่งบล็อก ชมพร
Smileyภาพบีจีแต่งบล็อก ญามี่

Create Date :20 มีนาคม 2561 Last Update :20 มีนาคม 2561 22:45:49 น. Counter : 833 Pageviews. Comments :0