bloggang.com mainmenu search
BMW i8 e-DRIVE

1.5 ลิตร เทอร์โบ 231 แรงม้า บวกมอเตอร์ไฟฟ้า 131 แรงม้า 0-100 ใน 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดเชื้อเพลิง 113 ไมล์ต่อแกลลอน ปล่อย CO2 ต่ำเพียง 59 กรัม/กิโลเมตร มันคือ BMW i8 e-DRIVE ขายแน่นอนภายในปี 2014 นี้ ชัวร์...

นี่คือยนตรกรรมที่น่าจับตามองมากที่สุด ประจำปี 2014 รถ BMW i8 ถูกสร้างขึ้นมาท่ามกลางแนวคิดประหยัดพลังงานบนประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับซุปเปอร์คาร์ มันคือสปอร์ตคาร์คันล่าสุดจากค่ายใบพัด ที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อน ประหยัดเชื้อเพลิง และทรงพลัง มันคือ Hybrid Sport-Car ที่ก้าวหน้าที่สุดในยุคนี้


BMW i8 กลายเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมใหม่ของยานยนต์ในปัจจุบัน มันมีโครงสร้างที่ผลิตจากอัลลอยน้ำหนักเบา บวกเปลือกของตัวถังที่ทำจากพลาสติก รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำตัวคันนี้จะเข้ามาสานต่อความสามารถของ M1 ในอดีต ด้วยเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด เครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียงขนาดเล็กจิ๋ว เป็นเครื่องสามสูบ 1.5 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบแบบแปรผัน สร้างกำลัง (เฉพาะเครื่องยนต์เพียวๆ) ได้ 230 แรงม้า ระบบส่งกำลังวางเกียร์สมรรถนะสูงของ M-DCT แบบ 7 สปีด เกียร์ M-DCT ส่งถ่ายแรงบิดจากเครื่องยนต์ผ่านกลไกกระบวนเฟืองเกียร์ไปยังเฟืองท้ายของระบบขับเคลื่อนล้อหลัง


i8 ถูกเสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าพลังสูง เป็นมอเตอร์แบบใหม่ที่คิดค้นขึ้นโดยวิศวกรของ BMW มอเตอร์ไฟฟ้ารับหน้าที่ในการขับเคลื่อนล้อหน้า โดยสามารถผลิตแรงม้าได้ 131 ตัว ส่งแรงบิดของมอเตอร์ไปยังล้อหน้า ผ่านการควบคุมของชุดทดกำลังแบบ 2 สปีด ในสภาวะปกติ BMW i8 จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์เพียวๆ โดยสามารถใช้เพียงแค่มอเตอร์จากความเร็ว 0-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยวิ่งได้ระยะทาง 22 ไมล์ ก่อนที่แบตเตอรี่จะหมดไฟ และต้องใช้เวลาชาร์จ 3 ชั่วโมง


หากผู้ขับ BMW i8 ต้องการสมรรถนะในแบบสปอร์ต เมื่อสวนคันเร่งลงลึก ระบบ Hybrid ของมันจะทำหน้าที่ประสานพลังงานทั้งสองรูปแบบให้กลายเป็นรถสปอร์ตขับเคลื่อน 4 ล้อ อย่างทันทีทันควัน รถ i8 สามารถบริหารเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันจะใช้เชื้อเพลิงเพียงแค่ 1 แกลลอน ในการวิ่งระยะทาง 114 ไมล์ โดยมีค่าการปล่อย CO2 ต่ำเพียง 59 กรัม/กิโลเมตร ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากความเบาของน้ำหนักตัว ซึ่งประกอบไปด้วยวัสดุใหม่ๆ ทั่วทั้งคัน ในโหมด eDrive รถ BMW i8 ใช้การขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าอย่างหมดจดในโหมดไฮบริด ช่วยให้เกิดการควบรวมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ ในทุกสถานการณ์ของการขับขี่ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ด้านหน้ามีพละกำลัง 96 กิโลวัตต์ (131 แรงม้า) ส่วนล้อหลังนั้นจะถูกขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ตัวจิ๋วที่มีประสิทธิภาพสูง เครื่องยนต์สามสูบผลิตเรี่ยวแรงได้ 170 กิโลวัตต์ (231 แรงม้า)


คาร์บอน คอมโพสิต และพลาสติก รวมถึงอะลูมินั่มอัลลอยถูกนำเข้ามาประกอบเป็นเรือนร่างของ i8 คาร์บอนไฟเบอร์แบบอ่าง ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีแรงดันสูง เพื่อใช้ทำส่วนของห้องโดยสาร นอกจากความแข็งแกร่งแล้วมันยังมีน้ำหนักที่เบากว่าโลหะอยู่พอสมควรอีกด้วย ห้องโดยสารที่ขึ้นรูปแล้วเสร็จจะถูกติดตั้งลงไปยังโครงแชสซีส์ที่ผลิตขึ้นจากอัลลอย จากการเปิดโรงงานผลิตคาร์บอนไฟเบอร์ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้ BMW สามารถผลิตวัสดุน้ำหนักเบาดังกล่าวได้ครั้งละมากๆ โดยไม่ต้องส่งไปผลิตที่อื่น วัสดุที่เบา และคงทน ทำให้ BMW i8 มีน้ำหนักทั้งคันที่ 1,490 กิโลกรัม โดยมีน้ำหนักของชุดแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนถึง 230 กิโลกรัม เป็นตัวแปรที่กัดกร่อนพลังงานไปพอสมควร


ประสิทธิภาพของการทำความเร็วอยู่ในคาบที่สมน้ำสมเนื้อกับสมรรถนะของชุดขับเคลื่อน ซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า รถ i8 เร่งจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 4.5 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด (ล็อก) ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบ Active Aerodynamics ใน i8 ช่วยทำให้สปอร์ตคาร์คันนี้ไปได้เร็ว และประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ขนาดความจุ 1.5 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผันนั้น ถูกวางไว้กลางลำตัว นับเป็น BMW คันที่สองต่อจากรถรุ่น M1 ที่ใช้การวางเครื่องยนต์ไว้ที่กึ่งกลางของตัวรถ เพื่อการควบคุมที่แม่นยำ และการกระจายน้ำหนักที่ดีเยี่ยม ล้อคู่หลังซึ่งเป็นล้อ M ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ล้วนมีขนาดอวบโตถึง 20 นิ้ว ส่วนล้อคู่หน้าที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน จะมีขนาดของหน้ายางย่อมลงมาเล็กน้อย สถาปัตยกรรม Life-Drive นวัตกรรมใหม่ของรถ BMW i8 ด้วยการออกแบบที่มีการกระจายน้ำหนักที่ดีที่สุด โดยมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ การกระจายน้ำหนักของ i8 มีตัวเลขที่สมมาตรในระดับ 50:50 มันคือพื้นฐานที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณสมบัติของรถสปอร์ตสุดไฮเทคคันนี้ การกระจายน้ำหนักที่ดีจะส่งผลไปถึงการทรงตัวขณะทำความเร็วทั้งทางตรงและทางโค้ง รถ i8 มีการควบรวมระบบการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์เบนซินให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่ BMW เคยผลิตออกมา รถ i8 จะเข้ามาเพิ่มรากฐานสำคัญสำหรับรถสปอร์ตในค่ายใบพัดสีฟ้า-ขาว โดยจะออกขายภายในปี 2014 นี้อย่างแน่นอน.

Create Date :04 กุมภาพันธ์ 2557 Last Update :4 กุมภาพันธ์ 2557 15:02:39 น. Counter : 1085 Pageviews. Comments :0