วันนี้ผมจะมาขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการขอวีซ่าเพื่อไปประเทศสหรัฐอเมริกาให้ได้ทราบกันนะครับ สืบเนื่องจากว่าคุณพ่อขอผมท่านอยากไปเที่ยวที่ประเทศอเมริกา และคุณพ่อของผมท่านก็ถือโอกาสเยี่ยมเยียนครอบครับน้องชายของเขา (คุณอาของผม) ที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยครับ
ก็อื่นผมต้องขอบอกข้อมูลเบื้องต้นของคุณพ่อผมก่อนนะครับ คุณพ่อของผมท่านเป็นข้าราชการเกษียณครับ ท่านมีน้องชาย (คุณอาของผม) ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกามานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยคุณอาของผมได้เป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาไปแล้ว (โดยคุณอาของผมแต่งงานมีครอบครัวและมีบุตรอยู่ที่อเมริกา 2 คน) คุณพ่อของผมปัจจุบันนี้ท่านก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ท่านก็เลยอยากจะไปเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาดูสักครั้ง โดยการไปเที่ยวในครั้งนี้คุณอาของผมรับอาสาที่จะพาคุณพ่อของผมเที่ยวในประเทศอเมริกาครับ
เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าการขอวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐอเมริกานั้นยากมาก ๆ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะยากและวุ่นวายขนาดนี้ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของผมตั้งใจว่าจะไปเที่ยวที่ประเทศอเมริกาตั้งแต่ตอนประมาณต้นปีแล้วครับ แล้วท่านก็ได้ทำการยื่นเอกสารล่วงหน้าไปหลายเดือนแล้ว แต่กว่าจะได้คิวนัดสัมภาษณ์ก็นานมาก ๆ เลยครับ ต้องรอกันเป็นเดือน ๆ เลยกว่าจะนัดคิวสัมภาษณ์ได้ โดยในเรื่องของการกรอกเอกสารและการยื่นขอวีซ่านั้นพี่สาวของผมเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด และพี่สาวของผมก็ต้องมานั่งเฝ้าอินเตอร์เน็ตอยู่ดึก ๆ ดื่น ๆ เป็นเดือน ๆ เลย เพื่อจองคิวนัดสัมภาษณ์ให้ได้ แล้วพี่สาวของผมก็สามารถจองนัดคิวสัมภาษณ์ให้แก่คุณพ่อของผมได้ โดยไปสัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมานี้เองครับ สำหรับหน้าที่ที่จะต้องพาคุณพ่อของผมไปสัมภาษณ์ที่สถานทูตอเมริกานั้นเป็นหน้าที่ของผมเองครับ
ว่าแล้วก็ลองมาตามชมประสบการณ์ในวันที่ผมพาคุณพ่อของผมไปสัมภาษณ์เพื่อขอวีซ่าที่สถานทูตอเมริกากันดูนะครับ
คุณพ่อของผมนัดคิวสัมภาษณ์ได้ตอน 8 โมงเช้าของวันจันทร์ครับ ผมเลยต้องขับรถพาคุณพ่อออกจากบ้านตั้งแต่ตอนตี 5 กว่า ๆ เพื่อที่จะไปหาที่จอดรถที่สวนลุมพินีครับ โดยผมไปเช็คข้อมูลมาได้ว่า ที่สวนลุมพินีสามารถนำรถยนต์เข้าไปจอดได้ โดยประตูฝั่งถนนวิทยุจะเปิดให้เข้าได้ตั้งแต่ตี 4 ครับ ผมขับรถไปถึงสวนลุมพินีก็เกือบจะ 6 โมงเช้าแล้ว พอผมจอดรถเสร็จผมก็พาคุณพ่อเดินข้ามสะพานลอยตรงไปยังสถานทูตอเมริกาที่อยู่เลยปากซอยร่วมฤดีไปไม่ไกลมากนัก โดยสถานทูตอเมริกาแผนกบริการด้านวีซ่าสหรัฐฯ อยู่ตรงข้ามกับอาคารสินธร (ตลาดหลักทรัพย์เก่า) พอดีเลยครับ
ตอนที่ผมไปถึงหน้าสถานทูตอเมริกานั้นก็เป็นเวลาประมาณเกือบ ๆ จะ 6 โมงเช้าแล้ว ถนนหนทางทางด้านถนนวิทยุยังโล่งอยู่เลยครับ แต่ว่ามีคนเข้าแถวรอที่หน้าปากประตูแล้วประมาณ 50 กว่าคนครับ ผมกับคุณพ่อเลยต้องไปยืนต่อแถวเข้าคิวรอริมถนนบนฟุตบาทหน้าสถานทูตครับ พอยิ่งเวลาสายมากขึ้นก็เริ่มมีคนทยอยมายืนต่อแถวกันมากขึ้นเรียกว่าเป็นร้อย ๆ คนเลยครับ จนหน้าที่ของสถานทูตต้องออกมาจัดระเบียบแถวให้ทุกคนที่เข้าแถวอยู่ขยับชิดไปที่ริมกำแพงสถานทูตมากที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่กรีดขวางทางเดินของผู้คนที่เดินสัญจรไปมาบนฟุตบาทครับ
ผมและคุณพ่อไปถึงตอนก่อน 6 โมงเช้าเล็กน้อย ก็ต้องรีบไปยืนเข้าแถวต่อคิวก่อนเลยครับ
ก่อน 6 โมงเช้าเล็กน้อย มีคนมียืนเข้าแถวรอคิวแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คนครับ
หลังจาก 6 โมงเช้าไปไม่นาน สังเกตุบนถนนวิทยุยังมีรถแล่นอยู่น้อยมาก แต่คนที่มายืนคอยหน้าสถานทูตสหรัฐมีเยอะมหาศาลแล้วครับ
6 โมงกว่า ๆ ถนนวิทยุฝั่งหน้าสถานทูตสหรัฐยังโล่งมากเลยครับ
แล้วเมื่อมาถึงเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของสถานทูตเป็นหญิงสาว 2 ท่านออกมาทำการเช็คชื่อผู้มาเข้ารับการสัมภาษณ์ครับ โดยเจ้าหน้าที่สาวทั้ง 2 ท่านนี้ให้ผู้ที่มีนัดสัมภาษณ์รอบแรกตอน 7.15 น. ออกมาตั้งแถวใหม่เพื่อเตรียมเข้าไปสัมภาษณ์ตามเวลาครับ (อ้าว ... ไอ้ผมนึกว่าใครไปถึงก่อนจะได้สัมภาษณ์ก่อนเสียอีกครับ) ผมกับคุณพ่อของผมถึงแม้ว่าจะมาเข้าแถวอยู่ต้น ๆ แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปในสถานทูตครับ ต้องรอให้คนที่นัดสัมภาษณ์รอบเช้ากว่าเข้าไปก่อนครับ
แล้วเจ้าหน้าที่สาวทั้ง 2 ท่านก็ค่อย ๆ จัดแถวใหม่ไปเรื่อย ๆ เป็นแถวสำหรับผู้ที่นัดสัมภาษณ์ตอน 7.30 น. และแถวของผู้ที่นัดสัมภาษณ์ตอน 7.45 น. จนกระทั่งเวลาเกือบจะ 2 โมงเช้า ก็มาถึงคิวของผู้ที่นัดสัมภาษณ์รอบ 8.00 น. ซึ่งเป็นรอบของคุณพ่อของผม เจ้าหน้าที่สาวทั้ง 2 ท่านก็เดินมาทำการเช็คชื่อคนที่มาสัมภาษณ์เบื้องต้นจากในแถวที่เข้าคิวรออยู่เลยครับ ซึ่งพอมาถึงคุณพ่อของผมเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมให้ผมเข้าไปในสถานทูตด้วยครับ เจ้าหน้าที่บอกว่าให้ผู้ที่เข้าสัมภาษณ์เข้าไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้นครับ
แต่ผมก็บอกกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองท่านนั้นว่า คุณพ่อของผมท่านมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน โดยท่านต้องใช้เครื่องช่วยฟังถึงจะได้ยินเสียงชัดขึ้น ผมเลยจะขอเข้าไปดูแลคุณพ่อของผมด้วยได้ไหม? ซึ่งปรากฏว่าไม่ได้ครับ เจ้าหน้าที่ทั้งสองท่านไม่ยอมให้ผมเข้าไปในสถานทูตด้วย ผมเลยต้องออกจากแถวแล้วมายืนคอยอยู่ด้านหน้าสถานทูตร่วมกับญาติของคนอื่น ๆ ที่เข้าไปไม่ได้เช่นกัน
ใกล้จะ 7 โมงเช้าแล้ว คนที่มาเข้าแถวรอคิวเริ่มยาวไปจนถึงสะพานลอยแล้วครับ
เจ้าหน้าที่ของสถานทูตมาจัดระเบียบให้คนที่มีคิวสัมภาษณ์ตอน 7.15 น. มาตั้งแถวใหม่ทางขวามือครับ
ส่วนแถวขวามือนี้เป็นแถวของผู้ที่เข้าสัมภาษณ์ตอน 7.30 น. ครับ (แล้วเมื่อไหร่รอบ 8.00 น.จะได้เข้าไปหว่า?)
ผมสังเกตุดูเวลา ตอนที่คุณพ่อของผมได้เข้าไปในสถานทูตอเมริกาก็ประมาณ 8 โมงเช้าพอดีเลยครับ ตรงตามเวลาที่นัดสัมภาษณ์ไว้เลยครับ ซึ่งสรุปว่าผมและคุณพ่อต้องมายืนคอยอยู่ที่หน้าสถานทูตเป็นเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม ๆ เลยครับ (รู้อย่างงี้ผมพาคุณพ่อมาตอนก่อน 2 โมงเช้าสัก 10 นาทีก็ดี) ซึ่งผมเฝ้ามองดูว่ากว่าที่แต่ละท่านจะเข้าไปในสถานทูตได้ ต้องมีการตรวจของข้าวอย่างละเอียดมากเลยครับ ท่าทางว่าช่วงนี้สถานทูตอเมริกาจะระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยมากเป็นพิเศษเลยครับ
ผมยืนคอยอยู่ที่หน้าสถานทูตก็ได้พูดคุยกับบรรดาญาติของผู้ที่มาสัมภาษณ์ท่านอื่น ๆ ที่ต้องมีหัวอกด้วยกันก็คือเข้าไปในสถานทูตด้วยไม่ได้เหมือนกันกับผม โดยแต่ละท่านก็บ่นเรื่องการนัดคิวสัมภาษณ์ว่ายุ่งยากและวุ่นวายมาก ๆ เลย ต้องวุ่ยวายไปซื้อ PIN เพื่อมาเข้าระบบสำหรับจองคิวสัมภาษณ์ (โชคดีที่หน้าที่นี้เป็นของพี่สาวผมครับ ... อิอิ) กว่าแต่ละท่านจะได้คิวสัมภาษณ์บางท่านรอมานานกว่า 3 เดือนก็มีครับ หลังจากที่ผมยืนพูดคุยกับท่านอื่น ๆ อยู่สักพักก็มีบรรดาพวกเจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ต่าง ๆ เข้ามาพูดคุยด้วย คนพวกนี้จะมาพูดคุยเพื่อหาลูกค้าในการเป็นตัวแทนกรอกเอกสารขอวีซ่า , การจองนัดคิวสัมภาษณ์ หรือจัดพาทัวร์ในต่างประเทศ ฯลฯ
บรรดาญาติของผู้เข้าสัมภาษณ์ที่ไม่สามารถเข้าไปในสถานทูตอเมริกาได้ ต้องยืนรออยู่ริมถนนหน้าสถานทูตครับ
หลังจากที่คุณพ่อของผมเข้าไปในสถานทูตได้ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ผมก็เห็นคุณพ่อของผมก็เดินออกมาจากสถานทูต ผมก็ต้องออกอาการหน้าเสียเลยครับ ในตอนนั้นผมนึกว่าคุณพ่อของผมท่านจะขอวีซ่าไม่ผ่านเสียแล้ว แต่ปรากฏว่าคุณพ่อของผมท่านออกมาตามตัวผมครับ เพราะว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตให้ออกมาตามผมเข้าไปด้วย เนื่องจากว่าคุณพ่อของผมท่านคงจะฟังเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยจะได้ยิน ผมเลยได้สิทธิ์ที่เข้าไปในสถานทูตเพื่อดูแลคุณพ่อของผมด้วยครับ
แต่กว่าที่ผมจะเข้าไปในสถานทูตได้ผมก็ต้องโดนตรวจตราเป็นพิเศษเหมือนกันครับ ตรวจสอบข้าวของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมืออิเลคทรอนิคต่าง ๆ (กุญแจรถยนต์ที่มีสัญญาณกันขโมย ไม่สามารถผ่านประตูสถานทูตเข้าไปได้ครับ) , เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือต่าง ๆ (ผมเลยอดถ่ายภาพข้างในสถานทูตเลยครับ) , บีบี , ไอโฟน , ไอแพ็ค , กล้องถ่ายภาพ , คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คส์ ฯลฯ ข้าวของพวกนี้ต้องฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตูทั้งหมดเลยครับ โดยเข้าไปได้เพียงแค่ตัวกับเอกสารต่าง ๆ เท่านั้นเองครับ
(หมายเหตุ ... เนื่องจากทางสถานทูตอเมริกาไม่อนุญาตให้เอาโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายภาพทุกชนิดเข้าไปในสถานทูต ดังนั้นผมจึงไม่มีภาพจากภายในสถานทูตนำมาประกอบเนื้อเรื่องได้ครับ)
พอเข้าไปในสถานทูตแล้ว ปรากฏว่าคุณพ่อของผมท่านผ่านขั้นตอนของการตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ไปหมดแล้ว ในตอนที่ผมเข้าไปนั้นคุณพ่อของผมได้รับแฟ้มพลาสติกที่ใส่เอกสารต่าง ๆ พร้อมทั้งหมายเลขคิวมาถือรอแล้ว (ในแฟ้มมีเอกสารที่กรอกเพื่อขอวีซ่า , เอกสารประกอบต่าง ๆ ที่สถานทูตต้องการ , ใบเสร็จที่แสดงว่าได้จ่ายค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แล้ว และที่สำคัญที่สุดก็คือมีพาสสปอร์ตฉบับจริงของผู้เข้ารับการสัมภาษณ์รวมอยู่ในแฟ้มพลาสติกนั้นด้วย) หลังจากนั้นผมกับคุณพ่อก็ไปเข้าแถวเพื่อคอยรับการสัมภาษณ์เบื้องต้นเลยครับ
ในช่องที่สัมภาษณ์เบื้องต้นนี้จะมีอยู่ 3 ช่อง โดยในแต่ละช่องจะมีลักษณะเป็นช่องเหมือนกับที่ซื้อตั๋วโดยสารหรือว่าซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ต่าง ๆ โดยมีกระจกใสกั้นมิดชิดระหว่างผู้สัมภาษณ์กับผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ที่ยืนอยู่ด้านนอก แต่จะมีไมโครโฟนไว้สำหรับพูดคุยกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ที่มาสัมภาษณ์ สำหรับผู้ที่ทำการสัมภาษณ์นี้เป็นคนไทยที่เป็นสุภาพสตรีทั้ง 3 ท่าน โดยลักษณะของการสัมภาษณ์น่าจะเป็นการสัมภาษณ์เบื้องต้น เพื่อเช็คความถูกต้องของเอกสารต่าง ๆ รวมทั้งเช็คความถูกต้องของตัวบุคคลด้วย อีกทั้งเพื่อเป็นการป้องกันการให้ผู้อื่นปลอมตัวมาสัมภาษณ์แทนครับ
ในกรณีนี้ผมคิดว่า ... คงจะเหมือนกับที่เวลาคนไทยเรามองคนต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่งว่าหน้าตาเหมือนกันหมด แยกแยะไม่ค่อยจะออกว่าใครเป็นใคร? ดังนั้นทางสถานทูตอเมริกาก็คงกลัวว่าจะมีปัญหาแบบนี้เช่นกันมั๊งครับ เลยต้องใช้เจ้าหน้าที่คนไทยเป็นคนดูและตรวจสอบผู้รับการสัมภาษณ์ที่เป็นคนไทยเบื้องต้นก่อนก็เป็นได้ครับ เพราะคนไทยกันเองมองหน้ากันแล้วสามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นใครครับ
พอมาถึงคิวของคุณพ่อของผม ผมก็ดินตามคุณพ่อของผมเข้าไปที่ช่องสัมภาษณ์ด้วย แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้คุณพ่อของผมเอาแฟ้มเอกสารพลาสติกยื่นสอดผ่านช่องกระจกด้านล่างเหนือเคาน์เตอร์เข้าไปให้แก่เขา
จนท. มาสัมภาษณ์พร้อมกันทั้ง 2 คนเลยเหรอค่ะ?
ผมเอง ปล่าวครับ? คุณพ่อของผมมาสัมภาษณ์ท่านเดียวครับ
จนท. อ้าว ... แล้วคุณเข้ามาด้วยทำไมค่ะ?
ผมเอง พอดีว่าคุณพ่อของผมท่านมีปัญหาเรื่องการได้ยินครับ ท่านต้องใส่เครื่องช่วยฟัง ผมพูดพร้อมทั้งชี้ไปที่เครื่องช่วยฟังที่ติดอยู่ตรงใบหูของคุณพ่อผม แล้วท่านก็ฟังจากไมโครโฟนไม่ค่อยจะได้ยินครับ ท่านต้องใช้วิธีการอ่านปากประกอบด้วยครับ
ผมพยายามพูดอธิบายให้เจ้าหน้าที่ผู้หญิงที่สัมภาษณ์ได้ฟัง ซึ่งเธอก็คงพอจะเข้าใจที่ผมอธิบายครับ เธอก็เลยตรวจสอบเอกสารของคุณพ่อผมพร้อมทั้งเริ่มทำการสัมภาษณ์เลยครับ
จนท. คุณลุงจะไปอเมริกาทำไมค่ะ?
เจ้าหน้าที่เริ่มถามคำถามแรก ซึ่งผมก็ต้องทำหน้าที่เสมือนล่าม เฮ้ย .. ไม่ใช่สิครับ ผมต้องทำหน้าที่เหมือนไมโครโฟนให้แก่คุณพ่อของผมครับ
ผมเอง เค้าถามว่า ... พ่อจะไปทำไม?
ผมพยายามพูดแบบดัง ๆ เน้น ๆ เพื่อทวนคำถามของเจ้าหน้าที่ให้คุณพ่อของผมท่านได้อ่านริมฝีปากผมตามด้วย ซึ่งพอคุณพ่อของผมท่านทราบว่าเจ้าหน้าที่ถามว่าอะไรแล้ว ท่านก็หันไปตอบแก่เจ้าหน้าที่ครับ
พ่อของผม จะไปเที่ยวครับ
จนท. แล้วคุณลุงจะไปกี่วันค่ะ?
ผมเอง เค้าถามว่าพ่อจะไปกี่วัน? ... พ่อจะไปกี่วัน?
ผมต้องพยายามถามให้เสียงดังแบบเน้น ๆ เพื่อให้คุณพ่อของผมได้ยินครับ ซึ่งผมแอบเห็นว่าคนที่เข้าคิวรอสัมภาษณ์อยู่ข้างหลังต่างก็แอบอมยิ้มกันทุกคนเลยครับ
พ่อของผม ไป 15 วันครับ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ถามคำถามต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ประมาณว่า ... เคยมาขอวีซ่าไปอเมริกามาก่อนหน้านี้ไหม? , เคยเปลี่ยนชื่อไหม? , เคยมีใครในครอบครัวมาขอวีซ่าอเมริกาไหม? , ทำงานอะไร? ที่ทำงานสุดท้ายคือที่ไหน? ซึ่งคำถามทั้งหมดเหมือนเป็นคำถามที่ตรวจสอบความถูกต้องของผู้ตอบคำถาม เมื่อเทียบกับเอกสารต่าง ๆ ที่กรอกมา ผมคิดว่าเป็นการกำหนดความถูกต้องของตัวตนผู้เข้าสัมภาษณ์มากกว่าครับ
จนท. ใครเป็นคนกรอกเอกสารให้คุณพ่อค่ะ?มาถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่หันมาสอบถามกับตัวผมโดยตรงเลย
ผมเอง พี่สาวของผมครับ พี่สาวของผมเค้าเก่งภาษาอังกฤษ ผมต้องรีบตอบออกไปทันทีเพราะผมกลัวว่าเจ้าหน้าที่เค้าจะถามผมต่อเป็นภาษาอังกฤษครับ
แล้วก็มาถึงคำถามสำคัญ ที่ผมคิดว่าเป็นคำถามที่ทางสถานทูตน่าจะต้องการรู้มากที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่สาวได้หันไปถามกับคุณพ่อของผมโดยตรงอีกครั้ง
จนท. แล้วคุณลุงจะไปอเมริกาอย่างไรค่ะ?
ผมเอง เค้าถามพ่อว่า ... พ่อจะไปอเมริกายังไง? ผมยังต้องทำหน้าที่เป็นเสียงสะท้อนเพื่อทวนคำถามให้คุณพ่อของผมได้ยินอย่างชัด ๆ เหมือนเคย
พ่อของผม ไปกับน้องชายครับ
ผมเอง คุณพ่อของผมท่านจะไปกับคุณอาครับ ตอนนี้คุณอามารออยู่ที่เมืองไทยแล้ว คุณอารอว่าได้วีซ่าเมื่อไหร่ท่านก็จะได้ไปพร้อมกันครับ ผมจึงช่วยตอบเสริมไปด้วยอีกคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ขอรูปถ่ายจากคุณพ่อของผมเพิ่มอีก 1 ใบ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้คุณพ่อของผมเอานิ้วหัวแม่โป้งวางบนเครื่องสแกนนิ้วมือที่อยู่บนเคาน์เตอร์ข้าง ๆ กับไมโครโฟน โดยเอานิ้วโป้งวางทาบลงไปบนเครื่องสแกนที่ละข้าง ขวาและซ้าย แล้วก็เอานิ้วโป้งมาวางทาบคู่กันอีกครั้ง
จนท. เดี๋ยวไปเข้าแถวรอสัมภาษณ์ได้ที่ช่อง 12 เลยนะค่ะ
เจ้าหน้าที่บอกคุณพ่อกับผม พร้อมทั้งยื่นสอดเอาแฟ้มเอกสารทั้งหมดคืนออกมาให้ พอผมกับคุณพ่อรับแฟ้มเอกสารคืนมาแล้วก็รีบเดินเข้าไปต่อแถวที่ช่องหมายเลข 12 ด้านในเลยครับ
ที่ช่องสัมภาษณ์ด้านในก็คล้าย ๆ กับที่สัมภาษณ์ด้านนอก แต่ว่าเจ้าหน้าที่ผู้ทำการสัมภาษณ์เป็นฝรั่ง เป็นเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันครับ โดยถ้าท่านใดพูดภาษาอังกฤษได้เจ้าหน้าที่ก็จะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าใครพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เจ้าหน้าที่ก็จะถามเป็นภาษาไทยครับ โดยช่องสัมภาษณ์ด้านในนี้จะมีอยู่ประมาณ 7-8 ช่องครับ
แล้วก็มาถึงคิวของคุณพ่อผมครับ คุณพ่อของผมได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ผู้ชายที่เป็นฝรั่ง โดยเจ้าหน้าที่เป็นผู้ชายถามคำถามคุณพ่อผมเป็นภาษาไทยสำเนียงฝรั่ง มาถึงตอนนี้ผมต้องทำหน้าที่เป็นผู้ทวนคำถามให้แก่คุณพ่อของผมอีกครั้งครับ เพราะว่าท่านคงฟังไม่ค่อยชัดและไม่เข้าใจแน่ ๆ ครับ พอคุณพ่อกับผมไปถึงช่องสัมภาษณ์ คุณพ่อของผมท่านก็เอาแฟ้มเอกสารสอดเข้าไปให้แก่เจ้าหน้าที่ฝรั่ง ซึ่งเขารับไปแล้วก็เอาเครื่องยิงบาร์โค้ดยิงที่ชุดเอกสารของคุณพ่อผม แล้วเจ้าหน้าที่ฝรั่งเขาก็ให้คุณพ่อของผมเอานิ้วมือมาทาบบนเครื่องสแกนเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง แล้วเขาก็มองดูใบหน้าของคุณพ่อผมพร้อมทั้งเช็คความถูกต้องของเอกสารไปด้วย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ฝรั่งท่านนี้ก็เริ่มทำการสัมภาษณ์คุณพ่อของผมเลยครับ
จนท.ฝรั่ง คุณเคยเป็นครูใช่ไหม?
ผมเอง เค้าถามว่า ... พ่อเคยเป็นครูใช่ไหม? ผมก็ทำหน้าที่ทวนคำถามให้แก่คุณพ่อของผมได้ยินคำถามของเจ้าหน้าที่เหมือนเคยครับ
พ่อของผม ใช่ครับ
จนท.ฝรั่ง คุณเกษียณแล้วใช่ไหม? (ผมต้องขอชื่นชมเลยครับ เจ้าหน้าที่ฝรั่งรู้จักคำว่าเกษียณด้วยครับ)
ผมเอง เค้าถามพ่อว่า ... พ่อเกษียณแล้วใช่ไหมครับ?
พ่อของผม ใช่ครับ
จนท.ฝรั่ง คุณมีบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ ใช่ไหม?
ผมเอง เค้าถามว่า .. พ่อมีบ้านอยู่ที่นี่ใช่ไหม?
พ่อของผม ใช่ครับ
มาถึงตรงนี้คุณพ่อของผมตอบพร้อมทั้งก้มหน้าไปเพื่อจะหยิบเอกสารที่เตรียมมา แต่เจ้าหน้าที่ฝรั่งพอมองออกเขาเลยโบกมือบอกผมประมาณว่าไม่ต้องหยิบเอกสารมาแสดงก็ได้ ผมเลยต้องเอื้อมมือไปแตะที่แขนเพื่อบอกคุณพ่อของผมว่าไม่ต้องหยิบหรอก
จนท.ฝรั่ง คุณจะไปอเมริกายังไง?
เจ้าหน้าที่ฝรั่งถามคำถามนี้เหมือนกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนไทยข้างนอกที่ถามเลยครับ ผมคิดว่าคำถามนี้น่าจะเป็นคำถามที่สำคัญที่สุดที่ทางสถานทูตอนุมัติวีซ่าให้แก่คุณพ่อของผมก็เป็นได้ครับ
ผมเอง เค้าถามว่า ... พ่อจะไปอเมริกายังไง?
พ่อของผม ไปกับน้องชายของผม ชื่อคุณ ... ตอนนี้เขาอยู่เมืองไทยครับ
พอคุณพ่อของผมตอบคำถามนี้จบ เจ้าหน้าที่ฝรั่งก็พิมพ์อะไรบ้างอย่างเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วเจ้าหน้าที่ฝรั่งก็เก็บเอกสารของคุณพ่อผมทั้งหมดกลับเข้าแฟ้ม แล้วยื่นไปที่โต๊ะด้านหลังของเขา แล้วเจ้าหน้าที่ฝรั่งคนที่สัมภาษณ์นี้ก็เอาแผ่นกระดาษใบสีฟ้า ๆ ใบหนึ่งยื่นกลับมาให้แก่คุณพ่อของผม
จนท.ฝรั่ง คุณเอาเอกสารแผ่นนี้ไปให้ไปรษณีย์ที่อยู่ข้างนอก แล้วเราจะอนุมัติวีซ่าให้แก่คุณภายใน 1 สัปดาห์ ขอให้คุณโชคดีครับ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งพูดอย่างเน้น ๆ ด้วยสำเนียงฝรั่งที่ค่อนค้างจะชัดเจน พร้อมทั้งยิ้มให้แก่คุณพ่อและผม ผมเลยรีบเอามือไปเขย่าที่แขนของคุณพ่อผมเพื่อบอกประมาณว่า ได้เสร็จขั้นตอนการสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว
ผมเอง ขอบคุณครับ
ผมรีบยกมือขึ้นไหว้เจ้าหน้าที่ฝรั่ง ซึ่งทำให้คุณพ่อของท่านเลยยกมือขึ้นไหว้เจ้าหน้าที่ฝรั่งคนที่สัมภาษณ์ตามผมด้วย หลังจากนั้นผมก็พาคุณพ่อของผมออกมาด้านนอกอีกครั้ง
ที่บริเวณข้างนอกนั้นมีเขียนป้ายบอกไว้ว่า ท่านที่ได้รับอนุมัติวีซ่าแล้วให้ซื้อซองไปรษณีย์ที่ช่องนี้ โดยขั้นตอนต่อไปก็คือการไปเข้าคิวรอซื้อซองไปรษณีย์ตอบรับ เพื่อส่งเอกสารพาสสปอร์ตที่ได้รับอนุมัติวีซ่าแล้วคืนกลับทางไปรษณีย์ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ไทยไปตั้งบูทเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยครับ โดยเสียค่าธรรมเนียมไปรษณีย์เพื่อส่งเอกสารกลับบ้านจำนวน 75 บาท โดยเอากระดาษแผ่นสีฟ้า ๆ ที่เจ้าหน้าที่ฝรั่งให้มา เอาไปยื่นให้แก่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ เพราะว่าในกระดาษสีฟ้า ๆ แผ่นนั้นจะมีเลขอนุมัติวีซ่าของเราอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ก็พิมพ์รายละเอียดต่าง ๆ เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ แล้วเขาก็ให้ซองจดหมายใบใหญ่มา 1 ใบ เพื่อให้เราเขียนที่อยู่ไว้สำหรับการส่งกลับทางไปรษณีย์ครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นการจบสิ้นการไปสัมภาษณ์เพื่อขอวีซ่าในครั้งนี้ครับ ผมและคุณพ่อเดินกลับออกมาจากสถานทูตอเมริกาก็เป็นเวลาประมาณเกือบ 10 โมงเช้า ซึ่งสำหรับผมถือว่าใช้เวลาน้อยกว่าที่คาดเอาไว้มากเลยครับ เพราะก่อนมาผมกลัวว่าจะใช้เวลาเลยไปจนถึงช่วงบ่ายเลยด้วยซ้ำ แต่เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดก่อน 10 โมงเช้าผมก็ถือว่าโอเคเลยครับ
หลังจากนั้นพอถึงวันพุธ (แค่ 2 วันหลังจากวันที่ไปสัมภาษณ์) คุณบุรุษไปรษณีย์ก็เอาจดหมาย EMS ซึ่งใส่พาสสปอร์ตที่อนุมัติวีซ่าแล้วมาส่งให้แก่คุณพ่อผมตามที่อยู่ที่บ้านถึงมือเลยครับ ในตอนนี้คุณพ่อของผมก็เลยได้รับอนุมัติวีซ่าเข้าสหรัฐฯ เป็นระยะเวลา 10 ปีเลยครับ
เย้ ๆ ๆ ... ได้แล้วครับ วีซ่าสำหรับเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลา 10 ปีของคุณพ่อผมครับ
มาถึงตอนนี้ผมต้องยอมรับว่าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาได้มีการจัดระบบและวางระเบียบไว้เป็นอย่างดีเลยครับ ที่สำคัญก็คือทางสถานทูตอเมริกาให้ความสำคัญเรื่องการตรงต่อเวลามาก ๆ เลยครับ ถึงแม้ว่าคนที่จะไปรอคิวสัมภาษณ์เพื่อขอวีซ่าจะมีจำนวนเยอะมาก ๆ ก็ตาม แต่เมื่อผู้ที่เข้ารับสัมภาษณ์ได้ผ่านเข้าไปในสถานทูตแล้ว ผมมีความคิดเห็นว่าขั้นตอนการตรวจสอบเอกสาร การสัมภาษณ์และขั้นตอนต่าง ๆ ที่ทางสถานทูตอเมริกากำหนดไว้นั้นมันค่อนข้างจะรวดเร็วและลื่นไหลได้เป็นอย่างดี โดยผู้ที่มารอรับการสัมภาษณ์ไม่ต้องรอนานให้เสียเวลาและเสียอารมณ์ครับ ผมคิดว่ามันคงมาจากการที่ประเทศเขามีระเบียบวินัยเป็นอย่างมาก เขาเลยเอาความมีระเบียบวินัยมาใช้จัดระบบและขั้นตอนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งผมต้องขอยกย่องและชื่นชมสถานทูตอเมริกาในกรณีนี้มาก ๆ เลยครับ
จำนวนของผู้ที่มายืนรอเข้ารับการสัมภาษณ์ที่ด้านหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา (ผมถ่ายภาพนี้ช่วงเวลาประมาณ 8.15 น.) ดูกันเอาเองก็แล้วกันครับว่ามีจำนวนเยอะมากขนาดไหนครับ ?
ที่ผมเล่าประสบการณ์การพาคุณพ่อของผมไปสัมภาษณ์เพื่อขอวีซ่าในครั้งนี้ ก็เพราะผมหวังว่าคงจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง สำหรับผู้ที่กำลังจะเตรียมตัวไปขอวีซ่าเพื่อไปประเทศสหรัฐอเมริกาครับ ผมขอให้ท่านโชคดีและสามารถผ่านการสัมภาษณ์ได้รับอนุมัติวีซ่าเหมือนคุณพ่อของผมนะครับ
อิอิ
@@@@@@@@@@@@@@@
คุยกันท้ายเรื่องผมขออนุญาตตอบคำถามเพิ่มเติมนะครับ พอดีว่ามีคำถามที่น่าสนใจมาถามไว้ ผมตอบแล้วเลยยกเอามาไว้ให้อ่านกันเพิ่มเติมครับ
+++++
จากคำถามที่ว่า ....
ขอถามหน่อยนะค่ะ
เจ้าหน้าที่ (3 ช่อง) ที่สัมภาษณ์คร่าวๆอ่ะค่ะ
เค้าคืนซองเอกสารให้ด้วยเหรอค่ะ ?
ทำไมตอนดิฉันไปขอ (รอบแรก) เค้าไม่ได้คืนเอกสารให้ เค้าเก็บไว้แล้วเอาไปให้กงสุลเองเลย.. ให้แค่บัตรคิวเรามา
และผลปรากฏ คือ ไม่ผ่านอ่ะค่ะ
มันจะเกี่ยวกันมั๊ยค่ะที่ว่า ถ้าใครได้ถือซองไปให้กงสุลเอง จะมีโอกาสได้วีซ่ามากกว่าคนที่ไม่ได้ซองเอกสารคืน
ชักสงสัยแล้วซิ ??
โดย: minimint
+++++
^
^
^
^
+++++
ผมขอตอบว่า ...
เจ้าหน้าที่ที่เป็นสุภาพสตรีคนไทย(ทั้ง 3 ช่อง) ที่เป็นผู้ทำการสัมภาษณ์เบื้องต้น ผมคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนที่คอยครวจสอบและสกรีนเบื้องต้นนะครับ ว่าใครน่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ก่อนที่เธอจะส่งเข้าไปให้ จนท. ฝรั่งข้างในสัมภาษณ์ต่อเป็นด่านสุดท้ายครับ
ในกรณีที่ไม่ผ่านตั้งแต่ด่านนี้ผมก็ว่าน่าจะเป็นเรื่องของข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ ว่าถูกต้องไหมมากกว่า? โดยผมคิดว่า จนท.สุภาพสตรีคนไทยท่าน 3 ท่านนี้จะตั้งคำถามในลักษณะการ ครอสเช็ค ระหว่างข้อมูลที่คุณกรอกและเอกสารประกอบที่คุณนำมายื่น กับคำตอบที่คุณตอบออกมาจากปาก ว่าถูกต้องตรงกันไหม? มีการ เมค เอกสารหรือข้อมูลไหม? ผมคิดว่าเป็นขั้นตอนของการสกรีนเบื้องต้น (จับคนผิด) เพื่อจะได้ไม่ต้องส่งต่อไปสัมภาษณ์ในด่านต่อไปมากกว่าครับ ในขั้นตอนนี้ใครที่ไม่ผ่านก็ตัดออกไปก่อนเลย ไม่ต้องส่งเข้าไปสัมภาษณ์กับ จนท.ฝรั่งต่อครับ
ยกตัวอย่างเช่นผมเห็นมีน้องผู้หญิงที่ช่องข้าง ๆ สัมภาษณ์กับ จนท.สุภาพสตรีคนไทยนานมาก ๆ โดยผมพอจำประโยคการสนทนาหลัก ๆ ได้ประมาณว่า ...
จนท. "ไปตั้งเดือนครึ่งแล้วคุณต้องลาออกจากที่ทำงานไหม?"
น้องผู้หญิง "เออ ... ไม่ค่ะ ที่ทำงานลาได้คะ"
จนท. "ลาหยุดได้ยาวเดือนครึ่งเลยเหรอค่ะ?" จนท. ถามซักต่อ
น้องผู้หญิง "ได้ค่ะ เอาวันหยุดต่าง ๆ มารวมกันได้หมด ทั้งลาป่วย ลาพักร้อน ลาไปธุระคะ"
จนท. "แน่ใจนะว่าลาหยุดได้ ... ไปนานขนาดนั้นแล้วกลับมายังจะทำงานต่อได้เหรอ?"
แล้วผมก็เห็นว่าน้องผู้หญิงคนนั้นตอบแบบอำ ๆ อึ้ง ๆ เหมือนกับว่าน้องผู้หญิงคนนั้นเค้าจะไม่ได้เตรียมตัวมาตอบคำถามในประเด็นนี้ ผมได้ยิน จนท. บอกว่าให้ไปเอาเอกสารอะไรสักอย่างจากที่ทำงานมาแสดงเพิ่มเติม แล้ว จนท. ผู้สัมภาษณ์ก็เก็บเอกสารของน้องคนนี้ไว้ไม่ได้คืนให้ ผมก็เลยเห็นน้องผู้หญิงคนนี้เดินคอตกหน้าเศร้า ๆ หันออกมาจากช่องสัมภาษณ์ ผมคิดว่าน้องเค้าคงไม่ผ่านการสัมภาษณ์เบื้องต้นที่ด่านนี้มั๊งครับ
แต่สำหรับในกรณีของคุณพ่อผม จนท.สุภาพสตรีคนไทยเค้าขอรูปถ่ายของคุณพ่อผมเพิ่มอีก 1 ใบ เอาไปเย็บติดกับเอกสารใบหนึ่งในแฟ้ม แล้วยื่นคืนแฟ้มมาให้คุณพ่อผมไปสัมภาษณ์ต่อในด่านต่อไป (ช่องหมายเลข 12 ) ที่ด้านใน ซึ่งเป็น จนท.ฝรั่งชาวอเมริกันเป็นคนสัมภาษณ์ได้เลยครับ
หวังว่าผมคงจะพอตอบคำถามให้หายข้องใจได้บ้างนะครับ
อิอิ
อิอิ
ตอนนี้ก็เล่นเน็ท..เล่นเอฟบีฆ่าเวลาไปวันๆ
โดย: RageMachine 31 พฤษภาคม 2554 0:45:37 น.
โดย: loveTRAVEL1977 31 พฤษภาคม 2554 1:34:10 น.
เกี่ยวกับการขอวีซ่าเลยล่ะน้องกล่อง
โดย: อุ้มสี 31 พฤษภาคม 2554 1:42:41 น.
อ่านไปลุ้นไปเนี่ย ว่าคุณพ่อจะได้รับอนุมัติวีซ่าไม๊ ในที่สุดก็ได้ ตั้งสิบปี ดีใจด้วยค่ะ
ขอให้คุณพ่อเที่ยวให้สนุกนะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะ
โดย: มะฮอกกานีใบใหญ่ 31 พฤษภาคม 2554 1:53:43 น.
สถาน--ตเดี๋ยวนี้ ต้องนัดคิวกันอย่างนี้แทบทั่งนั้นนะคะ (ตัวที่เว้นไว้ หาไม่เจอคะ ไม่รู้อยู่ตรงไหน
โดย: cengorn 31 พฤษภาคม 2554 1:59:29 น.
โดย: kittiya IP: 76.114.46.252 31 พฤษภาคม 2554 7:38:17 น.
โดย: ปุ๊กกี้ IP: 198.53.67.81 31 พฤษภาคม 2554 8:14:10 น.
โดย: Tristy 31 พฤษภาคม 2554 8:23:14 น.
และยังเป็นลูกกตัญญู น่ารักมาก ๆ
สำหรับเรื่อง มรดกหกคะเมน
วีไม่รอช้าที่จะไปโหวตให้นะคะ
โดย: โสดในซอย 31 พฤษภาคม 2554 8:28:00 น.
แวะมาเก็บความรู้ค่ะ กำลังจะขอวีซ่าไป " พม่า "
" มรดกหกคะเมน " ไปโหวตให้แระนะคะคุณน้องกล่อง
โดย: p'me satun 31 พฤษภาคม 2554 8:46:35 น.
ยินดีด้วยนะครับ
โดย: คนเคยผ่านมหาสมุทร 31 พฤษภาคม 2554 8:48:29 น.
โดย: ชะโดทะเล 31 พฤษภาคม 2554 9:03:54 น.
วิสกี้เองก็เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาตอนสมัยยังขอวีซ่าท่องเที่ยวอยู่ค่ะ ยังดีหน่อยที่ด้านหน้าเค้าปรับปรุงให้ดูดีขึ้นกว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนเยอะเลย สมัยนั้นยังไม่ต้องสัมภาษณ์ทุกคนแบบนี้นะคะ และวิสกี้ก็เป็นหนึ่งในโชคดีที่ไม่ต้องถูกสัมภาษณ์ค่ะ ว่าแต่คุณพ่อมาทางฝั่งเวสต์หรือฝั่งอีสค์คะ
โดย: วิสกี้โซดา 31 พฤษภาคม 2554 10:03:34 น.
โดย: coji 31 พฤษภาคม 2554 11:04:41 น.
อยากไปเที่ยวบ้างเนอะ อเมริกา ไม่รู้เค้าจะให้เข้าประเทศรึป่าว 555
โดย: strawberry banana&cream 31 พฤษภาคม 2554 11:29:37 น.
แอบลุ้นตั้งนาน ว่า คุณพ่อลุงกล่อง จะผ่านไหม หนอ.. แฮ่ ๆ ๆ
โดย: หนอนตะไคร้ 31 พฤษภาคม 2554 12:22:04 น.
อ่านไปลุ้นไปอยู่นะเนี่ย
ถึงขั้นตอนเยอะแต่ถ้าระบบมีมาตรฐานแบบนี้ทุกอย่างก็เสร็จรวดเร็วดีนะคะ
โดย: ploy666 (ploy666 ) 31 พฤษภาคม 2554 13:18:05 น.
ตื่นเต้นแทนคนไปสัมภาษณ์อีก อ่านไปอมยิ้มไปด้วยครับ
โดย: pragoong 31 พฤษภาคม 2554 13:42:48 น.
โดย: ยินดีด้วย IP: 124.121.63.100 31 พฤษภาคม 2554 13:53:01 น.
จริงๆแล้ว วีซ่าเ้ข้าอเมริกาไม่ยากค่ะ เพียงแต่ขั้นตอนยุ่งยากมากไปหน่อย และ การพิจารณาก็ดูพฤติการณ์หลายๆอย่างประกอบกัน
เราคงต้องยอมรับว่าหลายๆครั้งที่คนไทยในต่างแดนทำเสียชื่อเสียงไว้เยอะ ความเข้มงวด ต่อการพิจารณาก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา
แม่ปุ๊กปุ๋ย ก็ได้ 10 ปีเหมือนกัน ไปมา 3 ครั้งยังไม่ครบ 10 ปีซะที
ขอให้คุณพ่อเที่ยวให้สนุกนะคะ
โดย: Shallow Grave 31 พฤษภาคม 2554 13:57:00 น.
โดย: เนินน้ำ 31 พฤษภาคม 2554 15:28:38 น.
โดย: tuk-tuk@korat 31 พฤษภาคม 2554 15:55:52 น.
อ่านเหตุการณ์ที่คนประสบจำจนตาย
ด้วยความเห็นใจค่ะ
เห็นใจคุณกล่อง ที่มาพิมพ์เล่าน่ะซีคะ
คนอะไร ใจเย็นเป็นบ้า ฮ่าๆๆๆ
เรื่องบัตรภาพตราไปรษณียากร
หากมีดวงตราผนึกไว้แล้ว และราคาห้าบาทจริง
ซื้อทุกฉบับที่งานมีเลยนะคะคุณกล่อง
อาจจะมีของค้าง เขาต้องจำหน่ายจนหมด
สมัยพี่นาถยังทำงาน มีเพื่อนเป็นผู้ตรวจ
เวลาไปเจอในคลังของ ปณ.ใด เขาก็โทรมาถาม
ว่าอยากซื้อไหม...เนื้อเต้นทุกครั้งเลยค่ะ
เพราะแต่ละ ปณ.มีน้อย
เป็นประการใด มาเล่าให้พี่นาถฟังบ้างนะคะ
พ่อคนหล่อสูงเหมือนดั่งเสาธง...ฮัม
เอ เนื้อเพลงมันว่า "พ่อคนสูงใหญ๋...นี่นา
ก็สูงผอมน่ะ เลยร้องมิออก ฮิฮิ
โดย: nart (sirivinit ) 31 พฤษภาคม 2554 15:58:54 น.
คิวยาวมากๆ เลย ก็เลยคุณอาคุง
และข้อมูลให้มาเล่าได้ละเอียดเชียวค่ะ
คงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ หลายคนที่กำลังจะขอเลยนะคะ
โดย: Sweety-around-the-world 31 พฤษภาคม 2554 16:02:54 น.
ไม่ชอบขี้หน้าเนชั่ว
ฮ่าๆๆ
ขอบคุณครับ
โดย: เป็ดสวรรค์ 31 พฤษภาคม 2554 16:17:34 น.
มีความสุขมากๆนะค๊ะคุณกล่อง
โดย: Why England 31 พฤษภาคม 2554 16:19:28 น.
ผมไม่ไปอเมริกาแล้วครับพี่อาคุง
ไปคาลิฟอร์เนียว้าวก็พอครับ แฮ่ๆๆๆ
โดย: กะว่าก๋า 31 พฤษภาคม 2554 16:19:37 น.
โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา 31 พฤษภาคม 2554 16:24:29 น.
มิ้มไปเที่ยวเชียงใหม่ เลยได้ทานโจ๊กคะพี่
แหมใครจะไปเพื่อไปทานโจ๊กแล้วกลับเลยล่ะคะ 555+
โดย: strawberry banana&cream 31 พฤษภาคม 2554 16:28:03 น.
โดย: kobnon 31 พฤษภาคม 2554 16:48:00 น.
เค้าต้องกรองแล้วกรองอีก ส่วนตัวเห็นว่าดีมากๆ ค่ะ
ป้องกันไว้ก่อน
ยินดีกับคุณพ่อด้วยนะคะ ลำบากกับขั้นตอนแต่ได้วีซ่า 10 ปี
ก็คุ้มกับเวลาที่เสียไปแล้วค่ะ
โดย: ส้มแช่อิ่ม 31 พฤษภาคม 2554 17:18:26 น.
ขั้นตอน...สุดซับซ้อนแท้ละนะ
ผมจึงตัดใจ...ไม่ไป อิอิ
โดย: panwat 31 พฤษภาคม 2554 17:44:04 น.
โดย: น้องผิง 31 พฤษภาคม 2554 18:19:58 น.
เขียนได้ละเอียดมากเลยค่ะ เพื่อนจะมางานแต่งงานลูกชาย
ปลายเดือนทีแล้ว ป่านนี้ยังไม่ได้คิวสัมภาษณ์เลยค่ะ เห็นว่าต้องมีคูปอง ถ้าหมดอายุจะต้องซื้อใหม่อีก
เข้าใจว่าคนมากนะคะ แต่สงสารคนสูงอายุทีต้องไปรอสัมภาษณ์ เกิดเป็นลมไปนะ สุขภาพต้องดีๆ ถึงไปรอนะคะ
ยินดีกับคุณพ่อด้วยค่ะ ไม่เสียแรงต้องเหนือยและรอขอให้เที่ยวอย่างสนุก มีความสุข ค่ะ
โดย: newyorknurse (newyorknurse ) 31 พฤษภาคม 2554 18:28:16 น.
โดย: Calla Lily 31 พฤษภาคม 2554 18:53:04 น.
ดีใจแทนคุณพ่อด้วยยนะคะ
โดย: mutcha_nu 31 พฤษภาคม 2554 18:57:24 น.
เจ้าหน้าที่ (3 ช่อง) ที่สัมภาษณ์คร่าวๆอ่ะค่ะ
เค้าคืนซองเอกสารให้ด้วยเหรอค่ะ ?
ทำไมตอนดิฉันไปขอ (รอบแรก) เค้าไม่ได้คืนเอกสารให้ เค้าเก็บไว้แล้วเอาไปให้กงสุลเองเลย.. ให้แค่บัตรคิวเรามา
และผลปรากฏ คือ ไม่ผ่านอ่ะค่ะ
มันจะเกี่ยวกันมั๊ยค่ะที่ว่า ถ้าใครได้ถือซองไปให้กงสุลเอง จะมีโอกาสได้วีซ่ามากกว่าคนที่ไม่ได้ซองเอกสารคืน
ชักสงสัยแล้วซิ ??
โดย: minimint IP: 125.26.64.224 31 พฤษภาคม 2554 19:01:15 น.
โดย: สาวกรุงโรม 31 พฤษภาคม 2554 19:45:02 น.
โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 31 พฤษภาคม 2554 20:14:19 น.
โดย: Tristy 31 พฤษภาคม 2554 20:16:01 น.
มาตามอ่านกันอีกรอบด้วยความสนใจครับ ถึงยังจะไม่คิดตั้งเป้าไปอเมริกา มาอ่านแล้วก็ได้ความรู้กันเป็นอย่างดีเลยครับ
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันกันด้วยครับ
โดย: ถปรร 31 พฤษภาคม 2554 20:36:24 น.
โดย: Susaby IP: 58.11.60.70 31 พฤษภาคม 2554 21:18:22 น.
การขอวีซ่าของอเมริกา แม้แต่ จนท. ของสถานฑูตเองก็มีขั้นตอนไม่แตกต่างกันมากนักค่ะ ขอวีซ่าผ่านจงภูมิใจได้เลยว่ามีประวัติขาวสะอาดจริงๆ จ้า
โดย: Maew-Tua-Lek 31 พฤษภาคม 2554 21:29:22 น.
โดย: ปอ IP: 58.11.193.178 31 พฤษภาคม 2554 21:43:25 น.
มรดกฯ เข้าไปโหวตเรียบร้อยแล้ว
แต่แอบงอน จขบ.เล็กน้อย
ไปเชียร์ปราสาทสายฟ้าซะออกหน้าออกตา
ไม่แน่นะคะ เสาร์นี้ กูปรีอาจขวิดปราสาทซะถล่มทลายก็ได้นา
อิอิอิ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การเพ้อฝัน
แต่ก็ยังฝันค่ะ ฝันว่ากูปรีจะเก็บสามแต้มได้อะน๊า
โดย: fonrin 31 พฤษภาคม 2554 21:45:51 น.
มาอ่านบล็อกวันนี้เลยได้ความรู้เกี่ยวกับการสัมภาษณ์
การขอวีซ่าของเมกาค่ะ .. และก็ดีใจสำหรับวีซ่าของคุณพ่อ
ด้วยนะค่ะที่ได้มา แม้ว่าอาจจะยุ่งยากก่อนจะได้ก็ตาม
แต่ว่าพอได้มาแล้วก็คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ
เรื่องวีซ่า เมื่อก่อนนี้ตัวเองก็เจอกับปัญหาที่ว่า
จะต้องไปแต่เช้า แต่ดูเหมือนว่าเดี๋ยวนี้ทุกที่เค้าจะใช้
ระบบการนัดสัมภาษณ์ ยื่นเอกสารก็เลยตัดปัญหา
ตรงนี้ไปได้เหมือนกันนะค่ะ เพราะว่าจะได้ไม่ต้องไปแต่เช้า
โดย: JewNid 31 พฤษภาคม 2554 22:58:44 น.
โดย: วิสกี้โซดา 31 พฤษภาคม 2554 23:32:38 น.
มาเยี่ยมช้าไปนิดนึง
ขอวีซ่าเมกาว่ายากก็ยาก ง่ายก็ง่ายนะคะ
ถ้าเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหานะคะ
โดย: AdrenalineRush 1 มิถุนายน 2554 3:53:04 น.
แวะมาทักกันวันแรกของเดือนจ้า
ทิดกล่องลูกกตัญญู
โดย: หอมกร 1 มิถุนายน 2554 6:29:49 น.
ใช้เวลาเป็นวันเลย
โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 1 มิถุนายน 2554 6:38:20 น.
น่าจะไปบอกกันนะคะ จะได้มาโหวตให้อะค่ะ
ยังไงโหวตที่บล็อกนี้ก่อนแล้วกัน เขียนละเอียดดีมากๆ เลยค่ะ
โหวตหมวดความรู้ให้นะคะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 1 มิถุนายน 2554 7:21:34 น.
55 อ่านไม่หวายยยยย
เพลงที่บ้านนั้น คนพิเศษอยากฟังครับ เลยเปิดให้
ฟังสักสองวัน ขออภัยที่โหยหวนประสาทหูคุณกล่อง
ไปหน่อย
ถ้ามีงานกล้วยไม้อย่างว่าจริง น่าจะมีข่าวชัดเจน
กว่านี้นะครับ และถ้ามีจริงก็จะไปเหมือนกันครับ
โดย: nulaw.m 1 มิถุนายน 2554 7:37:39 น.
เดี๊ยวนี้หลายหน่วยงานภายในประเทศใช้ระบบคิวเป็นเวลาครับ
โดย: เศษเสี้ยว 1 มิถุนายน 2554 9:33:31 น.
โดย: TASSY_TT IP: 115.87.21.248 1 มิถุนายน 2554 10:29:19 น.
โดย: I_sabai 1 มิถุนายน 2554 10:31:32 น.
เท่าที่อ่านดูง่ายกว่าที่คิดเยอะเลยครับ เคยได้ยินว่าขอวิซ่าเข้าประเทศอเมริกายาก อาจเป็นเพราะมีคนรู้จักอยู่ด้วยก็ได้มั้งเลยง่ายขึ้น
+
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 1 มิถุนายน 2554 10:44:56 น.
ข้อมูลละเอียดมาก
ขอบคุณฮับ
โดย: ริวคิ-mawin-maji-minic 1 มิถุนายน 2554 13:22:00 น.
จากที่คุณอุ้มสีส่งข่าวมายังเพื่อนๆแล้ว..เสียวจัง
แปลกใจที่เราฟื้นกลับได้อย่างรวดเร็ว
แผลที่หัวหมอนัดตัดไหม พรุ่งนี้
ส่วนไหปลาร้าที่หักใส่เฝือกอ่อน
หมอบอกมันก็แตกไป..(คงไม่ผ่าตัด
เพราะเรื่องจะยากและมากเรื่อง)
รอให้กล้ามเนื้อมีแรงกลับมาพยุงกระดูกไหปลาร้าที่แตก
แวะมากราบงามๆสำหรับกำลังใจที่มีให้กันค่ะ
ค่อยยังชั่วขึ้นมากๆและมาทำงานแล้ว
แวะมาแสดงความยินดีกับคุณพ่อด้วยค่ะ
น้องที่ทำงานก็ลาไป LA.. 50 วัน ยังไม่กลับมาเลย
โดย: เริงฤดีนะ 1 มิถุนายน 2554 14:46:08 น.
เห็นรายหางว่าว คนต่อคิวต่อแถวขอวีซ่าแล้วยากเย็นดีแท้
เคยอ่านในหนังสือคู่สร้างคู่สมเห็นเขียนไปบ่นๆ มาก ๆ เลยค่ะ
คนท้องแท้ ๆ ก็ยังมาต่อคิวยาวเหยียดสงสารจริงๆ
ใครโชคดีก็ได้ไป ใครไม่ผ่าน ก็หน้าหงอกลับมา อิอิ
คุณกล่องสบายดีนะคะ เว้นอัพบล้อกเสียนาน จำได้ว่าบล้อกก่อน
เป็นทะเลบางขุนเทีียนแท้ๆ เลยยังไม่ได้เชยชม
ทริประยองบล้อกเกอร์แต่ละคนมีรูปเพียบค่ะ
น้องริน ยังไม่ได้ทำไรเลย เตรียมอัพเร็วๆ นี้เหมือนกัน
รุปฮา ๆ เพียบ เพราะมีแต่คนบ้าๆ ด้วยกันไปเจอกัน
น่าจัดสรรทีมงานอีกนะคะ
โดย: Rinsa Yoyolive 1 มิถุนายน 2554 15:10:05 น.
เคยดูในเดี่ยวไมโครโฟนของโน้ตอุดม ที่เขาเอามาพูดล้อเรื่องทำวีซ่าไปอเมริกา ตอนนั้นยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่ามันยากเย็นพอสมควร ตอนนี้มาได้อ่านที่คุณกล่องเขียน ผมว่าก็ดูจะยากเย็นจริงๆ อย่างที่เขาว่า ถ้านับรวมตั้งแต่ขั้นตอนการจองคิวสัมภาษณ์ก็ถือว่านานมากเลยทีเดียวนะครับ ถ้าไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ ผมขอไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า ยังมีประเทศอื่นๆ ที่ไปได้ง่ายกว่านี้ รอเราไปเที่ยวอีกมาก .....
โดย: NET-MANIA 1 มิถุนายน 2554 15:34:02 น.
โดย: ช้อย 1 มิถุนายน 2554 18:16:05 น.
สวัสดีค่ะ..คุณอาคุงกล่อง
ทำไมคิวยาว และยุ่งยากจังค่ะ เป็นติกคงหมดอารมณ์อยากไปซะก่อนแน่ๆค่ะ
ปล. มาโหวตให้ด้วยนะคะ
โดย: nootikky 1 มิถุนายน 2554 18:58:24 น.
อ่าน 2 รอบ ได้ความรู้มาก ๆ ไม่รู้จะได้ไปอเมริกากับเค้าบ้างรึเปล่า
ดีใจกับคุณพ่อด้วยนะคะ เรื่องตอนสัมภาษณ์น่ารักดี อ่านไปอมยิ้มไป
โดย: Onintra 1 มิถุนายน 2554 19:44:44 น.
แอบแซวค่ะ ฮี่ๆๆ
โดย: BeCoffee 1 มิถุนายน 2554 21:10:28 น.
ผมขออนุญาตตอบคำถามเพิ่มเติมนะครับ
จากคำถามที่ว่า ....
ขอถามหน่อยนะค่ะ
เจ้าหน้าที่ (3 ช่อง) ที่สัมภาษณ์คร่าวๆอ่ะค่ะ
เค้าคืนซองเอกสารให้ด้วยเหรอค่ะ ?
ทำไมตอนดิฉันไปขอ (รอบแรก) เค้าไม่ได้คืนเอกสารให้ เค้าเก็บไว้แล้วเอาไปให้กงสุลเองเลย.. ให้แค่บัตรคิวเรามา
และผลปรากฏ คือ ไม่ผ่านอ่ะค่ะ
มันจะเกี่ยวกันมั๊ยค่ะที่ว่า ถ้าใครได้ถือซองไปให้กงสุลเอง จะมีโอกาสได้วีซ่ามากกว่าคนที่ไม่ได้ซองเอกสารคืน
ชักสงสัยแล้วซิ ??
โดย: minimint
^
^
^
^
ผมขอตอบว่า ...
เจ้าหน้าที่ที่เป็นสุภาพสตรีคนไทย(ทั้ง 3 ช่อง) ที่เป็นผู้ทำการสัมภาษณ์เบื้องต้น ผมคิดว่าเค้าน่าจะเป็นคนที่คอยครวจสอบและสกรีนเบื้องต้นนะครับ ว่าใครน่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ก่อนที่เค้าจะส่งเข้าไปให้ จนท. ฝรั่งข้างในสัมภาษณ์ต่อเป็นด่านสุดท้ายครับ
ในกรณีที่ไม่ผ่านตั้งแต่ด่านนี้ผมก็ว่าน่าจะเป็นเรื่องของข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ ว่าถูกต้องไหมมากกว่า? โดยผมคิดว่า จนท.สุภาพสตรีคนไทยท่าน 3 ท่านนี้จะตั้งคำถามในลักษณะการ ครอสเช็ค ระหว่างข้อมูลที่คุณกรอกและเอกสารประกอบที่คุณนำมายื่น กับคำตอบที่คุณตอบออกมาจากปาก ว่าถูกต้องตรงกันไหม? มีการ เมค เอกสารหรือข้อมูลไหม? ผมคิดว่าเป็นขั้นตอนของการสกรีนเบื้องต้น (จับคนผิด) เพื่อจะได้ไม่ต้องส่งต่อไปสัมภาษณ์ในด่านต่อไปมากกว่าครับ ในขั้นตอนนี้ใครที่ไม่ผ่านก็ตัดออกไปก่อนเลย ไม่ต้องส่งเข้าไปสัมภาษณ์กับ จนท.ฝรั่งต่อครับ
ยกตัวอย่างเช่นผมเห็นมีน้องผู้หญิงที่ช่องข้าง ๆ สัมภาษณ์กับ จนท.สุภาพสตรีคนไทยนานมาก ๆ โดยผมพอจำประโยคการสนทนาหลัก ๆ ได้ประมาณว่า ...
จนท. "ไปตั้งเดือนครึ่งแล้วคุณต้องลาออกจากที่ทำงานไหม?"
น้องผู้หญิง "เออ ... ไม่ค่ะ ที่ทำงานลาได้คะ"
จนท. "ลาหยุดได้ยาวเดือนครึ่งเลยเหรอค่ะ?" จนท. ถามซักต่อ
น้องผู้หญิง "ได้ค่ะ เอาวันหยุดต่าง ๆ มารวมกันได้หมด ทั้งลาป่วย ลาพักร้อน ลาไปธุระคะ"
จนท. "แน่ใจนะว่าลาหยุดได้ ไปนานขนาดนั้นแล้วกลับมายังจะทำงานต่อได้เหรอ?"
แล้วผมก็เห็นว่าน้องผู้หญิงคนนั้นตอบแบบอำ ๆ อึ้ง ๆ เหมือนกับว่าน้องผู้หญิงคนนั้นเค้าจะไม่ได้เตรียมตัวมาตอบคำถามในประเด็นนี้ ผมได้ยิน จนท. บอกว่าให้ไปเอาเอกสารอะไรสักอย่างจากที่ทำงานมาแสดงเพิ่มเติม แล้ว จนท. ผู้สัมภาษณ์ก็เก็บเอกสารของน้องคนนี้ไว้ไม่ได้คืนให้ ผมก็เลยเห็นน้องผู้หญิงคนนี้เดินคอตกหน้าเศร้า ๆ หันออกมาจากช่องสัมภาษณ์ ผมคิดว่าน้องเค้าคงไม่ผ่านการสัมภาษณ์เบื้องต้นที่ด่านนี้มั๊งครับ
แต่สำหรับในกรณีของคุณพ่อผม (ต้องลองไปอ่านตามลิงค์ที่ให้ไว้) จนท. ขอรูปถ่ายเพิ่มอีก 1 ใบ เอาไปเย็บติดกับเอกสารใบหนึ่งในแฟ้ม แล้วยื่นคืนแฟ้มมาให้คุณพ่อผมไปสัมภาษณ์ต่อในด่านต่อไป (ช่องหมายเลข 12 ) ที่ด้านใน ซึ่งเป็น จนท.ฝรั่งชาวอเมริกันเป็นคนสัมภาษณ์ครับ
หวังว่าผมคงจะพอตอบคำถามให้หายข้องใจได้บ้างนะครับ
อิอิ
โดย: จขบ.รูปหล่ออ่ะ (อาคุงกล่อง ) 1 มิถุนายน 2554 21:48:00 น.
ทำให้ผู้ที่จะไปติดต่อในโอกาสหน้า มีความเข้าใจ เตรียมตัวเตรียมใจได้ถูกต้อง
มีประโยชน์มากครับ
โดย: Insignia_Museum 1 มิถุนายน 2554 21:48:02 น.
โดย: haiku 1 มิถุนายน 2554 22:15:36 น.
โดย: sierra whiskey charlie 1 มิถุนายน 2554 23:25:01 น.
โดย: อุ้มสี 2 มิถุนายน 2554 1:18:45 น.
โดย: preaw waan 2 มิถุนายน 2554 3:15:23 น.
โดย: อาบูด 2 มิถุนายน 2554 22:58:15 น.
อ่านแล้วนึกถึงเรื่องที่คุณโน้ต-อุดม เล่าใน เดี่ยว8เลยคะ
ทำไมจะเข้าประเทศนี้ถึงได้ยากเย็นอย่างนี้หนอ...
โดย: เจ้าช่อมาลี (PP_Skywalker ) 3 มิถุนายน 2554 6:18:52 น.
โดย: วิสกี้โซดา 3 มิถุนายน 2554 9:19:59 น.
โดย: พงษ์ # 814 (p-pongpk ) 3 มิถุนายน 2554 13:02:16 น.
เล่ารายละเอียดดีจังเลยค่ะ
ดอกขาวสลับนั้น................เขียวใบ
ซ้อนกลีบใช่ซ้อนใจ............แทรกซ้ำ
งามรูปร่าง, งามใจ..............พุดจีบ
ใจไม่ทำใครช้ำ..................จิตนี้รักเดียว
โดย: พธู 3 มิถุนายน 2554 13:39:11 น.
.แวะมาได้ประสบการณ์ ดีจัง เพราะตัวเองไม่เคย อ่ะ ค่ะ..อิอิ.. จะได้เตรียม ตัว ถูก นะ..
สบายดี นะคะ..
โดย: tifun 3 มิถุนายน 2554 15:00:43 น.
แวะมาทักทายยามเย็น สบายดีนะคะคุณกล่อง
โดย: เกศสุริยง 3 มิถุนายน 2554 20:48:17 น.
โอ้โห.. บรรยายซะละเอียดยิบเห็นภาพทุกขั้นตอนเลยค่ะ เก่งจริงๆ
เหมือนเพื่อนคนอื่นๆที่เคยได้ยินกิตติศัพท์ความยากในการขอวีซ่าอเมริกา แต่พอมา่อ่านที่คุณกล่องเล่าแล้วไม่ยุ่งเท่าที่คิดแฮะ
เรื่องขอวีซ่านี่ อยู่ที่เอกสารต่างๆที่ต้องเตรียมจริงๆค่ะ แล้วก็ความชัดเจน ความถูกต้องตรงไปตรงมาไม่หมกเม็ด คิดว่าไม่ว่าปท.ไหนก็คงเหมือนกันแหละเนอะ
ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่อด้วยนะคะ ขอให้คุณพ่อเที่ยวให้สนุกค่ะ
โดย: ป้าโซ 4 มิถุนายน 2554 0:00:28 น.
อิจฉาจัง ได้ไปเที่ยวอเมริกาด้วย
ป้าของคนอ่อนไหวฯก้อยู่อเมริกาทั้งสองคนเลย แต่คนอ่อนไหวฯก้ไม่เคยไปค่ะ ไปแต่ญี่ปุ่น อิอิ
เที่ยวเผื่อด้วยนะคะ
โดย: คนอ่อนไหวที่แกล้งใจแข็ง (Tukta21 ) 4 มิถุนายน 2554 0:18:46 น.
ตุ๊กตากลับมาเรียนกรุงเทพแล้วล่ะ
อันดับแรกพี่ก็ขับรถไปขึ้นเรือ แระว่ายน้ำเล่นได้เลย 555
โดย: ตุ๊กตาซัง 4 มิถุนายน 2554 4:20:39 น.
โดย: แม่อ้วนคนสวย 4 มิถุนายน 2554 11:44:59 น.
แต่ก็มีคนขอกันเยอะล้นหลามทุกวันเลยเนอะอาคุงกล่อง
เล่าได้น่าอ่านน่าติดตามดีค่ะ หลายๆคนได้ความรู้ดีด้วย
ได้รับโปสการ์ดภาพวาดพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทแล้วค่ะ เป็นภาพวาดที่สวยจริงๆค่ะ ขอบคุณมากๆ
แล้วอาคุงกล่องได้รับหนังสือคู่มือเที่ยวนอร์เวย์เล่มเล็กๆหรือยังคะ?
ส่งให้ตั้งแต่ตอนเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยน่ะค่ะ
คือเมื่อเดือนมกราคมปีนี้(ส่งจากบ้านที่กาญจนบุรีค่ะ)
โดย: เกลือหนึ่งกำน้อย 4 มิถุนายน 2554 14:38:16 น.
สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเขาไม่หาที่ให้คนไทยนั่งรอกันสบายๆ มั่งนะ ทำไมต้องให้มายืนทรมานเข้าแถวริมถนนกันยาวเหยียดราวกับรอปันส่วนอาหาร 555 เห็นแล้วหมดอยากขอวีซ่า ไปประเทศอื่นก็ได้ฟระ
โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) 4 มิถุนายน 2554 18:16:02 น.
ต้องอั้นกันหน้าเหลืองเลยหรือเปล่า? นึกแล้วกังวลแทนประดา สว ทั้งหลาย
โดย: PatPDX IP: 98.150.29.233 5 มิถุนายน 2554 0:17:53 น.
โดย: กะว่าก๋า 5 มิถุนายน 2554 6:38:35 น.
เรื่องทำพาสปอร์ตเนี่ย
ฮ่าๆ
โดย: เป็ดสวรรค์ 5 มิถุนายน 2554 15:38:45 น.
ไปเที่ยวมาสองรอบแล้วค่ะ ปี 12 จะไปอีกไปขับรถเที่ยวกับน้องสาวเหมือนกันค่ะ
โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ 5 มิถุนายน 2554 22:31:06 น.
โดย: เชอรี่ลัลลา 22 มิถุนายน 2554 21:19:25 น.
โดย: พัดยศ IP: 61.90.35.34 24 สิงหาคม 2554 15:24:24 น.
พอดีว่าเพิ่งจะมาเห็นข้อความครับ
วีซ่าที่คุณพ่อของผมได้ก็เริ่มตั้งแต่วันที่ไปสัมภาษณ์แล้วอนุมัติเลยครับ แล้ววีซ่าที่ได้รับก็มีระยะเวลา 10 ปีครับ
อิอิ
โดย: อาคุงกล่อง 12 กันยายน 2554 17:50:59 น.
โดย: pp IP: 183.88.84.175 15 พฤศจิกายน 2555 11:50:47 น.
โดย: ไมตรี ทองประวัติ IP: 58.10.249.214 29 พฤษภาคม 2559 11:25:34 น.
โดย: auy IP: 49.230.28.221 10 สิงหาคม 2559 23:47:35 น.