bloggang.com mainmenu search
ถ้าพูดถึงงานกาชาดประจำปีแล้ว หลาย ๆ ท่านที่อยู่ในกรุงเทพฯ คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเท่าที่ทราบงานกาชาดประจำปีที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ มีการจัดต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว สำหรับผมจำได้ว่าในสมัยเด็ก ๆ ก็มีโอกาสได้ไปเดินเที่ยวงานกาชาดอยู่เหมือนกันครับ โดยงานกาชาดประจำปีมักจะถูกจัดขึ้นในช่วงเวลาปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี โดยจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 9 วัน ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า สวนอัมพรและสนามเสือป่า โดยในปี 2554 นี้ งานกาชาดมีตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2554 ครับ











ในงานกาชาดฯ ประจำปี นอกจากจะเป็นการระดมทุนเพื่อหารายได้เข้าการกุศลสำหรับบำรุงสภากาชาดไทยแล้ว ในงานกาชาดฯ นี้ถือว่าเป็นงานการกุศลที่มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาร่วมออกบูธกันเยอะมากที่สุดเลยครับ โดยหลัก ๆ จะเป็นการจำหน่ายสินค้าราคาถูก การตรวจรักษาสุขภาพฟรี รับบริจาคโลหิตและอวัยวะ ฯลฯ และสิ่งหนึ่งที่มีเป็นประจำและขาดไม่ได้ในงานกาชาดประจำปีก็คือ การออกสลากบำรุงสภากาชาดไทยของหน่วยงานต่าง ๆ ครับ

เมื่อพูดถึงสลากบำรุงสภากาชาดไทยแล้วผมก็จำได้ว่า ในสมัยที่ผมเป็นเด็กนักเรียนผมก็เคยใส่ชุดลูกเสือไปช่วยขายสลากบำรุงสภากาชาดไทยเหมือนกันครับ แต่เป็นของหน่วยงานไหนผมก็จำไม่ได้แล้วครับ แต่จำได้ว่าจะได้เปอร์เซ็นต์จากจำนวนสลากฯ ที่ผมขายได้ เพื่อเป็นค่าขนมหรือค่าแรงสำหรับการเดินขายสลากฯ ครับ โดยสาเหตุที่ใช้เด็กนักเรียนที่น่ารัก ๆ แบบผมมาขายสลากฯ ก็คงเป็นเพราะกลยุทธ์ที่สร้างความน่าเห็นอกเห็นใจให้แก่ผู้ซื้อก็เป็นได้ครับ (แสดงว่าตอนเด็ก ๆ ผมต้องน่ารักแน่ ๆ เลยครับ ... เอ หรือว่าเค้าซื้อเพราะว่าสงสารที่เห็นผมผอมแห้งหว่า?) แต่ประสบการณ์ในการขายสลากฯ นั้นยังไม่สำคัญเท่ากับการที่ผมได้ถือโอกาสเดินเที่ยวงานกาชาดในยามค่ำคืนด้วย ซึ่งในสมัยที่ผมเป็นเด็ก ๆ นั้นโอกาสที่จะได้ออกจากบ้านไปเที่ยวในยามค่ำคืนค่อนข้างจะยากมากเลยครับ










พูดถึงงานกาชาดฯ ในปัจจุบันนี้ ผมไม่ได้ไปเดินเที่ยวงานกาชาดประจำปีมานานกว่า 10 ปีแล้วครับ สาเหตุอาจจะไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง ไม่มีเวลาว่างไปเดินเที่ยวงานบ้าง ไม่สะดวกเดินทางไปเที่ยวงานบ้างเนื่องจากรถติดมาก รวมทั้งช่วงเวลาที่มีงานกาชาดฯ นั้นยังมีงานใหญ่ที่จัดพร้อม ๆ กันอีก 2 งานก็คือ งานสัปดาห์หนังสือฯ ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ และงานมอเตอร์โชว์ที่ไบเทค บางนา ครับ (แต่ในปีนี้งานมอเตอร์โชว์ไปจัดที่เมืองทองธานีเป็นปีแรกครับ) เลยทำให้ในปีที่ผ่าน ๆ มาผมพลาดโอกาสที่ไปเดินเที่ยวงานกาชาดเป็นประจำเลยครับ

ผมเพิ่งจะมีโอกาสได้มาเดินเที่ยวงานกาชาดฯ อีกครั้งก็เมื่อคืนวันพุธที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของงานกาชาดประจำปี 2554 ครับ โดยรูปแบบทั่วไปของงานกาชาดฯ โดยรวมแล้วก็คงเหมือนเดิม เรียกได้ว่าแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากสักเท่าไหร่เลย ในงานกาชาดฯ นั้นก็มีหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ มาร่วมออกบูธเพื่อหารายได้เข้าสภากาชาดไทย โดยรูปแบบก็ยังเป็นการสอยดาว , จับฉลาก , ช้อนไข่ , ปาเป้า ฯลฯ เหมือนเดิมครับ ซึ่งผมเชื่อว่าประชาชนหลาย ๆ ท่านที่ไปเดินเที่ยวงานกาชาดฯ นั้น ต่างก็ชื่นชอบการสอยดาวหรือการเสี่ยงโชคในรูปแบบต่าง ๆ พวกนี้เป็นอย่างยิ่งครับ










ถ้าท่านได้ไปเดินเที่ยวงานกาชาดฯ ท่านอาจจะได้เห็นภาพที่เด็ก ๆ นั่งเฝ้าข้าวของที่วางกองอยู่บนพื้นข้างทางเดิน โดยที่พ่อแม่และผู้ปกครองต่างก็ไปสอยดาวเพื่อชิงรางวัลมาเพิ่ม โดยรางวัลใหญ่หลัก ๆ ในสมัยก่อนมักจะเป็น จักรยานหรือหม้อหุงข้าวไฟฟ้าครับ ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นรางวัลใหญ่มากแล้ว แต่ในปัจจุบันถ้าใครสอยดาวได้หม้อหุงข้าวมักจะส่ายหน้าเลยครับ เพราะว่าหนักมือขี้เกียจถือมันเมื่อยมากเดินเที่ยวงานไม่สะดวก เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็อยากจะได้ เตาไมโครเวฟ, โทรศัพท์มือถือ , ทีวีจอแบน , โน๊ตบุ๊คส์ , ชุดโฮมเธียเตอร์ ฯลฯ มากกว่าครับ ดังนั้นแต่ละบูธจึงพยายามหาของรางวัลพิเศษใหม่ ๆ มาวางล่อตาล่อใจเรียกความสนใจจากประชาชนผู้เดินเที่ยวงานอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้คนเดินเข้ามาซื้อบัตรสอยดาวในบูธมากขึ้นครับ

ในสมัยก่อนเมื่อใครไปเที่ยวงานกาชาดฯ กลับมา ในมือมักจะมีทั้ง หม้อ , ชาม , กะละมัง , สบู่ , แชมพู , น้ำยาล้างจาน , ปลากระป๋อง , ผลไม้กระป๋อง ฯลฯ หอบพะรุงพะรังกันมาเยอะแยะเต็มไปหมด โดยเฉพาะรถจักรยานซึ่งถ้าใครสอยดาวได้รางวัลใหญ่เป็นรถจักรยานในสมัยก่อนนั้นจะดูหรูมากเลยครับ ถือว่าคนที่ได้รถจักรยานนั้นโชคดีมาก ๆ เลย แต่ในปัจจุบันนี้ต้องเป็นรถจักรยานยนต์หรือรถมอเตอร์ไซด์รุ่นใหม่ ๆ ถึงจะเท่ห์ครับ

ในสมัยก่อนมีเรื่องเล่าขำขำปนเศร้าว่า .... (ฟังหูไว้หูนะครับ)

ยายฉ่ำอายุ 70 ปีบ้านอยู่พระประแดงนั่งรถเมล์เดินเที่ยวงานกาชาดประจำปีที่สวนอัมพร แล้วยายฉ่ำก็ไปสอยดาวได้รถจักรยานเฟสสันมา 1 คัน ยายฉ่ำก็ดีใจที่ตัวแกโชคดีเป็นอย่างมาก ยายฉ่ำก็เลยเดินจูงจักรยานเดินเที่ยวทั่วงานจนถึงเที่ยงคืนเลยครับ ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ยายฉ่ำกะจะโชว์ให้คนที่มาเดินเที่ยวงานเห็นว่าแกโชคดีครับ แกเท่ห์ที่สอยดาวได้รถจักรยานครับ แต่สุดท้ายแล้วยายฉ่ำก็ไม่ได้ขี่รถจักรยานคันที่ได้นั้นเลย เพราะว่าตัวยายฉ่ำแกขี่จักรยานไม่เป็น ยายฉ่ำเลยต้องเดินจูงรถจักรยานกลับบ้านที่อยู่พระประแดง แล้วประมาณตอนตี 3 กว่า ๆ ก็มีคนเห็นยายฉ่ำโดนรถสิบล้อสอยไปที่แถว ๆ หน้าตลาดดาวคะนองพร้อมกับรถจักรยานคันที่แกจูงกลับมาด้วยนั้นเองครับ


นั้นก็เป็นเรื่องเล่าในสมัยก่อนครับ ซึ่งเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงผมก็ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันครับ แต่ที่แน่ ๆ ในสมัยนี้ ในยุคปัจจุบันนี้เค้าพัฒนาแล้วครับ ใครที่เป็นเดินงานกาชาดแล้วสอยดาวได้รางวัลเป็นข้าวของมากมายจนถือกลับบ้านไม่ไหวก็ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ทางไปรษณีย์ไทยมีบริการขนของแบบเหมาสำหรับนำไปส่งให้แก่ท่านถึงบ้านเลยครับ ใครสนใจก็ไปใช้บริการที่บูธของไปรษณีย์ไทยได้เลยครับ









พูดถึงสลากบำรุงสภากาชาดไทย ที่หลาย ๆ หน่วยงานออกมาเพื่อระดมทุนหาเงินเข้าการกุศลนั้น แต่ละบูธต่างก็มีรางวัลใหญ่เป็นรถยนต์หรูกันทั้งนั้น โดยราคาหรือรุ่นของรถยนต์ก็เปลี่ยนไปให้มีมูลค่ามากขึ้นในทุก ๆ ปีครับ ใครที่โชคดีได้รับรางวัลที่ 1 จากสลากฯ พวกนี้ ก็ถือได้ว่าโชคดีไม่แพ้กับการถูกล็อตเตอร์รี่เลยครับ ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่ซื้อสลากฯ เพื่อรอลุ้นรางวัลใหญ่เหมือนกันครับ ดังนั้นแต่ละบูธต่างก็พยายามที่จะเรียกร้องและดึงความสนใจของประชาชนให้มาซื้อสลากฯ ของตัวเอง ซึ่งวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ การใช้ดารา นักแสดง นางามหรือคนดัง มาช่วยกระตุ้นยอดขายสลากฯ เหล่านี้ครับ










เรียกว่าถ้าใครบ้าดาราก็ไม่น่าจะพลาดงานกาชาดฯ นะครับ เพราะว่าในงานกาชาดฯ มักจะมีทั้ง ดาราและนักแสดงคนดังต่าง ๆ มาอยู่ประจำแต่ละบูธ เรียกว่าในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาทองของดารา นักแสดงคนดังที่มีชื่อเสียงเลยครับ ในตอนนี้ถ้าใครกำลังดัง ใครกำลังมีชื่อเสียง รับประกันได้เลยว่าจะต้องถูกเชิญไปร่วมออกงานกาชาดฯ แน่ ๆ ครับ ดังนั้นในแต่ละคืนที่ไปเดินเที่ยวงานกาชาดฯ รับรองได้ว่าท่านจะต้องเจอดาราหรือคนดังไม่ต่ำกว่า 5 คนเป็นอย่างแน่ครับ แล้วยิ่งถึงวันท้าย ๆ ของงานแล้วล่ะก้อ เชื่อได้ว่านอกจากดารา , นักแสดง , นักร้อง , นางงาม , เซเลบและคนดังต่าง ๆ แล้ว ผมเชื่อว่าท่านอาจจะเจอทั้ง หมอดู , นักกีฬา , นักการเมือง , สส. , สว. , รัฐมนตรี , คนใกล้ชิดรัฐมนตรี , คนหน้าคล้ายรัฐมนตรี , ขอทาน ฯลฯ ก็เป็นได้ครับ

ส่วนในเรื่องของการแสดงของแต่ละบูธนั้นก็มักจะเป็นการแสดงดนตรีเป็นหลักครับ เรียกว่าในบริเวณงานกาชาดฯ นั้นเสียงจะดังเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าแต่ละบูธก็จะตั้งอยู่ติด ๆ กัน แล้วต่างก็ใช้เครื่องขยายเสียงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากประชาชนที่เดินผ่านไปผ่านมากันทั้งนั้น จนบางครั้งมีคนกล่าวว่า งานกาชาดฯ ที่สวนอัมพรนั้นเป็น “งานวัดของเมืองหลวง” เลยก็มีครับ ดังนั้นถ้าหน่วยงานไหนมีการแสดงที่แปลกและแตกต่างออกไปจากบูธอื่น ๆ ก็จะสามารถเรียกคนดูเข้ามาที่บูธได้มากเป็นพิเศษครับ











ในภาพนี้เป็นการแสดงของสุนัขทหารครับ น่ารักและเชื่องมาก ๆ เลยครับ น้องหมาหันซ้ายหันขวาคล่องกว่าผมอีกครับ น้องหมาคลานต่ำสี่ขาก็ได้ครับ (โธ่ ... ไม่อยากจะคุยเลยว่า เวลาที่ผมเมามาก ๆ ผมก็คลานแบบน้องหมาได้เหมือนกันครับ)









ดูน้องหมาเดินบนปากขวดสิครับ เก่งมากเลยครับ

โฮ่ง ๆ












นี่คือของรางวัลที่ผมสอยดาวได้ครับ







สำหรับท่านใดที่ว่างในช่วงเวลานี้ จนกระทั่งถึงวันที่ 7 เมษายน 2554 ก็อย่าลืมไปเดินเที่ยวงานกาชาดดูนะครับ ลองไปเดินเที่ยวงานกาชาดดูสักครั้ง เพื่อเก็บเป็นความทรงจำไว้เล่าให้ลูกหลานได้ฟังว่า ในครั้งหนึ่งนั้น ... เราก็เคยไปสอยดาวในงานกาชาดฯ แล้วก็ได้รางวัลเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับน้ำยาล้างจานมาเหมือนกันครับ

ก๊าก ๆ ๆๆ

อิอิ


Create Date :01 เมษายน 2554 Last Update :1 เมษายน 2554 1:26:11 น. Counter : Pageviews. Comments :92