(* ที่มาของการเขียนบทความนี้ ดูที่หมายเหตุด้านล่าง)
-----------------------------------------------------------
พระพุทธองค์ได้บัญญัติพระวินัย [1] ไว้ว่า
ปณฺฑโก ภิกฺขเว อนุปสมฺปนโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ
อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพติ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบัน คือ บัณเฑาะก์
ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้วต้องให้สึกเสีย
-----------------------------------------------------------
พระอรรถกถาจารย์ได้อธิบาย [2] ไว้ว่า บัณเฑาะก์ ที่พระพุทธองค์
ห้ามบวชนี้ มุ่งหมายถึง ผู้ที่ไม่มีอวัยเพศปรากฏ (นปุงสกปณฺฑก)
และผู้ที่ถูกตอนแล้ว (โอปกฺกมิยปณฺฑก)
โดย บัณเฑาะก์อาจแบ่งออกได้ ๕ จำพวก คือ
๑ อาสิตฺตปณฺฑก ๒ อุสุยฺยปณฺฑก ๓ โอปกฺกมิยปณฺฑก
๔ ปกฺขปณฺฑก ๕ นปุงสกปณฺฑก
ผมจะสรุปความหมายให้สั้นกระทัดลง ดังนี้นะครับ
๑ อาสิตตบัณเฑาะก์ ได้แก่ ชายที่มีกิจกรรมทางเพศกับชาย
๒ อุสุยยบัณเฑาะก์ ได้แก่ ชายที่ไม่ถึงกับมีกิจกรรมแต่พอใจที่จะดู
กิจกรรมทางเพศ โดยตัวเป็นชายแต่ก็ไปชอบใจในชายที่ดูอยู่นั้น
๓ โอปักกมิยบัณเฑาะก์ ได้แก่ บุคคลผู้ที่ถูกตอนไปแล้ว เช่นขันที
๔ ปักขบัณเฑาะก์ ได้แก่ บุคคลบางคนข้างแรมเกิดความกำหนัด
ยินดีกระวนกระวายด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรม เมื่อถึงข้างขึ้น
ความกระวนกระวายนั้นก็หายไป
๕ นปุงสกับบัณเฑาะก์ ได้แก่ ผู้ที่ไม่มีเพศหญิงเพศชายไม่ปรากฏทั้ง ๒ เพศ
มีแต่ช่องที่สำหรับถ่ายปัสสาวะเท่านั้น
ในบัณเฑาะก์ ๕ ชนิดนั้น
อาสิตตบัณเฑาะก์ และอุสุยยบัณเฑาะก์ ไม่ห้ามบรรพชา,
โอปักกมิยบัณเฑาะก์ นปุงสกับบัณเฑาะก์ ห้ามบรรพชา
ส่วน ปักขบัณเฑาะก์ ห้ามบรรพชาแก่เขาเฉพาะปักข์ที่เป็นบัณเฑาะก์เท่านั้น.
ในกรณีของ บัณเฑาะก์ สองประเภทที่ว่าบวชได้นั้น หมายถึง
เป็นบัณเฑาะก์ก็แต่เมื่อก่อนบวช แต่เมื่อมาบวชแล้วต้องรักษาวินัย
และสละความประพฤติเบี่ยงเบนนั้นออกให้หมด
-----------------------------------------------------------
หลายๆท่าน มักจะเข้าใจว่า บัณเฑาะก์ แปลว่า กระเทย, เกย์ หรือ ตุ๋ด
ความเข้าใจเช่นนี้อาจจะยังไม่ตรงซะทีเดียว
อันที่จริง คำว่า บัณเฑาะก์ มาจาก ภาษาบาลีว่า ปณฺฑก ดังวจนัตถะ [3] ว่า
ปฑติ ลิงฺคเวกลฺลภาวํ คจฺฉตีติ ปณฺฑโก
ผู้ที่มีเครื่องหมายแห่งบุรุษและสตรีขาดตกบกพร่องไป
ผู้นั้นชื่อว่า บัณเฑาะก์ ได้แก่บัณเฑาะก์ ๕ จำพวก
สำหรับวจนัตถะนี้ หมายเอาพวก
นปุงสกบัณเฑาะก์ เป็นการแสดงโดยตรง (มุขยัตถนัย)
บัณเฑาะก์ที่เหลือ ๔ พวก เป็นการแสดงโดยอ้อม (สทิสูปจารัตถนัย)
-----------------------------------------------------------
มีคำถามว่า คำว่า "หญิงบัณเฑาะก์" ที่พบในพระไตรปิฎก [4]
ในที่นี้มีหมายความว่าอย่างไร
อาศัยวจนัตถะที่แสดงไว้ในบทก่อน
ว่าโดยนัยยะโดยตรง (มุขยัตถนัย) โดยทั่วไปจะหมายถึง
"หญิงที่ไม่ปรากฏอวัยวเพศ"
ส่วนกรณีหญิงชอบหญิง ก็จัดเข้าเป็นบัณเฑาะก์ได้โดยอ้อม (สทิสูปจารัตถนัย)
-----------------------------------------------------------
ต่อมา จะเป็นการอธิบายเรื่อง อุภโตพยัญชนกะ
-----------------------------------------------------------
ในกรณีของ อุภโตพยัญชนกะ มีแค่ ๒ จำพวก
และทั้ง ๒ จำพวกนั้นไม่สามารถบวชได้เลย
พระพุทธองค์ได้บัญญัติพระวินัย [6] ไว้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบัน คือ อุภโตพยัญชนก
ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้วต้องให้สึกเสีย.
จากอรรถกถา [7]และฎีกา [3] สรุปใจความได้ดังนี้
วจนัตถะของ อุภโตพฺยญฺชนโก ได้แก่
อุภโต ปวตฺตํ พฺยญฺชนํ ยสฺส อตฺถีติ = อุภโตพฺยญฺชนโก
องคชาตทั้ง ๒ ชนิดที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยกรรมทั้ง ๒ มีแก่บุคคลใด
ฉะนั้นบุคคลนั้นชื่อว่า อุภโตพยัญชนก
บุคคลที่เป็นพวกอิตถีอุภโตพยัญชนกนั้น คือมีรูปร่างสัณฐานลักษณะ
อาการเป็นหญิงตลอดจนอวัยวะเพศอย่างธรรมดา ต่อเมื่อเวลาพอใจ
ในหญิงอื่นๆเกิดขึ้นแล้ว จิตใจที่เป็นอยู่ก่อนนั้นก็หายไป เปลี่ยนสภาพ
เป็นจิตใจของผู้ชายขึ้นมาแทน ในเวลาเดียวกันนั้นอวัยวเพศชายก็เกิดขึ้น
อวัยวเพศหญิงก็หายไปสามารถสมสู่ร่วมกับหญิงนั้นได้
บุคคลที่เป็นพวกปุริสอุภโตพยัญชนก นั้น คือมีรูปสัณฐานลักษณะ
อาการเป็นชายอวัยวะเพศก็เป็นชายอย่างธรรมดา ต่อเมื่อเวลาที่แล
เห็นผู้ชายมีความพอใจรักใคร่เกิดขึ้น แล้วจิตใจที่เป็นชายอยู่ก่อน
ก็หายไป เปลี่ยนสภาพเป็นจิตใจของหญิงขึ้นแทน และในเวลาเดียวกัน
นั้นอวัยวเพศหญิงก็ปรากฏขึ้น อวัยวเพศชายก็หายไปสามารถสมสู่
ร่วมกับชายนั้นได้
ความแตกต่างกันระหว่างอิตถีอุภโตพยัญชนกบุคคลนั้นมีดังนี้ คือ
อิตถีอุภโตพยัญชนกบุคคลนั้น ตัวเองก็มีครรภ์กับบุรุษทั้งหลายได้
ทำหญิงอื่นทั้งหลายให้มีครรภ์กับตัวก็ได้
สำหรับปุริสอุภโตพยัญชนกบุคคลนั้น ตัวเองไม่สามารถบังเกิดครรภ์ได้
-----------------------------------------------------------------------
อธิบาย เรื่อง ปฏิสนธิจิตของ บัณเฑาะก์ และ อุภโตพยัญชนกะ ตามนัยพระอภิธรรม
-----------------------------------------------------------------------
การจัดแบ่งบุคคลตามประเภทของ
ปฏิสนธิจิต-ภวังคจิต-จุติจิต แบ่งออกได้เป็นสาม
สุคติอเหตุกบุคคล จะมาปฏิสนธิด้วย "อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก" (ไม่มีกุศลเหตุเลย)
ทวิเหตุกบุคคล จะมาปฏิสนธิด้วย "มหาวิบากญาณวิปปยุต" (มี อโลภเหตุ อโทสเหตุ)
ติเหตุกบุคคล จะมาปฏิสนธิด้วย "มหาวิบากญาณสัมปยุต" (มี ทั้ง อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ)
นปุงสกบัณเฑาะก์ และ อุภโตพยัญชนกะ จะเป็นผู้ที่เกิดด้วย "อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก"
และจัดเป็น สุคติอเหตุกบุคคล [3]
ส่วน บัณเฑาะก์ที่เหลือนั้นไม่แน่นอน อาจจะเป็นทวิเหตุกบุคคล หรือ ติเหตุกบุคคลก็ได้
-----------------------------------------------------------------------
อธิบาย เรื่อง ปุริสินทรีย์ อิตถินทรีย์ ของ อุภโตพยัญชนกะ ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน
-----------------------------------------------------------------------
ท่านพระสัทธัมมโชติกะได้ อธิบายไว้ [3] ว่า
อุภโตพยัญชนกะ เป็นบุคคลที่มีด้วยกันทั้ง ๒ เพศ
แต่เพศทั้ง ๒ นี้หาใช่ปรากฏทีเดียวพร้อมกันไม่
เวลาใดปุริสภาวรูปปรากฎขึ้น เวลานั้นอิตถีภาวรูปก็ไม่ปรากฏ
และเมื่อเวลาใดอิตถีภาวรูปกำลังปรากฏขึ้น เวลานั้นปุริสภาวรูปก็ไม่ปรากฏ
ดังมีพุทธภาษิตแสดงไว้ในอินทริยยมกพระบาลี [8] ว่า
“ยสฺส อิตฺถินฺทริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ?”
”โน”
ซึ่งแปลความว่าอิตถินทรีย์กำลังเกิดขึ้นแก่บุคคลใด
ปุริสินทรีย์กำลังเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นใช่ไหม? ตอบว่าไม่ใช่! ดังนี้
-----------------------------------------------------------------------
อธิบาย ความหมายของ ปุริสินทรีย์ อิตถินทรีย์
-----------------------------------------------------------------------
จาก อรรถกถา[9] และ อภิธัมมัตถสังคหะ[10] ได้แสดงไว้ว่า
ในรูปปรมัตถ์ ๒๘ นั้น ประกอบไปด้วย ภาวรูป ๒
ภาวรูปมี ๒ คือ
๑. อิตถีภาวรูป รูปที่เป็นเหตุแห่งความเป็นหญิง (เป็นรูปที่เกิดจากกรรม)
๒. ปุริสภาวรูป รูปที่เป็นเหตุแห่งความเป็นชาย (เป็นรูปที่เกิดจากกรรม)
(บทความนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จะมาเขียนต่อภายหลังครับ)
-----------------------------------------------------------------------
อ้างอิง
[1] พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ ข้อ [๑๒๕]
(link)[2] อรรถกถาปัณฑกวัตถุ (อธิบาย มหาวรรค ภาค ๑ ข้อ [๑๒๕])
[3] มหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา วิถีมุตตสังคหะ เล่ม ๑
[4] พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ ข้อ [๕๗๓]
(link)[5] พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 333 (จากฉบับมหามกุฏฯ)
[6] พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ ข้อ [๑๓๒]
(link)[7] อรรถกถาอุภโตพยัญชนกวัตถุ (อธิบาย มหาวรรค ภาค ๑ ข้อ [๑๓๒])
[8] พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๖ ยมกปกรณ์ ภาค ๒
(link)[9] อรรถกถาอิตถินทริยนิทเทส, อรรถกถาปุริสินทริยนิทเทส
ในอัฏฐสาลินีอรรถกถา (คู่กับพระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑)
[10] คู่มืออภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉท ๖
-----------------------------------------------------------------------
*หมายเหตุ:
บทความนี้ ได้เขียนขึ้น เนื่องจากต้องการสรุปเนื้อหาที่สำคัญ
ที่เกิดจากการสนทนาธรรมกันระหว่างเพื่อนสมาชิกหลายๆท่าน
//topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/04/Y10435225/Y10435225.html
ซึ่งได้แก่ คุณปล่อย คุณฮิมาวาริซซัง คุณชาล้นถ้วย คุณระนาด
คุณเอิงเอย คุณฐานะฐานะ โดยในส่วนของข้อ [4],[5],[7],[9] เป็นข้อมูลที่
คุณปล่อยได้ช่วยยกมาให้ได้วิเคราะห์กัน
โดย: เอิงเอย IP: 223.207.104.69 16 เมษายน 2554 10:49:40 น.
โดย: shadee829 16 เมษายน 2554 14:13:58 น.
หมวดที่ ๒ ปฏิสนธิจตุกะ ข. กามสุคติปฏิสนธิ
๑. อุเบกขาสันตีรณ กุสลวิบาก ๑ ดวงย่อมเกิดในมนุสสภูมิ ๑ และในจาตุม มหาราชิกาภูมิ ๑
มนุษย์ ผู้ปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณกุสลวิบากนี้ เป็นผู้มีบุญน้อยจึงพิการ ต่าง ๆ มาแต่กำเนิด ไม่ใช่มาพิการในภายหลัง ความพิการนี้มีถึง ๑๐ ประการ คือ
๗. ปณฺฑก พวกบัณเฑาะก์ คือ พวกวิปริตในเรื่องเพศ
๘. อุภโตพยญฺชนก ผู้ปรากฏเป็น ๒ เพศ
๙. นปุํสก ผู้ไม่ปรากฏเพศ
//www.abhidhamonline.org/aphi/p5/030.htm
ตะกี้เอาข้อความของคุณมหาวิหารไปค้นๆ ที่กูเกิ้ล
เจออันนี้ด้วยครับ เห็นแปลกว่าท่านแยกบัณเฑาะก์กับนปุสก
เป็นคนละประเภทกัน??
อันนี้คำอธิบายของท่านอาจารย์บุญมี
//thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=8989
โดย: ปล่อย IP: 124.122.147.65 16 เมษายน 2554 20:29:21 น.
เข้าใจว่าน่าจะถูกยกมาจาก มหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา วิถีมุตตสังคหะ เล่ม ๑ น่ะครับ
ในบทที่แสดงในเรื่อง การปฏิสนธิของ อเหตุกบุคคล
------------------------------------
และ ในส่วนของ นปุงสก ข้อ ๙ นั้น
ท่านพระสัทธัมมโชติ ผู้รจนา ได้แสดงไว้ว่า หมายถึง
นปุงสกบัณเฑาะก์ แต่ได้แสดงแยกไว้อีกครั้ง
โดยแยกเป็นอีกข้อ เพื่อจำแนกให้เข้าใจชัดถึง
บัณเฑาะก์ ทั้ง ๕ จำพวก นั่นเอง
ดังข้อความว่า
๙. นปํสก
น ปํเสติ ปุริโส วิย ปจฺจามิตฺเต น มทฺทตีติ นปํสโก
บุคคลใดที่ไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ดุจชาย
(บุคคลใดไม่สามารถประกอบกิจได้ดุจชาย) ชื่อว่า นปุงสกะ
นปุงสกะ นี้ได้แก่พวกนปุงสกบัณเฑาะก์ ที่ได้อธิบายไว้ในพวกบัณเฑาะก์ ๕ จำพวกนั้นเอง
โดย: ชาวมหาวิหาร 16 เมษายน 2554 21:01:17 น.
ความรู้ด้านพระอภิธรรมของผมต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก
บางทีเรื่องที่คุณชาวมหาวิหารเห็นว่าอ่านเข้าใจง่าย
แต่ผมก็ไม่เข้าใจ-ต้องถามก่อน แหะๆ..
โดย: ปล่อย IP: 124.122.147.65 16 เมษายน 2554 21:53:29 น.
คุณปล่อยก็ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ดีแล้วอยู่นะครับ
ในส่วนอภิธรรม ถ้าได้ลองทำความเข้าใจอีกนิดในส่วนของ
จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘ ให้แม่นๆ ก็น่าจะมาประยุกต์
ใช้ประโยชน์กับการพิจารณาข้อธรรมส่วนอื่นๆได้เยอะเลยน่ะครับ
โดย: ชาวมหาวิหาร 16 เมษายน 2554 22:47:17 น.
โดย: ชาล้นถ้วย IP: 61.90.12.24 18 เมษายน 2554 14:41:09 น.
โดย: เอิงเอย (เอิงเอย ) 18 เมษายน 2554 19:51:35 น.
จัดว่าเป็นชายปกติ แต่เมื่ออกุศลให้ผลก็เปลี่ยนไปเป็นหญิง และในภายหลังเมื่อได้ขอขมาพระมหากัจจายนะ จึงได้กลับมาเป็นชาย
ที่ไม่เป็นอุภโตพยัญชนก เพราะไม่ได้มีเครื่องหมายแห่งเพศทั้งสองพร้อมกันมาตั้งแต่เกิด
และ ไม่ได้เป็น บัณเฑาะก์ เพราะว่า ไม่ได้มีเครื่องหมายเพศชายหายไป หรือไม่ได้มีลักษณะความเป็นหญิงในร่างชาย แต่เป็นการเปลี่ยนไปเป็นหญิงจริงๆเลย
ในแง่ของอภิธรรมนั้น นปุงสกบัณเฑาะก์และอุภโตพยัญชนก
จะเป็นผู้ปฏิสนธิด้วย อเหตุวิบากจิต ไม่สามารถบรรลุธรรมได้
ส่วน บุตรของโสไรยเศรษฐี ท่านปฏิสนธิมาด้วย ไตรเหตุวิบากจิต
ดังจะเห็นได้ว่า ท่านบรรลุ อรหัตมรรคในภายหลังน่ะครับ
วันที่ ๒๐ เมย ถึง ๔ พค ผมจะไปปฏิบัติธรรม
ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปสองสัปดาห์อาจจะไม่ได้เข้ามาสนทนาในเนตนะครับ
โดย: ชาวมหาวิหาร 19 เมษายน 2554 15:21:27 น.
โดย: เอิงเอย 19 เมษายน 2554 21:24:58 น.
โดย: เอิงเอย IP: 223.206.51.43 19 เมษายน 2554 21:35:49 น.
โดย: วินัย นักรบนพดล IP: 210.246.186.4 23 สิงหาคม 2554 22:40:52 น.
โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 118.172.169.62 11 ธันวาคม 2554 13:07:05 น.
โดย: บัวในน้ำ IP: 180.183.68.144 8 กุมภาพันธ์ 2555 14:02:06 น.
โดย: วัชพล IP: 171.7.198.94 13 พฤษภาคม 2555 9:11:49 น.
โดย: ประสิต IP: 171.4.110.59 13 พฤษภาคม 2556 10:19:23 น.
ประเด็นเหล่านี้ล้วนแต่เป็นประเด็นละเอียดอ่อนมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณามาก จะต้องไม่ตึงไม่หย่อนเกินไป อนุโลมแต่เคร่งครัดตามกรอบพระวินัย ทั้งในพระไตรปิฎก และที่ท่านอรรถกถาจารย์ได้อธิบายไว้ในอรรถกถาพระวินัย ล้วนแสดงรายละเอียดต่างๆไว้ครอบคลุมพอสมควรแล้ว
โดย: ชาวมหาวิหาร 23 พฤษภาคม 2556 4:49:26 น.
โดย: cyberlifenlearn 8 เมษายน 2557 3:45:15 น.
โดย: somchai001 IP: 101.51.91.176 20 กรกฎาคม 2560 18:39:41 น.