โบรกแนะเก็งกำไร 17 หุ้นเด่น ดัชนีฟื้นตัวในกรอบ จับตาผลประชุมเฟดคืนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.51 น. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากวานนี้มาอยู่ที่ระดับ 30.58 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนบวก นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มรีบาวด์และแกว่งตัวในกรอบระหว่างรอจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันนี้ เก็งกำไร 17 หุ้นร้อน ได้แก่ TASCO ,STEC , INTUCH,EASTW , SAT, TK, TUF, PTTEP,DTAC, TRUE, ADVANC,TUF, CPF, TVO, MINT,KH , LHBANK




บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: Sideways จับตาการประชุมเฟด กลยุทธ์การลงทุน: Trading ในกรอบ 1146-1160

แม้ SETI มีโอกาสดีดตัวได้หลังการอ่อนตัวลงแรงต่อเนื่องในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา แต่เชื่อยังไปได้ไม่ไกล คาดตลาดหุ้นไทยในวันนี้ยังแกว่งตัวในกรอบต่อไประหว่างรอจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันนี้ เพื่อจับสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้ ความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเมื่อจีนประกาศยอดขาดดุลการค้าสูงสุดในรอบอย่างน้อย 10 ปี, การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐมากกว่าคาดในเดือน ก.พ. และการเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของอิตาลี จะส่งผลกดดันตลาดไปในตัว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในหุ้นน้อยลง และยังคงเดินหน้าด้านขายสุทธิในตลาดอนุพันธ์ จึงน่าจับตาแรงขายหุ้นที่อาจมีตามมาหากเฟดไม่ส่งสัญญาณเรื่อง QE3 ออกมาในการประชุมคราวนี้ อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาททรงตัวด้านแข็งค่าเล็กน้อยในเช้านี้ (7.55 น.) ที่ 30.63 บาท/ดอลลาร์ น่าจะช่วยประคองภาพรวมระดับหนึ่งโดยมองกรอบเคลื่อนไหววันนี้ระหว่าง 1146-1160 จุด

กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นยังเน้น Trading ในกรอบ 1146-1160 แนวต้าน : 1156-1160 แนวรับ : 1146-1134

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50-75% : เงินสด 50-25%

ถือต่อในพอร์ต : SAT, TK, TUF, PTTEP

หุ้นที่ปรับออก : SVI

หุ้นที่ปรับเข้า : CPF เก็งกำไรทางเทคนิค กรอบเทรดระยะสั้น ต้าน 40.00 รับ36.50 Cut loss 35.00 บาท

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันอังคารเปิดรีบาวด์ก่อนซื้อขายกรอบแคบๆ ทั้งนี้ดัชนีหุ้นในเอเชียเมื่อวานนี้ได้รับรู้ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอลง ไม่ว่าจะเป็นยอดขาดดุลการค้าสูงถึง 3.15 หมื่นล้านเหรียญฯ ในเดือน ก.พ. และตัวเลขการผลิตอุตสาหกรรมที่ต่ำกว่าคาดที่ออกมาตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้วในขณะที่เรื่องกรีซไม่น่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดแล้วหลังจากกรีซประสบความสำเร็จในการแลกเปลี่ยนพันธบัตรกับเจ้าหนี้เอกชน ในวันนี้นักลงทุนจะเปลี่ยนมาให้ความสนใจกับการประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนวันที่ 13 มี.ค. โดยการส่งสัญญาณถึงมาตรการกระตุ้นรอบที่ 3 (QE3) จะเป็นจุดที่น่าติดตาม เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาโอกาสในการมี QE3 ลดน้อยลง หลังจากตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการแถลงของนายเบอร์นานกีล่าสุดเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนก็ทำให้ตลาดปรับลดความคาดหวังกับ QE3 ไปแล้ว และนั่นหมายความว่าสินทรัพย์ทางการเงินจะตอบสนองบวก หากเฟดในคืนนี้กลับมาสร้างความหวังต่อ QE3 อีกครั้งนักลงทุนต่างชาติชะลอการเข้าซื้ออย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่มีปัจจัยลบจากต่างประเทศใดๆ เข้ามากระตุ้นให้เกิดแรงขาย เราจึงมองตลาดหุ้นแกว่งตัว แต่ทิศทางหลักในเดือน มี.ค. จะมีช่วงอ่อนลงจากราคาหุ้นที่ขึ้นมาแรงและเร็ว รวมทั้งการขึ้น XD เงินปันผลของหุ้นขนาดใหญ่ๆ ในต้นเดือน เม.ย. เราจึงมองว่าหุ้นขนาดกลางจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในเดือน มี.ค.

กลยุทธ์: คงคำแนะนำให้เลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ โดยปัจจัยที่จะทำให้กลับมาเล่นหุ้นใหญ่ได้คือการส่งสัญญาณกระตุ้นจากเฟด ด้านหุ้นขนาดกลางที่เราชอบยังคงเป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้างแนะนำ TASCO และ STEC และเราชอบหุ้นปันผลที่ธุรกิจมีความเสี่ยงต่ำ เช่น INTUCH* และ EASTW เรายังคงแนะนำซื้อหุ้น 4 ตัวข้างต้น ส่วนหุ้น MAKRO* ที่เราแนะนำขายทำกำไรไปแล้วนั้น แนะนำให้รอดูสถานการณ์ก่อน เนื่องจากราคาหุ้นอยู่ใกล้กับมูลค่าพื้นฐานแล้ว

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ที่ลดพอร์ตไปแล้วยังไม่กลับเข้าซื้อ..ช่วงนี้แค่เลือกหุ้นเทรดดิ้งตามรอบ!!

กลยุทธ์: หลังจากทยอยขายลดพอร์ตลงไปแล้ว 2 ครั้งแถว 1170 จุด เนื่องจากเราคาดว่ากรอบการวิ่งขึ้นของ SET จะเริ่มจำกัดมากขึ้น และต้องระวังการปรับพักตัวย้อนลงด้วย จึงยังไม่แนะนำให้กลับเข้าเพิ่มพอร์ตขึ้น แต่สามารถเลือกหุ้นเข้าเทรดดิ้งตามรอบได้บ้าง โดยเรายังเน้นหุ้นกลุ่ม Domestics และ Defensive เป็นหลัก ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสาร (DTAC, TRUE, INTUCH, ADVANC) , กลุ่มอาหารและเกษตร(TUF, CPF, TVO, MINT) ส่วนกลุ่มโรงพยาบาล(BH , BGH) ราคาขยับขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้วจึงแนะนำเพียงถือ โดยถ้าจะเข้าซื้อควรรอช่วงอ่อนตัวลง หรือเข้าเทรดดิ้งในหุ้น KH ก่อนได้เนื่องจากราคายังขยับขึ้นช้ากว่ากลุ่ม

หุ้นเด่นทางเทคนิค MINT, LHBANK, HANA(SBL)

แนวโน้ม เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับตัวลง รวมถึง SET ในภาคบ่าย เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าการที่ทางการจีนกำหนดค่ากลางของเงินหยวนที่ระดับต่ำจะทำให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียอ่อนตัวลงตาม รวมทั้งเริ่มมีแรงขายในลักษณะ sell on fact ออกมา จากการที่นักลงทุนคาดว่าจะไม่มี surprise เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐในการประชุมเฟดคืนวันนี้ (13 มี.ค.) หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีเกินคาด ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปและวิกฤติหนี้ยูโรโซนยังมีอยู่ อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่า SET จะยังมีโอกาสดีดกลับขึ้นได้ใหม่ แม้ว่าจะไม่ดีดตัวแรงเท่ากับในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังสามารถเลือกหุ้นเข้าเทรดดิ้งตามรอบได้บ้าง

แนวรับ 1146-1140 , 1136-1133 จุด แนวต้าน 1156-1158 , 1162-1165 จุด

Create Date : 13 มีนาคม 2555		0 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2555 10:07:05 น.
Counter : 500 Pageviews.
Share Tweet