Bloggang.com : : yungbin : 5 เทรนด์ที่น่าจับตาในโลกธุรกิจ ปี 2555

5 เทรนด์ที่น่าจับตาในโลกธุรกิจ ปี 2555

ปีนี้มีเทรนด์ที่น่าสนใจในแวดวงธุรกิจ ซึ่งไม่เพียงต้องอัพเดทให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่อาจเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของโลกธุรกิจ

ในทัศนะของ “ริต้า แมคกราท” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการบริหารจัดการจากโคลัมเบีย บิสซิเนส สกูล ซึ่งเชี่ยวชาญด้านธุรกิจและการตลาด และมีผลงานหนังสือหลายเล่ม มองว่า ปี 2555 จะมี 5 เทรนด์ในโลกธุรกิจที่น่าจับตามอง

เทรนด์แรก ธุรกิจจะมีการผนึกกันระหว่างกลยุทธ์ (strategy) และความเป็นผู้ประกอบการ (entrepreneurship)
จะมีมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งจะมีการนำทั้งสองส่วนมาบรรจบกัน เพราะบริษัทจำเป็นต้องคิดค้นสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง และนวัตกรรมเหล่านี้จะกลายเป็นรหัสผ่านสู่ความสำเร็จ

แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ จึงกลายเป็นกระแสหลัก เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทไม่ต้องการริเริ่มทำอะไรที่มีความเสี่ยง ซึ่งเท่ากับเปลี่ยนแปลงแนวทางการคิดค้นนวัตกรรม จากเดิมที่บริษัทมักใช้วิธีซื้อกิจการคู่แข่งรายเล็กกว่า เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บ ในการแข่งขันได้รวดเร็วกว่า เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการที่ลงมือสร้างขีดความสามารถด้วยตัวเอง แต่ปัจจุบัน บริษัทเริ่มตระหนักแล้วว่า การคิดค้นนวัตกรรมด้วยตัวเอง จะช่วยปกป้องธุรกิจหลักเอาไว้ได้

ยกตัวอย่าง “เบอร์ลิตซ์” (Berlitz) ที่เคยใช้โมเดลธุรกิจแบบเดิมๆ และไม่ยืดหยุ่น จนทำให้คู่แข่งฉวยส่วนแบ่งในธุรกิจฝึกอบรมด้านภาษา ทว่าตอนนี้เบอร์ลิตซ์ งัดกลยุทธ์ใหม่ เพื่อสร้างนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่น รวมถึงใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้บริการลูกค้า ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

นั่นคือ การเปิดคลาสสอนภาษาอารบิก ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าการเปิดห้องสอนจริงๆ เนื่องจากนักเรียนที่สนใจคอร์สนี้ ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กัน

เทรนด์ที่ 2 การเข้าถึงสินทรัพย์ จะเข้ามาแทนที่แนวคิดการเป็นเจ้าของ เพราะในยามที่อะไรๆ ไม่แน่นอน สิ่งสุดท้ายที่ควรทำคือ การจ่ายเงินซื้อของบางอย่าง ที่ไม่จำเป็นต้องครอบครองเป็นเจ้าของเอง อาทิเช่น เลื่อย ซึ่งไม่ได้ใช้งานกันบ่อยๆ

ดังนั้น แทนที่จะควักเงินซื้อ เราสามารถใช้วิธียืมใช้ในเวลาที่ต้องการ ดูอย่างบริการรถเช่า “ซิปคาร์” (Zipcar) ไปจนถึงบริการให้ยืมโซฟาผ่านเว็บ ซึ่งทำให้เราเข้าถึงสิ่งของ และบริการได้ทันเวลา แต่ไม่ต้องลงทุนเป็นเจ้าของ เทรนด์นี้ ไม่เพียงเกิดขึ้นกับสิ่งของและบริการ แต่ยังรวมถึง การหยิบยืมแรงงานคนไปใช้เป็นบางครั้งบางคราว ผ่านงานประเภทฟรีแลนซ์ หรือพาร์ทไทม์

สิ่งที่ขับเคลื่อนเทรนด์นี้ให้บูมขึ้น เป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ทำให้ผู้คนหาวิธีที่ยืดหยุ่น เพื่อไม่ต้องครอบครองสินทรัพย์มากเกินไป บริษัทอย่างอะเมซอนดอทคอม หรือแอคเซนเจอร์ ที่มีบริการให้เช่าสิ่งของ และแรงงานตามความต้องการ จึงได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ และเท่ากับเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจแบบเดิมๆ ที่เคยพึ่งพาโมเดลการขายสินค้า และบริการมากกว่า โมเดลให้เช่า

เทรนด์ที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยให้ผู้คนจำนวนมาก เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น บริษัทต่างๆ จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้การสื่อสารระยะไกล มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเช่น “สิริ” (Siri) โปรแกรมสั่งงานด้วยเสียงจากค่ายแอปเปิล ซึ่งแม้จะเป็นการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ แต่ก็ช่วยพัฒนาเทคโนโลยี ที่คนสามารถมีปฏิกิริยาตอบโต้กับบรรดาอุปกรณ์พกพาได้ มากกว่าในอดีต

อีกทั้ง ยังทำให้การสื่อสารทางไกลสมจริงจับต้องได้ ประกอบกับเทคโนโลยี 3D ความสามารถในการจดจำเสียง และต้นทุนการสื่อสารทางไกลที่ถูกลง ล้วนมีส่วนผลักดันให้ผู้คนเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

เทรนด์ที่ 4 ตลาดแมส (mass) หรือตลาดขนาดใหญ่ จะแยกออกเป็นส่วนย่อยๆ ทำให้บริษัทที่คุ้นชินกับการขายสินค้าให้ลูกค้าในตลาดแมส อาจปรับตัวได้ลำบาก แต่หากใครรับมือกับเทรนด์นี้ได้ ก็หมายถึงกำไร ที่จะมาจากสินค้าและบริการแบบเฉพาะกลุ่ม (niche) แทนที่จะเน้นขายตลาดขนาดใหญ่ เพราะตลาดคอนซูเมอร์โปรดักต์ หันไปโฟกัส ที่ความเป็นส่วนตัว

อย่างเช่นเว็บไซต์ Lulu.com ที่รับพิมพ์สิ่งพิมพ์แบบออนดีมานด์ แม้ปริมาณที่สั่งพิมพ์ จะเป็นจำนวนเล็กน้อย เนื่องจากธุรกิจบนโลกออนไลน์ไม่ได้มีต้นทุนตายตัวมากมาย และบริษัทสามารถเลือกพิมพ์ เฉพาะกรณีที่มั่นใจในตัวลูกค้า ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซี ที่ยอมให้ลูกค้าเลือกประกอบชิ้นส่วนตามที่ต้องการ

หรือบริษัทพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ทำเงินได้เพียงพอกับต้นทุนทั้งที่ตลาดยังค่อนข้างเล็ก เหล่านี้ สะท้อนว่าการแยกออกมาเป็นส่วนย่อยๆ จะช่วยหนุนบริษัทที่ผลิตสินค้าตามคำสั่งของลูกค้า

เทรนด์สุดท้าย การแข่งขัน จะพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่ง ธรรมชาติของการแข่งขันจะเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต ซึ่งจะมีการแข่งขันภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ทุกวันนี้ การแข่งขันเกิดขึ้นได้ทุกที่ และในทุกเซ็กเมนต์ของตลาด คู่แข่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน บริษัทเทเลคอมอาจกลายเป็นคู่แข่งของธนาคาร และบริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิต ที่แย่งชิงลูกค้า ในตลาดชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์

ยิ่งกว่านั้น ลูกค้ายุคนี้ ยังเปลี่ยนแปลงวิธีการตัดสินใจ โดยใช้การเปรียบเทียบ จากประสบการณ์ทั้งหมดที่ตัวเองเคยพบเจอแทนที่จะแค่เปรียบเทียบระหว่าง 2 บริษัทเหมือนที่เคยเป็นมา

สิ่งนี้ ทำให้แอปเปิลกลายเป็นแบรนด์โปรด เพราะสามารถนำเสนอเทคโนโลยีที่ตอบสนองสัญชาตญาณ และใช้งานได้ง่าย หรือกรณีของอะเมซอนดอทคอม ที่ลูกค้าชำระเงินค่าสินค้าได้อย่างง่ายดาย

Create Date : 03 มกราคม 2555

Last Update : 3 มกราคม 2555 17:48:07 น.

0 comments

Counter : 499 Pageviews.