โบรกแนะเก็งกำไร 13 หุ้นอนาคตสดใส ดัชนีผันผวน บาทอ่อนค่า ฝรั่งชอร์ตอนุพันธ์มากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.51 น. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 30.63 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้มีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นได้ไม่ไกล นักลงทุนควรพึงระวังแรงขายทำกำไรของต่างชาติที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ หลังจากวันศุกร์แม้จะซื้อหุ้น แต่ถือสถานะขายอนุพันธ์กว่า 2,128 สัญญา เก็งกำไร 13 หุ้นเด่น ได้แก่ SAT, TK, TUF, PTTEP, SAMTEL, APCS, DTAC, TRUE, INTUCH, ADVANC, CPF, TVO, MINT

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : ไปไหนไม่ไกล รอปัจจัยใหม่ กลยุทธ์การลงทุน : Trading ในกรอบ 1154-1166 จุด

ดูเหมือนปัจจัยแวดล้อมระยะสั้นอิงไปในทางบวก หลังรายงานการจ้างงานสหรัฐเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่ง ในเดือน ก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับต่ำในรอบ 3 ปีที่ 8.3% อย่างไรก็ดี คาดนักลงทุนจะพุ่งความสนใจไปที่การประชุม FOMC ของเฟดในวันที่ 13 มี.ค. นี้ เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ แม้วันนี้อาจมีลุ้นรีบาวด์ของ SETI หลังดิ่งหนักในช่วงท้ายตลาดเกือบ 10 จุด ไปเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิไปกว่า 2.48 พันล้านบาท หากแต่การที่ต่างชาติกลับไปถือสถานะฝั่งขายสุทธิในตลาดอนุพันธ์กว่า 2,128 สัญญา และการอ่อนค่าของเงินบาทมาที่ 30.62 บาท/ดอลลาร์ ในเช้านี้ (7.45 น.) จะเป็นตัวสร้างความผันผวนให้กับตลาดได้ตลอดทาง นักลงทุนควรพึงระวังแรงขายทำกำไรของต่างชาติที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ โดยหาก SETI หลุดแนวรับสำคัญที่ 1154 จุด ลงมา อาจต้องถอยก่อน

กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นยังเน้น Trading ในกรอบ 1154-1166 แนวต้าน : 1166-1173 แนวรับ : 1154-1140

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50-75% : เงินสด 50-25%

ถือต่อในพอร์ต : SAT, TK, TUF, PTTEP

หุ้นที่ปรับออก : BGH, IVL

หุ้นที่ปรับเข้า :SVI เก็งกำไรทางเทคนิค กรอบเทรดระยะสั้น ต้าน 3.80 รับ 3.60 Cut loss 3.56 บาท

KGI ประเมินตลาดวันนี้จักคงอยู่ที่ความสำคัญของนักลงทุนต่างชาติ ในเบื้องต้นเราพบว่านักลงทุนต่าง ชาติจากเดิมที่ยืนอยู่ฝั่งซื้อนั้น ได้กลายเป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขายแล้ว เช่นนี้ เราอาจคาดหวังได้ว่าหุ้นพื้นฐานที่มีปันผลนั้น อาจยังคงมีแรงต่างชาติเข้าหนุนซื้อได้ต่อเนื่อง แต่หุ้นใหญ่ที่ราคายืนในระดับสูงนั้นอาจมีแรงขายจากต่างชาติออกมาได้ เชิงวิเคราะห์เส้นกราฟนั้น เราประเมินว่า หากวันนี้ ดัชนี SET สามารถดีดเหนือแนวต้านทันที 1161จุดได้ อาจเกิดกำลังผลักทางขึ้นต่อเนื่องเพื่อทดสอบแนวต้าน 1173 จุด แต่หากดัชนี SET ไม่สามารถดีดเหนือแนวต้านทันที 1161จุดได้นั้น อาจเกิดกำลังกดทางลงสู่แนวรับ1145จุดได้

กลยุทธ์สั้น: เราแนะนำให้ซื้อเพื่อเก็งกำไรสั้น หากดัชนี SET ยืนเหนือระดับ 1161จุด แต่หาก SET ต่ำกว่า 1161จุดนั้น เราแนะนำให้ขายหุ้นเพื่อระยะสั้น

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ หลังลดพอร์ตลงอีกครั้งไปแล้ว ถัดจากนี้เน้นแค่เลือกหุ้นเทรดดิ้งตามรอบ!!

กลยุทธ์: หลังจากแนะนำให้ทยอยขายลดพอร์ตลงอีกครั้งเมื่อ SET ขยับขึ้นไปแถว 1170 จุด เนื่องจากคาดว่ากรอบการวิ่งขึ้นจะค่อนข้างจำกัด และต้องระวังการปรับพักตัวย้อนลงด้วย ส่วนจังหวะการเข้าเทรดดิ้งตามรอบในช่วงนี้ยังเน้นเลือกหุ้นและจำกัดพอร์ตไว้เช่นเดิม โดยแนะนำให้เทรดดิ้งในหุ้นกลุ่ม Domestics และ Defensive เป็นหลัก ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสาร (DTAC, TRUE, INTUCH, ADVANC) , กลุ่มอาหารและเกษตร(TUF, CPF, TVO, MINT) รวมทั้งกลุ่มบันเทิง(MAJOR, WORK) ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลที่เคยแนะนำซื้อด้วยเช่นกันนั้น ช่วงนี้ราคาขยับขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้วจึงแนะนำเพียงถือต่อ แต่ไม่ควรซื้อไล่ราคาแล้ว

หุ้นเด่นทางเทคนิค SAMTEL, APCS, BCP(SBL)

แนวโน้ม ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปสามารถขยับบวกต่อเนื่องได้ในคืนสุดท้ายของสัปดาห์ อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปและวิกฤติหนี้ยูโรโซนที่มีอยู่ ยังคงกดดันให้นักลงทุนเริ่มขายทำกำไรออกมาบ้าง หลังจากที่หลายๆ ตลาดได้ขยับขึ้นมารอรับข่าวบวกไปพอควรแล้ว ทำให้บรรยากาศการลงทุนเช้านี้ไม่ได้สดใสนัก ซึ่ง FSS คาดว่า SET จะค่อนข้างแกว่งตัวไร้ทิศทาง โดยน่าจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวผันผวนขึ้น-ลงอยู่ในกรอบ 1150-1170 จุดต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนมากกว่า ดังนั้นหลังจากขายลดพอร์ตลงบางส่วนไปแล้ว ถัดจากนี้ก็เน้นเป็นเพียงการเลือกหุ้นเข้าเทรดดิ้งตามรอบเท่านั้น

แนวรับ 1156-1150 , 1146-1140 จุด แนวต้าน 1164 , 1170-1173 จุด

Create Date : 12 มีนาคม 2555		0 comments
Last Update : 12 มีนาคม 2555 10:02:22 น.
Counter : 612 Pageviews.
Share Tweet