วันวาเลนไทน์ไม่ได้เป็นเพียงวันที่คู่รักจะแสดงออกถึงความรักต่อกันเท่านั้น(เหมือนกับที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ) แต่ยังมีหลายคนที่ถือเอาวันนี้เป็นวันที่จะแสดงความรักต่อคนรอบตัว อาทิ คนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูง
การแสดงออกถึงความรักนั้นมีมากมายหลากหลายวิธีตามแต่ใครจะชอบแบบไหน แต่ที่เห็นกันจนชินก็คงจะหนีไม่พ้น ดอกกุหลาบ ที่ถูกยกย่องให้เป็นตัวแทนแห่งความรัก ดอกกุหลาบสีต่าง ๆ ที่มอบให้กันนั้นเปรียบเสมือนของแทนใจ แทนคำพูด แทนความรู้สึกของผู้ให้ เช่น กุหลาบสีแดง หมายถึงความรัก ความปรารถนา กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์ กุหลาบสีขาว หมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ กุหลาบสีเหลือง หมายถึง มิตรภาพ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน กุหลาบสีแดงกับสีขาว ในช่อเดียวกัน หมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ฯลฯ นอกจากดอกกุหลาบแล้วยังมีดอกไม้ชนิดอื่น ๆ อีกมากมายและมากความหมายเช่นกัน อาทิ คาร์เนชั่นสีแดง หมายถึง เห็นใจในความรักของฉันที่มีต่อเธอบ้าง ทิวลิปสีแดง หมายถึง อยากให้โลกรู้ว่าฉันรักเธอ ทิวลิปสีเหลือง หมายถึง ฉันหมดหวังในรักเธอแล้วหรืออย่างไร ดอกลิลลี่ แทนความรักอ่อนหวาน บริสุทธิ์ อ่อนไหวต่อโลก ดอกมะลิ แทนความบริสุทธิ์ ผุดผ่อง และอ่อนโยน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีสิ่งแทนใจอีกมากมายที่ผู้คนต่างนิยมมอบให้กันวันวาเลนไทน์ เช่น ตุ๊กตา ชนิดต่าง ๆ แทนความหมายว่า เป็นความรัก ความน่าเอ็นดูน่าทะนุถนอม อ่อนโยน อ่อนหวาน ขี้อ้อน อยากให้ผู้รับดูแลเทคแคร์ตน ต้นไม้ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้คนนิยมมอบให้แก่กันในโอกาสต่าง ๆ ซึ่งแทนความหมายได้ว่า อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรานั้นมั่นคง แตกหน่อเติบโต หนักแน่นเหมือนต้นไม้ หากใครมอบ เสื้อผ้า ให้กัน นั่นก็แสดงถึงว่าฝ่ายที่ให้นั้นห่วงใยและการแสดงความเป็นเจ้าของ ส่วน ช็อกโกแลต รูปร่างต่าง ๆ ที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับวันวาเลนไทน์ ก็แทนความหมาย ความรักและมิตรภาพ อีกทั้งยังแสดงออกถึงนิสัยใจคอของผู้ให้ว่าเป็น คนอารมณ์ดี มองโลกให้แง่ดี ไม่มีพิษภัย ถึงแม้ดอกไม้หรือสิ่งของหลายอย่างจะสามารถแทนความรู้สึกต่าง ๆ ได้มากมายดังที่ได้สารทยายไว้ด้านบน แต่อย่างไรเสียทั้งหลายทั้งมวลเหล่าล้วนเป็นวัตถุที่ถูกปรุงแต่งขึ้น ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกที่แท้จริงของผู้ให้ที่มีต่อผู้รับ ดังนั้น หลายคนจึงเลือกที่จะไม่มอบของขวัญใด ซึ่งก็ไม่ได้สำคัญเลยสำหรับคนบางคนที่เป็นผู้รับ การกระทำดี ๆ คำพูดดี ๆ การคิดดี ๆ หรือการปฏิบัติต่อกันดี ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นของขวัญได้เช่นกัน และดีกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเหล่านั้นคือความรู้สึกจริง ๆ ซึ่งมีค่ามากกว่าวัตถุใด ๆ
และแม้ว่าในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีจะถูกยกให้เป็น วันแห่งความรัก วันวาเลนไทน์ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงจะเป็นเพียงวันเดียวที่เราจะสามารถแสดงความรักต่อคนรอบข้างได้ วันแห่งความรักนั้นควรเป็นทุกวันที่เรายังใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ซึ่งความสุขจะมีได้นั้น กองบรรณาธิการเองให้คำยืนยันได้อย่างมั่นใจเลยว่า การเป็นผู้ให้นั้น ผู้ให้จะได้ความสุขมากกว่าผู้รับเสมอ แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้หรือผู้รับก็ตาม ทั้งสองฝ่ายต่างได้ความสุขร่วมกันทั้งคู่ เอาล่ะ...... วันแห่งความรัก นี้ จะให้อะไรเป็นของขวัญแก่คนที่เรารักดีหนอท่านผู้อ่าน T^T ...