โรคของคนทำงาน
สวัสดีบ่ายวันพฤหัสบดีค่ะ วันนี้ภาพยนต์เรื่องตุ๊กกี๊เจ้าหญิงขายกบก็เข้าฉายเป็นวันแรกอะค่ะ (เป็นแฟนคลับพี่เค้าค่ะ) ฮ่าๆๆ ใจจริงอยากไปดูซะวันนี้พรุ่งนี้ (แต่คิดว่าคนน่าจะเยอะอยู่ค่ะ) หุหุหลายคนคงสงสัยแหม่เกริ่นเรื่องซะ แต่ขึ้นหัวเอ่ยแต่ชื่อหนัง(ตลก) ฮ่าๆๆ แก่โรคไงค่ะ จะได้ไม่เป็นโรคนี้กันนักนะ (พอดีไปอ่านเจอในคอลัมน์หนึ่งอะค่ะ จำชื่อไม่ได้แล้วด้วย) ^__^ ความจำฉันสั้นแต่รักฉันยาวนะ อิอิ ชิมิๆ คริคริ อะแฮ่มๆๆ มาเข้าเรื่องเข้าหลัก เข้ารอยกันดีก่าเนาะ ก็เริ่มจากการอ่านๆๆ (ไม่ชอบอ่านเท่าไหร่) โฮ๊ะๆๆ แต่พอเห็นเขาจอหัวละก็โอ้ อยากอยากอ่านขึ้นมาทันที และพออ่านแล้วก็ 90% แม่นแปะๆๆ (ไม่ได้ดูดวงนะ) ฮ่าๆๆ หลายคนทำหน้าสงสัยใคร่รู้กันเต็มประดาแล้วละซิ ชิมิๆๆ ฮ่าๆๆ (ติดมาจากไตเติ้ลภาพยนต์เรื่องนึ่ง) เขาบอกว่านักวิจัยชาวอะไร ก็จำไม่ได้เขาวิจัยออกมาว่าคนที่ทำงานส่วนใหญ่ที่เกิดอาการโรคภัยรุ่มเร้า ปะเดปะดังเข้ามาหาตัวต่างๆ นาๆ สาเหตุใหญ่เกิดจากหัวหน้างานของเราเองนั้นแหละ แต่เอ๋มันจะจริงเหรอ....(อันนี้ตอบแทนกันไม่ได้ คุณเท่านั้นที่รู้) แต่สำหรับตัวเองแล้วคิดว่ามีความเป็นไปได้ถึงร้อยละ 90 เชียว (ตัวเองค่ะ ) ก็ไม่รู้อะไรทำให้เราไม่อยากไปทำงาน ก็ยังคนฝันละเม้อเพ้อว่าเราป่วย เอิ๊กๆๆ หลายๆ คนคงคิดว่านั้นเป็นข้ออ้างข้อแก้ตัวชัดๆ ก็อาจเป็นไปได้ส่วนหนึ่งค่ะ แต่ปัญหาที่เราปวดหัว เครียดแล้วพาลกลายเป็นโรคภัยรุ้มเร้าก็คงจะเกิดจากบรรดาเจ้านายเอาแต่ใจหลายๆ คนที่อยากได้อย่านั้น อยากได้อย่างนี้ อยากได้อย่างโน้น จนเราที่เป็นลูกน้องต้องงั๊ดเอาศักยภาพต่างๆ นาๆ มาทำให้จนสำเร็จ แต่ก็ไม่วายโดนตำหนิ ทำให้มันแปรเปลี่ยนเป็นความเคียด แล่งผลต่อร่างกาย แรกๆ เราก็คงจะไม่รู้ตัว เพราะร่างกายเรายังอยู่ในช่วงทนทาน แต่มันจะค่อยๆ สะสมจนกลายเป็นโรคร้าย (เห็นมากะตา) ฉะนั้นเราควรทำใจให้สบาย วิธีแก้ในหนังสือเขาบอกว่าเราควรเลิกงานให้ไว จากที่เคยทำงานอย่างเคร่งเครียด (OT) ก็ให้เลิกงานเหมือนคนปกติ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง แล้วไปผ่อนคลาย ยืดเส้นยืดสาย เช่นดูหนัง ฟังเพลง ทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย แล้วคุณจะรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงปึ๊งปั๊งขึ้นมาทันที ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง สุขภาพจิตที่ดีกันทุกๆ คนนะค่ะ ^0^