เคยรู้สึกมั้ยว่า วันเวลามันช่างผ่านไปไวแสนไว แป๊บๆนี่ก็วันศุกร์อีกแล้ว วันนี้ตั้งใจว่าจะไปดูงาน Electronica Showcase แต่ก็คือไปดูหนังด้วยนั่นแหละ (ตามเคย) ก็เลยตรงไปซื้อตั๋วหนังก่อน ความเห็นไม่ตรงกันอีกแล้ว เราอยากดู HellBoy แต่เค้าอยากดู Red Cliff (สามก๊ก) แต่เราไม่อยากดูอะไรเครียดๆอ่ะ เหนื่อยมาทั้งอาทิตย์แล้ว เลยอยากดูอะไรที่ไม่ต้องคิดมาก เค้าก็เลยตามใจ..

ซื้อตั๋วหนังเสร็จก็เข้าไปดูงาน ตั้งใจว่าน่าจะได้เห็นอุปกรณ์อะไรเจ๋งๆบ้าง แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร เหมือนๆเดิม คนก็น้อย แต่ได้ไปลอง Canon 70-200 ที่เค้าเอามาโชว์กับ body ของ 450D ไปลองจับๆถ่ายๆดูแล้วติดใจ ติดใจเลนส์อ่ะนะ เจ๋งดี เป็นเลนส์ L 40,000 กว่าบาท ราคาสูงทีเดียว แต่แลกกะคุณภาพและวัสดุที่ทำให้เลนส์ขนาดใหญ่อย่างนี้ดูเบาลงก็ถือว่าสมเหตุสมผลทีเดียว ส่วนเจ้า 450D รูปร่างหน้าตาก็ไม่ค่อยต่างจาก 400D เท่าไหร่ แค่จอใหญ่กว่า

และที่ติดใจอีกอย่างคือ โทรศัพท์รุ่นที่เล็งไว้ LG KF750 มีมาขายแล้ว ในงานก็มีมาโชว์ บางมากกกก..ดูดีทีเดียว เพราะตอนนี้ยังลังเลระหว่าง iPhone กะ LG ตัวนี้ แต่ความต้องการของเรามันอยู่ที่การถ่ายภาพ ซึ่งถ้าเทียบคุณภาพกล้อง iPhone น่าจะเทียบไม่ติด และการถ่ายคลิปวีดีโอ เหมือนว่าตัว iPhone เองยังไม่ suport แต่ก็สามารถใช้ App ของ 3rd Party ซึ่งก็มีทั้งเสียตังค์และฟรี เอามาลงแล้วสามารถถ่ายได้ แต่ก็ต้องดูว่า App นั้นๆใช้กับ Firmware ตัวไหนได้บ้าง ก็คงต้องอัพ Firmware กันด้วย ส่วนโทรศัพท์ทั่วไปเรื่องถ่ายคลิปวีดีไม่ต้องพูดถึง..มีอยู่แล้ว และยิ่งได้มาเห็นตัวจริงของเจ้า LG ก็คิดว่าน่าจะพอตัดสินใจได้แล้ว(นะ)

แต่ถ้าเอา iPhone ไปเทียบกับ Nokia, HTC, Samsung หรือ brand อื่นๆในระดับเดียวกันคงตัดสินใจได้ไม่อยาก เอา iPhone อยู่แล้ว ด้วยราคาที่ถูกกว่า(ยกเว้น 3G ตัวใหม่) ดีไซน์ที่สวย..ดูดี และ Multi-touch ที่เจ๋ง แต่ตอนนี้ขอใช้ iPod ไปก่อน รอวันไหนที่ iPhone มาขายในไทยอย่างเป็นทางการ..ค่อยว่ากัน

เดินในงานเกือบชั่วโมงได้ เหลือเวลากินข้าวอีกแค่ประมาณ 40-50 นาทีเอง ก่อนหนังเล่น เลยต้องรีบลงไปหาอะไรใส่ท้อง ลงไปถึงชั้นล่าง(G) ฝั่ง food hall "โอ้ว..แม่เจ้า ทำไมคนมันถึงเยอะเยี่ยงนี้ นรกของวันศุกร์จริงๆ" เลยเบนเข็มไปอีกฝั่ง น่าจะคนน้อยกว่า แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คนน้อย..ไม่วุ่นวาน ก็เดินหาร้าน ตอนแรกว่าจะกินร้าน KaBuKi และ เกือบได้กิน แต่ "ลองดูไปเรื่อยๆก่อน" ร้าน Cafe' Chilli น่ากิน แต่ "โอ้ว..คนเยอะ เราไม่มีเวลาแล้ว" เลยต้องถอยกับมากินร้าน MANNA เพราะดูแล้วโต๊ะยังพอว่างอยู่ กินไปกินมา late ไปตั้งครึ่งชั่วโมง ต้องวิ่งกันเลยคราวนี้ (ดูหนังทีไรต้องรีบอย่างงี้ทุกที) แต่กลับโชคดีที่ครึ่งแถวฝั่งขวายังไม่มีใครมาซักคน ทั้งที่ในโรงคนนั่งกันเต็มเกือบหมดทุกที่แล้วนะ โคตรโชคดีอ่ะ..เดินเข้าไปอย่างไม่ต้องเกรงใจ ทางสะดวกมากๆ พอนั่งได้ซักพักก็มีคนทยอยมานั่งจนเต็ม

"แห่ะ..แห่ะ นอกเรื่องไปเยอะทีเดียว..คราวนี้ มาเข้าเรื่องหนังกันบ้างดีกว่า"

HellBoy ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้ดูภาคแรก แต่ที่มาดูภาคนี้เพราะได้เห็นจากหนังตัวอย่างแล้วค่อนข้างชอบ ตัวประหลาดๆเยอะดี..หลากหลายมาก และก็ดูเนียนดีด้วย

"การกลับมาของฮีโร่ตัวแดงกล้ามโต ผู้รักแมวเหมียว เขากลับมาพร้อมกับอาวุธที่ร้ายกาจขึ้น และพร้อมด้วยวายร้ายอสุรกาย ในครั้งนี้ HellBoy ยังได้กลับมาไล่เตะปีศาจที่ชั่วร้ายมากขึ้นอีกด้วย

HellBoy พร้อมลุยเมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านายอย่างสำนักงานค้นคว้าและป้องกันเหตุผิดธรรมชาติที่เป็นหน่วยงานลับสุดยอด BPRD (สำนักงานวิจัยและป้องกันอำนาจเหนือธรรมชาติ เป็นหน่วยงานลับที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1943 โดยรูสเวลท์ พวกเขาใช้เทคโนโลยีลับ พลังลึกลับ และเครือข่ายของบุคคลที่มีพลังวิเศษเพื่อปกป้องโลกให้พ้นจากเหตุเหนือธรรมชาติที่มีความรุนแรง) อย่างไรก็ดี HellBoy อยากจะกลับไปสูบซิการ์ บริหารหน้าท้อง และได้อยู่กับแฟนสาวพลังไฟของเขาที่ชื่อ Liz Sherman และแมวเหมียวของเขามากกว่า แต่โชคชะตามีแผนการใหญ่กว่านั้นสำหรับพวกเขา"

หนังเปิดเรื่องด้วยการย้อนไปในอดีต ตั้งแต่สมัยที่ HellBoy ยังเด็ก พ่อของเขา (Professor Trevor Broom) ได้เล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง มันเป็นเรื่องของสงครามบนโลกที่เคยเกิดขึ้นมานานแสนนาน

"หลังจากสัญญาณสงบศึกอันเก่าแก่ระหว่างมนุษยชาติกับเหล่าลูกหลานของโลกถูกทำลาย นรกแตกออกเจ้าชาย Nuada แห่งยมโลก รู้สึกเหนื่อยหน่ายที่ต้องยำเกรงต่อมนุษยชาติมานานหลายศตวรรษ เขาจึงวางแผนการปลุกกองทัพนักฆ่า (The Golden Army) ที่จะกลับมาทวงสิ่งที่เคยเป็นของประชากรของเขา อสุรกายสุดมหัศจรรย์ทั้งหมดทั้งมวลได้รับการปลดปล่อยให้ออกมาเดินท่องไปในโลกอีกครั้ง บัดนี้ มีเพียง HellBoy เท่านั้นที่สามารถหยุดเจ้าชายแห่งยมโลก และช่วยโลกให้พ้นจากการโดนทำลายล้าง"

ในภาคนี้ตัวประหลาดแปลกๆเยอะมากเลย ตระการตาดี เหมือนที่ได้ดูใน MIB แหละ แต่ดูอลังการกว่า.. น่าเกลียดกว่า..

"แรงกระตุ้นที่โหดร้ายของ Nuada ที่ต้องการจะแก้แค้น มีพลังคัดค้านอยู่ อันได้แก่แรงกระตุ้นด้วยความเมตตาของคู่แฝดของเขา เจ้าหญิง Nuala ผู้เลอโฉม และพระบิดาที่ทุกข์ทรมานของพวกเขา"

"ในศึกครั้งนี้ BPRD ต้องเดินทางไปมาระหว่างโลกบนผิวโลกของมนุษย์ และโลกมหัศจรรย์ที่เคยถูกซ่อนไว้ ซึ่งเป็นดินแดนที่สิ่งมีชีวิตสุดมหัศจรรย์เหล่านี้อาศัยอยู่ และ HellBoy ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทั้งสองโลกนี้ แต่กลับไม่เป็นที่ยอมรับในโลกไหนเลย ต้องเลือกระหว่างชีวิตที่เขารู้จัก กับชะตากรรมปริศนาที่มีเสน่ห์ล่อใจ"

ภาคนี้เน้นดรามามากขึ้น (เท่าที่อ่านบทวิจารณ์เทียบกับภาคแรก) เน้นอารมณ์ของตัวละครหลักๆมากขึ้น สอดแทรกอารมณ์ขันได้อย่างเหมาะเจาะ อย่างเช่น ฉากความสัมพันธ์ระหว่าง HellBoy กับ Liz, ฉากที่ HellBoy ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเป็นสัตว์ประหลาดในสายตามนุษย์ต่อไปหรือเป็นใหญ่ในโลกอสูร หรือ ฉากที่ HellBoy กะ Johann นั่งกินเบียร์ปรับทุกข์ แล้วก็ฮัมเพลงไปด้วยกัน (น่ารักดี) ก็ได้หลากหลายอารมณ์ทีเดียวกับหนังเรื่องนี้

แต่ในด้าน action อาจจะดูเบาไปนิด ในช่วงแรกจะเห็นว่า HellBoy ไม่ค่อยได้โชว์พลังเท่าไหร่ แต่จะมาบู๊ในช่วงหลังๆที่ต่อสู้กับเจ้าชาย Nuada แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ Nuada ไม่ได้เก่งมากมาย ทำให้การต่อสู้ดูช่างง่ายดายซะเหลือเกิน

"ก็ว่าจะไปหาภาคแรกมาดู ไม่รู้จะแตกต่างกันยังไง"

HellBoy เกิดในเปลวเพลิงของนรก และถูกพามายังโลกตั้งแต่แบเบาะเพื่อให้สำแดงความชั่วร้าย แต่แล้ว ดร.Broom ผู้มีจิตเมตตาได้ช่วยเหลือ HellBoy ให้พ้นจากกำมือของกองกำลังรัสเซียที่ลึกลับ และ ดร.Broom ได้เลี้ยงดูเขามาจนเติบโตกลายเป็นฮีโร่อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ HellBoy มีกำปั้นขวามหาประลัยของเขาในการจัดการกับเหล่าร้าย (เป็น "ค้อนตะลุมพุก" หินสีแดงที่ติดอยู่กับท่อนแขนของเขา) ถ้ากำปั้นขวามหาประลัยยังหนักไม่พอ HellBoy ยังมี "Big Baby" ปืนลูกผสมระหว่างปืนพกกับรีโวลเวอร์ที่มีกระสุนใหญ่ขนาดเท่าขวดนมเด็ก

Liz Sherman แม่สาวพลังไฟเริ่มยอมรับในพลังมหาศาลของตนที่เริ่มแสดงตนออกมาตอนเธออายุ 11 ปี และมันได้คร่าชีวิตคนในครอบครัวของเธอไปจนหมดสิ้น Liz ที่แสนขี้อาย ซึ่งถูกรังเกียจเพราะพลังวิเศษของเธอมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่พบบ้านที่เหมาะกับเธอที่ BPRD เท่านั้น แต่เธอยังพบรักกับ HellBoy อีกด้วย ด้วยความเบื่อหน่ายกับความรู้สึกเหมือนเธอเป็นตัวประหลาด Liz จึงยอมรับในกฎเกณฑ์ใหม่ของทีมในฐานะฮีโร่ที่ไม่ต้องการจะเก็บซ่อนตัวเองเอาไว้อีกต่อไป ในยามจำเป็น เธอกล่าวว่า "ไฟไม่ใช่ศัตรูของฉัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน" เพื่อปลดปล่อยพลังไฟมหากาฬใส่ศัตรูที่คุกคามเพื่อนๆ หรือผู้บริสุทธิ์

Abe Sapien มนุษย์น้ำที่มีความสามารถหยั่งรู้จิตผู้อื่น อายุเกือบ 150 ปีแล้ว Abe ผู้ชาญฉลาดมีพลังจิตในการอ่านอดีต และอนาคตของทุกสิ่งได้เพียงแค่สัมผัส Abe ที่มีความเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดเป็นคนจิตใจดีมากเสียจนมันเข้ากับรสนิยมของเขาที่ชอบกินไข่เน่า Abe ที่มีหน้าตาเหมือนปลาต้องใช้ปอดที่หายใจในน้ำได้ เป็นตัวจ่ายออกซิเจนให้กับร่างกายของเขาในยามที่เขาไม่ได้อยู่ในน้ำ และดูเหมือนเขาจะมีใจให้กับเจ้าหญิง Nuala ผู้ลึกลับ ที่มีพรสวรรค์แบบเดียวกับเขา และยังมีจิตใจที่รักความยุติธรรมไม่ต่างกัน (พวกนักข่าวเรียก Abe ว่า "คนที่มีฝาชักโครกคล้องคอ" แป่ววว..)

Johann Krauss สมาชิกคนใหม่ล่าสุดของหน่วย BPRD คือชายลึกลับที่มีพลังโปรโตพลาสซึ่ม ผู้สามารถควบคุมทั้งสิ่งมีชีวิตและจักรกลได้ชั่วขณะ และทำให้ความรู้สึกส่วนกลางของสิ่งนั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ความสามารถ Johann (ที่ต้องสวมชุดควบคุมตัวหนาเพื่อกักเหยื่อเซลชั้นนอกที่เป็นอากาศธาตุของเขา) ที่จะยึดครองสิ่งที่ไร้การเคลื่อนไหว กลายเป็นพลังที่ช่วย HellBoy, Liz และ Abe ได้ดีในเวลาที่พวกเขาตามหาตัวสัตว์ประหลาดที่ออกอาละวาดในตอนมืด.. (HellBoy เรียก Johann ว่า "ตู้เก็บตด" ฮาาาาา...)

Prince Nuada ผู้นำสุดอำมหิตที่สร้างความปั่นป่วนให้ทั้งกับโลกเบื้องบนและยมโลก เจ้าชาย Nuada ท้าทายต่อเผ่าพันธุ์ของเขาเพื่อปลุกกองทัพอสุรกายที่ยากจะหยุดยั้งที่รู้จักกันในฉายา The Golden Army เจ้าชาย Nuada ที่กลับคืนจากการโดนเนรเทศไปยังอาณาจักรเบ็ธมูร่า ได้กลับมาทวงแผ่นดินเกิดและอิสรภาพ ซึ่งเขาเชื่อว่าได้ถูกพรากไปจากประชาชนของเขาคืนมา เพื่อทำให้ความตั้งใจเป็นจริง เจ้าชาย Nuada รู้ดีว่าเขาจำต้องได้รับความช่วยเหลือจากทั้งฝ่ายดี ฝ่ายร้าย และพวกที่เลวที่สุด

Princess Nuala เจ้าหญิงนูอาล่าผู้เลอโฉมมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับพี่ชายฝาแฝดของเธอ เจ้าชาย Nuada เธอเปรียบเสมือนหยินที่ใฝ่ดี ขณะที่พี่ชายของเธอเปรียบเสมือนหยางที่ใฝ่ร้าย เจ้าหญิง Nuala ที่เป็นลูกคนโปรดของกษัตริย์ Balor ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เก็บรักษามงกุฎแห่งเบ็ธมูร่า ซึ่งเป็นทองคำล้ำค่าที่จะนำสันติมาสู่จักรวาล หรือไม่ก็อาจจะนำความพินาศมาได้เช่นกัน