Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
(ดองed) จาก Me Myself มาสู่ Happy Birthday (หนังรักของ 2 หนุ่มมาดเซอร์)



เมื่อวาน(อาทิตย์)ไปดู Happy Birthday มาแล้ว หลังจากอาทิตย์ก่อนมีคนบอกว่ายังไม่พร้อมที่จะเศร้า (วันนั้นเลยดู The Day . . .) พอกลับมาถึง กทม. ปุ๊บ ก็เลยรีบแจ้นไป Siam ปั๊บ เอา กก. ไปแก้ก่อน จากนั้นก็ไปดูหนังที่ CW ทำไมต้องไปไกล..? ไม่ใช่อะไร..อยากไปหาร้าน(อาหาร)นอกเหนือจากแถว Siam กินบ้าง (เบื่อ..!! ก็คุณ art ตัวพ่อ ดันไม่เอากระบอกเซียมซีไปด้วยอ่ะดิ๊)




เธอคือความฝัน..ในใจฉัน
เพียงความฝัน..ที่แสนไกล
ดั่งคว้าดาว..บนฟ้าไกล
ไม่มั่นใจ..จะคว้า

เปรียบดั่งดอกไม้..แห่งความหวัง
มีความฝัน..ที่กว้างใหญ่
หากแม้นเธอ..เพียงเข้าใจ
ฉันมั่นใจ..สักวัน

จะลองไขว่คว้าหาคำตอบ
ฝันคงจริงสักครั้ง
จะมีความรักให้เธอ
อย่าง..หาใครมาเปรียบเหมือน

จะลองไขว่คว้าหาคำตอบ
ฝันคงจริงสักครั้ง
จะมีความรักให้เธอ
อย่าง..หาใครมาเปรียบเหมือน
..แม้ถ้ามีเธออยู่

มีเพียงเราสองรักกันอยู่..ข้างเคียงกันเสมอ
ในใจลืมเผลอละเมอตื่น..
ฝันยังคอยหลอกหลอน (ฝันยังคอยหลอกหลอน)
หายใจมีแต่เธอ แม้เธอไม่มีอยู่

...............................


Happy Birthday เรื่องนี้เล่นเอาน้ำตาท่วมโรงกันเลยทีเดียว ระหว่างที่ดูก็จะได้ยินเสียงซื๊ดน้ำมูก หรือเสียงสะอื้นเล็กๆอยู่เป็นระยะๆ ทั้งของตัวเองและคนรอบข้าง ก็หนังมันเศร้าขนาดนั้น พระเอกก็ดันเล่นได้อารมณ์แบบสุดๆ ใครมันจะไปทนไหว....

หนังเปิดเรื่องได้อย่างสวยสดงดงาม ชอบมากเลยกับจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพระนางในเรื่อง ที่ใช้การสื่อสารโต้ตอบไปมาผ่านหนังสือท่องเที่ยวเล่มนึง ในร้านขายหนังสือ ด้วยความที่พระเอกอยากรู้ตัวคนมือบอน ที่มาเขียนหนังสือในร้าน เขาจึงเขียนต่อว่ากลับไป พร้อมกับมาคอยเฝ้ารอเจ้าของปลายปากกา จนสุดท้ายเขาก็แนะนำร้านอาหารให้กับเธอ และที่นั่นเอง..ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมผัสของทั้งคู่

เหตุการณ์ตอนต้นเรื่อง อบอวลไปด้วยช่วงเวลาแห่งความสุขของทั้งคู่ บวกกับได้ฉากงามๆของธรรมชาติ (น่าจะเป็น “ปางอุ๋ง”) และมุมมองของภาพที่เค้าถ่ายทอดออกมาได้สวยมากจริงๆ (ต้องยกนิ้วให้ฝ่ายกำกับภาพ) ทำให้ช่วงแรกของหนังดูเพอร์เฟ็คไปหมด ฉากกุ๊กกิ๊กของพระนาง ดูแล้วก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้ ยิ่งวิวในเรื่องอีกนะ..เห็นแล้ว (แมร่ง) โคตรอยากไป (กับคนรัก) เลย

ความน่ารักมันอยู่ตรงที่ “เภา” (นางเอก) จะเป็นคนตรงๆ คิดยังไงก็ว่ายังงั้น เดทครั้งแรก..เธอก็เล่นถาม “เต็น” (พระเอก) ออกไปตรงๆว่า “นี่จะจีบหรอ?” เต็นถึงกับเป๋ไปชั่วขณะเลยทีเดียว แต่ก็ใช่ย่อย ต่างคนต่างก็ไม่ยอมกัน พอตั้งสติได้ก็สวนกลับไปว่า “แล้วจะให้จีบป่ะล่ะ?” นางเอกตอบกลับทันควัน “จะจีบหน่ะ..ดีพอแล้วหรอ?” พระเอกตอบว่า “คอยดู” โคตรชอบ (พวก) เองเลย..

ในช่วงกลางเรื่อง (ค่อนไปทางช่วงแรกนิดๆ) จะเป็นจุดหักเหที่ทำให้หนังเรื่องนี้เศร้าแบบสุดๆ ต่อจากนี้ก็จะเน้นไปที่อารมณ์หนักๆ (มาก) ของพระเอก ทั้งๆที่เห็นในตัวอย่างไปแล้วว่านางเอกต้องถูกรถชน แต่ก็ยังทำให้เศร้าได้อยู่ดี ก็ถ้าคุณดูตั้งแต่ต้นเรื่อง..อารมณ์มันก็จะต่อเนื่อง แล้วมันก็จะบิ๊วขึ้นมาได้เอง หนังดึงอารมณ์คนดูได้ดีตรงที่ พออุบัติเหตุเกิดขึ้น “ปั่ง!!” ทุกอย่างเงียบ พระเอกนิ่งไปชั่วขณะ ทันใดนั้นเขาก็วิ่งออกไปอย่างสับสน..ไม่รู้จะทำอะไร..ยังไงต่อไป มันทำให้เรารู้สึกเคว้งไปกับตัวละครนี้ด้วย แล้วเสียงเพลง HBD จากการ์ดก็ดังขั้น จากอารมณ์ที่เคว้งอยู่ มันก็กลายไปเป็นอารมณ์ที่เศร้าได้แบบสุดสุด โอ๊ย...โอ๊ย!! เล่นเอาน้ำตาไหล.. จากนั้นก็ตัดมาที่ฉาก รพ. ขณะทีพระเอกแอบฟังหมอคุยกับพ่อแม่นางเอก ก็สุดๆอีกนั่นแหละ ..หมอบอก “นางเอกก้านสมองตาย ในทางการแพทย์ถือว่าเสียชีวิตแล้ว แต่ที่อยู่ได้ก็เพราะเครื่องช่วยหายใจ..” โอ้แม่เจ้า.. ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันเพิ่งเริ่มต้นเอง แล้วก็กำลังไปได้ดีด้วย อยู่ๆก็ดันมาเกิดเรื่องไม่คาดฝันนี้เข้า มันเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของเต็นเลยทีเดียว แล้วเขาจะเลือกเดินทางไหนกันละทีนี้..?

มีเพียงเต็นคนเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าเภาขยับมือ เขาจึงเชื่อมั่นอย่างมากว่าเภายังไม่ตาย เต็นจึงตัดสินใจรับเภามาดูแลเอง มันเป็นเหมือนบททดสอบ ระหว่างนั้นเขาต้องพบกับความลำบากมากมาย จนบางครั้งก็เกิดอาการเครียด สับสน ท้อแท้ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านจุดนั้นมาได้อย่างสวยงาม

แต่หนังยังไม่จบแฮะ.. ตอนนี้เราก็เริ่มมีคำถามแล้วว่า..“หนังจะจบยังไง?” หนังดำเนินเรื่องได้ดี (มาก) มาตลอด คิดว่าจะจบอย่างแฮ้ปปี้แค่นี้แล้วด้วยซ้ำ แต่..ไม่ใช่ ในขณะที่เต็นผ่านเรื่องราวเร็วร้ายมาแล้วเกือบหมด วันหนึ่ง..พ่อแม่เภามาเยี่ยม พวกเขาเห็นเต็นเปลี่ยนผ้าอนามัยให้ลูกตัวเอง ก็เกิดความไม่สบายใจขึ้น จึงเลือกที่จะยอมเสียลูกตัวเองไปดีกว่า แต่เต็นที่เฝ้าคอยดูแลเภามาเป็นอย่างดี ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาจนทุกอย่างเริ่มจะโอเคแล้ว เขาไม่ยอมแน่ที่จะเสียเภาไปอีก จึงเกิดเป็นการฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้ามากๆ คนที่รักเภาทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมกัน แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายพ่อแม่เภาที่ชนะคดี เพียงเพราะเต็นไม่ได้มีพันธะใดๆ (ในทางกฏหมาย) กับเภา ที่จะมาเอาชนะคนที่มีสายเลือดเดียวกันได้ เฮิร์ท..เฮิร์ทมากๆ สงสารพระเอก ทั้งๆที่เต็นเป็นคนเดียวที่คอยดูแลเภาอย่างดีมาโดยตลอดหลังจากเกิดอุบัติเหตุ..ไม่ใช่พ่อแม่เภาเองเลยด้วยซ้ำ ตอนเนี้ยแหละ..ที่ทำให้เห็นว่า เต็นรักเภามากนะ ลองไปดูเองดิ..เล่าไม่ถูก

ในช่วงหลังนี้..หนังแสดงให้เห็นอะไรมากมาย ในเรื่องของ “ความรัก” ที่คนคนหนึ่งมีให้กับคนอีกคนหนึ่ง ในยามที่ชีวิตติดลบแบบสุดๆ เขาก็ไม่ทอดทิ้งเธอ มันเป็นเหมือนการรับผิดชอบต่อความรักหรืออะไรประมาณนั้น เขายอมแลกอนาคตที่สดใสของตัวเอง ไปทุ่มเทให้กับการคอยดูแลอยู่ใกล้ๆเธอ แม้เขาเองก็ไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นยังไง..

แต่สุดท้ายพ่อแม่เภาก็เห็นในความรักที่เต็นทุมเทให้กับเภา พวกเขาจึงยอมให้เต็นดูแลลูกตัวเองต่อไป

ตอบจบของเรื่อง นางเอกไม่ได้ลุกขึ้นมาเดินได้เหมือนเก่า คงไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆจะเปลี่ยนแปลงให้เภากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ขนาดนั้น..มันออกจะเว่อร์ไปหน่อย หนังทำออกมาได้ดี..ตรงที่ไม่ได้ทำเกินคาด นางเอกยังคงมีชีวิตอยู่ แล้วก็ลืมตาได้..เท่านั้น แต่ร่างกายก็ยังคงเดี้ยงเหมือนเก่า..ไม่ได้มีสติรับรู้อะไร

..หนังจบได้เท่านี้ก็ถือว่าดีมากๆแล้ว..





Happy Birthday



แฮปปี้เบิร์ธเดย์

ผู้กำกับ : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ผู้แต่ง : คงเดช จาตุรันต์รัศมี
วันเข้าฉาย : 18/12/2008

หนังรักในแบบ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ของขวัญจากคนมือบอน 2 คน
กับความรักในแบบของพวกเขา

เรื่องราวความรักของชายหนุ่ม “เต็น” (อนันดา เอเวอริ่งแฮม) และหญิงสาว “เภา” (ฉายนันทน์ มโนมัยสันติภาพ) ที่บุพเพสันนิวาสชักนำให้พวกเขาได้มารู้จักกันผ่านตัวหนังสือ ในหนังสือท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยข้อความที่ถูกเขียนส่งต่อให้กันและกัน โดยที่พวกเขาไม่เคยแม้แต่พบหน้ากัน...แต่มันกลายเป็นสื่อกลางที่ทำให้คนมือบอน 2 คนได้มาพบและรู้จักกัน

.....................................................................................
“จีบได้เปล่า?” . . . “คิดจะจีบ ดีพอแล้วเหรอ”
คำถามที่ “เภา” ทิ้งไว้ให้ “เต็น”
ในระหว่างที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังคืบหน้าไปอย่างช้า ๆ
กระทั่งถึงวันครบรอบวันเกิดของ “เต็น”
เภา ได้เดินทางนำของขวัญวันเกิดมามอบให้แก่ เต็น
...ทว่าของขวัญชิ้นนั้นกลับไปไม่ถึงมือของเต็น
มีเพียงข้อความที่เภาเขียนทิ้งไว้ในการ์ดอวยพรวันเกิดให้กับเต็นว่า
“สัญญานะว่าจะดูแลกันตลอดไป…”
และนี่คือจุดเริ่มของการพิสูจน์คำสัญญาที่เต็นมีต่อเภา
.....................................................................................

บางครั้งคำสัญญา ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์







Me Myself



ขอให้รักจงเจริญ

ผู้กำกับ : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ผู้แต่ง : คงเดช จาตุรันต์รัศมี
วันเข้าฉาย : 19/04/2007

“อุ้ม” หญิงสาวที่กำลังหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต เพราะเธอเพิ่งถูก กริช คนรักของเธอทิ้งไป แถมยังมีภาระต้องเลี้ยงดู โอม หลานชายวัยไม่ถึงสิบขวบ ลูกของพี่สาวที่ตายไป ซึ่งเธอไม่เคยมั่นใจในตัวเองว่าจะทำหน้าที่นี้ได้ดีเลย แม้แต่ความฝันในหน้าที่การงานของเธอ ก็ยังไม่กล้าที่จะฝัน เธอมักจะรู้สึกว่า ตัวเธอที่เติบโตขึ้นมาในทุกวันนี้ ช่างห่างไกลกับสิ่งที่เคยฝันในยามเด็กเหลือเกิน ชีวิตของเธอดูไม่มีทางเลือกมากนัก จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นกลางดึกของคืนวันหนึ่ง เพราะเธอขับรถไปชนชายแปลกหน้าคนหนึ่งเข้า และทำให้ชายคนนั้นความจำเสื่อม เธอจึงต้องแบกรับภาระในการดูแลชายคนนี้เพิ่มขึ้นไปอีก หลักฐานติดตัวของชายคนนี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากจี้ห้อยคอ อ่านเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “แทน”

อุ้มจำเป็นต้องพาแทน ชายแปลกหน้า ที่ไม่น่าไว้วางใจมาใช้ชีวิตร่วมกับเธอและหลานชายอย่างช่วยไม่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทั้งสนุกสนาน วุ่นวาย และสับสนเกิดขึ้น ทำให้แทนได้ค่อยๆ ก้าวล้ำเส้นเข้ามา มีส่วนร่วมกับชีวิตของเธอมากขึ้น กำแพงที่สูงชันภายในใจของเธอก็ค่อยๆทลายลง แทนกลายเป็นกำลังใจที่ช่วยผลักดันเธอ ให้มีรอยยิ้ม และสามารถใช้ชีวิตร่วมกับหลานชายได้ลงตัวมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ชีวิตที่แสนจะว่างเปล่าของแทน เพราะจำความอะไรไม่ได้นั้น กลับค่อยๆ ถูกเติมเต็มโดยหญิงสาวที่มีท่าทางแข็งๆ คนนี้ ในที่สุดทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกัน และทำให้แทนไม่นึกอยากที่จะกลับไปจำเรื่องราวในชีวิตของตัวเองอีกต่อไป

แม้ว่า ทั้งคู่จะคิดตัดสินใจ ที่จะไม่กลับไปตามหาความทรงจำของแทน ไม่อยากรับรู้เรื่องราวเก่าๆในชีวิตของแทนอีกต่อไปแล้ว แต่ทั้งอุ้มและแทนต่างตระหนักดีถึงคำถามสำคัญที่ยังคงค้างคาอยู่ นั่นคือ แทนคือใคร? และชีวิตของแทนก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร? ภาพของหญิงสาวที่แทนมักเห็นคือใคร? และท่าทางแปลกๆของแทน ที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจนั้นเป็นเพราะอะไร? เมื่อความจริงถูกเปิดออกมา ความรักของทั้งคู่ จะยังมั่นคงพอที่จะสามารถรักกันได้อยู่หรือเปล่า?







thx : NangDee.Com


Create Date : 08 มกราคม 2552
Last Update : 10 มกราคม 2552 22:43:32 น. 0 comments
Counter : 582 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zazi_i
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




My FaceBook

:: วัตถุประสงค์หลักของผู้จัดทำ Blog นี้ คือ เผยแพร่ข้อมูลร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รวมถึงสาระบันเทิงต่างๆนานา ทุกข้อความที่ปรากฎเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น ::

ƒ ก า ร เ ดิ น ท า ง ยั ง ย า ว ไ ก ล   ถ น น ส า ย นี้ ยั ง ย า ว ไ ก ล   จุ ด ห ม า ย ป ล า ย ท า ง ไ ก ล เ พี ย ง ใ ด   ฉั น เ อ ง ก็ ไ ม่ รู้ ว่ า เ มื่ อ ไ ห ร่   แ ต่ ท า ง ย า ว ไ ก ล ที่ ก้ า ว ม า   ไ ด้ ทำ ใ ห้ ฉั น นั้ น รู้ ว่ า   เ สี ย ง หั ว เ ร า ะ แ ล ะ น้ำ ต า   กี่ สุ ข แ ล ะ กี่ ทุ ก ข์ ที่ ฟั น ฝ่ า   มั น ทำ ใ ห้ ชี วิ ต มี ค่ า   เ พ ร า ะ ฉั น ไ ด้ รู้ ว่ า . . . เ ธ อ ยั ง อ ยู่ ต ร ง นี้ ƒ

Nara Bar
(ชั้น 7 CW) ร้านอาหารไทยสไตล์ Contemporary รสชาติอาหารใช้ได้ทีเดียว มี "ยำมะเขือยาว" ด้วยอ่ะ
K-ca Ramen
(Food Hall @ Paragon) เส้นราเมนอร่อย ข้าวญี่ปุ่นเค้าก็อร่อย ไม่เหมือนใคร.. ปกติจะกินเส้นไม่เคยหมด แต่สำหรับร้านนี้..เหลือไว้ไม่ได้แล้ว!!
Reflections
(ย่านประดิพัทธ์) กับ location ใหม่ แต่ยังคงเน้นสีสันการตกแต่งที่แปลกหูแปลกตาอยู่เหมือนเดิม..เจ๋ง!! ชอบการตกแต่งของที่นี่จริงๆ
แพกระแต
(ย่านประดิพัทธ์) ร้านอาหารไทย เน้นพวกปลาน้ำจืด เจ้าของร้านเป็นกันเอง ชอบมาแนะนำเมนูให้ลูกค้า ติดใจกะ "ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม" ที่ซู๊ดด!!
SOFA so good
(อารีย์ ซ.5) ถ้าไปกินมื้อค่ำ บอกได้คำเดียวว่า "ควรไปกะแฟน..แล้วเลือกนั่งโต๊ะแบบโซฟา"
Pathe
(ห้าแยกลาดพร้าว) ร้านบรรยากาศ antique ที่ตกแต่งด้วยของเก่า โดยเฉพาะแผ่นเสียง ลำโพงเก่า จักรยานโบราณ ฯลฯ เมนูแนะนำ "ไก่กรอบซอสมะนาว" "แกงส้มไข่ชะอม" ชะอมชุบไข่ชิ้นหนาๆอวบๆ อันนี้ชอบมากก..ฯลฯ มีถั่วให้กินเล่น และน้ำชาร้อนๆดับกลิ่นปากก่อนออกร้าน..ห่ะห่ะ!! กู๊ดไอเดีย
Grand Palace
ชอบซี่โครงหมูมั่กๆ หนังบางๆ เคี้ยวกรุบๆ สุดยอดดด!!
The Pool
(เกษตร-นวมินทร์) บรรยากาศดีทีเดียว อาหารก็ใช้ได้ นั่งฟังเพลงไปเพลินๆ (โอ้ เสกสรร+ชัด)
Banana Leaf
(ชั้นใต้ดิน Silom Complex) อร่อยกะอาหารไทยๆ "แกงส้มปลาช่อนแป๊ะซะ", "ทอดมันกุ้ง", "พล่ากุ้ง", "เนื้อปูผัดผงกระหรี่", ฯลฯ
Platfrom 1
(เลียบทางรถไฟ สถานีสามเสน) ร้านอาหารนานาชาติ..เล็กๆ..เรียบ..หรู เป็นบ้านไม้สีขาวอบอุ่น บรรยากาศเงียบๆ ลองชิมแค่ "สปาเกตตี้ผัดปูนิ่ม, เนื้อปูบดห่ออะไรซักอย่าง, เป็ด.."(ชื่อมันเป็นภาษาปะกิด..จำม่ะร่าย)
โบราณเรียกชื่อ
(พหลโยธิน 13) บรรยากาศโอเค รสชาติอาหารธรรมดา เพลงใช้ได้
Goodevening Restaurant
(ถ.นราธิวาส ติดกับ Sortel) ร้านนี้บรรยากาศดี ใกล้ที่ทำงาน อาหารอร่อยใช้ได้ เพลงก็เพราะ(ร้องสด) ถ้าไปต้องสั่ง "กระเบื้อง Good Evening" นะ..
Country Place
(พระราม 5) กิน "เบียร์" สิครับ
โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง
(ถ.นราธิวาส) ก็ต้อง "เบียร์ - Lager Beer, Dunken Beer, Weizen Beer", "ขาหมู", "กระหล่ำปลีน้ำปลา", "เย็นตาโฟทรงเครื่อง", ฯลฯ
Wasabi
(ชั้น 3 Esplanade) ชาบูน้ำเต้าหู้..สุดยอดไปเลย หอมมั่ก, ฯลฯ ตบท้ายด้วย "ของหวาน 3 อย่าง" จำได้ว่ามีไอติม(ทำจากถั่วเหลืองอีกเหมือนกัน..ห้อม หอม), วุ้นแก้วมังกร, แล้วอะไรอีกอย่างจำไม่ได้และ
Secret Recipe
(La Villa อารีย์ / Paragon) วันนั้นไปกิน "ปลา(อะไรซักอย่าง)ราดซอสร็อบสเตอร์" ไฮโซ๊..ไฮโซจิง เค้าว่าเค้กอร่อย ได้รางวัลมาเยอะ ไม่เคยได้ลองซักที "สปาเกตตี้เนื้อ" ก็ใช้ได้นะ ร้านนี้มีสาขาทั้งในสิงคโปร์ มาเลเซีย และจาการ์ตาเน่อ
Bug&Bee
เมนูเครปสุดยอดด.. ต้องไปลองที่สีลมบ้างและ
Greyhound Cafe'
(ทั่วไป) I tasted "Noodle in Tom Yum Kung" and "Phad Thai with fresh Shrimps". Good..Costly..High
Take a view
(สะพานพระราม 8 ฝั่งธนฯ) อาหารงั้นงั้นไม่ค่อยถูกปาก นักร้องร้องมันทุกแนว บรรยากาศร้านเหมือนจะดี แต่ซวยเอง..ดันไปตอนร้านกะลังปรับปรุง..เลยไม่ได้นั่งชมวิวสะพานพระราม 8
แพกลางกรุง
หรือ "Virgin River" (เกษตร-นวมินทร์) อาหารไม่ค่อยถูกปากอ่ะ แต่มี "อุ๊ หฤทัย" มาร้องวันศุกร์หละ..เจ๋ง!!
Darabar
(เกษตร-นวมินทร์) ร้านนี้อาหารอร่อย อย่างน้อยก็อร่อยทุกอย่างที่สั่งเลย จำได้แต่ "กุ้งกระเบื้อง"(มั้ง) แล้วก็หมูพันบะหมี่(มันชื่อไรไม่รุ้นะ) บรรยากาศดี๊ดี ข้างนอกเป็นเหมือนสระน้ำ แล้วก็มีที่นั่งเหมือนแพ(อธิบายไม่ถูกว่ะ) ร้านนี้ขอแนะนำ!!
Sortel
(ถ.นราธิวาส ติดกับ Goodevening) จำมะร่าย ไปมานานและ จำได้ว่ากินคอกเทลด้วยแหละ ตอนนั้นเพลงมันโคตรดัง(หนวกหู) แต่วันนั้นไปกิน Goodevening แล้วเดินผ่าน คนเยอะโคตร นักร้องเป็นผู้หญิงด้วย(วันศุกร์) เสียงใช้ได้เลย ต้องไปลอง..ต้องไปลอง
บ้านพระอาทิตย์
(ถ.พระอาทิตย์) "Espresso" เข้มสุดสุด กินแก้วเดียวตาแข็งไปทั้งคืน..ยันเช้า แนะนำข้าวผัดปลาสลิด..อร่อยได้ใจ บรรยากาศร้าน..ดีม๊ากก เหมาะสำหรับไปนั่งอ่านหนังสือ..
บะหมี่ฮ่องกง
หรือ "Hong Kong Noodle" (ตลาดเล่งบ๊วยเอี๊ยะ เยาวราช/สยาม) เกี๊ยวกุ้งตัวโต เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม ซู้ดดยอดด!!"
the terrace
(Central Lardpao) กินได้ กินได้ กุ้งตัวใหญ่ เป็ดอร่อย ตบท้ายด้วยกล้วยไข่เชื่อม "ไป central ไม่รู้จะกินอะไร ให้คิดถึง the terrace"
สีฟ้า
(ทั่วไป) ไปทุกครั้งต้องสั่ง "แกงเผ็ดเป็ดย่าง" หละ
ผัดไทยอารีย์
(จากซอยอารีย์ย้ายไปพหลโยธิน 8/เอราวัณ) ตอนนี้กินแต่ "เส้นมะละกอ"(ผัดไทยมะละกอ) แต่อยากกิน "ข้าว"(ผัดไทยข้าว)แล้วง่ะ..ไปทีไรสั่งแต่มะละกอ
เจียงฮาย
(ต้นซอยลาดพร้าว) ต้องกิน "ข้าวซอยไก่(original)" เพราะที่นี่เค้ามีเส้นหลายอย่าง อูด้ง, ราเมนก็มีนะ ฯลฯ แต่ต้องใส่น้ำตาลหน่อย รู้สึกคนทำจะชอบกินเค็ม ไปกินกี่ครั้งก็จะแก่เค็ม น้ำเงี้ยวก็มี.. เป็นร้านของมือกีตาร์วง Big Ass หล่ะ..เห็นพี่แกขยันขันแข็งช่วยเมียซะจิ้ง..
KURODA
(ตรงข้าม TOPS RCA) ร้านอาหารญี่ปุ่น คุณภาพดี รสชาติพอใช้(สำหรับตัวเองนะ)กินแก้ขัดได้ ราคาย่อมเยาว์ อยากกินอาหารญี่ปุ่นนึกถึงร้านนี้ก็ไม่ผิดหวัง แต่อาหารรสชาติจะออกแนวเค็มไปนิดส์ ร้านนี้เมนูจะเน้นไก่บ้าน เพราะเค้ามีฟาร์มเป็นของตัวเองหละ
เดอะครก
(Siam Square Soi.2 ติดกับ "ไอดินกลิ่นครก") จำเมนูเด็ดๆ มะร่าย สลับกันกินกะ "ไอดินกลิ่นครก" เลยสับสน
อาจิเซน ราเมน
(ท่าพระจันทร์) อร้อย..อร่อย บางอย่างก็อร่อยกว่าโออิชิอีกนะ ดูเป็นญี่ปุ่นมากกว่า มีสาขามากมายในแถบเอเชีย ของเค้าดีจิง.. ถ้าไปตอนเย็นมากๆ เมนูอาจมีให้เลือกกินน้อยลง..ฉะนั้นต้องรีบไป
ก๋วยจั๊บน้ำใส..มะรุ้ชื่อ
(โรงหนังเก่า เยาวราช) "ก๋วยจั๊บ" ชามโต..อร้อย..อร่อย หมูกรอบก็อร่อย น้ำซุปเผ็ดร้อนหอมกลิ่นพริกไทยก็อร่อย อิ่มได้ที่จิงจิง!!
ตลาดนางเลิ้ง
(นครสวรรค์ 6/8 แล้วแต่จะเข้า) อร่อยทั้งตลาด ยกตัวอย่างก็ได้ มี "บะหมี่เป็ด"(เป็ดเยอะมั่ก บะหมี่อร่อยเหนียว), "สาคู"(มี 2-3 ร้านติดกัน จำชื่อร้านที่ดังๆไม่ได้ ที่เด็ดๆคือ สาคูไส้ปลา), "ข้าวแช่"(กินแล้วชื่นใจ กะปิทอด..อร่อย ไอ้หวานๆเหนียวๆ..หัวไชโป๊ป่าวไม่รู้..อร่อยมาก), และอีกมากมาย..
ซีฟู้ดเยาวราช..ม่ะรุ้ชื่อ
(เยาวราช) มีให้เลือกทั้ง indoor และ outdoor กินได้อย่างไม่ต้องอายใคร เพราะโต๊ะอื่นมูมมามกันเต็มที่เหมือนกัน(มีแต่ต่างชาติเอเชีย)
โชคดีติ่มซำ
(ทั่วไป) กินแก้หิว เมนูเด่นคงเป็น "บักกุดเต๋" ก็พอกินได้นะ
ติ่มซำเยาวราช..จำชื่อมะร่าย
(เยาวราช ป้ายรถเมล์แรก) "โกยซีหมี่" เส้นอร่อย..หุหุ
ร้านโจ๊ก..ไม่มีชื่อ
(แยกแปลงนาม ถ.เจริญกรุง) "โจ๊ก - ใส่ทุกอย่าง ใส่ไข่ ไม่ผัก ไม่ขิง" เด็ด!!
โรตีมะตะบะ
(ถ.พระอาทิตย์) ต้อง "มะตะบะไก่", "สตูแพะ", "มัสมั่น", ฯลฯ
ร้านบะหมี่..ไม่มีชื่อ
(ข้าง swensen's ท่าพระจันทร์) "บะหมี่แห้ง" อร่อยที่สุดในโลก มีเกี๊ยวให้กินฟรีด้วย แต่คนเยอะมั่กๆ ไปครั้งล่าสุดก็ไม่ได้กิน ไม่มีที่นั่ง อยากกินน..อยากกินน
ใบไม้ร่าเริง
<i> (เกษตร) ร้านคาราโอเกะ อาหารอร่อย..ใช้ได้เลยทีเดียว
To-Sit
(Siam Square Soi.3) มาร้านนี้ก็ต้องกิน "ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว" อีกเหมือนกัน(แต่ที่ "กิน ดื่ม" อร่อยกว่า) จำได้ว่าวันพฤหัสจะมี "อิน บูโดกัน" วันศุกร์มีผู้หญิงร้องเพลงกับเปียร์โน
กิน ดื่ม
(ถ.พระอาทิตย์) มาร้านนี้ต้องกิน "ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว" แซ่บบบ.. มานั่งคุย นั่งฟังเพลงแนว bekery
มิตรโกหย่วน
(ตรงข้าม กทม.) "กุ้งกระเทียม", "หมี่กรอบ", "สตูลิ้นวัว"
Friends' blogs
[Add zazi_i's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.