Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Madagascar 3 : Europe's Most Wanted : มาดากัสการ์ 3 ข้ามป่าไปซ่าส์ยุโรป , 4 เกลอแสนซน

Madagascar 3 : Europe's Most Wanted : มาดากัสการ์ 3 ข้ามป่าไปซ่าส์ยุโรป , 4 เกลอแสนซน

Madagascar 3 : Europe's Most Wanted (2012)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated PG for some mild action and rude humor

ไม่ได้เป็นอนิเมชั่นที่มีความชื่นชอบ หรือ ติดใจ อะไรใน 2 ภาคแรกเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เหตุผลที่ตัดสินใจไปดูก็เพราะตามกระแสคำวิจารณ์ทั้งเมืองนอก และ ในไทย เช่นเคย ที่หลายๆคนเขาว่าภาคนี้เป็นภาคที่ดีที่สุด ฮาที่สุด และ สนุกที่สุด ซึ่งจะจริงหรือไม่ในความเห็นของผมสามารถอ่านได้ที่ด้านล่างครับ

การผจญภัยครั้งใหม่ของผองเพื่อน เจ้าสิงโต อเล็กซ์ (เบ็น สติลเลอร์), ม้าลายมาร์ตี้ (คริส ร็อค), ยีราฟ เมลแมน (เดวิด ชวิมเมอร์) และฮิปโปกลอเรีย (เจด้า พิงค์เกท สมิธ) ที่คราวนี้ไปหลงทางอยู่ในยุโรปและกลายเป็นอาชญากรที่ถูกหมายหัว จึงแฝงกายอยู่ในคณะละครสัตว์เพื่อหาทางกลับสู่สวนสัตว์เซ็นทรัลปาร์กใน นิวยอร์ก โดยมี แก๊งเพนกวิน, มัวรีซ และกษัตริย์จูเลียนติดสอยห้อยตามมาร่วมผจญภัยด้วยการกลับมาอีกครั้ง และอีกครั้งของแก็งค์สุดป่วน มาดากัสการ์ 3 (Madagascar 3: Europe’s Most Wanted) สุดยอดแอนิเมชั่นที่แฟนๆรอคอย สนุกซ่าฮาป่วนยกกำลังสามแน่นอน ทั้งในระบบ 3D และระบบ ปกติ เลย

Madagascar 3 หรือในชื่อเต็มๆว่า Madagascar 3 : Europe's Most Wanted เป็นการร่วมมือสร้างกันโดยผู้กำกับอนิเมชั่นน้ำดี 3 คน ประกอบไปด้วย อีริค ดาเนลล์ , ทอม แม็คเกรด และ คอนราด เวอร์นอน ซึ่งรายแรกนั้นเราก็คงรู้จักกันดี เพราะเขาเป็นผู้กำกับที่ได้คุมงาน 4 เกลอแหกสวนสัตว์มาตั้งแต่ภาคแรก ยันภาคนี้ เช่นเดียวกับรายที่ 2 แต่ต่างกันหน่อยตรงที่ว่าผู้กำกับรายที่ 2 อย่าง ทอม แม็คเกรด เคยหนีไปสร้างอนิเมชั่นเรื่องอื่นก่อนจะมาถึง Madagascar 3 นั่นก็คือ Megamind นั่นเอง และปิดท้ายด้วยรายสุดท้ายอย่าง คอนราด เวอร์นอน ที่เพิ่งจะก้าวมาร่วมงานสร้างเหล่า 4 เกลอแหกสวนสัตว์เป็นครั้งแรก โดยอนิเมชั่นในเครดิตก็ถือว่ามีดีอยู่พอสมควรเพราะเขาคือหนึ่งในผู้สร้างของ Monsters vs Aliens เพราะฉะนั่นจะไม่แปลกเลยถ้าหากคนดูจะตั้งความหวังตัวหนังไว้สูง

เพราะหลังจากดูจากรายชื่อของผู้กำกับก็จะพบได้ว่ามีแต่ผู้กำกับแนวเจ้าพ่ออนิเมชั่นขายฮาของ ดรีมเวิร์ค อยู่เพียบ และหลังจากดูจบผมก็ต้องขอบอกเลยว่า เป็นอนิเมชั่นที่ไม่ได้ทำให้เสียชื่อเสียงของ 3 ผู้กำกับที่มาร่วมงานกันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะถ้าหากผมจะบอกว่า Madagascar 3 ถือว่าเป็นภาคที่สนุกที่สุดใน 3 ภาคก็คงไม่แปลกเลย เพราะในภาค 3 ถือว่าเป็นอนิเมชั่นภาคที่อุดมไปด้วย มุกตลก ที่ออกมาแนว เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี , การดำเนินเรื่องที่รวดเร็ว ผสมไปด้วยฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาเพลินๆ และปิดท้ายด้วยประเด็นที่สามารถสื่อได้ถึงผู้ใหญ่มากมาย ไม่ใช่แค่เฉพาะเด็กอย่างเดียวเหมือนที่ 2 ภาคแรกได้ทำเอาไว้นะ

ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลยว่า ส่วนประสมทั้งหมดที่ในภาคนี้ได้ใส่มาผมกลับคิดว่ามันดีกว่า 2 ภาคแรกรวมกันอีก เริ่มตั้งแต่ด้านของ มุกตลก ที่ได้กล่าวไว้ในช่วงต้น ซึ่งหลังจากผมไม่ค่อยถูกใจกับมุกตลกใน 2 ภาคแรกเท่าไหร่นัก (โดยเฉพาะภาค 2) แต่ในภาคนี้มันจึงกลับกลายเป็นว่าใส่เข้ามาแบบจัดเต็มและไม่ให้คนดูได้พักผ่อนกันเลยก็ว่าได้ ผสมไปกับฉากแอ็คชั่น ผจญภัย ที่ในภาคนี้ได้ใส่เข้ามาได้อย่างสนุกสนานมากมาย และที่น่าถูกใจที่สุดในภาคนี้คงหนีไม่พ้นการที่หนังได้ใส่ประเด็นที่สามารถเข้าถึงผู้ใหญ่ได้มากขึ้น เพราะประเด็นที่ภาคนี้ได้หยิบมาเลือกใช้คือประเด็นเกี่ยวกับ 'การเดินนอกกรอบ' ที่เหมือนกับเสียดสีเหล่าคนหัวโบราณทั้งหลายว่าการเดินนอกกรอบไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะถ้าหากเราสามารถเดินออกนอกกรอบได้อย่างถูกต้อง มันก็อาจจะกลายเป็นผลดีก็ได้

ที่ถึงแม้ประเด็นเหล่านี้ ตัวหนังอาจจะยัดเยียดมาพร้อมกับบทพูดแบบโต้งๆไปบ้างก็ตามที และมีอีกหลายๆช่องโหว่ที่หนังไม่ได้อุดตามสไตล์ความเป็นอนิเมชั่นก็ตาม แต่เมื่อลองนำเอาน้ำหนักทั้งหลายมาลองเฉลี่ยดูแล้ว ผมก็ขอยกให้ Madagascar 3 เป็นหนังอนิเมชั่นที่สุดใน 3 ภาคเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นด้านของ มุกตลก , ประเด็นสาระ และ การดำเนินเรื่อง ในภาคนี้ก็ถือว่าสามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดีเกินคาด โดยถ้าหากผู้ปกครองคนไหนคิดว่าจะได้ไปนั่งเซ็งในโรงหนังเพื่อรอคุณลูกๆดูหนังการ์ตูน ผมก็ขอให้คิดใหม่ เพราะว่าหลังจาก Madagascar 3 จบลง คุณอาจจะได้ความสนุกกลับไปแบบไม่ทันตั้งตัวก็เป็นได้เลยนะ

เพราะฉะนั้นโดยรวม Madagascar 3: Europe's Most Wanted ถือว่าเป็นอนิเมชั่นภาคปิดท้ายตำนาน 4 เกลอสุดซ่าส์ ที่ถือว่าทำออกมาได้สนุกเกินคาดไม่ว่าจะเป็นด้านของ มุกตลก , ฉากผจญภัย และ ประเด็นสาระ ซึ่งถ้าหากใครเคยไม่ถูกใจ 2 ภาคแรกแบบผม ก็อยากให้มาลองดูภาคนี้ เพราะมันอาจสนุกว่าที่คิด

ป.ล. ระบบ 3D ของ Madagascar 3 ยังถือว่าทำออกมาได้ตามมาตรฐานของอนิเมชั่นฝรั่ง โดยมีฉากแนวทะลุจอมาให้เด็กๆกรี๊ดกร๊าดเป็นระยะๆ ซึ่งในด้านความเป็นมิติของหนังก็จัดระดับความดีความชอบได้ประมาณเดียวกับอนิเมชั่นค่าย ดรีมเวิร์ค อย่าง Megamind , Monster vs. Aliens และ Shrek 4 นั่นเอง