| นักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ฌอง ติโรล ชนะรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ปีนี้ | | | เอเอฟพี นักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ฌอง ติโรล ได้รับการประกาศเมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.) ว่าเป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปีนี้ จากผลงานระดับบุกเบิกการศึกษาใหม่ๆ ในเรื่องอำนาจของพวกบริษัทใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรมประเภทสำคัญๆ คณะกรรมการตัดสินรางวัลระบุในประกาศมอบรางวัลว่า ผลการศึกษาวิจัยของศาสตราจารย์วัย 61 ปี แห่งมหาวิทยาลัย ตูลูส 1 กาปิโตล ผู้นี้ เป็นการวางกรอบโครงให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ สามารถดำเนินการกำกับตรวจสอบพวกวิสาหกิจขนาดใหญ่ๆ รายสำคัญๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ ติโรล กลายเป็น หนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคสมัยของเรา สิ่งซึ่งสำคัญกว่าอะไรอื่น ก็คือ เขาอธิบายให้เห็นอย่างกระจ่างชัดเจนว่าควรใช้วิธีการอย่างไรในการทำความเข้าใจและในการจัดวางระเบียบกำกับตรวจสอบพวกอุตสาหกรรม ที่มีกิจการทรงอิทธิพลไม่กี่รายครอบงำอยู่ ประกาศมอบรางวัลแจกแจง การที่ทั่วโลกเผชิญวิกฤตการณ์ในภาคการเงิน โดยที่วิกฤตดังกล่าวนี้มีชนวนมาจากพวกผู้เล่นรายยักษ์จำนวนหยิบมือเดียวในภาคการเงินการธนาคาร ยิ่งทำให้ประเด็นปัญหาอันยุ่งยากซับซ้อนในเรื่องการปรับปรุงยกระดับการจัดวางระเบียบกำกับตรวจสอบกิจการเหล่านี้ กลายเป็นวาระสำหรับพวกผู้วางนโยบายในทั่วโลก ในเรื่องนี้ ติโรลระบุว่า ภาคการธนาคารเป็นภาคที่จัดวางระเบียบกำกับตรวจสอบได้ลำบากมาก และพวกเรานักเศรษฐศาสตร์จะต้องทำงานในด้านนี้ให้มากขึ้น เขากล่าวกับคณะกรรมการตัดสินรางวัล ภายหลังได้รับแจ้งว่าเขาเป็นผู้ชนะในปีนี้ และได้รับรางวัลที่มีมูลค่า 8 ล้านโครเนอร์สวีเดน (ราว 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ตลาดที่เสรียิ่งขึ้น และกิจการที่ใหญ่โตมากขึ้น ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา พวกประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้า ได้หันไปใช้นโยบายที่ปล่อยให้ตลาดแสดงบทบาทเสรีมากขึ้นเรื่อยๆ และนี่ก็ทำให้บริษัทใหญ่จำนวนหนึ่งสามารถรวมศูนย์อำนาจกิจการ ในหลายๆ อุตสาหกรรมที่ทรงความสำคัญ แนวโน้มดังกล่าวยิ่งเข้มแข็งเพิ่มขึ้นอีก โดยเป็นผลมาจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี และกระบวนการโลกาภิวัตน์ที่ดำเนินไปอย่างลึกซึ้งกว้างขวางมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่านี้ได้ก่อให้เกิดความมั่งคั่งอย่างชนิดไม่เคยมีมาก่อน ทว่าก็ทำให้เกิดความไม่เสมอภาคเท่าเทียมอย่างล้นพ้นด้วยเช่นกัน ตามประกาศของคณะกรรมการตัดสินรางวัล คุณูปการอันสำคัญที่สุดประการหนึ่งของ ติโรล ก็คือ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่ว่า ในอุตสาหกรรมต่างประเภทกัน ภาวะการครอบงำตลาดจะส่งผลที่แตกต่างกัน ประกาศนี้ชี้ว่า ในอดีตที่ผ่านมา กฎหมายการแข่งขัน หรือกฎหมายต่อต้านการผูกขาด จะลงโทษพฤติการณ์การตัดราคา เพราะมองว่าการตั้งราคาจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิตนั้น คือวิธีการอย่างหนึ่งในการกำจัดคู่แข่งขัน ทว่า ติโรล ชี้ว่า นี่ไม่ใช่ว่าถูกต้องเป็นจริงไปทั้งหมดในทุกๆ ตลาด ตัวอย่างเช่น ในตลาดหนังสือพิมพ์ การออกหนังสือพิมพ์แจกฟรี สามารถที่จะเป็นวิธีการหนึ่งในการดึงดูดผู้อ่าน และดังนั้นก็มีโอกาสที่จะได้โฆษณาใหม่ๆ ซึ่งอาจชดเชยการขาดทุนที่เกิดขึ้นจากการผลิตและการนำออกมาแจกจ่าย ในกรณีนี้ จึงทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ควรที่จะห้ามปรามการตัดราคาหรือไม่ ประกาศของคณะกรรมการกล่าว ด้วยเหตุนี้เอง นโยบายในเรื่องการจัดวางระเบียบกำกับตรวจสอบที่ดีที่สุด หรือนโยบายเรื่องการแข่งขันที่ดีที่สุด จึงควรที่จะต้องประยุกต์อย่างระมัดระวัง ให้เข้ากับเงื่อนไขพิเศษต่างๆ ของทุกๆ อุตสาหกรรม การศึกษาวิจัยของ ติโรล ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า บริษัทบางแห่ง ตัวอย่างเช่น พวกผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่จดลิขสิทธิ์ทว่ามีผู้ใช้กันอย่างกว้างขวาง สามารถที่เข้าจะครอบงำไม่เพียงในอุตสาหกรรมของพวกเขาเองเท่านั้น หากแต่ยังพวกอุตสาหกรรมข้างเคียง ที่อยู่ต่อเนื่องลงไปในสายการผลิตอีกด้วย ถ้าหากนวัตกรรมดังกล่าว ถูกขายให้แก่กิจการเพียงรายเดียว กิจการรายนั้นจะสามารถทำกำไรได้สูง เนื่องจากตนเองจะกลายเป็นกิจการที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งพวกพวกคู่แข่ง ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ผลิตนวัตกรรมดังกล่าวขึ้นมา จึงสามารถตั้งราคาของเขาได้สูงขึ้นอย่างมาก ประกาศของคณะกรรมการบอก ประกาศยังระบุว่า ผลงานของติโรล เป็นการให้กรอบโครงแก่รัฐบาลและผู้วางนโยบายทั้งหลาย ในการกำหนดนโยบายสำหรับอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ จำนวนหนึ่ง ตั้งแต่ การสื่อสาร ไปจนถึงการธนาคาร โดยอาศัยความเข้าใจอันลึกซึ้งใหม่ๆ เหล่านี้ รัฐบาลต่างๆ ก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นมากในการส่งเสริมสนับสนุนพวกกิจการทรงอำนาจทั้งหลาย ให้มีผลิตภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันนั้นก็ป้องกันไม่ให้กิจการเหล่านี้ไปสร้างอันตรายให้แก่พวกคู่แข่งขันและบรรดาลูกค้า
|