Bloggang.com : mol98 - สัมภาษณ์ ผู้หมวด คนอึด (เจียวเอินจวิ้น)......

Group Blog

มีนาคม 2554

29 มีนาคม 2554

สัมภาษณ์ ผู้หมวด คนอึด (เจียวเอินจวิ้น)......

All Blog

สัมภาษณ์ ผู้หมวด คนอึด (เจียวเอินจวิ้น)......

ในหนังบู๊ดุเดือดเรื่องใหม่ “คนอึด2” คุณจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของ”จอมยุทธ” เจียวเอินจวิ้นในอดีต ตอนนี้เขาแต่งชุดนอกเครื่องแบบของตำรวจสากลพร้อมใบหน้าอันรกเรื้อไปด้วยหนวดเครา ในมาดที่พร้อมจะห้ำหั่นกับเหล่าคนเลวให้ตายไปข้างหนึ่ง ในตอนที่เขาให้สัมภาษณ์แบบเอ็กคลูซีฟกับหนังสือพิมพ์หยางเฉิงหวั่นเป้า นักแสดงสุดหล่อชาวไต้หวันคนนี้กลายเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของเหล่าผู้ชมในแผ่นดินใหญ่จากบทของจั่นเจาและ เสี่ยวลี้ปวยตอ สองซีรี่ส์สุดคลาสสิค ยากนักที่จะเปลี่ยนคราเดียวเป็นคนติดดินที่ดูธรรมดา ๆ เขาให้สัมภาษณ์ด้วยท่าทางสบาย ๆ ถึงชีวิตของเขาเองในช่วงนี้ เปิดเผยว่า ตอนนี้เขาโสดสนิท

เล่นหนังเรื่องใหม่ “แต่ละหมัดถึงเลือดถึงเนื้อ”
“หลายปีมานี่ ผมเล่นหนังในแผ่นดินใหญ่ตลอดเลย” เจียวเอินจวิ้นกล่าว ถึงแม้ว่าพวกเราจะคุ้นเคยกับเขากับบทบาททางจอแก้ว แต่ที่จริงแล้วแรกทีเดียวเขาเป็นที่รู้จักจากการแสดงภาพยนต์จอใหญ่มาก่อน “ที่ผมชอบที่สุดยังคงเป็นหนังจอใหญ่ แต่ธุรกิจภาพยนต์จอเงินของไต้หวันไม่ค่อยจะรุ่งนัก ที่สุดผมก็เลยมาที่แผ่นดินใหญ่” และช่วงนี้ เจียวเอินจวิ้นถ่ายทำภาพยนต์ในแผ่นดินใหญ่เช่น “นักเล่นผู้ยิ่งใหญ่” และ “คนอึด2” เจียวเอินจวิ้นก็ปฏิเสธบทที่ต้องแต่งชุดโบราณไปจนหมด
“ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ชอบเล่นเป็นจอมยุทธนะ แต่ผมไม่อยากให้ผู้ชมยึดติดกับบทบาทการเป็นจอมยุทธของผม” ด้วยเหตุนี้เขาจึงเต็มใจที่จะรับบทบาทจอมทรหดที่แสนจะลำบาก การถ่ายทำเรื่องนี้เมื่อเปรียบเทียบกับหนังเรื่องก่อน ๆ ของเขาสมัยที่เล่น “ฤทธิ์มีดสั้น” ถือว่าดุเดือดกว่าเสียอีก “ในหนังแบบโบราณ การต่อยตีกันเน้นที่ความสวยงามชวนดูมากกว่า แต่หนังสมัยใหม่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่อง”คนอึด”นี่เป็นการต่อยตีกันจริง ๆ แต่ละหมัดนี่ถึงเลือดถึงเนื้อกันจริง ๆ ถ่ายแต่ละฉากเสร็จแล้วนี่ มีแต่รอยฟกช้ำไปทั้งตัว”

ในเรื่องคนอึด 2 เจียวเอินจวิ้นไม่เพียงต้องแสดงวิชายิวยิดสู(การต่อสู้ด้วยมือเปล่า) และวิชาคว้าจับน้อย หากแต่ยังต้องวิ่งมาราธอนอีก ฉากที่ถ่ายทำในแฟลตส่วนตัว ทุกวันต้องคลุกดินคลุกทราย หนำซ้ำคู่ปรับของเขาในเรื่อง ยูซังจุน (ดาราเกาหลี) ก็เรียนเทควันโดมาและมีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งไปทั้งตัว จนเจียวเอินจวิ้นพูดตามตรงว่า “ผมกับเขาดูจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันทีเดียว” ทว่าในหลายปีที่ผ่านมาเจียวเอินจวิ้นได้ร่วมทำงานกับทีมงานสตั้นท์แมนหลายครั้ง วิชาที่ฝึกมาตั้งแต่แรกเริ่มก็คือวิชากังฟู หลังจากที่ได้ยินทีมงานสตั๊นแมนชี้แนะท่าทางการต่อสู้ให้เขาแล้ว เขาจะพูดทันที่ว่า “ไม่ต้องซ้อม ไม่ต้องใช้ตัวแสดนอิน เฮียเจียวไม่มีปัญหา” และจริง ๆ แล้วท่วงท่าการต่อสู้ในเรื่องของเขาก็ออกมาดูดีเลยทีเดียว เลยกลายเป็นว่าตอนถ่ายทำผู้กำกับกลับต้องออกมาเตือนเขาแทนว่า “คุณดูดีเกินไปแล้ว ในบทของคุณนี่ทุกวันต้องไล่กวดไล่จับพวกผู้ก่อการร้าย แล้วคุณจะกลายเป็นพวกทึ่ดูดีเกินไปแบบนี้ได้อย่างไร?” เจียวเอินจวิ้นเปิดเผยว่า เขาฟิตร่างกายให้แข็งแรงและดูดีแบบนี้ได้เป็นเพราะทุกวันเขาจะต้องออกกำลังกาย ซิตอัพ และเดินเร็ว ๆ “ผมไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยในการออกกำลังกายใด ๆ เพราะอุปกรณ์พวกนั้นจะทำให้ร่างกายดูแข็งแกร่งและมีกล้ามเนื้อมากเกินไป และไม่ยืดหยุ่น” ทว่า ที่ทำให้เขาเสียใจนิดหน่อยก็คือ คราวนี้ไม่ได้ ประลองกับนักกรีฑาทีมชาติ หลิวไห่หลง “คุณรู้หรือเปล่า เขา(หลิวไห่หลง)ได้มวยไทยระดับพีเค (?...ระดับอะไรไม่ทราบค่ะ ขออภัย) เขาร้ายกาจมาก อยากประลองกับเขาสักครั้งจริง ๆ เลย”

ชีวิตในตอนนี้ก็แค่ “ผู้ชายที่รักครอบครัวคนหนึ่ง”

แม้ว่าจะลงหลักปักฐานอยู่ในปักกิ่งมาหลายปีแล้ว แต่เจียวเอินจวิ้นกลับไม่ค่อยจะได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวมากนัก “โดยปกติผมมักจะออกไปเล่นกีฬากลางแจ้งอย่างตกปลา ปีนหน้าผา ไปพักผ่อนตามชายหาด ไปอาบแดดอะไรทำนองนี้ ก่อนหน้านั้นที่ผมสนใจเป็นพิเศษก็คือการวาดรูป ผมฝันมาตลอดเวลาว่าจะเปิดการแสดงผลงานภาพวาดของตัวเอง เพราะงั้นเวลาปกติผมมักจะขลุกอยู่ที่บ้านวาดรูปสีน้ำมัน” เจียวเอินจวิ้นกล่าว เขาไม่ได้ปฏิเสธความโด่งดัง เพียงแต่ชีวิตของเขานั้นค่อนข้างจะมีเพียบพร้อมทุกอย่างแล้ว พอพูดถึงเรื่องวาดภาพสีน้ำมัน เขาก็พูดไม่หยุดเลยทีเดียว “วาดภาพสีน้ำมันนี่ สามารถวาดทิ้งไว้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็ได้ แล้วก็ออกไปทำงาน พอถึงเวลาก็กลับมาจับภาพนั้นวาดต่อไปได้ แต่ถ้าเป็นภาพสีน้ำจะทำอย่างนี้ไม่ได้เลย” เจียวเอินจวิ้นกล่าว เขาชื่นชอบพวกทิวทัศน์ภูเขาแม่น้ำแม่น้ำเป็นพิเศษ ดังนั้นหัวข้อภาพวาดของเขามักจะเป็นพวกภาพทิวทัศน์เป็นส่วนมาก

เจียวเอินจวิ้นเรียกตัวเองว่า “ชายที่รักครอบครัวคนหนึ่ง” ทว่าเขากลับหย่าร้างได้ 6 ปีแล้ว จนทุกวันนี้ยังคงเป็นโสด แต่เขาก็บอกว่า เรื่องนี้ก็ไม่ได้กีดขวางไม่ให้เขา “หลังจากเสร็จงาน กลับมาอยู่บ้านคนเดียวเพื่อซึมซับบรรยากาศของความเป็นบ้าน” (แปลว่าเขาสามารถอยู่กับบ้านได้และหาความสุขจากการอยู่บ้านได้แม้จะอยู่คนเดียวก็ตาม) ถามว่าเขาจะเป็นเหมือนเช่นเหล่าดาราชายฮ่องกงและไต้หวันอีกหลาย ๆ คนไหม ที่จะหาผู้หญิงในแผ่นดินใหญ่สักคนมาเป็นคู่เคียง เขาหัวเราะฮาฮา เลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ “เอางี้ดีกว่า ค่อยดูอีกทีเถอะ ตอนนี้แค่หวังว่าจะทุ่มเทให้กับธุรกิจการแสดงให้มากกว่านี้ ถ่ายหนังดี ๆ เพิ่มขึ้นอีกหน่อย” เขากล่าว มุมมองของเขาตอนนี้ก็กว้างขึ้นกว่าเมื่อก่อน พอนึกได้อะไรขึ้นมาก็ต้องลองทดสอบดู “ตอนนี้ผมไม่จำกัดบทบาทในการแสดงอีกต่อไป กระทั่งบททหารในกองพลน้อยแดงผมก็ลองเล่น ในเวลาเดียวกันผมก็ออกซีดีเพลงด้วย”

แปลข่าวโดย คุณเมามาย..