เปิดบันทึกสำนึกรักบ้านเกิดวีคนี้
คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์น้ำท่วมซึ่ง Hot Hit อยู่ ณ บัดนาว

ที่บ้านคุณตาคุณยายของโทรฟี่อยู่อยุธยา แถมยังอยู่ริมแม่น้ำอีกต่างหาก

แน่นอนว่าหนีไม่พ้น Option เสริมหน้าฝน คือ ทะเลสาบส่วนตัวเสิร์ฟถึงหัวบันไดบ้านแน่นอน!

ดีที่ตัวบ้านถมสูงเลยไม่ต้องลอยคอกันในบ้านแบบในข่าวทีวีตามช่องต่างๆ

แต่กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ต้องพายเรือกันออกมาที่จอดรถ ฟังดูชิวเนอะ 55

วีคนี้เราเลยเฮโลไปชิวกันที่บ้านคุณตาคุณยายเช่นเดิม แต่ขอแวะไหว้พระกันก่อน

เป้าหมายไม่อยากเบียดฝูงชนเท่าไหร่
วัดไหนก็ได้บุญเหมือนกันขึ้นอยู่กับแรงศรัทธาเนอะ

เลยมาลงตัวที่ “วัดสุวรรณดาราราม” ที่ตั้งอยู่รอบๆเกาะเมืองอยุธยานี่เอง

ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ วัดวาอาราม หรือตลาดน้ำอโยธยา

ส่วนใหญ่โชคดีที่ยังไม่โดนน้ำท่วม ก็ยังสามารถมาท่องเที่ยวได้ตามปกติ

ยกเว้นปางช้างนอกเมือง(มิใช่ปางช้างข้างวัดพนัญเชิงน้า)&ตลาดน้ำคลองสระบัวที่ปิดชั่วคราว


โชคดีมากๆ ที่เรามาที่วัดพร้อมกรุ๊ปทัวร์เล็กๆของโรงเรียนหนึ่ง

เพราะเราเองและลูกก็ได้นั่งฟังประวัติศาสตร์ของวัดสุวรรณดาราราม

เป็นการเสริมความรู้ไปด้วยในตัว สำหรับคนตกสังคมโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ไทยอย่างแม่อุ๋ม
55

ได้ความว่า..วัดสุวรรณดาราราม
เดิมชื่อว่า “วัดทอง” เป็นวัดประจำของราชวงศ์จักรี

สร้างโดยพระราชบิดาของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1

ตอนหลังมีการบูรณใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสุวรรณดาราราม

สุวรรณมาจากทองดีซึ่งเป็นชื่อราชพระบิดา ส่วนดารามาจากดาวเรืองซึ่งเป็นชื่อพระราชมารดา


ก่อนเดินเข้าไปในวัด เราก็โกยยยยยยยยยยเหรียญทั้งหมดที่มี ทั้งในรถในเป๋าตัง

เตรียมไว้ให้โทรฟี่หยอดตู้ มากพอสมควรหยอดกันให้หายอยากไปเลยลูก

โทรฟี่เดินตรงดิ่งนำแม่เข้าไปยังพระวิหาร เรียกให้แม่อุ้มหยอดตู้รับบริจาค

แล้วจุดธูปเทียนด้านปักไว้ด้านนอกและเข้าไปอธิฐานวางดอกไม้กันด้านใน

นอกจากที่นี่จะมาไหว้พระกันแ้ล้ว ยังมาชมภาพวาดสวยงามฝีมือพระยาอนุศาสน์จิตร

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ พระราชพงศาวดารสมเด็กพระนเรศวรมหาราช
ข้อห้ามคือ “ห้ามจับ”
ภาพเขียน..(แต่ถ่ายรูปได้น๊า)

มากันที่พระอุโบสถซึ่งเป็นทรงเรือสำเภาซึ่งเป็นการเปรียบพระพุทธศาสนาเหมือนนาวาธรรม

เป็นลักษณะของโบสถ์สมัยกรุงศรีอยุธยา

พระพุทธรูปด้านในคือ หลวงพ่อทอง ได้จำลองมาจากพระแก้วมรกต

ภาพวาดด้านในอายุกว่า 200 ปีเป็นเรื่องเกี่ยวกับทศชาติชาดก

ด้านหน้าอุโบสถมีต้นโพธิ์ซึ่งรัชการที่ 4 ทรงนำมาจากประเทศอินเดียต้นใหญ่มากๆ
(อันนี้ฟังมาอาจจะไม่ละเอียดนะคร้า)

ด้านหลังจะมีองค์พระเจดีอยู่ด้านหลังวิหาร

ไหว้พระกันเสร็จก็มานั่งชิวฟังมัคคุเทศก์บรีฟเด็กๆก่อนเข้าชมวัด
อิ่มอก อิ่มใจ อิ่มบุญ
เหลืออีกอย่างคือ อิ่มท้อง ถ้าไม่อิ่มท้องจะเป็นบ้านเราได้ไง
เน้นกินไม่เน้นเที่ยว (อ้าว?!?!)
เพราะทันใดที่นาฬิกาเกินเวลากินของเด็ก..เด็กก็จะทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกทันที
“หมี่มี๊ หิวแล้วววววว”
55 อยากกินอะไรล่ะลูก อยากกินเส้นหย่ายค่า...เข้าทางเลย

ปากทางเข้าวัดสุวรรณดารารามมีร้านอาหาร “ก๋วยเตี๋ยวผักหวาน” อันเลื่องชื่ออยู่ร้านนึง

จะหาว่าแม่อุ๋มโอเวอร์ไม่ได้นะเพราะร้านนี้ตั้งมานานมากๆแล้ว

เมื่อก่อนเป็นร้านเล็กๆ ตอนนี้หย่ายโต คนเยอะมาก

แต่...............อุ๋มไม่เคยกินกะเค้าหรอก
เห็นเค้าว่าอร่อยก็อร่อยอ่ะนะจะมาพิสูจน์วันนี้แล

เหตุที่ไม่เคยไปกินเพราะเจ้าของร้านเป็นลูกน้องคุณตาๆ ไม่อยากไปแล้วกินฟรี..เกรงใจเค้า

ก็เลยเป็นอันว่าไม่เคยไปด้วยประการฉะนี้ แฮร่...

แต่...............ด้วยที่ว่าคุณยายโทรมาว่า ธุระคุณตายังไม่เสร็จ

เราเลยพาเด็กๆไปรองท้องกันก่อนที่ก๋วยเตี๋ยวผักหวานสมใจนึก
Yuppy!!! ได้กินซักทีไม่ให้เสียชื่อเป็นคนอยุธยา
(เวอร์อีกแระ เรื่องกินเวอร์ตัลหลอดฮา...)

เสียดายที่มากันแค่ 3 คน
ไม่งั้นคงได้สั่งอย่างอื่นอีกเพราะเมนูน่าหม่ำเยอะแยะมากมาย

ราคาก็ไม่แพงอะไรซักเท่าไหร่...ทั้งเห็ดทอด ข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู

เป้าหมายของวันนี้คือ ก๋วยเตี๋ยว(ไก่)ต้มยำผักหวาน กับ ผักไทผักหวานกุ้งสด

สั่งมาอย่าให้เสีย .. แต่เอิ่มเสียดายเรากลัวฝนตก เลยนั่งด้านใน

Create Date : 13 กันยายน 2554
Last Update : 13 กันยายน 2554 9:01:26 น.		3 comments
Counter : 1433 Pageviews.
Share Tweet