มาด้วยกั๊น..มาด้วยกัน เที่ยวสุพรรณกันดีกว่า @ สวนสัตว์..บึงฉวาก..หมู่บ้านควาย
++ถึงแว้วๆๆๆ++
เสียค่าผ่านประตู 20 บาทสำหรับผู้ใหญ่ เราก็ได้เข้าไปดูสัตว์ที่สวนสัตว์บึงฉวากกันแล้วค่ะ
สะดุดตาที่นี่ตรงเจ้าสิงโตเจ้าป่าขนแผงคอฟู ตัวมีกล้ามเป็นมัด อวบอัดน่ารักเหมือนในนิทาน
และเสือขาวตัวอวบขนสวย ที่หาดูได้ยาก เพราะส่วนใหญ่เจอแต่สิงโตแก่กับเสือผอม ++หล่อมากกกสิงโตตัวนี้++
++เชอะ ชั้นไม่สน..++
มีบริเวณให้นั่งพักผ่อนหลายมุม เด็กก็เดินไป วิ่งไป เกาะกรง(ลิง)ไป แล้วก็พักไปด้วย สนุกสนาน
++นั่งชิงช้าเฝ้าลูกเสือขาว++
กรงที่นี่ก็ออกแบบให้ดูกันอย่างใกล้ชิดแบบไม่อันตราย จ้องหน้าเจ้าสิงโตน้อยแล้วก็อื่ม..เชื่องมาก
ดูแล้วเหมือนแมวตัวใหญ่มากกว่าสิงโต น่ารักมากๆเลย
++ตัวนี้ก็สวยมากๆ++
++น่ารักค่อทๆ++
เดินเข้ามาด้านในก็สะดุดตากับกรงนกยักษ์ ซึ่งนอกจากมีนก ไก่ฟ้า นกยูง ฯลฯ แล้วยังมีกวาง ให้เราได้เดินดูแบบไม่มีกรงขั้น เดินเพลินทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีเจ้าลิงอุรังอุตังยักษ์ ลูกเสือ เกาะกระต่าย ยีราฟ ม้าลาย ฯลฯ ซึ่งพื้นที่สวนสัตว์ถือว่าใหญ่มากๆ เที่ยบกับค่าผ่านประตู เพราะขนาดเดินลมเย็นๆยังเดินไม่ถึงโซนยีราฟเลย ได้แต่ขับรถผ่าน แล้วแวะดูจากรั้วด้านนอก.....++เกาะกระต่าย เห็นก้อนกลมๆขาวๆในภาพป่ะค้า นั่นกระต่ายอ่ะค่ะ++ ..สถานแสดงพันธ์สัตว์น้ำฯ...++บึงฉวาก++ แวะหม่ำร้านอาหารปลาไทยใกล้ๆแถวนั้น ไม่ได้ถ่ายรูปมาแต่รสชาติก็โอเค ราคาไม่ถูกไม่แพง เพียงแต่ว่าคนน้อย ดูเก่าๆ โทรมๆ แต่นะ...หิวแว้วววววไม่อยากขับออกไปด้านนอก อิ่มแล้วก็ไปสถานแสดงพันธ์สัตว์น้ำกันต่อ ซึ่งไม่ไกลจากสวนสัตว์เท่าไหร่นัก คนตรงนี้ค่อนข้างเยอะทีเดียวแดดก็เปรี้ยงเลย แต่ก็มีคนอำนวยความสะดวกเรื่องที่จอดรถ
เสียค่าผ่านประตู 30 บาท โทรฟี่เดินดูตรงโซนสัตว์น้ำจืด มีปลาหน้าตาแปลกๆให้ดูหลายชนิด เช่น ปลากลับหัว ปลาม้าที่มีเสียงให้กดฟังด้วย ฯลฯ++โซนน้ำจืดจ่าย 30 ดูได้เลย แต่โซนน้ำเค็มจ่ายอีก 50 นะคะ++ ++จ๋วยยย++ ออกมาด้านนอกเริ่มเหนื่อย พาไปดูลูกจระเข้นิดหน่อย ก็แวะให้อาหารปลากันก่อนกลับ เพราะเราจะไปต่อที่หมูบ้านควายไทยที่โทรฟี่อยากไปดูควายนักหนาจนคุณตาขำกันดีกว่า++ดอกไม้สวยมีเป็นระยะๆ++ ++บรรยากาศตรุษจีนนิดๆหน่อยๆ++ ...หมูบ้านอนุรัษ์ควายไทย...++หมู่บ้านทรงไทยด้านในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย++ จริงๆแล้วถ้ามาจากตัวเมืองสุพรรณ จะผ่านหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยกันก่อนแต่อยู่ฝั่งตรงข้าม เราขี้เกียจกลับรถกันเลยกะแวะขากลับกัน เผื่อให้แดดร่มๆ ด้วย ค่าเข้าก็ไม่แพง 20 บาท ... ซึ่งก็ถือว่าดี เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้คนได้ซึมซับวัฒนธรรมไทยๆได้ง่ายขึ้น เราไปถึงที่นั่นกันสามโมงกว่าๆ ซึ่งจะมีการแสดงน้องควายตอน 4 โมงเย็น เลยเดินดูน้องควายกันก่อน ที่นี่มีควายพันธุ์แปลกๆให้ดูเรียกว่าทุกตัวต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นควายเผือกสีสันสวยงาม ควายแคระ ฯลฯ และก็มีพญาควายที่เค้าบอกว่า 1 ในล้านจะหาได้ซักตัว มีคนขอซื้อแต่ก็ไม่ขาย ถึงขายก็ประเมินค่าไม่ได้ ตัวเค้าเงาวับ หางดอก(หางสีขาว) สมชื่อพญาควายจริงๆ เพราะมองตัวเค้าแล้ว อื่มมม นวลเนียน ลักษณะสวยงามกว่าควายตัวอื่นจริงๆ ++พญาควาย++ ++ควายแคระ คุณจอยบอกว่าเจ้าควายแคระชื่อเจ้ามะิลิค่ะ++
ถัดจากบริเวณการแสดงควายก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ชาวนนา โทรฟี่สนุกสนานมากๆ ก่อนหน้านี้โทรฟี่เคยมีคำถามในใจอยู่แล้วว่า ข้าวที่กินได้มาจากเมล็ดข้าวได้ยังไง++พิพิธภัณฑ์ชาวนา++ ++ใส่เสื้อแดงมาดูควายค่ะ จะโดนขวิดเอามั๊ยคะเนี่ย++
ที่นี่ก็มีแปรงข้าวเล็กๆ ให้โทรฟี่ได้ดูรวงข้าวสีเขียว มีข้าวเปลือกให้เห็น และมีอุปกรณ์สีข้าวให้ได้ศึกษากัน โทรฟี่เลยได้ลองเล่นเครื่องสีข้าว เล่น หยิบ จับ ลองใช้ อุปกรณ์ต่างๆกันสนุกไปเลย++น้าอั้มขอลอง++ ++โทรฟี่ลองบ้าง++
แถมเดินมาข้างนอกเห็นเกวียน และที่คล้องคอสำหรับเทียมควาย(เรียกไม่ถูก) เธอก็ตรงดิ่ง เอาหัวไปสอดแล้วออกแรงดันเกวียนเลย 55 ทำเอาขำแต่ไม่มีใครห้ามนะฮร้า.. ++555++
มองนาฬิกาสงสัยจะอยู่ไม่ทันดูโชว์ กลับกันดีกว่าเพราะว่าเกรงจะไม่ทันงานแต่ง แล้วคุณตาก็มีธุระด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋ามาทางโทรศัพท์พอดี เกิดมีแขกมารออยู่หน้าประตูบ้านแล้วเรียบร้อย T^T ก็เลยเดินไปดูหมู่บ้านทรงไทย ดูสวนสมุนไพรและต้นไม้ต่างๆก่อนกลับกัน....++สวนสมุทรไพร++
(ตอนนั้นกำลังจะโชว์พอดี เสียดายง่ะ) ++ไม่รู้ใครจูงใคร สายตึงตลอด++
ซึ่งถึงแม้จะเป็นทริปสั้นๆ ฉุกละหุกกันนิดๆ เที่ยวได้ไม่ครบ(ยังไม่ได้ไปไหว้พระ) หลงทางขากลับกันหน่อยๆ แต่การมาเที่ยวสุพรรณครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆสำหรับครอบครัวเราเลยทีเดียว ^^
Create Date : 01 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 1 กรกฎาคม 2554 15:07:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2452 Pageviews. |
|
|