|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
PPU FAQ #4
มาถึงคำถามความที่สูงข้อที่ 4 ครับ คำถามนี้ตอบให้เคลียร์แบบฟันธงยาก ค่อนข้างจะเป็นนามธรรมซักนิด เพราะยังไม่พบข้อมูลชั้นที่ ๑ ที่ฟันธงลงไป
ก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ คำถามก็ขอยกมาจากสมาชิกที่ถามมาล่าสุดเลยนะครับ
ทำไม พอมาถึงภาค 2 รพินทร์ ถึงได้เก่งขึ้นขนาดฟันแทงไม่เข้าพูดคุยกับนางไม้ได้คะ อ่านมาหลายรอบมากๆแล้วค่ะ แต่ยังไงๆ ก็ยังติดใจอยุ่ตรงนี้มาตลอดเกือบ 10 ปีแล้ว
เพราะในภาคแรก รพินทร์ ไม่เคยใช้คาถาหรือ มีวี่แววว่าสามารถใช้คาถาอาคม อะไรได้เลย ออกจะไม่ยอมรับการมีตัวตนอยุ่ของคาถาอาคมด้วยซ้ำ
มีอยุ่ครั้งเดียวที่รพินทร์ กระทำซึ่งใกล้เคียงกับการใช้คาถามากที่สุด ก็คือ การเอา ข้าวของต่างๆในไถ้ใบเก่าที่รวบรวมของต่างๆ ที่พระให้มาบ้าง หนานอินให้มาบ้าง พ่อให้มาบ้าง ใส่ในกระบอกปืนแล้วยิงออกไปเพื่อสยบ พายุ
แต่พอมาถึงถาค 2 อยู่ๆรพินทร์ ก็กลายเป็นจอมเวทย์ หนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า เผาก็ไม่ตาย ถอดจิตได้ คุยกันนางไม้เจ้าป่าเจ้าเขาได้ สู้กับพวกซากฟอสซิลของมันตรัยได้
ก็เลยเกิดสงสัยว่าถ้าทำอย่างนี้ได้ ทำไมไม่ทำตั้งแต่ภาคแรกแล้วล่ะคะ
จากคุณ : CryingPanda - [ 11 พ.ย. 50 06:35:52 ]
คำตอบนี้วิเคราะห์ได้ใน ๒ แนวทางครับ คือ ๑) วิเคราะห์รพินทร์ ไพรวัลย์ ๒) วิเคราะห์ผู้สร้างรพินทร์ ไพรวัลย์ หรือพูดง่ายๆ วิเคราะห์เบื้องหลังงานเขียนของ 'พนมเทียน' ครับ
๑) วิเคราะห์รพินทร์ ไพรวัลย์ ๑.๑ ในการเดินทางครั้งแรก รพินทร์ได้มีท่าทีใช้คาถาอาคม หรือใช้ให้บุญคำ/แงซายทำแทน อยู่หลายครั้งด้วยกัน เท่าที่จำได้ตอนนี้ คือ - ฤกษ์เดินทางจากหนองน้ำแห้ง/การบริกรรมเปิดป่า - ให้คุณหญิงดารินท่องคาถาเพื่อให้ใจสงบ ตอนนั่งห้างด้วยกัน - ตอนดารินฝันถึงเจ้าป่า รพินทร์ยังบอกว่าเป็นฝันที่ดี - ไม่ห้ามบุญคำในการทำพิธีเรียกผีที่พุเตย - ฤกษ์เดินทางออกจากหล่มช้าง/ทำพิธีเปิดป่า - ไม่ห้ามแงซายให้ทำพิธีข่มนางไม้บริเวณที่มีเสือจะจ้องตะครุบคุณชายเชษฐา - ใส่กระสุนบรรจุของพิเศษ ยิงข่มอาถรรพ์สมุนนางตะเคียน - สนทนากับนางตะเคียน - บริกรรมคาถาตอกทอยขึ้นไปช่วยบุญคำ ตอนหลงป่าในนิทรานคร - ไม่ห้ามบุญคำใช้หอกไม้คลุกแพ๊ด ตอนสู้กับนางพญาพันธุมวดี - ไม่ห้ามบุญคำใช้กระสุนคลุกแพ๊ด ตอนสู้กับมันตรัย - บริกรรมคาถา (มีท่าทีเช่นนั้น) ยิงโป่งค่าง - ไม่ปฏิเสธที่บุญคำบอกว่าแงซายไปลองดีกับภูต บริเวณเนินพระจันทร์ - ไม่ห้ามบุญคำใช้แพ๊ดทำให้ไฟลุกท่วมแม่มดวาชิกา
๑.๒ รพินทร์ได้อธิบายเรื่องนี้ต่อท่าทีไม่แสดงว่าตนมีคาถาอาคมให้กับบุญคำฟังว่า อย่าพูดออกไปให้คณะนายจ้างรู้ เพราะเขาเหล่านั้นมีการศึกษาสูง มักไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ขืนเราพูดออกไปจะทำให้เขาขาดความเชื่อถือเราไปเปล่าๆ
๑.๓ รพินทร์ มักพูดตัดบทเรื่องนี้กับคณะนายจ้างว่า สติมั่น ปืนเที่ยง ก็บุกทุกป่าได้ แต่ทำอย่างไรให้สติมั่น รพินทร์ไม่ได้พูดต่อ
๑.๔ หนานอินเคยวิเคราะห์จอมพรานรพินทร์ ไพรวัลย์ไว้ในการเดินทางครั้งที่สองว่า รพินทร์เป็นจอมพรานเพราะเขามีทั้งศาสตร์ของพรานที่ร่ำเรียนมาจากบิดากับหนานไพร และศาสตร์สมัยใหม่ ผสมผสานกัน ทำให้เหนือกว่าพรานคนอื่น
๑.๕ ที่การเดินทางภาคแรกรพินทร์ไม่ค่อยใช้คาถาอาคมอย่างชัดเจน นอกจากจะเพราะไม่อยากให้คณะนายจ้างดูถูกว่างมงายแล้ว เขายังวางใจว่ามีทั้งแขนซ้ายคือบุญคำ และแขนขวาคือแงซาย คอยช่วยเหลืออยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเมื่อตอนศึกไทรเซราทอปส์ ที่รพินทร์คิดว่าแงซายตายนั้น น้ำตาลูกผู้ชายถึงกับหลั่งไหลออกมา เพราะเปรียบเหมือนแขนขวาขาดลง
๑.๖ แต่ก็มีในศึกมันตรัย ทีรพินทร์ถึงกับต้องบอกกับคณะนายจ้างว่า ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่คณะกำลังจะเผชิญกับอาถรรพ์ลี้ลับ ที่เขาจำเป็นต้องพูดความจริง
๑.๗ ทีนี้ในการเดินทางครั้งหลัง รพินทร์ถึงกับรำพึงบ่อยครั้งมากว่า แงซายเอ๋ยถ้าเจ้าไม่มาช่วยในครั้งนี้ เห็นทีคณะจะพินาศสิ้น ดังนั้น รพินทร์จึงจำต้องใช้ศาสตร์ทุกสิ่งทุกอย่างออกมาอย่างเต็มกำลัง
๑.๘ อีกทั้งความเกลียดขี้หน้าคณะอเมริกันเป็นการส่วนตัว รพินทร์จึงใช้ศาสตร์อาถรรพ์เพื่อข่มคณะอเมริกันอย่างทุกครั้งที่มีโอกาส
๑.๙ อย่างไรก็ตาม การใช้ศาสตร์มืดที่บ่อยครั้งเกินไป รวมถึงความเครียดในการเดินทาง กอรปทั้งความคิดถึงคุณหญิงดารินอย่างมากมาย ก็เกิดผลร้ายกับรพินทร์หลายอย่าง เช่น การเกิดอาการอิสคีเมีย การเกิดอาการแซโดมาโคซิสต์ เป็นต้น จะเห็นว่ารพินทร์เดินทางครั้งหลังมีสภาพเหมือนคนร้อนวิชา ควบคุมตัวเองไม่ได้ในบ้างครั้ง
๑.๑๐ กล่าวโดยสรุป รพินทร์เป็นพรานที่มีความรู้ทั้งศาสตร์คาถาอาคม และศาสตร์สมัยใหม่มาตั้งแต่ต้นแล้ว เพียงแต่ไม่จำเป็นก็จะไม่ใช้ เพราะศาสตร์มืดมีคุณและโทษไปพร้อมๆกัน ดังเช่นคำกล่าวของรพินทร์เองที่บอกกับบุญคำว่า กระสุนลงอาคมเป็นของสกปรก ใช้แล้วความเที่ยงของปืนจะลดลงไป เป็นต้น
ดังนี้แล (รู้สึกถึงกลิ่นวิชาการยังไงก็ไม่รู้)
โปรดติดตามต่อในการวิเคราะห์ข้อ ๒ ในหัวข้อถัดไปนะครับ
ขอเชิญพักฟังเพลงคลายเครียดกันก่อนครับ เปิดเสียงให้สุดเลยนะครับ เพื่ออรรถรสในการฟัง
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2550 |
|
26 comments |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 18:12:33 น. |
Counter : 1120 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: naragorn 11 พฤศจิกายน 2550 23:56:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: naragorn 12 พฤศจิกายน 2550 0:02:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชบาแก้ว (peta.W ) 12 พฤศจิกายน 2550 15:43:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทะเลดาว (yongwa ) 12 พฤศจิกายน 2550 16:21:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: nooaoh 12 พฤศจิกายน 2550 17:56:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: vivee_t 12 พฤศจิกายน 2550 18:27:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชบาแก้ว (peta.W ) 13 พฤศจิกายน 2550 11:45:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปูน (poonseemen ) 13 พฤศจิกายน 2550 15:07:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: โอจิ (Oji_yoyo ) 13 พฤศจิกายน 2550 18:42:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: A-Ka-Ya 14 พฤศจิกายน 2550 4:14:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝน วนันฯ (fon_wanan ) 14 พฤศจิกายน 2550 8:17:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่เครียด เพราะไม่ได้เปิดลำโพง