*~..ขอบคุณ วันเวลา...ทุกสิ่ง นำทางให้เราได้พบกัน..~* ............ *~ Keep on walking with my heart ~* ............
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

✿◕‿◕✿โปริสาท คนกินคน ✿◕‿◕✿







บุพกรรมของพระองคุลีมาล


ครั้งหนึ่ง พระองคุลีมาลเคยตั้งจิตปรารถนาไว้กับพระพุทธเจ้าในอดีตหลายพระองค์แล้ว
คราวที่โลกกว้างพระพุทธเจ้าคราวหนึ่ง ท่านได้พบพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ครั้งนั้นท่านเกิดเป็นชาวนา
เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งเดินตากฝนผ่านมายังโรงนาแล้วเกิดความสงสารและเลื้อมใส จึงก่อไฟผิงถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้าผิงไฟแล้วหายหนาวกลับมากำลังแข็งแรง ท่านเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามีอาการดีขึ้นจึงเกิดปีติโสมนัส
บุญครั้งนั้นส่งผลให้ท่านเกิดมามีกำลังกายแข็งแรงเท่าช้าง ๗ เชือกในทุกชาติ
ความแข็งแรงดังกล่าวมานี้ นอกจากจะเห็นได้ชัดในชาตินี้แล้ว
ในชาติที่เกิดเป็นพระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสีทรงเสวยเนื้อมนุษย์เป็นอาหารจนมีชื่อเรียกว่า
“ โปริสาท ” แปลว่า “ คนกินคน ”
ในศาสนาของพระพุทธเจ้ากัสสปะ

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร
อยู่มาวันหนึ่งพระภุกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภาว่า เป็นที่น่าอัศจารรย์ยิ่งนัก
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทรมานโจรองคคุลีมาลให้หมดพยศร้ายกลายเป็นดีขึ้นในพระพุทธศาสนาได้

พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ในพระคันธกุฏี ได้ทรงสดับสนทนาของพระภิกษุเหล่านั้น
จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฏีไปประทับ ณ ธรรมสภาแล้วตรัสถามว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอสทนากันถึงเรื่องอะไร”
เมื่อพระภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบ แล้วพระพุทธองค์จึงตรัสว่า
“ ดูก่อนภิกษุทั้งลหาย ตถาคตได้ทรมานองคุลีมาลให้หมดพยศร้ายให้กลายมาเป็นดีไม่เฉพาะแต่ในบัดนี้เท่านั้น การณ์ที่ตถาคตทรมานให้สิ้นในบัดนี้ เป็นการณ์ที่ไม่สู้จะอัศจรรย์นัก
เพราะเหตุว่า ตถาคตได้บรรลุประปรมาภิเศกสัมโพธิญาณแล้ว
ส่วนครั้งที่ตถาคตได้เคยทรมานองคุมีมาลให้หมดพยศร้ายในอดีตชาตินั้น นับเป็นการอัศจารย์ยิ่ง”
ครั้นตรัสดังนี้แล้วพระองค์ก็ทรงนิ่งเฉยอยู่

พระภิกษุทั้งหลายต้องการจะฟังเรื่องในอดีตชาติของพระองคุลีมาลเถระ
จึงพร้อมกันกราบทูลให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำเรื่องอดีตชาติมาตรัสเล่า

พระผู้มีพระภาคเจ้าเล่าตรัสถึงเรื่องของพระองค์ที่เคยทรงบังเกิดเป็นพระเจ้ามหาสุตโสม
ได้ทรงทรมานพระยาโปริสาทซึ่งเป็นอดีตชาติของพระองคุลีมาลเถระ

ในอดีตกาลพระเจ้ามหาสุตโสม ผู้ทรงเป็นราชโอรสของพระเจ้าโกรพย์ กษัตริย์เมืองอินทปัต
เมื่อทรงเจริญวัยได้ทรงเสด็จไปทรงศึกษาที่เมืองตักศิลาพร้อมกับพระเจ้าพรหมทัต
พระราชโอรสของพระเจ้ากาสีกษัตริย์เมืองพาราณสี และทั้งสองพระองค์ได้ทรงปฏิญาณเป็นสหายกัน

พระเจ้ามหาสุตโสมได้ทรงเป็นหัวหน้าศิษย์ทั้งหลาย ซึ่งมีพระราชกุมารทั้งหมดถึง ๑๐๑ พระองค์ด้วยกัน
เมื่อทรงศึกษาจบแล้ว ต่างก็เสด็จแยกย้ายกันกลับไปเสวยราชสืบสันตติวงศ์ในบ้านเมืองของแต่ละพระองค์ ๆ

ในบรรดากษัตริย์ทั้งหมด มีพระเจ้าพรหมทัตทรงมีการเสวยที่แปลก
คือ จะต้องเสวยเนื้อปิ้งเป็นประจำทุกวันขาดไม่ได้
บังเอิญวันหนึ่งพนักงานเครื่องต้นหาซื้อเนื้อไม่ได้ จึงไปเฉือนเอาเนื้อคนที่ตายใหม่ ๆ มาจากป่าช้ามาปิ้งนำขึ้นถวาย

พระเจ้าพรหมทัตเสวยแล้วทรงรู้สึกซาบซ่านไปทั่วเส้นเอ็นทั้ง ๗ พัน
เหตุที่เป็นดังนี้เพราะเคยเกิดเป็นยักษ์มาหลายชาติ
จึงรับสั่งถามเจ้าพนักงานเครื้องต้นจนได้ความจริงว่าเป็นเนื้อมนุษย์
จึงตรัสสั่งให้เจ้าพนักงานหาเนื้อมนุษย์มาปิ้งถวายทุกวัน
โดยตรัสให้ฆ่านักโทษในเรือนจำ จนใจที่สุดนักโทษในเรือนจำก็หมดไป แล้วรับสั่งให้นำถุงทรัพย์ไปวางหลอกล่อไว้
ถ้าใครจับถุงทรัพย์ที่วางดักเอาไว้เพราะคิดว่าของที่ผู้อื่นทำตกหล่นไว้ก็จะถูกฆ่า
ครั้นกระทำนานเข้าเกิดข่าวลืออื้อฉาว กระทำไม่เป็นผล จึงรับสั่งให้ดักฆ่าคนในเวลาวิกาลเที้ยงคืนต่อไป

เมื่อบุคคลที่ถูกฆ่าตายหายสูญหายไปมาก
พวกพ่อแม่พี่น้องลูกหลานจึงพากันไปกราบบังคมทูลร้องทุกข์ต่อพระเจ้าพรหมทัตผู้ทรงเป็นต้นเหตุ
แต่พระองค์ไม่สนพระทัย
ประชมชนเหล่านั้นจึงได้พากันไปร้องทุกข์แก่กาฬหัตถีเสนาบดี ๆ รับจะช่วยจัดการให้

ต่อมากาฬหัตถีเสนาบดีจึงส่งเจ้าหน้าที่ให้คอยเฝ้าสืบจับดูผู้ร้ายฆ่าคนให้ได้
แล้วในไม่ช้าเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับหญิงแม่ครัวคนหนึ่งกำลังแล่เนื้อคนตายใส่ในกระเช้า
จึงนำมามอบแก่กาฬหัตถีเสนาบดี ๆ ได้ถามคาดคั้นจนหญิงนั้นยอมรับว่า
จะนำไปถวายแด่พระราชา จึงสั่งกำชับหญิงนั้นให้เข้าไปแถลงเรื่องนี้ในที่เฝ้าพระเจ้าอยู่หัวในวันพรุ่งนี้เช้า

ครั้นรุ่งเช้ากาฬหัตถีเสนาบดีจึงนัดประชุมคณะอำมาตย์และชาวพระนคร แล้วเอากระเช้าเนื้อผูกติดคอคนครัวนำเข้าสู่พระราชวัง

พระเจ้าพรหมทัตทอดพระเนตรทางช่องพระแกล
ทรงเห็นพ่อครัวถูกคุมตัวมา ก็ทรงแน่พระทัยว่า เรื่องของเราปรากฏชัดออกมาแล้ว แต่พยายามทรงดำรงพระสติไว้ให้มั่นไม่สะทกสะท้าน
เมื่อเสนาบดีกราบบังคมทูลถามก็ตรัสรับสารภาพ แล้วกาฬหัตถีเสนาบดีจึงกราบทูลห้าม
แต่ท้าวเธอทรงปฏิเสธว่าไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ทั้ง ๆ ที่เสนาบดีและพระราชาต่างฝ่ายยกเอาเรื่องอดีตมาเป็นข้ออ้าง
ซึ่งเป็นตัวอย่างให้มองเห็นถึงความพินาศ

ในที่สุดพระเจ้าพรหมทัตตรัสปฏิเสธว่าอดไม่ได้ แม้จะถูกเนรเทศก็ยอม
แต่ตรัสขอดาบ ๑ เล่ม ภาชนะ ๑ ใบ กระเช้า ๑ ใบ กับพ่อครัวเครื่องต้น ๑ คน
กาฬหัตถีเสนาบดีและพวกชาวเมืองยินดีมอบให้ตามที่ตรัสขอ แล้วเนรเทศเสียจากบ้านเมือง

พระเจ้าพรหมทัตกับพ่อครัวออกจากเมืองไปพักอยู่ที่ต้นไทรต้นหนึ่งคอยดักฆ่าคนเดิน ทางที่ผ่านไปมา
แล้วนำมาให้พ่อครัวทำการต้มกินด้วยกัน เวลาพระเจ้าพรหมทัตจะทรงจับมนุษย์จะทรงเปล่งพระสุรเสียงขึ้นว่า
เราเป็นมนุษย์กินคน ชื่อ “ โปริสาท ”

มาวันหนึ่งพระยาโปริสาทหาฆ่าคนทำอาหารไม่ได้
จึงได้ฆ่าพ่อครัวเครื่องต้นนั้นทำอาหาร
และต่อมามีข่าวเลื้องลือว่าพระยาโปริสาทกินคนได้กระจายไปทั่วชมพูทวีป

ครั้งนั้นมีพ่อค้าเกวียนคนหนึ่งนำกองเกียน ๕๐๐ เล่มไปค้าขายแต่พอจะเข้าสู่ป่าปากดงนึกกลัวพระยาโปริสาท
จึงว่าจ้างพวกที่อยู่ปากป่าดงด้วยเงิน ๑,๐๐๐ กหาปณะ เพื่อให้ช่วยส่งข้ามพ้นดงไป

พวกที่อยู่ปากป่าดงตกลงและได้ชักชวนพวกพ้อง ไปด้วยกันหลายคนพร้อมทั้งเตรียมอาวุธครอบมือ
โดยให้กองเกวียนไปข้างหน้า พวกตนตามไปข้างหลัง
ส่วนหัวหน้าพ่อค้านั่งไปบนยานน้อยเทียมด้วยโคเผือก มีพวกคุ้มกันอยู่ข้างหน้าและข้างหลัง

ครั้นพระยาโปริสาทขึ้นบนต้นไม้คอยตรวจดูอยู่ พอเห็นหัวหน้าพ่อค้าให้นึกอยากกินจนน้ำลายไหล
พอหัวหน้าพ่อค้าเข้ามาใกล้จึงลงจากต้นไม้ร้องตะโกนว่า
“ เราคือพระยาโปริสาท ๆ ๆ ” แล้วเกว่งดาบวิ่งรี่เข้าจับหัวหน้าพ่อค้านั้นแบกไป

พวกรับจ้างได้ไล่ติดตามไป และบุรุษผู้กล้าแข็งคนหนึ่งวิ่งไปทัน
พระยาโปริสาทเห็นจวนตัวจึงกระโดดข้ามรั่วแห่งหนึ่ง ถึงคราวเคราะห์ร้อยของพระยาโปริสาท
เท้าเหยียบเอาตอไม้ตะเคียนจนทะลุถึงหลังเท้าเลือดไหลโทรม
เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้นจึงปล่อยหัวหน้าพ่อค้าเพื่อหนีเอาตัวรอดก่อน
พวกคุ้มกันจึงได้หัวหน้าพ่อค้ากลับมายังกองเกวียน

ฝ่ายพระยาโปริสาทกลับไปที่พักของตนแล้วได้บนต่อเทวดาว่า
“ ถ้าช่วยทำแผลที่เท้าให้หายได้ภายใน ๗ วัน จะเอาเลือดกษัตริย์ ๑๐๑ พระองค์มาล้างต้นไทรของท่าน
เอาไส้กษัตริย์เหล่านั้นวงเป็นสายสิญจน์ และจะเอาเนื้อกษัตริย์เหล่านั้นบวงสรวงท่าน ”
หลังจากบนแล้ว ๗ วันก็ไม่ได้ออกไปหาอาหารกินเลย อดอาหารจนกายซูบผอม เป็นเหตุให้แผลหายภายใน ๗ วัน
พระยาปริสาทเข้าใจว่าหายด้วยอำนาจของเทวดา
แล้วออกไปหากินคนอีกจนมีกำลังแข็งแรงดี ได้ถือเอาดาบออกจากต้นไทรไปหวังจะจับกษัตริย์ ๑๐๑ พระองค์มาแก้บนเทวดา
เผอิญไปพบยักษ์สหายเก่าเข้า จึงได้ขอเรียนมนต์เพื่อช่วยให้วิ่งเร็วและมีกำลังมาก
เพราะฉนั้นพระพญาโปริสาทจึงสามารถจับกษัตริย์ ในชมพูทวีบมาได้ ๑๐๐ พระองค์ ภายในเวลาเพียง ๗ วัน
ยังคงเหลือแต่พระเจ้ามหาสุตโสม ที่เว้นไว้เพราะยังนึกถึงบุญคุณที่เคยแนะนำสมัยเรียนอยู่ที่เมืองตักศิลาด้วยกัน
อีกอย่างหนึ่งทรงเห็นว่า ควรเหลือไว้เป็นพืชพันธุ์ของกษัตริย์ต่อไป แล้วพระยาโปริสาทก็จัดการเจาะมือกษัตริย์ทั้งหมดร้อยเชือกแขวนไว้ที่กิ่งไทร
พอให้ปลายเท้าจรดถึงพื้นดินเท้านั้น แล้วก่อไฟเตรียมแหลนเพื่อจะเสียบกษัตริย์เหล่านั้นย่างแก้บนรุกขเทวดา

รุกขเทวดารู้สึกสลดใจ แต่ไม่อาจห้ามได้ จึงขึ้นไปบอกแก่ท้าวจาตุมหาราช ๆ ก็ไม่อาจห้ามได้
จึงได้ขึ้นไปหาพระอินทร์ ๆ ตรัสว่า “ ถึงตัวเราก็ห้ามไม่ได้ ๆ"
แต่ได้ตรัสอุบายให้ว่า “ ท่านจงแปลงเป็นสมณะเดินผ่านหน้าพระยาโปริสาทไป
เมื่อพระยาโปริสาทไต่ถามท่าน ๆ จงกลายร่างเป็นเทวดาแล้วบอกให้ทราบว่า ท่านเป็นเทวดาสิงอยู่ที่ต้นไทรผู้ที่ท่านจะบวงสรวงนั้น
แต่เราไม่พอใจการเซ่นสรวงของท่านผู้กล่าวเท็จ เพราะบนไว้ว่าจะนำกษัตริย์ ๑๐๑ พระองค์มาแก้บน
แต่ท่านนำมาเพียง ๑๐๐ พระองค์เท่านั้นเอง ถ้าหากท่านไม่ไปนำพระเจ้าสุตโสมมา การบวงสรวงนี้นับว่าใช้ไม่ได้
เมื่อพระยาโปริสาทรับปากว่าจะนำพระเจ้าสุตโสมมา ท่านจงเข้าไปในต้นไทรตามเดิม
แล้วจากนั้นพระเจ้ามหาสุตโสมจักทรมานพระยาโปริสาทให้ละพยศร้าย
ทั้งจะช่วยชีวิตของกระษัตริย์ทั้ง ๑๐๐ พระองค์เหล่านั้นด้วย ตลอดกระทั้งคนอื่น ๆ อีกด้วย ”

เมื่อรุขเทวดารับราชโองการแล้ว จึงรีบลงมาปฏิบัติตามทุกประการทันที ฝ่ายพระยาโปริสาทรับว่า
จะไปนำพระเจ้ามหาสุตโสมมา แล้วไปคอยดักอยู่ในสระโบกขรณี สำหรับสรงของพระเจ้าสุตโสมในตอนกลางคืน

พระเจ้ามหาสุตโสมพร้อมด้วยจตุรงคเสนาเสด็จยาตราออกจากพระนคร ได้พบกับอานันทพราหมณ์ผู้นำคาถาอันมีค่า ๑๐๐ กหาปณะ
มาจากเมืองตักกศิลาเพื่อแสดงถวายพระองค์ ๆ รับสั่งว่า รอให้เสด็จกลับเสียก่อนจึงจะฟัง
แล้วเลยเสด็จไปยังพระราชอุทยาน โดยมีพวกพลโยธาแวดล้อมอย่างกวดขัน
พอได้เวลาพระเจ้ามหาสุตโสมจึงเสด็จลงสรงสนานในสระโบกขรณีแล้วเสด็จขึ้นมาประทับมงคลศิลาอาสน์

ขณะที่พวกเจ้าพนักงานเครื่องต้นจะน้อมเครื่องทรงเข้าไปถวาย
พระยาโปริสาทได้ส่งเสียงร้องขึ้นว่า “ เราคือ พระยาโปริสาท ๆ ๆ ”
แล้วกระโดดขึ้นจากสระ วิ่งตรงเข้าไปจับที่เท้าของพระเจ้ามหาสุตโสมยกขึ้นบ่าแบกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีใครจะสามารถไล่ตามทัน

ครั้นไปได้ไกลประมาณ ๓ โยชน์ พระยาโปริสาทก็ค่อย ๆ เดินไป
แต่สังเกตเห็นว่าน้ำพระเนตรของพระเจ้ามหาสุตโสมตกลงมาถูกอกของตนด้วยเข้าใจว่า
พระเจ้ามหาสุตโสมทรงกรรแสง จึงทูลถามเหตุที่ทรงกรรแสง

พระเจ้ามหาสุตโสมตรัสว่า
“ เหตุที่ร้องให้มิใช่กลัวตาย แต่เสียดายที่ยังไม่ได้ยินคาถาอันมีค่า ๑๐๐ กหาปณะ
ที่นัดไว้กับอานันทพราหมณ์ต้องการจะขออนุญาตกลับไปฟังคาถานั้นแล้วจะกลับมาให้ท่านกิน ”
แต่พระยาโปริสาทไม่เชื่อ พระองค์จึงต้องชี้แจงเหตุผลพร้อมทั้งตรัสคำสาบาน
พระยาโปริสาทจึงอนุญาตให้พระเจ้าสุตโสมกลับไปฟังถาคาที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยไว้

เมื่อพระเจ้ามหาสุตโสมเสด็จกลับมาแล้วจึงได้ตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกพลโยธาฟัง แล้วเสด็จเข้าสู่พระนคร
พอเสด็จถึงพระนครมีพระบรมราชโองการให้อานันทพราหมณ์เข้าเฝ้ากล่าวคาถาของ พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ทรงสดับ
พอพระองค์ทรงสดับจบแล้วทรงเลื่อมใส ได้บูชาด้วยพระราชทรัพย์ ๔,๐๐๐ ตำลึง
พร้อมกับยวดยานพาหนะแก่อานันทพราหมณ์ แล้วเสด็จเข้าเฝ้าพระชนกชนนี ๆ ทรงกริ่วว่า
ไม่ควรบูชาด้วยพระราชทรัพย์มากปานนั้น จึงทูลว่าถ้าทรงเสียดายพระราชทรัพย์ก็ดีแล้ว
เพราะกระหม่อมได้ปฏิญาณไว้ว่าจะกลับไปให้พระยาโปริสาทฆ่ากินเป็นอาหาร

พระชนกชนนีทรงเสียพระตกทัย ทรงห้ามและทรงรับอาสาจะยกทัพไปจับพระยาโปริสาท
แต่พระเจ้ามหาสุตโสมทรงเล่าเรื่องให้ทรงสดับโดยตลอดแล้วทูลลาพระชนกชนนีไปแต่ลำพัง ไม่ทรงยอมให้ใครติดตามไปด้วยเลย

เช้าวันนั้นพระยาโปริสาทคิดว่า
“ ถึงพระเจ้ามหาโปริสาทสหายเก่าของเราจะมาหรือไม่มา
ถึงเทวดาจะลงโทษเราอย่างไรก็ช่าง เราจะบูชาเทวดาให้เสร็จเสียที ”

ในทันใดนั้นเอง พระเจ้ามหาสุตโสมได้เเสด็จมาถึง พระยาโปริสาทดีใจยิ่งนัก จึงถามว่า
“ ท่านฟังคาถามาแล้วหรือ ”
พระเจ้ามหาสุตโสมตรัสตอบว่า
“ เราได้ฟังมาแล้ว และได้บูชาพรหามณ์ ทั้งได้จัดการบ้านเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชิญท่านกินเราเถิด ”

พระยาโปริสาทเห็นพระเจ้าสุตโสมไม่ทรงหวาดกลัว จึงสำคัญว่าคงเป็นเพราะพระคาถานั้นเอง
“ พระเจ้ามหาสุตโสมจึงมิได้ประหวั่นหวาดกลัวต่อความตาย ที่อยู่ข้างหน้า เราจักต้องขอฟังคาถาบ้าง ”
แล้วจึงขอให้พระเจ้ามหาสุตโสมทรงแสดงให้ฟัง

แต่พระเจ้ามหาสุตโสมตรัสปฏิเสธว่าจะไม่แสดงแก่คนประพฤติไม่ชอบธรรม
แล้วทรงบอกให้พระยาโปริสาทกินพระองค์เสีย

พระยาโปริสาทไม่กล้ากินพระเจ้ามหาสุตโสม เพราะกลัวแผ่นดินสูบ
จึงทูลให้พระเจ้ามหาสุตโสมแสดงคาถาทั้ง ๔ ให้ฟัง
และเมื่อได้ฟังแล้วเกิดความเลื่อมใส จึงขอถวายพร ๔ อย่าง
ให้พระเจ้าสุตโสมทรงเลือกตามพระราชประสงค์

พระเจ้ามหาสุตโสมทรงขอพร ๔ ข้อ คือ

๑. ขอให้อายุยืนได้ ๑๐๐ ปี โดยปราศจากโรคภัย
๒. ขออย่าได้กินพระเจ้าแผ่นดินในชมพูทวีปทั้งสิ้นนี้เลย
๓. จงปล่อยพระเจ้าแผ่นดินเหล่านี้ กลับไปยังประเทศของพระองค์
๔. ขออย่ากินเนื้อมนุษย์อีกต่อไป

พระยาโปริสาทยินดีถวายเฉพาะ ๓ ข้อข้างต้น ส่วนข้อที่ ๔ ไม่ยอมถวาย ให้ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
แต่พระเจ้ามหาสุตโสมไม่ทรงยินยอม แล้วทรงแสดงธรรมให้พระยาโปริสาทฟังอีก
พระยาโปริสาทจึงยอมถวายพรข้อที่ ๔ และให้พระยาโปริสาทรักษาศีล ๕ ทั้งให้ปล่อยกษัตริย์ทั้งหลายกลับไป

พระเจ้ามหาสุตโสมทรงพาพระยาโปริสาทแวะที่เมืองพาราณสีของพระยาโปริสาทก่อน
แต่พอไปถึงเมือง นายประตูรีบปิดประตูเสียก่อนด้วยความกลัว
พระเจ้ามหาสุตโสม จึงทรงชี้แจงให้ทราบว่า
บัดนี้พระยาโปริสาทหรือพระเจ้าพรหมทัต ได้กลับเป็นคนดีแล้ว ขอได้เปิดประตูเถิด
ในทันใดนั้นประตูเมืองก็ถูกเปิดออก พระเจ้ามหาสุตโสมพร้อมด้วยอำมาตย์ ๒ - ๓ คน
จึงเสด็จเข้าไปทรงชี้แจงให้ชาวเมืองและพระราชโอรสของพระยาโปริสาททราบโดยตลอด
แล้วอัญเชิญพระยาโปริสาท หรือพระเจ้าพรหมทัตขึ้นเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสีสืบต่อไป






 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2553
4 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2553 16:33:33 น.
Counter : 4405 Pageviews.

 

ทักทายยามบ่ายจ้า อิอิ :)

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 15 กรกฎาคม 2553 14:51:34 น.  

 

ขอบคุณที่แวะไปทักทายค่ะ

ดีใจจังที่ชอบสีเดียวกัน

 

โดย: สีฟ้าใส 15 กรกฎาคม 2553 18:49:27 น.  

 

 

โดย: แฟนหล่อ 15 กรกฎาคม 2553 19:20:23 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรในวันเกิดนะคะ

ยังไงก็ตาม ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน

ขอให้ จขบ. รักษาสุขภาพ ไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ไข้นะคะ

 

โดย: phonomenon 19 กรกฎาคม 2553 18:01:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


*~ต้นกล้า...ของหัวใจ~*
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*

คือ ต้นกล้า ผลิใบ เพื่อแทนคุณ แผ่นดิน

*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
Friends' blogs
[Add *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~*'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.