|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
*~ปุจฉา-วิสัชนา~*
ขอวิธีปฏิบัติธรรมง่ายๆให้คุณแม่ ปุจฉา : กราบเท้าหลวงปู่ที่เคารพ มีเรื่องขอเรียนปรึกษาหลวงปู่ดังนี้ คือคุณแม่ของดิฉันเป็นน้องใหม่ในวงการธรรมะ เพิ่งเริ่มหัดฟังธรรมได้ไม่นาน และภาษาไทยก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง เพราะเป็นคนจีน จึงขอความเมตตาหลวงปู่ช่วยแนะนำหลักการปฏิบัติธรรม และการดำเนินชีวิตแบบง่ายๆ ด้วยภาษาง่ายๆ ให้คุณแม่ผู้เหลือเวลาในชีวิตอีกไม่มากได้ปฏิบัติ เพราะปัจจุบันคุณแม่อายุประมาณ 70 ปีแล้วค่ะ ดิฉันจะพาไปวัดเพื่อฟังธรรมเท่าที่ดิฉันพอมีเวลาว่างค่ะ กราบขอบพระคุณหลวงปู่มากคะ............................สุวรรณา วิสัชนา : องค์ประกอบของจิตที่ให้เกิดกุศลมันมีขั้นตอน บางครั้ง เราฟังธรรมไม่รู้เรื่อง ก็คิดว่าเมื่อพาแม่มาฟังธรรมก็คงจะไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แต่สิ่งที่แม่ทำแล้วรู้เรื่องและสบายก็คือการรักษาศีล เจริญภาวนา แม้จะฟังธรรมไม่รู้เรื่องก็สอนให้แม่ แผ่เมตตา มีน้ำใจ รู้จักให้อภัย ไม่เห็นแก่ตัว แนะนำให้แม่มีองค์ประกอบแห่งกุศล วิธีให้แม่ทำกุศลมีเยอะแยะเช่น ชวนแม่บริจาคทาน ใส่บาตร ถวายสังฆทาน รู้จักแผ่เมตตาบ่อยๆท่องอะไรไม่ได้ก็แค่พูดสั้นๆในใจว่า ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข แค่นี้แม่ก็มีบุญแล้ว ต้องค่อยๆบอก ค่อยๆแนะนำ ค่อยๆชี้ ค่อยๆจูง เหมือนที่แม่อบรมเลี้ยงดูคุณมา ให้แม่ของคุณเข้าใจความหมายของคำว่า บุญ ซึ่งแปลว่าความอิ่มและเต็มความสุขใจ ผ่อนคลาย โปร่งเบาสบาย ไม่จำเป็นต้องฟังธรรมอย่างเดียว เหล่านี้แหละเรียกว่าองค์ประกอบของจิตในส่วนที่เป็นกุศล สรุปสั้นๆก็คือ ทาน ศีล ภาวนา ฟังธรรม แผ่เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว
ทำอย่างไรให้เป็นที่รักของทุกคน ปุจฉา : เรียนหลวงปู่ที่เคารพ ดิฉันมีข้อสงสัยขอปุจฉา 2 ข้อ ค่ะ 1. ทำอย่างไรให้เป็นที่รักของทุกคน คือที่บ้าน ที่ทำงาน ศัตรูหมู่ มาร และเจ้ากรรมนายเวร และเข้ากับคนอื่นๆได้ 2. อานิสงส์ของความกตัญญู มีอยู่หรือไม่ และบุตรหลานที่ไม่กตัญญูจะได้รับผลอย่างไรคะ ขอขอบพระคุณที่ช่วยวิสัชนาค่ะ ..........................ประภาศิริ วิสัชนา : 1. ไม่ยากเลย วิธีทำให้เป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย เพียงแค่มีน้ำใจ รู้จักให้ อภัย และไม่เห็นแก่ตัว สามอย่างนี้ คุณจะเป็นที่รักของพรหม มาร และมนุษย์ทั้งหลาย 2. ความกตัญญูกตเวทิตา คือการรู้คุณและตอบแทนบุญคุณนั้น ทุกศาสนาสอนตรง กันว่าเป็นสัญลักษณ์ของคนดี ความกตัญญูกตเวทิตามีอานิสงส์ส่งผลให้คนนั้นรุ่งเรืองเจริญ แต่ถ้าไม่รู้คุณคนที่มีบุญคุณ และไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณแก่ผู้นั้น เราก็ไม่มีสิทธิ์ ที่จะยืนอยู่ในโลกแบบที่มีคนใดไว้วางใจเลย เพราะขนาดคนที่มีบุญคุณกับเรา เรายังไม่สำนึกบุญคุณ ไม่คิดตอบแทนคุณ ถ้าเราไปเข้าสังคมใดสังคมนั้นรู้เข้าก็จะว่า เราเป็นบุคคลที่ไม่ปลอดภัยกับเขา ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ เพราะขนาดคนที่มีบุญคุณเรายังไม่สำนึกไม่ตอบแทน แล้วคนอื่นที่ไม่ได้ให้อะไรเรา มีหรือเราจะไปรู้จักบุญคุณเขา เขาก็ย่อมไม่วางใจเรา มีความรู้สึกว่าอยู่ใกล้เราแล้วไม่ปลอดภัย สุดท้ายเราก็คือคนที่สังคมปฏิเสธ แค่เขารู้ว่าเราอกตัญญูต่อพ่อแม่ เขาก็จะตราหน้าว่าขนาดพ่อแม่ของตัวเองยังไม่รัก แล้วเรื่องอะไรจะไปรักคนอื่น คนที่อกตัญญู ไม่รู้บุญคุณคน เป็นไปไม่ได้ ที่สังคมจะยกย่อง เป็นไปไม่ได้ที่คนทั้งหลายจะยอมรับ ขอวิธีเจริญสติเบื้องต้น ปุจฉา : นมัสการเรียนถามหลวงปู่พุทธะอิสระ ดิฉันสนใจการปฏิบัติธรรม แต่ไม่ค่อย มีเวลาไปวัดหรือไปเข้าคอร์สอบรมที่ไหน เพราะต้องทำงานนอกบ้านด้วย และต้องทำงานบ้านเป็นแม่บ้านด้วย เพราะมีลูก 2 คนยังเล็กอยู่ เผอิญดิฉันแต่งงานช้า เลยมีลูกช้า แต่ว่าดิฉันก็ชอบอ่านหนังสือธรรมะ เพราะรู้สึกว่าช่วยให้สบายใจ เพราะบางทีก็เครียดมากทั้งจากที่ทำงานและที่บ้าน พอจะมีเวลาหายใจได้สงบๆก็ช่วงดึกๆที่ลูกๆนอนกันแล้ว ดิฉันก็ใช้เวลามานั่งสมาธิบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำทุกวัน ดิฉันเลยอยากถามว่าถ้าหากเราไม่ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัด แต่ปฏิบัติธรรมที่บ้านแทน จะได้หรือไม่ แล้วต้องปฏิบัติอย่างไร แล้วการเจริญสติเบื้องต้นทำอย่างไรคะ ขอวิธีง่ายๆนะคะ เพราะยากไปกลัวทำไม่ได้ค่ะ สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณที่ท่านกรุณาตอบข้อปุจฉาให้คะ.....ภัทรพร วิสัชนา : การปฏิบัติธรรมที่บ้านก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้คุณผ่อนคลายสบายใจ และกายเป็นสุข คำว่าผ่อนคลาย คือ ผ่อนคลายจาก ตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส และใจรู้อารมณ์ เพราะอารมณ์ในตัวเราก็ต้องผ่อนคลายด้วย จิต ใจโปร่งเบาสบาย แล้วกายเป็นสุขก็คือเมื่อใจผ่อนคลายแล้ว เราก็พยายามทำกายให้เป็นสุข อย่าบังคับกายให้เป็นทุกข์ บางคนคิดว่าการเจริญสติ ทำสมาธิภาวนาอยู่กับบ้าน คือต้องนั่งอย่างเดียว แต่จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าทรงสอนในหลักมหาสติปัฏฐาน 4 มีทั้งยืน เดิน นั่ง นอน คือการเจริญสติ วิธีเจริญสติง่ายๆในชีวิตประจำวันสำหรับฆารวาสก็ คือ สนใจและใส่ใจ ในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ คำที่กำลังพูด และสูตรที่กำลังคิด อย่างตั้งมั่น จดจ่อ และจริงจัง
Create Date : 02 เมษายน 2552 |
Last Update : 31 สิงหาคม 2553 10:11:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 646 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|