Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
10 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 

แดดดีๆ แบบนี้ .. ขับรถไปเดินเล่น .. พระราชวังบางปะอิน ..

ทริปนี้เกิดขึ้นจากพาสมาชิกใหม่ในทีมงานที่เพิ่งต้อนรับกันไปในเอนทรี่ก่อน ออกไปทำความคุ้นเคยกัน โดยพอดีกับจังหวะที่มีแดดดีๆ เป็นช่วงเว้นวรรคของฝนที่ตกหนักติดๆ กันมาหลายวันแล้ว ฉะนั้นก็จึงอย่ารอช้าไปใย รีบหาเรื่องออกไปโดยไว ที่ไหนก็ได้ที่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 1 ชั่วโมง มองซ้ายมองขวากำหนดเป้าหมายไว้ได้ที่อยุธยา แต่ด้วยความที่ไม่มีเวลามากมายนัก จึงไม่เหมาะที่จะไปเดินท่อมๆ แวะตามวัดต่างๆ ในเกาะเมืองซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ถจึงจะครบถ้วน เลยสรุปเป้าหมายแบบไปที่เดียวครบจบในตัวเองเลยโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางต่อเนื่องไปอีก เพราะคาดว่าช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ฝนก็คงน่าจะตกลงมาให้เฉอะแฉะเหมือนทุกวันและอาจจะเป็นอันตรายขณะเดินทางกลับได้ เมื่อตกลงใจกันได้ลงตัวตามข้อจำกัดต่างๆ แล้ว ก็เลยเลือกเอาว่าเราจะไปลุยเดี่ยวเที่ยวทริปนี้กันที่ “พระราชวังบางปะอิน” นั่นเอง

 
ใช้ถนนกาญจนาภิเษก(วงแหวนตะวันออก)/ ด่านเก็บค่าผ่านทางธัญบุรี

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ.2555 หลังจากหาข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต ทั้งประวัติความเป็นมาของสถานที่น่าสนใจในบริเวณพระราชวังเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเที่ยวชมประวัติศาสตร์ได้อย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น รวมถึงแผนที่การเดินทางและพิกัด GPS ได้เป็นที่เรียบร้อย ก็เริ่มออกเดินทางกันในเวลาประมาณ 10 โมง 45 นาที ออกจากบ้านมุ่งหน้าเรื่อยไปตามแนวถนนเสรีไทย เพื่อไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวงแหวนตะวันออก(กาญจนาภิเษก) จ่ายค่าธรรมเนียมใช้เส้นทางจำนวน 30 บาท ก็สามารถขับตรงยาวๆ ไปออกที่ทางออกบางปะอินได้โดยสะดวกและรวดเร็วอย่างยิ่ง

การเดินทางไปพระราชวังบางปะอินในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของผม ไม่คุ้นเคยเส้นทางแม้แต่น้อยเลยต้องขับตาม GPS และสังเกตุป้ายบอกทางไปพร้อมกันด้วย ดูจะทุลักทุเลไปสักหน่อยเพราะเดินทางคนเดียวไม่มีคนช่วยมองโน่นนี่นั่น แต่ก็สามารถไปถึงจุดหมายได้โดยปลอดภัยทุกประการในเวลาประมาณเที่ยงวันพอดี


GPS พาไปได้ทุกที่ .. แต่จะไปถึงหรือเปล่ามันก็อีกเรื่องนึง .. / ค่าบริการจอดรถ 20 บาทครับ ..

เลี้ยวเข้าไปจอดรถในสถานที่จอดรถบริเวณสำนักงานของพระราชวังที่อยู่ทางด้านซ้ายมือตรงข้ามกับโรงเรียน ก่อนจะถึงพระราชวังฯ ประมาณซัก 50-60 เมตรได้ เป็นลานจอดกว้างขวางเข้า-ออกสะดวกแต่เสียอย่างเดียวที่ไม่มีร่มไม้หรือหลังคาใดๆ ช่วยกันแดดกันฝนเลย เก็บค่าบริการจอดรถคันละ 20 บาท เพื่อความปลอดภัยต่อทรัพย์สินและเพื่อที่เราจะเดินเที่ยวชมได้อย่างสบายใจเรียกได้ว่าไม่แพงเลยสักนิด ก็น่าจะดีกว่าไปจอดตามริมถนนให้เสี่ยงต่อการถูกฉี่ยวชนหรือเพิ่มโอกาสตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพในการโจรกรรมอีกด้วย

จอดรถเรียบร้อยเดินออกมาจ่ายค่าจอดที่ป้อมรักษาการณ์ด้านหน้า ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเดินไปตามถนนเพื่อไปพระราชวังฯ วันนี้ที่โรงเรียนฝั่งตรงข้ามสำนักงานรู้สึกจะจัดกิจกรรมอะไรกันซักอย่าง มีศิลปินมาเล่นคอนเสิร์ตกันด้วยแฮะ แต่ผมไม่ได้แวะหรอกได้ยินแต่เสียงดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ ไปกันต่อดีกว่า ..


เดินเลี้ยวซ้ายออกจากที่จอดรถบริเวณสำนักงานพระราชวังฯ จะเห็นประตูทางเข้าพระราชวังฯ อยู่ไม่ไกล ..

ถึงพระราชวังฯ เดินเข้าประตูทางด้านขวานะ ด้านซ้ายเฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น เข้าไปก็ซื้อบัตรเข้าชมกันซะก่อน ผู้ใหญ่ 30 บาทครับ ถูกมากๆ ได้บัตรเข้าชมมาพร้อมกับโบรชัวร์สี่สีสดสวยแนะนำสถานที่น่าสนใจ เป็นการช่วยกันสนับสนุนหน่วยงานเพื่อที่จะได้มีทุนทรัพย์มาดูแลรักษาโบราณสถานเหล่านี้ให้คงอยู่คู่ความภูมิใจของคนไทยกันต่อไปนานเท่านาน ยื่นบัตรเข้าชมให้เจ้าหน้าที่แล้วเดินเข้าไปชมด้านในกัน

 
บัตรอนุญาตเข้าชม ราคา 30 บาท/ ยินดีต้อนรับ ..

ถ้าไปไหนไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มกันตรงไหนก่อน ก็ลองเดินไปตามทางเลี้ยวขวามุ่งหน้าเข้าหาแผนที่แสดงสถานที่สำคัญต่างๆ ภายในบริเวณพระราชวังบางปะอินกันก่อน ถ้ากลัวจำไม่ได้ก็ถ่ายรูปเก็บเอาไว้เลยครับเพราะป้ายแผนที่เค้าทำได้ใหญ่โตมโหราฬเต็มตามากๆ บริเวณแถวๆ นั้นก็จะมีรถกอล์ฟไว้ให้บริการด้วย สำหรับผู้สูงอายุหรือคนที่ขี้เกียจเดินเพราะร้อนมากมายจริงๆ แดดแรงแต่ท้องฟ้าไม่ค่อยสดใส ฟ้าขาวๆ ไม่เป็นสีฟ้าอย่างที่ใจต้องการเพราะอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นที่กระหน่ำเข้าถล่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายต่อหลายลูกติดๆ กันในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา อันส่งผลให้ประเทศไทยของเราเลยโดนหางเลขไปด้วยนั่นแหละ

 
ไปไม่ถูกก็ไปยืนดูแผนที่กันก่อน ../ เดินไปตามทางนี้แหละ ../ แวะเป็นที่แรกเลย “หอเหมมณเฑียรเทวราช”


ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็น “สภาคารราชประยูร”

แต่ผมเดินเอาครับเพื่อจะได้แวะเก็บภาพสถานที่ต่างๆ ให้ได้ครบถ้วน จะแวะนานๆ ก็ไม่ต้องกลัวจะต้องเสียค่ารถกอล์ฟหลายชั่วโมงเพราะชั่วโมงๆ นึงก็หลายบาทอยู่นะ เดินไปตามทาง สองข้างทางมีต้นไม้เขียวสบายตาเชียว แต่ทำไมมันไม่รู้สึกว่าเย็นขึ้นเลยหว่า? เดินมาพบเจอกับสถานที่แรกจะอยู่ด้านซ้ายริมสระน้ำใหญ่เลยนั่นก็คือ “หอเหมมณเฑียรเทวราช” ส่วนถ้ามองข้ามสระน้ำไปฝั่งตรงข้ามก็จะเป็น “สภาคารราชประยูร” เดี๋ยวผมจะพาไปดูใกล้ๆ ในตอนท้าย

 
พบสามแยกก็จะเห็น “กระโจมแตร” อยู่ทางซ้าย ../ ส่วนทางขวาก็จะเป็นทางเดินกลับมาจากเขตพระราชฐานชั้นใน โดยทั้งพื้นที่ของพระราชวังฯ จะมีทหารมาคอยดูแลความปลอดภัยและให้ความสะดวกสำหรับข้อมูลต่างๆ บางส่วนด้วย

จากตรงนี้เดินต่อไปจะพบกับ “กระโจมแตร” และมีทางแยกให้เลือกเดิน ผมเลยเลือกเดินข้ามสะพานไปทางซ้าย จากสะพานจะมองเห็น “พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์” ตั้งอยู่กลางน้ำทางขวามือ เดินข้ามไปจนสุดสะพานถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปสภาคารราชประยูร ส่วนเลี้ยวขวาแล้วเดินไปตามถนนพระนารายน์จนสุดถนนก็จะไปถึง “พระที่นั่งวโรภาษพิมาน” ก่อนจะเข้าไปชมด้านในก็ถอดรองเท้าไว้ด้านหน้าพระที่นั่งฯ กันด้วยนะ เข้าไปชมข้างในกันดีกว่า แอร์เย็นสบาย แต่ห้ามถ่ายรูปนะครับ ตอนที่ผมเดินเข้าไปดูก็มีเด็กๆ มาทัศนศึกษาอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ก็มาช่วยบรรยายเรื่องราวความเป็นมาให้ฟังด้วยเป็นความรู้รอบตัวได้อีกเรื่อง

 
ข้ามสะพานไปก็เข้าสู่ถนนพระนารายน์ ../ ทางขวานั่นเรียกว่าอะไรไม่ทราบ ในโบรชัวร์ไม่มีบอกด้วย แต่ที่แน่ๆ หากเปิดออกไปด้านหลังก็จะเป็น “ประตูเทวราชครรไล” หรือตรงวงเวียนที่เป็นจุดเริ่มต้นของเขตพระราชฐานชั้นในนั่นเอง

 
ตุ๊กตาปูนปั้นศิลปะของฝรั่งที่เข้ามาแพร่หลายอย่างมากในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นการแสดงถึงว่าสยามเราไม่ได้เป็นพวกล้าหลังบ้านป่าเมืองเถื่อน ให้ฝรั่งใช้มาเป็นข้ออ้างในการเข้ามาครอบครองเป็นเจ้าอาณานิคม สยามจึงรอดพ้นจากการตกเป็นเมืองขึ้นของชนชาติมหาอำนาจทั้งหลายในยุคนั้นมาได้โดยปลอดภัย


“พระที่นั่งวโรภาษพิมาน” ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในยุคนั้น และยังใช้มาจนถึงในยุคปัจจุบันด้วย ../ ถนนพระนารายน์ ../ สระน้ำด้านข้างของพระที่นั่งวโรภาษพิมาน มีเรือนแพอยู่ด้วยนะ

อากาศภายในพระที่นั่งวโรภาษพิมานที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำเล่นทำเอาผมไม่อยากจะออกมาเจอกับอากาศอันอบอ้าวที่ด้านนอกเลย แต่ถ้ามัวโอ้เอ้เอ้อระเหยลอยชายอยู่ที่นี่ วันทั้งวันคงชมพระราชวังฯ ไม่ทั่วแน่ เลยจำต้องออกมาแล้วเดินเลาะไปตามทางด้านขวาของพระที่นั่งเพื่อไปด้านข้าง ด้านนี้จะมีเรือนแพอยู่ในสระน้ำด้วย แล้วเลี้ยวขวาอีกทีเพื่อเดินเลียบสระน้ำไปออกยังวงเวียนด้านหน้าของ “ประตูเทวราชครรไล” ซึ่งจะเป็นจุดที่ผ่านเข้าสู่พระตำหนักส่วนใน


บริเวณวงเวียนอันเป็นจุดเริ่มต้นเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน

 
“ประตูเทวราชครรไล” ../ “พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร” ..

จากที่เราออกมาจากทางเดินด้านข้างนั้น ถ้าเราเลี้ยวขวาผ่านสวนหย่อมริมสระน้ำก็จะไปสู่ทางออกย้อนกลับไปที่แยกกระโจมแตรในตอนแรกนั่นแหละ หากเราตรงข้ามวงเวียนไปก็จะไปสู่พระตำหนักของเจ้านายฝ่ายใน แต่ผมจะเดินไปทางซ้ายก่อนเพื่อจะได้เข้าชมพระที่นั่งต่างๆ ทางด้านนี้ก่อน เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ต้องเดินวนมาออกที่วงเวียนนี้อีกทีจากทิศทางตรงหน้านั่นเอง

เอาล่ะมาตามไปดูพร้อมๆ กันเลยครับว่าเขตพระราชฐานชั้นในจะมีอะไรให้ชมกันบ้าง

เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้วก็จะพบกับ “พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร” อยู่ทางขวามือ ส่วนฝั่งตรงข้ามด้านซ้ายก็จะเป็นอาคารเรือนไม้แบบเข้ากับยุคสมัยนั้น เป็นสถานที่จำหน่ายเครื่องดื่มคลายร้อน นั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อยกันก่อนได้ที่นี่ เมื่อหายเหนื่อยหายเพลียจากการเสียน้ำกันแล้วก็เริ่มออกเดินกันต่อดีกว่า

เดินไปตามทางจะผ่านสวนหย่อมที่จัดไว้อย่างสวยงามจนไปถึงทางแยกอีกที จากตรงนี้เลี้ยวซ้ายจะไปสู่ห้องน้ำที่ผมได้ไปทดลองใช้มาแล้ว ล้างหน้าล้างตาช่วยคลายร้อนไปได้เยอะเลย ในห้องน้ำติดแอร์เย็นฉ่ำชื่นใจ สะอาดมาก ไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์ใดๆ ทั้งสิ้น คงเพราะได้รับการดูแลใส่ใจเป็นอย่างดี บรรยากาศด้านหน้าห้องน้ำนั้นเป็นอะไรอยากจะบอกว่าร่มรื่นมากๆ น่ามานั่งเล่นจริงๆ เสียแต่ว่าที่นั่งพักด้านหน้ามีน้อยไปสักนิด ไม่อย่างนั้นจะนั่งเล่นให้เย็นใจเพราะเป็นสถานที่ที่ดูร่มรื่นที่สุดเท่าที่พบในตอนนี้เลย

เมื่อเสร็จภารกิจลดความร้อนในร่างกายกันเป็นที่เรียบร้อย เก็บคืนความสดชื่นได้อีกครั้งก็พร้อมจะลุยกันต่อ ออกจากห้องน้ำก็เดินกลับสู่ทางแยกเดิมให้เดินตรงไปเลยครับเพราะถ้าเลี้ยวขวาก็จะกลับไปทางเดิมที่เราเพิ่งผ่านมา พอเดินตรงไปก็จะเข้าสู่อาณาบริเวณของ “พระที่นั่งเวหาศจำรูญ” พระที่นั่งที่สร้างในแบบสถาปัตยกรรมจีนจะอยู่ด้านซ้ายมือ ใครที่อยากจะขึ้นไปชมบนพระที่นั่งฯ ก็สามารถทำได้แต่ผมไม่ได้ขึ้นไปหรอก อาศัยเก็บภาพรอบๆ พระที่นั่งฯ ไว้ก่อนแค่นั้น


“พระที่นั่งเวหาศจำรูญ” สุดยอดสถาปัตยกรรม การผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมจากต่างชา-ติ พันธุ์ ..

 
ด้านข้างของพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ../ อีกด้านจะเป็นทางเดินข้ามสะพานเพื่อไปยัง “หอวิฑูรทัศนา” ที่ตั้งอยู่กลางสระน้ำ

ส่วนถ้ามองมาทางด้านขวาก็จะเห็น “หอวิฑูรทัศนา” ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางสระน้ำใหญ่โดยจะมีสะพานให้ข้ามไปได้จากบริเวณของพระที่นั่งเวหาศจำรูญนั่นเอง เดินข้ามไปขึ้นหอวิฑูรทัศนากันครับ เดินขึ้นบันไดเวียนเพื่อขึ้นไปสู่ชั้นบน(เกือบสุด) จะสามารถมองเห็นบรรยากาศโดยรอบของเขตพระราชฐานส่วนในได้เกือบทั่วถึง อากาศด้านบนค่อนข้างเย็นสบาย ลมพัดโกรกตลอดเวลาช่วยบรรเทาให้หายคลายร้อนไปได้เยอะทีเดียว ผมก็ยืนชื่นชมซึมซับบรรยากาศโดยรอบอยู่นานเลย จนกระทั่งมีนักท่องเที่ยวชาวเอเชียกลุ่มใหม่เริ่มเดินขึ้นมาผมเลยสละพื้นที่ให้ชาวต่างชาติได้มาชื่นชมความวิจิตรตระการตาและประวัติอันน่าหลงใหลของไทยในยุคเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วกันบ้าง

 
ขอบโค้งแบบฝรั่งกับอาคารทรงกลม ../ พร้อมบันไดเวียนให้เดินขึ้นไปชมบรรยากาศด้านบน แต่ไม่ให้ขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดนะ เพราะอาคารเก่าแก่เป็นร้อยปีอาจมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยได้ เลยให้ขึ้นไปได้แค่เท่าที่ยังปลอดภัยอยู่ ../ กรอบหน้าต่างแบบโค้งอีกเช่นกัน ..


มองเห็นพระที่นั่งเวหาศจำรูญจากมุมสูง งดงามอ่อนช้อยด้วยโค้งหลังคาแบบจีน ศิลปะตะวันออกนี่ช่างมีเสน่ห์จริงๆ

ลงมาจากหอวิฑูรทัศนา ก็เดินข้ามสะพานออกมาอีกทางเพื่อเข้าสู่ส่วนของพระตำหนักของเจ้านายฝ่ายใน โดยก่อนที่จะไปถึงตรงนั้นเราจะต้องผ่านด้านข้างอีกด้านของพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร โดยจะมีทางแยกไปทางขวาให้เราเดินออกไปยังทางที่เราเพิ่งเดินเข้ามา แต่ถ้าเราไปทางซ้ายก็จะเลียบไปทางด้านหลังของพระที่นั่งอุทยานฯ แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเพื่อข้ามสะพานไปสู่เขตพระตำหนักฝ่ายใน โดยที่สุดปลายสะพานจะพบกับ “อนุสาวรีย์ราชานุสรณ์” และ “อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์” ให้เดินเลี้ยวซ้ายไปจะพบทางแยกทางซ้ายเดินไปอีกไกลจะพบพระตำหนักของเจ้านายฝ่ายในเรียงรายต่อเนื่องกันไปจนสุดทาง

 
ด้านข้างของพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ../ “อนุสาวรีย์ราชานุสรณ์”/ “อนุสสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์”

 
เดินตรงไปทางซ้ายก็จะพบเห็นตำหนังของเจ้านายฝ่ายในตั้งเรียบรายกันไปห่างๆ ตลอดทางเดินนี้ / ตำหนักของพระองค์ใดก็ต้องลองไปชมกันดีกว่าครับ ..


ข้ามสะพานกลับมาอีกที ยืนกลางสะพานมองทางขวาก็จะเห็นหอวิฑูรทัศนากับพระที่นั่งเวหาศจำรูญตั้งเรียงเคียงกัน

เดินข้ามสะพานกลับมาบริเวณกลางสะพาน หันมองทางขวาก็จะเห็นหอวิฑูรทัศนาและพระที่นั่งเวหาศจำรูญตั้งอยู่เรียงเคียงกันได้มุมที่สวยงามพอดี พอข้ามกลับมาจนสุดแล้วเดินไปทางซ้ายลัดเลาะเลียบด้านข้างของพระที่นั่งอุทยานฯ ที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ก็จะไปออกที่วงเวียนอันเป็นจุดเริ่มต้นของเขตพระราชฐานชั้นใน ก็ของแถวๆ ประตูเทวราชครรไลนั่นเอง คราวนี้เราก็จะเลี้ยวซ้ายเดินผ่านสวนหย่อม หากมองไปทางขวาก็จะเห็นพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพอาสน์ในอีกด้านหนึ่ง เดินต่อไปตามทางก็จะไปบรรจบกับสามแยกกระโจมแตรในตอนแรกนั่นเอง หากเดินตรงไปทางซ้ายก็จะออกไปด้านหน้าตรงที่เราซื้อบัตรเข้าชมนั่นแหละ

 
อีกด้านหนึ่งของพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ../ ป้ายบอกทางไปพระตำหนักของเจ้านายฝ่ายในหลายๆ พระงค์ อันเป็นเขตพระราชฐานชั้นในนั่นเอง


เดินออกมาอีกทาง ผ่านสวนหย่อมที่จัดไว้อย่างสวยงาม มองไปกลางน้ำก็จะเห็นพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ สังเกตุให้ดี ตรงกลางของพระที่นั่งฯ จะประดิษฐานพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 เอาไว้ด้วย

แต่เรายังไม่ออกทางนี้หรอก เพราะเราจะพากันเดินข้ามสะพานอีกรอบแล้วเลี้ยวซ้ายกันบ้าง จะเป็นทางเดินเลียบสระน้ำใหญ่ที่มีน้ำพุ เส้นทางนี้มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นตลอดทางเดิน เพื่อที่เราจะไปชม “สภาคารราชประยูร” กันแบบใกล้ชิดเห็นกันแบบชัดๆ แล้วเดินต่อไปตามทางก็จะพบกับ “ตำหนักกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์” อยู่จนเกือบจะสุดทางเดินแล้ว

 
เด็กที่ไหนมาเททรายเล่นนะเนี่ย ../ ข้ามสะพานมาอีกทีแล้วเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเดินเลียบสระน้ำใหญ่ ตรงนี้ก็น่าจะเป็นถนนพระนารายน์เช่นกัน เพราะถ้าเลี้ยวขวาก็จะกลับไปที่พระที่นั่งวโรภาษพิมาน ../ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนๆ ก็งดงามไร้ที่เปรียบจริงๆ


สระน้ำใหญ่ มีน้ำพุที่เปิดตลอดเวลา ช่วยบรรเทาความร้อนอบอ้าวของอากาศในบริเวณพระราชวังฯ ไปได้เยอะเลยทีเดียว ..


“สภาคาร ราชประยูร” เดินชมได้ใกล้ๆ เลยนะ ..


“ตำหนักกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์”/ โรงจอดและซ่อมบำรุงรถกอล์ฟ ..

จากทางเดินนี้ถ้ามองด้านขวานอกจากจะเห็นพระที่นั่งและตำหนักฯ แล้ว มองเลยไปด้านหลังจะเห็นเป็นแม่น้ำ ที่ฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังโดยข้ามแม่น้ำไปก็จะเป็น “วัดนิเวศธรรมประวัติ” ที่มีโบสถ์ที่สร้างแบบคริสต์แต่ประดิษฐานพระพุทธรูปเป็นการหลอมรวมทางวัฒนธรรมได้อย่างกลมกลืนอย่างแท้จริง แต่ไม่มีทางให้ข้ามไปจากในพระราชวังหรอกนะ ต้องออกไปด้านนอกตรงแถวๆ บริเวณที่เราจอดรถนั่นแหละ(มั๊ง .. เพราะผมก็ไม่ได้ข้ามไปที่วัดเหมือนกัน)

กลับมาเดินๆๆๆ กันต่อดีกว่า ก็ปรากฎว่าหมดแล้วเพราะสุดทางเดินเมื่อสักครู่ก็จะสุดสระน้ำพอดี แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะได้พบกับโรงจอดและซ่อมบำรุงรถกอล์ฟอยู่ทางขวามือ กับที่ริมสระน้ำก็มีที่ให้นั่งพักกันอีกด้วยเผื่อใครเหนื่อยก็นั่งก่อนได้ มองตรงไปจะพบประตูทางออก(ของเจ้าหน้าที่) ส่วนเราก็ต้องเดินผ่านป้อมรักษาการณ์ไปทางซ้ายเพื่อไปออกตรงทางที่เราเข้ามานั่นแหละ

แต่ไม่ใช่จะเลี้ยวขวาออกไปกันได้ง่ายๆ นะ ต้องไปออกตรงข้าง Currency Exchange ของธนาคารไทยพาณิชย์ โดยเดินขึ้นบันไดแล้วเลี้ยวซ้ายผ่านเข้าไปตูไปยังร้านจำหน่ายของที่ระลึก ด้านในติดแอร์เย็นสบาย มีร้านกาแฟอยู่ด้วย มานั่งพักดื่มกินกันให้สดชื่นอีกครั้งได้ที่นี่ เข้าห้องน้ำห้องท่า ล้างหน้าล้างตาชำระคราบเหงื่อไคลออกไปบ้าง เมื่อได้ของที่ระลึกที่ถูกตาต้องใจกันแล้วก็ได้เวลาร่ำลาพระราชวังบางปะอินเพื่อเดินทางกลับบ้านกันเสียที


เดินเลียบสระน้ำมาทางซ้ายมือผ่านป้อมรักษาการณ์จะมาเจอกับทางที่เราเข้ามาพอดี ทางออกอยู่ข้างๆ Currency Exchange ของธนาคารไทยพาณิชย์ เข้าไปก็จะเป็นร้านของของที่ระลึก ..

เดินออกมาทางประตูเดิมที่เราเข้ามานั่นเอง กลับไปที่ลานจอดรถที่เวลานี้คงจะร้อนสุดๆ อะไรที่ถูกอบอยู่ในรถก็คงจะสุกได้ที่แล้ว กินกันได้พอดีแหละ รีบสตาร์ทรถเปิดแอร์ เปิดกระจกระบายความร้อนในรถออกไปบ้าง เพราะเบาะนั่งร้อนมากเกินกว่าจะทนนั่งไปได้ในเวลานี้ เมื่อทุกอย่างโอเคแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับในเวลาประมาณบ่ายสามโมงนิดหน่อย


ป้ายชื่อของพระราชวังฯ พร้อมบอกกำหนดเวลาเปิด-ปิดอย่างชัดเจน ใครจะมาดูให้ดีจะได้ไม่ต้องมาเสียเที่ยวเปล่าๆ

ขับออกมาได้นิดเดียว จากท้องฟ้าที่แดดแรงๆ เมื่อสักครู่ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นขมุกขมัว เมฆดำทะมึนเริ่มก่อตัวปกคลุมท้องฟ้าของอำเภอบางปะอินไปจนถ้วนทั่ว ออกมาได้ยังไม่ถึง 15 นาทีเลย ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งไม่ค่อยคุ้นเส้นทางอยู่แล้วด้วยเลยต้องค่อยๆ คลำทางกลับ โดยขับไปตามป้ายบอกทางกระทั่งมาเข้าถนนวงแหวนตะวันออกจนได้ ฝนก็หยุดตกไปซะเฉยๆ เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ถนนเปียกๆ ที่มีน้ำขังเฉอะแฉะเป็นหย่อมๆ ให้รถมันเลอะเทอะเล่นซะงั้น


ฝนตกอีกจนได้ .. ตกๆ หยุดๆ ไปตลอดทางนั่นแหละ ..

แต่ทว่าท้องฟ้าก็คงยังอึมครึม ปกคลุมครึ้มไปด้วยเมฆสีเทา แล้วก็ยังคงมีฝนตกลงมาประปรายเป็นช่วงๆ ตลอดเส้นทาง จนกระทั่งเริ่มขับผ่านเลยด่านเก็บค่าผ่านทางธัญบุรีมาได้ ถึงจะเริ่มเห็นแสงทองของดวงอาทิตย์ที่เผยแดดอ่อนๆ อันอบอุ่นเป็นเส้นสายสวยงามเล็ดลอดผ่านก้อนเมฆรูปทรงแปลกตาออกมาจากทางทิศตะวันตก เปล่งประกายตัดกับคลังน้ำมันที่ตั้งสูงเด่นอยู่ริมขอบฟ้าของถนนวงแหวนตะวันออก เป็นภาพที่สวยงามจับใจเกินกว่าที่จะสามารถอรรถาธิบายถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดให้เห็นภาพได้ชัดเจนทั้งหมดไปได้


บริเวณคลังน้ำมันลำลูกกา .. ขาดไม่ได้เลยนะที่นี่ ..

แต่ผมก็ไม่ได้จอดรถเพื่อเก็บภาพเหล่านั้นหรอกนะ เพราะก็มีให้เห็นแค่แว่บเดียวเอง ครั้นพอจะหยิบกล้องตัวเล็กขึ้นมาถ่ายแสงก็พลันหายหมดไปสิ้นเลยได้แต่ภาพคลังน้ำมันเฉยๆ อีกทั้งตั้งใจจะรีบกลับให้ถึงบ้านก่อนที่การจารจรในเมืองหลวงจะเริ่มติดขัดขึ้นอีกครั้งในเวลาหลังเลิกงานตอนเย็น อันจะเป็นเหตุทำให้เราต้องเพิ่มเวลาในการเดินทางขึ้นจากเดิมอีกเป็นชั่วโมงนั่นเอง เป็นอันว่าทริปขับรถเล่นในครั้งนี้ ก็จบลงด้วยการเดินทางกลับถึงบ้านโดยปลอดภัยในเวลาประมาณ 16:40 น.

กับระยะทางไป-กลับประมาณ 120 กิโลเมตรค่าน้ำมันประมาณไม่เกิน 200 บาท, ค่าธรรมเนียมผ่านทางของด่านธัญบุรีไป-กลับ 60 บาท, ค่าบัตร+ค่าจอดรถอีกอีก 50 บาท ซื้อกาแฟกินอีก 2 แก้วก็ประมาณ 80 บาท ค่าของที่ระลึกไม่ต้องเสียเพราะผมไม่ใช่คนชอบช็อปปิ้งอยู่แล้ว สะระตะแล้วรวมทั้งสิ้นก็ 390 บาทเท่านั้น ใกล้ๆ แค่นี้ ขับสบายๆ เพลินๆ เป็นส่วนตัวไม่ต้องนั่งเบียดกับใครๆ ก็ไปเที่ยวได้แล้วด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมาก แนะนำเชิญชวนให้ออกไปเที่ยวกันนะครับ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวหัวใจใหม่ให้เข้มแข็ง รักษ์หวงแหนชื่นชมและคงรักษาไว้ซึ่งความภาคภูมิใจในภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ของชนชาติไทยของเรา

ขอบคุณครับ

ชมภาพเพิ่มเติมที่นี่
ไปชมเรื่องราวทริปนี้ใน Forum ได้ที่นี่

เขียนเมื่อ : วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 เวลา 22:12 น. GMT+7 TH
ผู้เขียน : Tombass




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2555
3 comments
Last Update : 29 เมษายน 2556 22:37:49 น.
Counter : 1988 Pageviews.

 

แวะมาเที่ยวชมพระราชวังบางปะอินด้วย ภาพสวยครับ

 

โดย: **mp5** 10 พฤศจิกายน 2555 8:48:34 น.  

 

 

โดย: Kavanich96 11 พฤศจิกายน 2555 4:30:21 น.  

 

@**mp5**/@Kavanich96 : ขอบคุณที่แวะเข้ามานะครับ ..

 

โดย: tombass 12 พฤศจิกายน 2555 12:03:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


tombass
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






You're visitor No.
HTML Counter


Tombass's Bloggang Counter



Welcome to my HOMEPAGE




ไปเที่ยวชมบนเวบบอร์ดครับ ..


http://11maysa.eu5.org



คุณสามารถเข้าชมรูปภาพในบล็อคนี้ได้ที่
G+ Picasa
Photo Bucket



กี่โมงแล้วล่ะเนี่ยะ ..?





ราคาน้ำมันวันนี้ .. by PTT




About me :





Do you hear me? I'm talking to you
Across the water across the deep blue ocean
Under the open sky, oh my, baby I'm trying

Boy I hear you in my dreams
I feel your whisper across the sea
I keep you with me in my heart
You make it easier when life gets hard

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again
Ooh ooh ooh

They don't know how long it takes
Waiting for a love like this
Every time we say goodbye
I wish we had one more kiss
I'll wait for you I promise you, I will

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

Lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

And so I'm sailing through the sea
To an island where we'll meet
You'll hear the music fill the air
I'll put a flower in your hair

Though the breezes through trees
Move so pretty you're all I see
As the world keeps spinning 'round
You hold me right here, right now

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

I'm lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

Ooh ooh ooh
Ooh ooh ooh, ooh

Title : Lucky
Artist : Jason Mraz & Colbie Caillat
Friends' blogs
[Add tombass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.