นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

<<
เมษายน 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
30 เมษายน 2559
 

[ชุดลุ้นรัก] ลุ้นรักคุณบอดี้การ์ดแสนขรึม - 3 # บ้านสวน






: : : คำเตือน : : :

เนื้อหาของตอนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป หากคุณไม่ชอบบทเรท 20+ กรุณาข้าม แต่ถ้าชอบ ก็อ่านโลดดด



ตอนที่ 3

บ้านสวน



ดุจอัปสรรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงปลุก เธอลืมตาช้า ๆ และพบว่ารถจอดสนิทแล้ว กฤษณ์เปิดประตูฝั่งของเธอและยืนอยู่ใกล้ ๆ

“ตื่นได้แล้วครับ ถึงแล้ว” เขาบอกแล้วอ้อมไปเปิดประตูหลังเพื่อหยิบกระเป๋า หญิงสาวมองไปรอบตัวด้วยความสงสัย ตรงหน้าของเธอคือบ้านไม้ยกพื้นที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ใกล้เคียงกับคำว่าป่า หน้าบ้านเป็นดินอัดแข็งและโรยด้วยก้อนกรวดเล็ก ๆ เป็นที่ที่เธอไม่คุ้นเลย

“ที่ไหน” เธอถาม

“บ้านสวนของผมครับ”

“ฉันไม่เคยรู้ว่านายก็มีบ้านสวนเหมือนกัน”

“ปกติคุณก็ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับผมอยู่แล้วนี่ครับ” เขายกไหล่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ดุจอัปสรเหลือบตามองสีหน้าไม่พอใจ

“นายจะหาเรื่องฉันใชไหม”

“ผมไม่กล้าหรอกครับ...เข้าไปในบ้านดีกว่า” กฤษณ์ตัดบทแล้วหิ้วกระเป๋าเดินขึ้นบ้าน ดุจอัปสรปั้นปากด่าตามหลังแบบไม่มีเสียงก่อนเดินตามไป

บ้านของเขาทำจากไม้ทั้งหมดทำให้เย็นสบาย เฉลียงด้านข้างยื่นออกไปด้านนอกและมีโซฟาหวายวางอยู่ ไม่ไกลกันคือลำธารสายเล็ก ๆ ที่มองแล้วชวนให้ใจสงบและร่มรื่น ดุจอัปสรยิ้มเมื่อเห็นบรรยากาศโดยรอบ

“บ้านนายอยู่ที่ไหน ทำไมบรรยากาศถึงดีจัง”

“คุณอย่ารู้เลยว่าอยู่ที่ไหน ขอแค่คุณชอบแค่นั้นก็พอแล้ว”

“นายจะบอกคุณแม่หรือเปล่า” เธอถาม

“ไม่ครับ”

“ขอบใจนะ” เธอบอกแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา คิ้วโก่งขมวดเข้าหากัน “ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เหรอ”

“มีเป็นบางช่วงครับ ต้องเดินหาคลื่นเอา”

“แย่จัง แต่ช่างเถอะ ฉันดูทีวีเอาก็ได้” เธอว่าแล้วเดินเข้าไปในบ้าน แต่ในห้องรับแขกของเขามีเพียงโซฟาหวายและตู้โชว์เท่านั้น ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ เลย

“ทีวีล่ะ”

“ไม่มีครับ” เขาตอบคำเดิม ดุจอัปสรถอนใจ ตอนนี้เธอกำลังพอใจกับความสวยงามของบรรยากาศจึงไม่อยากอารมณ์เสียให้งานกร่อย

“งั้นฉันไปนอนต่อแล้วกัน นอนในรถมาทั้งคืน เมื่อยหลังจะแย่ ไหนล่ะ จะให้ฉันนอนที่ไหน” เธอถาม กฤษณ์จึงผายมือแล้วเดินนำไปห้องหนึ่ง

ภายในห้องมีเตียงขนาดหกฟุตวางอยู่ใกล้หน้าต่าง ผนังด้านหนึ่งมีโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ถือเป็นเฟอร์นิเจอร์ขั้นพื้นฐานของห้องนอน หญิงสาวมองสำรวจ คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันอีกครั้ง

“ห้องนี้ไม่มีแอร์หรือ”

“ไม่มีครับ” เป็นคำตอบเดิม ๆ อีกครั้งที่กฤษณ์มีให้

“ได้ยังไง ไม่มีอินเทอร์เนต ไม่มีโทรทัศน์ และนี่ยังไม่มีแอร์อีกเหรอ แล้วฉันจะอยู่ยังไง ไม่กลายเป็นการตัดขาดจากโลกภายนอกเลยงั้นเหรอ”

“คุณต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือครับ” เขาถามกลับ

“เมื่อไหร่ ฉันเคยพูดแบบนั้นเหรอ”

“คุณบอกว่าที่ไหนที่ไม่ใช่บ้าน คุณไปได้หมด และเมื่อกี้คุณก็บอกว่าชอบที่นี่”

“ใช่ ฉันพูดแบบนั้นและถึงฉันจะชอบที่นี่แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้ มันเกินไปแล้ว นายจงใจแกล้งฉัน”

“ผมจะไปทำแบบนั้นทำไมครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้ายิ้ม ๆ แบบนึกขำ

“แล้วฉันจะอยู่ยังไง”

“ก็อยู่เหมือนที่คนอื่นอยู่ยังไงครับ คนอื่นอยู่ได้ ผมก็เคยอยู่ที่นี่ ยังอยู่ได้เลย หรือว่าคุณเป็นพวกถือตัว อยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ครับ” กฤษณ์เลิกคิ้วถามและไม่วายเหน็บเธอไปด้วย

“ฉันอยู่ร่วมกับทุกคนได้ ยกเว้นนาย” เธอประกาศ “ฉันต้องการห้องแอร์ ฉันต้องการอินเทอร์เนตและฉันต้องการทีวีด้วย ไปหามาให้ฉันเดี๋ยวนี้”

“ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ” น้ำเสียงของเขาราบเรียบ สีหน้าเฉยเมย ผิดกับดุจอัปสรที่เป็นเดือดเป็นร้อนจนแทบเต้นอยู่แล้ว

“ถ้าไม่มีฉันก็จะกลับ พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

“ผมคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ”

“หยุดกวนประสาทฉันเสียที” เธอขึ้นเสียงด้วยความเดือดดาล หากผู้จัดละครมาเห็นเธอในตอนนี้คงมอบบทนางร้ายให้แน่ ๆ

“ผมพูดจริงครับ คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าคุณท่านจะสั่งครับ”

“คุณท่าน? คุณแม่น่ะเหรอ คุณแม่รู้ด้วยเหรอว่าฉันอยู่ที่นี่”

“ท่านเป็นคนเลือกให้คุณมาพักผ่อนที่นี่ครับ”

“บ้าที่สุด” เธอสบถเสียงเคือง “อะไรก็ไม่มีสักอย่าง แล้วจะให้ฉันอยู่ยังไง”

“คุณตั้งใจจะมาพักผ่อนอยู่แล้วนี่ครับ ถ้ามีอินเทอร์เนต มีทีวี คุณก็คอยแต่จะเช็กข่าว อยากรู้เรื่องชาวบ้านไปหมด และถ้ามีแอร์ คุณก็คงไม่ได้สัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์ของที่นี่ และถ้าคุณเบื่อมาก ก็หากิจกรรมมาทำสิครับ ที่นี่มีเยอะแยะ”

“เช่น” เธอถามแล้วกอดอกเหมือนกำลังสอบสวนนักโทษ

“ปลูกผัก รดน้ำต้นไม้ เดินสำรวจดอกไม้ ที่นี่มีพื้นที่เป็นสิบไร่ให้คุณเดินเลยนะครับ ต่อให้คุณเดินทั้งวันก็ไม่ทั่ว”

“บ้าสิ ใครจะไปเดิน นายไปเดินคนเดียวเถอะ”

“แต่คุณต้องทำ คุณท่านสั่งมาแล้วว่าให้คุณใช้เวลาว่างปลูกดอกไม้รอบ ๆ บ้านนี้ให้เสร็จ ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับกรุงเทพ”

“ทำไมทุกคนถึงชอบบังคับฉันอยู่เรื่อย” เธอโวยแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ เธอก็จะบีบน้ำตาเรียกความสงสารนี่แหละ ถ้ายังใจแข็งอยู่ได้ก็ให้มันรู้ไป

“อยู่กรุงเทพ คุณแม่ก็บังคับให้ฉันเป็นแบบนั้นแบบนี้ตามที่ท่านต้องการ พอฉันหนีมาที่นี่ แทนที่จะได้ทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ ก็ยังมีคนตามมาบังคับอีก หรือว่าชีวิตนี้ฉันจะทำอะไรไม่ได้เลย นี่ชีวิตของฉันเองหรือของใครกันแน่ ฮื่อๆ ๆ ๆ ทุกคนเอาชีวิตของฉันไปหมดแล้ว”

“ทุกคนหวังดีกับคุณนะครับคุณแองจี้” น้ำเสียงของเขาทอดนุ่มเห็นใจ “และที่คุณท่านห้ามคุณก็เพราะท่านเป็นห่วงคุณ ภาพลักษณ์ดี ๆ มันสร้างยากครับ ขณะที่เรื่องแย่ ๆ ใช้เวลาไม่กี่วันก็ทำให้ชีวิตของคุณพังได้แล้ว และอย่าลืมนะครับว่าถ้าชื่อเสียมันเกิดขึ้นแล้ว จะเรียกมันกลับมาไม่ได้”

ดุจอัปสรนิ่งไป จริง ๆ เธอก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่เพราะที่ผ่านมา เธอทำตัวดีมาตลอดและมีคนรักมากมาย ทำให้เมื่อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ก็จะมีบรรดาแฟนคลับและคนที่รักเธอออกมาช่วยปกป้อง โดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย จะมีก็ระยะหลัง ๆ ที่เธอเริ่มเบื่อการสวมหัวโขนและอยากเป็นตัวของตัวเอง จนหลายคนเริ่มระอา ทำให้ช่วงนี้มีข่าวเสีย ๆ ของเธอมากกว่าปกติ

“แต่ฉันอยากเป็นตัวเอง ฉันไม่อยากหลอกใครว่าฉันเรียบร้อย ฉันไม่อยากให้ใครมาตั้งความหวังมาคาดหวังว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ฉันอยากมีชีวิตเหมือนคนอื่น ทำไมไม่มีใครเข้าใจฉันบ้างเลย” เธอพรรณนาน้ำเสียงเริ่มอ่อนลง “และที่กันดารแบบนี้น่ะเหรอที่จะให้ฉันมาอยู่ นี่มันบ้าชัด ๆ ใครจะไปอยู่ได้”

“ถ้าคุณอยากกลับกรุงเทพฯก็ทำตัวดี ๆ สิครับและการตัดขาดจากสิ่งกวนใจ ก็เป็นเรื่องดีแล้วนี่ครับ” เขาออกความเห็น ยิ่งทำให้ดุจอัปสรทำหน้ายุ่ง เธอพูดไปตั้งเยอะ เขายังไม่เข้าใจอีกหรือว่าเธอไม่ชอบที่นี่ เธอต้องการไปจากที่นี่

แต่ดูไปก็คงเท่านั้น เพราะกฤษณ์ดูจะไม่นำพาต่อคำพูดของเธอเลย

“น่าเบื่อที่สุด” เธอว่าแล้วกระทืบเท้าจากไป กฤษณ์ถึงกับพ่นลมหายใจออกทางปาก
เอาเถอะ แม้เธอจะไม่พอใจ แต่การทำให้เธออยู่ที่นี่ได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว




ดุจอัปสรออกมานั่งรับลมที่ริมลำธาร สายน้ำเย็นใสที่ไหลเอื่อย ทำให้ใจของเธอสงบขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังแฝงความไม่พอใจอยู่ เธอชอบที่นี่ก็จริง แต่ต้องเป็นการมาเที่ยวแบบประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ใช่การอยู่แบบไร้อนาคต

“แองจี้ แองจี้จริง ๆ ด้วย โอ้โห ตัวจริงสวยจังเลย สวยกว่าในทีวีซะอีก” เสียงพูดด้วยความตื่นเต้นดังมาจากทางด้านหลัง หญิงสาวหันไปมอง และเห็นเด็กสาววัยรุ่นอายุประมาณสิบห้าสิบหก รูปร่างผอมบางผิวขาวยืนอยู่และมองตรงมาที่เธอด้วยแววตาดีใจเป็นปลื้ม

“หนูชอบพี่มากเลยนะคะ พี่สวยมากเล่นละครก็เก่ง หนูชอบไทด้วยนะคะ เมื่อไหร่จะเล่นละครด้วยกันอีก หนูคิดถึงค่ะ”

“คงยังไม่ใช่ตอนนี้” เธอตอบเสียงเบื่อ...ไทหรือวินธัย เป็นพระเอกคนดังของวงการและเคยเป็นอดีตคู่จิ้นกับเธอ แต่ตอนนี้ทั้งสองไม่ได้แสดงละครด้วยกันนานกว่าปีแล้ว เหตุเพราะมีปัญหาผิดใจกันเรื่องหลานชายของเขาที่ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกว่าจะส่งหลานเขาไปอยู่เมืองนอก ทำให้วินธัยไม่พอใจและปฏิเสธเยื่อใยที่เธอมีให้ เธอจึงบอกตัดเขาด้วยการไม่ขอร่วมงานด้วย

“แล้วละครเรื่องใหม่ล่ะคะจะมีเมื่อไหร่ หนูรอดูอยู่นะคะ”

“ขอบใจ” เธอรับคำเสียงเอื่อย

“แล้วทำไมแองจี้ถึงเลือกมาพักผ่อนที่บ้านสวนพี่กฤษณ์ล่ะค่ะ แหม ไม่คิดว่าพี่กฤษณ์จะรู้จักดาราดัง ๆ แบบนี้ด้วย น้าทัพเคยบอกหนูแล้วว่าครอบครัวพี่กฤษณ์สนิทกับแองจี้ ตอนนั้นหนูคิดว่าน้าทัพโกหกเสียอีก แต่พอมาเห็นแองจี้ที่นี่ หนูเชื่อแล้วค่ะว่าเป็นเรื่องจริง”

“เรารุ่นด้วยกันหรือไงถึงมาเรียกชื่อเฉย ๆ แบบนี้” ดุจอัปสรทัก ความจริงก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วและเธอก็เจอออกบ่อยกับการเรียกชื่อเฉย ๆ แต่ตอนนี้เมื่ออารมณ์ไม่ดี พูดอะไรก็ไม่เข้าหูเสียหมด

เด็กสาวหน้าเสีย “หนูขอโทษค่ะพี่แองจี้”

“ดีแล้ว เป็นเด็กต้องรู้จักว่าใครเด็กใครผู้ใหญ่ ถึงจะเป็นดาราก็ไม่ใช่เพื่อนเล่น”

“ค่ะ ต่อไปหนูจะเรียกพี่แองจี้ทุกคำเลย ตอนนี้พี่แองจี้มีผลงานอะไรคะ เมื่อไหร่หนูจะได้ดู หนูชอบพี่มาก ๆ ตัวจริงพี่ซ้วยสวยค่ะ”

“ขอบใจ แต่ตอนนี้พี่อยากนั่งคนเดียว หนูไปที่อื่นก่อนได้ไหม” หญิงสาวพูดตรง ๆ ทำเอาเด็กสาวหน้าสลด ก่อนเดินคอตกจากไป



“คุณไปดุอะไรน้องหวาน แกถึงได้ทำหน้าซึมแบบนั้น” กฤษณ์ถามดุจอัปสรในช่วงค่ำหลังกินข้าวเสร็จ หญิงสาวทำหน้างง

“น้องหวาน?”

“เด็กที่ไปคุยกับคุณที่ลำธาร”

“อ๋อ ชื่อหวานหรือ ฉันรำคาญที่เขาถามไม่หยุดเลยบอกให้ไปที่อื่นก่อนเพราะอยากอยู่คนเดียว ทำไม แกไปฟ้องนายเหรอว่าฉันไล่”

“เปล่าครับ ผมแค่เห็นแกนิ่ง ๆ ไป และถึงคุณจะรำคาญยังไงก็ไม่น่าไปพูดแบบนั้นนะครับ แกอุตส่าห์ไปชวนคุย คุณน่าจะคุยกับแกหน่อย น้องหวานชอบละครที่คุณเล่นมาก เรียกได้ว่าเป็นแฟนคลับเลยก็ว่าได้”

“ก็ฉันรำคาญนี่ ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่ใช่ให้ใครก็พูดแจ้ว ๆ ข้างหู แต่ถ้าเด็กคนนั้นเสียใจมาก วันหลังฉันจะพูดดี ๆ ด้วยก็แล้วกัน” เธอตอบแบบส่ง ๆ

“ขอบคุณมากครับ น้องหวานเป็นคนในพื้นที่ ถ้าคุณเบื่อ จะให้แกนำเที่ยวก็ได้ แกเป็นเด็กฉลาดร่าเริงและมีความคิดเกินตัว”

“นายว่ากระทบฉันใช่ไหม” ดุจอัปสรเริ่มหาเรื่อง ขณะที่กฤษณ์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ก็นายบอกว่าเขาเป็นเด็กฉลาดและมีความคิดเกินตัว คงตั้งใจจะบอกล่ะสิว่าไม่เหมือนฉันที่คิดอะไรเป็นเด็ก ๆ ใช่ไหม”

“คุณพูดเองทั้งนั้นนะครับ”

“นี่!” หญิงสาวขึ้นเสียงสูง

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน คุณจะได้พักผ่อน ถึงที่นี่จะไม่มีแอร์แต่อากาศไม่ร้อนครับ เผลอ ๆ คุณอาจขอผ้าห่มอีกผืนก็ได้ เพราะที่นี่ยิ่งดึกอากาศจะยิ่งเย็น”

“แล้วนายจะไปนอนที่ไหน” เธอถาม ไม่ใช่เพราะห่วงเขาแต่เป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองหากต้องนอนที่นี่เพียงคนเดียว

“ผมนอนอีกหลังครับ ใกล้ ๆ กัน ไม่ต้องห่วง ที่นี่ปลอดภัย” เขาบอกแบบรู้ทันความคิดเธอ ทำเอาดุจอัปสรค้อนขวับ ก่อนความคิดบางอย่างจะผุดขึ้นในหัว

ขี้เก๊กมาดเยอะเสียขนาดนี้ อยากรู้จริง ๆ ว่าเขาจะมีความรู้สึกเหมือนคนอื่นหรือเปล่า
เมื่ออยากรู้แล้ว เธอก็ต้องจัดการพิสูจน์ให้แน่ชัด

“งั้นฉันไปนอนก่อน” หญิงสาวบอกแล้วยืนขึ้นก่อนโอนเอนยืนไม่มั่นคง เธอยกมือขึ้นแตะขมับและท่าทางเหมือนจะล้ม กฤษณ์รีบเข้าไปช่วยพยุง

“เป็นอะไรครับคุณแองจี้”

“ไม่รู้ จู่ ๆ ก็หน้ามืด พาฉันเข้าไปในห้องหน่อยสิ” เธอร้องขอ กฤษณ์ชะงัก

“จะดีหรือครับ ผมว่าคุณเดินไปเองดีกว่า”

เป็นครั้งแรกที่กฤษณ์แสดงความยุ่งยากใจออกทางสีหน้าและท่าทาง นั่นทำให้ดุจอัปสรพอใจมาก

“แต่ฉันหน้ามืด นายจะให้ฉันเดินไปยังไง คุณแม่ให้นายมาดูแลฉันไม่ใช่เหรอ”

“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งพักก่อนครับ ดีขึ้นแล้วค่อยไปนอน”

“ไม่ ฉันจะไปนอนแล้ว อุ้มฉันเข้าไปในห้องเดี๋ยวนี้” เธอสั่งเสียงเข้ม

“แต่”

“ฉันบอกให้อุ้ม!” เธอสั่งอีกครั้ง กฤษณ์นิ่งไปก่อนทำตาม เขาอุ้มด้วยท่าทางเกร็ง ๆ อย่างเห็นได้ชัด ยิ่งทำให้ดุจอัปสรอยากแกล้งเขามากขึ้น

ดี! คราวนี้รู้หรือยังว่าเวลาบังคับคนอื่นให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำ มันฝืนความรู้สึกแค่ไหน
กฤษณ์อุ้มนายจ้างสาวเข้ามาในห้องก่อนวางร่างบางบนเตียงนุ่มแต่มือของดุจอัปสรยังโอบรอบคอของเขาไม่ยอมปล่อย

“คุณแองจี้ครับ” เขาเรียกเตือน

“นายเป็นคนมีความรู้สึกหรือเปล่า” เธอถามยิ้ม ๆ

“ผมมาส่งคุณแล้ว ปล่อยครับ”

“นายคงเป็นคนแรกที่ไม่อยากเข้าใกล้ฉัน ทำไม ฉันไม่มีเสน่ห์เลยหรือ” เธอถามแล้วดึงเขามาใกล้ ๆ กฤษณ์ไม่ทันตั้งตัวถึงถลาลงไปแทบจะทับตัวเธอ สีหน้าของเขาตกใจขณะที่ดุจอัปสรยิ้ม

“หรือเพราะนายกลัวจะหวั่นไหวที่ต้องใกล้ฉัน แบบนี้แสดงว่านายเริ่มหลงเสน่ห์ฉันแล้วล่ะสิ”

“ผมต้องออกไปแล้วครับคุณแองจี้ กรุณาปล่อยด้วย” เขาข่มเสียงบอก

“ทำไมต้องทำเป็นรังเกียจฉันถึงขนาดนี้ด้วย หรือว่านายไม่ชอบผู้หญิง” เธอถามยิ้ม ๆ ดวงตาเป็นประกายและรู้สึกถึงรังสีความร้อนจากอีกคนที่แผ่ออกมา


เธอชอบจริง ๆ กับดวงตาลุกวาวแสดงถึงความไม่พอใจของเขา มันทำให้เธอรู้สึกเป็นต่อและกำลังจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้

และหากเธอต้องการเป็นผู้ชนะ ต่อให้ต้องทำมากกว่านี้เธอก็ยอม!

มือเล็กรั้งต้นคอของเขาลงพร้อมศีรษะของเธอที่ยกขึ้น ปากของทั้งสองแตะกันเบา ๆ กฤษณ์ใช้มือดันที่นอนไว้เพื่อไม่ให้ใกล้เธอ แต่ดูเหมือนว่ามือของเธอที่ดึงเขาลงจะมีแรงมากกว่ามือของเขาที่ยันตัวเองขึ้น เพียงพริบตาดุจอัปสรก็ดึงร่างหนาลงมานอนบนเตียงนุ่ม เธอเกยร่างบนตัวของเขา สีหน้าของกฤษณ์ตกใจไม่น้อย ขณะที่เธอยิ้มมุมปาก

“บอกฉันสิว่านายกำลังหวั่นไหว” เธอบอกกึ่งสั่ง

“ปล่อยผมครับคุณแองจี้ ก่อนที่คุณจะเสียใจ” เขาบอกเสียงเรียบข่มอารมณ์ ดุจอัปสรเลิกคิ้วแบบท้าทาย

“เสียใจเรื่องอะไร หรือนายจะบอกไม่สนใจฉัน ไม่คิดอะไรกับฉัน กลัวว่าฉันจะเสียใจที่ไม่มีเสน่ห์แบบนั้นหรือ ถ้าเป็นแบบนั้นนายคิดผิดแล้วล่ะ เพราะฉันดูสายตาของนายออกว่ากำลังกลัว และนายต่างหากที่จะต้องเสียใจเพราะเป็นคนแพ้ฉัน”

“ผมไม่ได้กลัวคุณ และคนที่แพ้น่าจะเป็นคุณมากกว่า”

“งั้นเหรอ ลองดูหน่อยไหมล่ะ” เธอท้าแล้วแตะปากที่ปากของเขา เรื่องการจูบถึงเธอจะไม่ชำนาญแต่ก็เคยจูบจริงกับพระเอกบางคนมาแล้ว

ปากต่อปากแตะกันและเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่าน กฤษณ์สะดุ้งเล็กน้อยและเกร็งตัว ขณะที่ดุจอัปสรก็สะดุ้งเหมือนกัน แต่ตอนนี้เธอหยุดไม่ได้ เพราะหากหยุด เธอจะกลายเป็นคนแพ้ทันที ทำให้เธอต้องเดินหน้าต่อด้วยการบดปากกับริมฝีปากของเขา มือเล็กลูบไล้ปลายคางที่เป็นตอแบบสากๆ ไปด้วย กฤษณ์จับต้นแขนเธอไว้ก่อนพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างบางไว้

“แบบนี้คุณเรียกว่าจูบหรือครับ” เขาถาม ทำเอาดุจอัปสรหน้าแดงเมื่อโดนสบประมาท ทุกทีเธอก็จูบแบนนี้ ใคร ๆ ก็บอกว่าฟินและสมจริง และถ้ามันไม่เรียกว่าจูบแล้วจะให้เรียกว่าอะไร หรือเขากำลังจะเล่นสงครามประสาทกับเธอ

“แล้วแบบไหนที่เรียกว่าจูบ อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย” เธอเหยียดยิ้ม คนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แบบเขาจะไปรู้อะไร แค่คงพูดข่มเธอมากกว่า

“คุณท้าทายผมก่อน” สติของกฤษณ์ขาดผึง ในเมื่อเธออยากรู้ว่าการจูบจริง ๆ มันเป็นยังไง เขาก็จะพิสูจน์ให้ดู และเธอต้องรู้ว่าอย่าไปแกล้งยั่วใครด้วยวิธีนี้ เพราะผลสุดท้ายแล้ว คนที่แพ้ก็คือตัวเธอเอง

ปากของกฤษณ์ประกบแนบกับปากนุ่มของดุจอัปสร เขาบดเบียดแล้วสอดลิ้นร้อนเข้าไปในอุ้งปากของเธอ ทำเอาดุจอัปสรตัวสั่น และรู้สึกหัวหมุนกับการจูบแบบจริง ๆ ครั้งแรก
เหมือนเขากำลังสูบวิญญาณของเธอไป

เหมือนเขากำลังดึงเอาแรงทั้งหมดของเธอไป

และเหมือนเขากำลังจะกลายเป็นผู้ชนะ

“อืมมม อือออ” หญิงสาวครางแผ่ว ใจของเธอเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก ยิ่งเขาไล่ต้อนลิ้นของเธอแล้วดูดดึงให้กลับเข้าไปในอุ้งปากของเขา เธอก็ยิ่งสั่น เรี่ยวแรงที่จะผลักไสเขาแทบไม่มี

ขณะที่กฤษณ์ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขาไม่คิดว่าเธอจะใสซื่อถึงขนาดไม่รู้ว่าการจูบเป็นยังไง เธอทำเหมือนเก่ง เจนประสบการณ์ แต่เอาเข้าจริง เธอกลับไม่รู้อะไรเลย
เขาจะทำให้เธอรู้ว่าของจริงมันเป็นยังไง!

มือหนาของกฤษณ์ลูบไล้ไปตามเอวคอดเนียนก่อนจะเลิกเสื้อของเธอขึ้นช้า ๆ มือของเขาเลื่อนตามขี้นไปจนมาถึงก้อนเนื้อนุ่มที่มีบราลูกไม้ห่อหุ้มไว้ ใจของเขากระตุกเมื่อเจอกับความอวบใหญ่นุ่มมือ เขาสอดมือเข้าใต้บราของเธอก่อนถลกขึ้นมาไว้เหนือหน้าอก พร้อมกันนั้นก็ยกตัวเธอขึ้นนั่ง เสื้อยืดและชั้นในของเธอถูกถอดออกทางศีรษะอย่างเร็วรี่ จนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว กว่าจะรู้ เธอก็ถูกผลักให้ลงนอนตามเดิมพร้อม ๆ กับท่อนบนที่เปลือยเปล่า!

กฤษณ์ไม่ปล่อยให้เธอต้องหนาวนาน เขาก้มตัวลงแล้วใช้ปากร้อนครอบครองผลเชอร์รี่เม็ดอวบสีสดที่เริ่มแข็งเป็นไต เขาดูดเม้มเหมือนทารก เต้าอีกข้างมีมือของเขาคอยนวดเฟ้นเคล้าคลึง ดุจอัปสรหัวหมุนและมึนงงไปหมด เธออยากร้องห้ามแต่เสียงที่เปล่งออกมาแต่มีความรัญจวนและสั่นพร่า ยิ่งทำให้อารมณ์ของกฤษณ์กระเจิงมากขึ้น

“อ๊ะ อาาา อาาา” เธอครางแผ่วพร้อมยกตัวขึ้นเพื่อให้เขาสัมผัสได้อย่างถนัด

ใช่! เธอต้องการให้เขาดูดกินมากกว่านี้ และบีบนวดให้แรงกว่านี้

มืออีกข้างของกฤษณ์ไม่ปล่อยให้ว่าง เขาเลื่อนมือลงต่ำไปยังเนินเนื้อกลางลำตัวของเธอ มือหนาสอดผ่านกางเกงและชั้นในตัวจิ๋วเข้าไปสัมผัสเส้นไหมสีดำที่ยังไม่เคยมีใครรุกล้ำเข้าไป ดุจอัปสรตัวสั่นเหมือนยืนอยู่กลางลมหนาว เธอผวากอดเขา ขณะที่กฤษณ์แทรกตัวไปอยู่ตรงกลางหว่างขาของเธอแล้วรูดกางเกงของเธอออกเร็ว ๆ ใบหน้าของเขาเลื่อนลงต่ำ

“อ๊ะ ซี๊ดดด อาาาา อาาา โอ๊ะ โอยยย” หญิงสาวครางยาวแล้วดิ้นพล่านด้วยความเสียวเมื่อกฤษณ์ฝังใบหน้ายังเนินเนื้ออวบอูมของเธอ เขาจับขาเธอตั้งชันแล้วใช้ท่อนแขนดันเรียวขาของเธอให้แยกออก มือเล็กของดุจอัปสรแทรกไปตามเส้นผมดกดำของเขา แต่แทนที่จะผลักไส เธอกลับกดศีรษะเขาเพื่อให้แนบกับกายสาวมากขึ้น

“สะ เสียว เสียว โอยยย โอยยย ซี๊ดดด อ๊ะ อ๊ะ อาาา อาาา” เธอครางเสียงดังเป็นจังหวะรับการสอดทแยงลิ้นของเขาที่ส่งเข้าไปในโพรงอ่อน

ซ้วบบบบ ซู๊ดดดซ้วบบบบ เสียงดูดกินน้ำหวานดังไปทั่วห้อง ความหอมหวานที่เพิ่งได้ลิ้นลองทำให้เขาหน้ามืด ตอนนี้เขาคิดอยู่อย่างเดียวคือพาเธอขึ้นสวรรค์ไปให้ได้...จากนั้น เขาก็จะตามขึ้นไปอีกคน

“ไม่ไหว โอยย ไม่ไหวแล้ว สะ เสียว โอยยย เสียว ซี๊ดดด อาาาาา โอยยย” ร่างบางดิ้นพล่าน เธอยกสะโพกขึ้นลงด้วยความเสียวสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผนังเนื้ออ่อนบีบรัดรุนแรง น้ำหวานเอ่อทะลักเปื้อนใบหน้าหล่อเหลาของบอดี้การ์ดหนุ่ม

เธอใกล้จะหัวใจวายอยู่แล้ว ความเสียวซ่านทำให้ใจของเธอแทบทะลุ แต่แล้วจู่ ๆ ทุกอย่างก็โล่งเบา สมองของเธอขาวโพลน รอบตัวเต็มไปด้วยปุยเมฆแสนนุ่ม กฤษณ์ยังฝังใบหน้าที่ช่อดอกไม้งาม กระทั่งพอใจแล้ว เขาก็เลื่อนใบหน้ามาจูบเธออีกครั้งพร้อมกันนั้นก็ใช้ขาดันเรียวขาของเธอให้แยกออก กายใหญ่ของเขาปวดหนึบไปหมดแล้วและต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อระบายความอัดอั้นนี้

ร่างหนาเปลือยเปล่าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ปากต่อปากแนบสนิทกันอีกครั้ง กฤษณ์ไม่ปล่อยให้เธอได้พักเหนื่อยนาน เขาดันกายแกร่งเข้าหาโพรงอ่อนช้า ๆ มันคับและแน่นจนเข้าไปไม่ได้ ขณะที่ดุจอัปสรหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตก

“ไม่ต้องกลัวครับ ผมจะทำให้คุณสบายไปทั้งตัว” บอดี้การ์ดหนุ่มกระซิบก่อนส่งกายใหญ่เข้าไปในตัวเธออีกครั้ง หญิงสาวกำผ้าปูแน่น เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ห้ามหรือผลักไสเขา สิ่งเดียวที่เธอรู้คืออยากให้เขามอบความเบาโล่งเหมือนเมื่อครู่ให้อีกครั้ง
เธอชอบความรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ชอบความรู้สึกเบาโล่งเหมือนนอนเล่นอยู่บนปุยเมฆและเขาสัญญาแล้วว่าจะทำให้เธอสบายไปทั้งตัว

เมื่อความต้องการจากจิตใต้สำนึกเรียกร้อง ร่างกายก็โอนอ่อนยินยอมตามไปด้วย เธอกอดเขาแน่น กฤษณ์ยิ้มเมื่อเธอให้ความร่วมมือ เขาค่อย ๆ ส่งตัวเองเข้าไปอีกครั้งแบบช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป แม้จะยากและทำให้ปวดหนึบไปหมดแต่เขาก็ไม่ละความพยายาม และเมื่อเข้าไปได้ครึ่งทาง เขาก็เร่งความเร็วจนสองเต้าของเธอกระเพื่อมไปมา กฤษณ์โน้มตัวมาข้างหน้าแล้วดูดกินเต้าเต่งอย่างกระหาย สะโพกสอบขยับถี่ ทำเอาดุจอัปสรครางไม่เป็นจังหวะ เธอสูดปากเหมือนกินของเผ็ด พร้อมทั้งเร่งเร้าเขาไปด้วย

ไม่นาน สายธารอุ่นจัดจากกายใหญ่ก็ถูกส่งเข้าไปไหลเวียนในโพรงอ่อนนุ่ม สองร่างหอบหนัก เนื้อตัวเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ กฤษณ์พรมจูบไปทั่วแก้มเนียนใสและพร่ำชมว่าเธอน่ารักไม่หยุดปาก ขณะที่ดุจอัปสรเพลียจัดจนหลับไปโดยมีร่างของบอดี้การ์ดหนุ่มทาบทับอยู่ด้านบน


.........................................


ตอนนี้สามารถโหลดฉบับเต็มในรูปแบบอีบุ๊กได้แล้วนะคะ ราคา 89 บาทค่ะ



ติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายได้ที่เฟสบุ๊ก : จันทร์ทอแสง






 

Create Date : 30 เมษายน 2559
1 comments
Last Update : 5 มิถุนายน 2559 13:27:56 น.
Counter : 731 Pageviews.

 
 
 
 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
 
 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:15:45:49 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com